ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 565 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11281 - 11300 จากข้อมูลทั้งหมด 124011 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11281 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวม 3 ฉบับ (ร่างกฎกระทรววงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน แผ่นม้วน แผ่นตัด และแผ่นลูกฟูก ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....) | อก | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวม ๓ ฉบับ เพื่อเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจของประเทศ และสอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและการใช้งานในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์ แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ เล่ม ๑๐๑ สายไฟฟ้ามีเปลือกสำหรับงานทั่ว่ไป ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์ แรงดันไฟฟ้าที่กำหนด ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ เล่ม ๑๐๑ สายไฟฟ้ามีเปลือกสำหรับงานทั่วไป ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อนสำหรับงานถังก๊าซ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน สำหรับงานถังก๊าซ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน แผ่นม้วน แผ่นแถบ แผ่นตัด และแผ่นลูกฟูก ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน แผ่นม้วน แผ่นแถบ แผ่นตัด และแผ่นลูกฟูก ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11282 | ขอยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | อส | 24/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของสำนักงานอัยการสูงสุด จำนวน ๑๗,๗๖๖,๑๖๙,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11283 | รายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่จะเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (จำนวน 2 รายการ) (โครงการห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (โครงการ วมว.)ระยะที่ 3 ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) | อว | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการของโครงการห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน ในการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (โครงการ วมว.) ระยะที่ ๓ ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ระยะเวลา ๒๐ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๘๓) ในกรอบวงเงินงบประมาณรวม ๑๑,๙๔๓.๐๐ ล้านบาท และเห็นชอบองค์ประกอบของคณะกรรมการระดับนโยบายที่จะทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย กรอบ และทิศทางการดำเนินงานโครงการ และคณะกรรมการระดับบริหารเพื่อทำหน้าที่กำหนดหลักการ แนวทาง หลักเกณฑ์ การบริหารจัดการ ให้คำแนะนำ ส่งเสริมการดำเนินงานและติดตามผลการดำเนินงานของโครงการในภาพรวม สำหรับวงเงินงบประมาณ จำนวน ๑๑,๙๔๓.๐๐ ล้านบาท เห็นควรให้หน่วยงานเสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอน โดยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องตามความพร้อม ความจำเป็น และความเหมาะสมที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณ ให้สอดคล้องกับระยะเวลาตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ ความครอบคลุมของแหล่งงบประมาณ ศักยภาพและความสามารถในการใช้จ่ายงบประมาณในปีที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐ ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และตามขั้นตอนของการพิจารณาเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น ควรมีการออกแบบระบบการคัดเลือกและการประเมินผลที่นอกเหนือจากการวัดจากคะแนนสอบเพียงอย่างเดียว ควรมีมาตรการที่หลากหลายในการคัดเลือกกลุ่มเด็กด้อยโอกาสที่มีความสามารถพิเศษ ควรให้ความสำคัญกับการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนให้ตรงกับอัตลักษณ์ของคู่มหาวิทยาลัย-โรงเรียน รวมถึงควรมีการประยุกต์และเชื่อมโยงการจัดการเรียนการสอนและการทำวิจัยที่คำนึงถึงบริบทของพื้นที่ ชุมชน/ท้องถิ่น และพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ในแต่ละภาค ควรมีระบบติดตามที่สามารถทราบถึงข้อมูลการประกอบอาชีพ ผลงาน และความเชี่ยวชาญของนักเรียนหลังจบโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งควรกำหนดระยะเวลาการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดกรอบระยะเวลาไว้ที่ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ โดยมีการแบ่งช่วงการดำเนินงานทุก ๕ ปี เพื่อให้การดำเนินโครงการสอดรับกับห้วงเวลาการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11284 | การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 (สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ) | ศร | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน ๖๐๓,๘๖๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11285 | การนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก | ทส | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสารเพิ่มเติม (Additional Information) การนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก และมอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการจัดส่งเอกสารดังกล่าวต่อศูนย์มรดกโลก ภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เช่น การเชิญผู้แทนประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกลงพื้นที่เพื่อให้เห็นความจริงใจในการแก้ปัญหา การเพิ่มหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว และการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและการดูแลรักษาพื้นที่มากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11286 | โครงการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก : เมืองนวัตกรรม ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ (EECi - ARIPOLIS for BCG) | อว | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า โครงการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center : SMC) ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก : เมืองนวัตกรรม ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ (EECi-ARIPOLIS for BCG) เป็นการดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งตามเป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) ของประเทศ ในการพัฒนาเมืองนวัตกรรมระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (ARIPOLIS) อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่รับผิดชอบโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติที่เป็นองค์การมหาชน และขออนุมัติกรอบวงเงินงประมาณรวม ๕,๔๐๘.๗๗ ล้านบาท ดังนั้น จึงเข้าข่ายการดำเนินงานที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๐ เรื่อง แนวปฏิบัติในการเสนอเรื่องและขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนขององค์การมหาชนที่มีวงเงินลงทุนสูงเกินกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งองค์การมหาชนเจ้าของโครงการต้องดำเนินการขอความเห็นจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้เสร็จสิ้นก่อน แล้วจึงเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ไปดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11287 | ขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงคมนาคม | คค | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้กระทรวงคมนาคมนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๓ หน่วยงาน ๔๕ รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๗๗,๔๖๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วย (๑) กรมทางหลวง จำนวน ๔๑ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๑๗๐,๖๖๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๒) กรมทางหลวงชนบท จำนวน ๒ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ (๓) กรมท่าอากาศยาน จำนวน ๒ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๓,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม จำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป ๑.๓ สำหรับโครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคมของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน ๑ รายการ วงเงิน ๒,๐๕๕,๑๙๘,๐๐๐ บาท เห็นควรให้ รฟท. ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ เนื่องจากโครงการดังกล่าวไม่ใช่การดำเนินงานในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐสนับสนุนตามหลักการการอุดหนุนโครงการของ รฟท. โดยเห็นควรให้ รฟท. กู้เงินเพื่อดำเนินโครงการตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) และให้ รฟท. รับภาระเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน ตลอดจนให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ กำหนดวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงินต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมท่าอากาศยาน และ รฟท.) รับข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมของโครงการ/แผนงานตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถก่อสร้างโครงการและเบิกจ่ายเงินงบประมาณได้ทันตามแผนงานที่กำหนดไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย รวมทั้งให้ถือปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (เรื่อง การเร่งรัดของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ) เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนบริหารจัดการโครงการและมีการบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11288 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป : โครงการพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยให้เป็นพื้นที่ให้บริการทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ ระยะที่ 2 | วธ | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงวัฒนธรรม สำหรับโครงการพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยให้เป็นพื้นที่ให้บริการทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ ระยะที่ ๒ วงเงินงบประมาณทั้งโครงการรวมทั้งสิ้น ๓,๐๐๐,๐๒๑,๙๓๗.๘๘ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ของรัฐและประชาชนที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการอย่างยั่งยืน รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วนอย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11289 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 1/2562 | นร52 | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑) เรื่องเสนอเพื่อทราบ ได้แก่ การประกาศให้อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ในฐานะเมืองต้นแบบที่ ๔ “เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” เป็นเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน กรณีเร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การพิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน กรณีครอบครัวนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ และการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ (๒) เรื่องเสนอเพื่อพิจารณาใน ๒ ประเด็นหลัก ได้แก่ กรอบแนวทางการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงผ่าน “โครงการตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และแผนการขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษนราธิวาส ตามที่ ศอ.บต. เสนอ ทั้งนี้ ให้ ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. สำหรับแผนงาน/โครงการที่จะดำเนินการตามมติ กพต. เช่น แผนเร่งด่วนการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา แผนการขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษนราธิวาส ให้ ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณ เช่น การลงทุนและพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ควรให้ความสำคัญกับด้านภูมิสังคม ได้แก่ ลักษณะของพื้นที่ วิถีชีวิต ค่านิยม ความหลากหลายของวัฒนธรรมและประเพณีของคนในพื้นที่และด้านภูมินิเวศ ได้แก่ การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเมืองและชุมชนที่สอดคล้องและเหมาะสมกับระบบนิเวศอัตลักษณ์และวัฒนธรรมพื้นถิ่น รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนและทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินโครงการสอดคล้องกับความต้องการของทุกภาคส่วนในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญให้โครงการบรรลุผลสำเร็จอย่างยั่งยืน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง แล้วส่งแผนงาน/โครงการดังกล่าว ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาความเหมาะสมเพื่อให้การดำเนินการสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศในภาพรวมก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11290 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน | นร11 | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (นราธิวาส ปัตตานี และยะลา) ระหว่างวันที่ ๑๒-๒๐ มกราคม ๒๕๖๓ โดยมีประเด็นการพัฒนาและข้อสั่งการ เช่น (๑) เพิ่มศักยภาพการผลิตภาคเกษตร อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และการตลาด (๒) ส่งเสริมการค้าการลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ (๓) ส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรม และเมืองท่องเที่ยวชายแดน และ (๔) เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนบนพื้นฐานสังคมพหุวัฒนธรรม เป็นต้น โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการไปพิจารณาดำเนินการต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบด้วย ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11291 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (นราธิวาส ปัตตานี และยะลา) | นร11 | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ขายแดน (นราธิวาส ยะลา ปัตตานี) เมื่อวันอังคารที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๓ โดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ (๑) ด้านการยกระดับการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรกรรม (๒) ด้านการพัฒนาการค้าและการลงทุนเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน (๓) ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว (๔) ด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน และ (๕) ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขและยั่งยืน ๑.๒ เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11292 | การส่งเสริมพหุวัฒนธรรมและเศรษฐกิจชุมชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | วธ | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง การส่งเสริมพหุวัฒนธรรมและเศรษฐกิจชุมชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกระทรวงวัฒนธรรมได้บูรณาการความร่วมมือกับภาคส่วนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแนวทางการส่งเสริมพหุวัฒนธรรมและเศรษฐกิจชุมชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกำหนดประเด็นการพัฒนา ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) ส่งเสริมวิถีชีวิตและสังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง โดยส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหา การป้องกัน และการส่งเสริมความมั่นคงยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (๒) นำหลักพลัง “บวร” หรือ “บรม” ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม เพื่อสร้างคนดี สังคมดี ให้คุณธรรมนำการพัฒนา ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ในการนำหลักการพลัง “บวร : บ้าน วัด หรือโรงเรียน/ราชการ” หรือ “บรม : บ้าน โรงเรียน/ราชการ มัสยิด” ไปขับเคลื่อนและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และ (๓) การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนจากฐานวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยพัฒนาศักยภาพและเชื่อมโยงแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมเชื่อมโยง ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11293 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 19/2563 (เรื่อง คณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุน) | นร04 | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๙/๒๕๖๓ เรื่อง คณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุน ลงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๓ โดยให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุน เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนแผนการลงทุนของประเทศในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ และการกำหนดแนวทางหรือมาตรการด้านการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ด้านการคลัง ด้านการส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งมาตรการด้านการร่วมทุนและมาตรการในการเชิญชวนภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการลงทุนขนาดใหญ่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11294 | การดำเนินการตามคำมั่นที่ให้กับสหภาพยุโรปในการเข้าเป็นภาคีความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี | กค | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเข้าเป็นภาคีความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี (Multilateral Convention on Mutual Administrative Assistance in Tax Matters) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบร่างความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี (Multilateral Convention on Mutual Administrative Assistance in Tax Matters) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกลไกความร่วมมือด้านภาษีระหว่างประเทศเพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี โดยกำหนดให้รัฐภาคีต้องให้ความช่วยเหลือแก่กันใน ๓ รูปแบบ ได้แก่ (๑) การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางด้านภาษี (๒) การให้ความช่วยเหลือในการติดตามจัดเก็บภาษีค้างชำระ และ (๓) การจัดส่งเอกสาร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. อนุมัติให้เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี (Multilateral Convention on Mutual Administrative Assistance in Tax Matters) เมื่อประเทศไทยได้รับหนังสือเชิญให้เข้าร่วมเป็นภาคีจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา [Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD)] และเมื่อลงนามแล้ว ให้กระทรวงการคลังส่งความตกลงฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันเมื่อร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่เอกอัครราชทูตประจำกรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศสเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ และจัดส่งหนังสือดังกล่าวต่อ OECD ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขร่างความตกลงฯ ในส่วนที่เกี่ยวกับถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๕. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร เพื่อกำหนดอำนาจอธิบดีกรมสรรพากรในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ได้มาโดยหน้าที่ราชการเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติและเงื่อนไขของความตกลงหรืออนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน และการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากร หรือความตกลงระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสางานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรเมื่อความตกลงฯ ได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว ๖. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๗. ให้กระทรวงการต่างประเทศยื่นสัตยาบันสารเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลผูกพันเมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ๘. ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานสถานทูตไทยประจำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปเพื่อทำความเข้าใจกับสมาชิก Code of Conduct Group on Business Taxation (COCG) เกี่ยวกับการดำเนินการของฝ่ายไทยในการปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้กับสหภาพยุโรปและสนับสนุนการเข้าเป็นภาคีความตกลงฯ เพื่อให้ OECD ส่งหนังสือเชิญไทยเข้าเป็นภาคีความตกลงฯ โดยเร็วที่สุด และสามารถลงนามร่างความตกลงฯ ได้ก่อนการประชุม COCG เพื่อพิจารณาจัดทำรายชื่อประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือด้านภาษีของสหภาพยุโรป (EU List of Non-cooperative Jurisdictions for Tax Purposes) ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ๙. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11295 | ขอขยายทุนเรือนหุ้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายทุนเรือนหุ้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จากเดิม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็น ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑) เห็นควรให้ใช้เงินจากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยให้กระทรวงการคลังเสนอคณะกรรมการกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจพิจารณาจำนวนเงินที่จะจัดสรรและเสนอความเห็นของคณะกรรมการกองทุนฯ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ ตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามขั้นตอนต่อไป (๒) มอบหมายให้ ธ.ก.ส. จัดส่งรายละเอียดแผนงาน/โครงการ และกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ให้กระทรวงการคลังและคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนในแต่ละครั้ง และใช้เป็นกรอบการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงาน และ (๓) การจัดสรรเงินเพิ่มทุนจากกองทุนฯ ควรดำเนินการตามขั้นตอนและข้อกำหนดโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อสภาพคล่องของกองทุนฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการขายทุนเรือนหุ้นของ ธ.ก.ส. ให้แก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดภาระงบประมาณภาครัฐในการเพิ่มทุนเรือนหุ้น ธ.ก.ส. ในอนาคต รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้ลูกค้า ธ.ก.ส. ได้มีส่วนร่วมรับผิดชอบการดำเนินกิจการของ ธ.ก.ส. ด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11296 | การยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤต | ทส | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า จะนำเรื่องการยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤตเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาภายในสัปดาห์นี้ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11297 | โครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV และห้องปฏิบัติการ | อว | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน ๓ GeV และห้องปฏิบัติการ ของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะแบบรูปรายการประมาณการค่าก่อสร้าง และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยพิจารณาถึงความคุ้มค่าและประหยัด ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพิจารณาดำเนินการตามนัยมาตรา ๑๒ ของพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม [สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน)] รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑) ให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบลำเลียงแสงและสถานีทดลอง (Beamline) ที่ทันสมัยผ่านการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและสถานีวิจัยในต่างประเทศ (๒) จัดทำแผนธุรกิจ (Business Plan) ที่ระบุกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและปริมาณความต้องการใช้บริการที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในแต่ละปีอย่างชัดเจน (๓) มุ่งเน้นการให้บริการและการใช้ประโยชน์แก่ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น โดยเน้นการประชาสัมพันธ์จัดการสาธิตและบรรยายให้แก่ภาคเอกชนเพื่อสร้างความเข้าใจและส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง (๔) ศึกษาและทบทวนโครงสร้างของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) เพื่อปรับปรุงบทบาทของสถาบันสู่การเป็นหน่วยงานให้บริการงานวิจัยที่มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าภาคเอกชนมากยิ่งขึ้น และ (๕) ควรมีการจัดทำแผนลดความเสี่ยงต่าง ๆ และลงทุนด้านการพัฒนาบุคลากรลงลึกในระดับเชี่ยวชาญ โดยทำงานใกล้ชิดกับสถาบันการศึกษาเพื่อสร้างกำลังคน รวมทั้งร่วมมือกับสถาบันซินโครตรอนของต่างประเทศที่เป็นพันธมิตรเพื่อให้สามารถเปิดบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามเป้าหมายการบริหารงานโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11298 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม | ศย | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม จำนวน ๓๒,๖๙๖,๑๐๓,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11299 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของสำนักงานศาลปกครอง | ศป | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของสำนักงานศาลปกครอง จำนวน ๓,๕๐๓,๕๑๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11300 | คำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จำนวน ๒,๖๒๐,๗๔๑,๕๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
.....