ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 567 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11321 - 11340 จากข้อมูลทั้งหมด 124011 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11321 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปะลุรู ตำบลโต๊ะเด็ง และตำบลริโก๋ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบางปอ อำเภอเมืองนราธิวาส และตำบลดุซงญอ ตำบลช้างเผือก ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปะลุรู ตำบลโต๊ะเด็ง และตำบลริโก๋ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ) | กษ | 21/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีการวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปะลุรู ตำบลโต๊ะเด็ง และตำบลริโก๋ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปะลุรู ตำบลโต๊ะเด็ง และตำบลริโก๋ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบางปอ อำเภอเมืองนราธิวาส และตำบลดุซงญอ ตำบลช้างเผือก ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบางปอ อำเภอเมืองนราธิวาส และตำบลดุซงญอ ตำบลช้างเผือก ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามดูแลให้เกษตรกรสามารถรักษาที่ดินที่ได้รับให้เป็นแหล่งประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน และพิจารณากำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของตลาด รวมถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่เหมาะสมกับเงื่อนไขการพัฒนาในพื้นที่ อาทิ การทำสวนยางในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมอย่างแท้จริงร่วมกับการเพาะปลูกพืชร่วมยาง หรือการปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นที่มีศักยภาพทดแทนสวนยาง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11322 | ขอความเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเครนส์ ครั้งที่ 41 | พณ | 21/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเครนส์ ครั้งที่ ๔๑ ซึ่งเป็นเอกสารที่จะมีการรับรอง โดยไม่มีการลงนาม ในการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเครนส์ (Cairns Group Ministerial Meeting : CGMM) ครั้งที่ ๔๑ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๓ ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ เสนอให้มีการเจรจาเพื่อลดมูลค่าการอุดหนุนภายในที่บิดเบือนการค้าโดยรวมที่สมาชิกองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ทุกประเทศผูกพันไว้ อย่างน้อยร้อยละ ๕๐ ภายในปี ๒๕๗๓ โดยการลดมูลค่าการอุดหนุนจะเป็นไปตามสัดส่วนของวงเงินการอุดหนุนภายในที่สมาชิก WTO แต่ละประเทศมีสิทธิ์ใช้และผลกระทบต่อตลาดโลก และคำนึงถึงความจำเป็นในการพัฒนาประเทศของสมาชิก WTO ด้วย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเข้าร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรคำนึงถึงการกำหนดนโยบายและมาตรการที่อาจถือว่าเป็นการอุดหนุนสินค้าเกษตรของไทย เพื่อให้การดำเนินการของไทยไม่ขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11323 | รายงานสรุปผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 22 [22nd ASEAN Socio - Culture Community Council (ASCC) Meeting] ณ กรุงเทพมหานคร | พม | 21/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ [22nd ASEAN Socio-Culture Community Council (ASCC) Meeting] ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติร่วมกันในประเด็นต่าง ๆ อาทิ สนับสนุนการจัดตั้งหรือปรับปรุงพัฒนาศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งเห็นชอบเอกสารผลลัพธ์สำคัญที่จะเสนอต่อผู้นำอาเซียนเพื่อรับรองหรือเพื่อรับทราบในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ จำนวน ๙ ฉบับ เช่น ปฏิญญาว่าด้วยการคุ้มครองเด็กจากการแสวงหาผลประโยชน์ในสื่อออนไลน์ในอาเซียน และแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการยืนยันคำมั่นในความก้าวหน้าการดำเนินงานสิทธิเด็กในอาเซียน เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ รับทราบความก้าวหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ต้องบูรณาการระหว่างสาขา และระหว่างสามเสาของประชาคมอาเซียน เช่น ความก้าวหน้าของคณะทำงานเรื่องวัฒนธรรมแห่งการป้องกันในการจัดทำแผนปฏิบัติการภูมิภาคด้านวัฒนธรรมแห่งการป้องกันและแนวคิดที่จะก่อตั้ง ASEAN Aid ขึ้นในลักษณะองค์การสาธารณกุศล เพื่อผลักดันการสร้างการรับรู้และสนับสนุนการพัฒนาของประชาคมอาเซียน เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11324 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกำแพงเพชร เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... | ลต | 21/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกำแพงเพชร เขตเลือกตั้งที่ ๒ แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11325 | พิธีสารว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทด้านเศรษฐกิจของอาเซียน (ASEAN Protocol on Enhanced Dispute Settiement Mechanism) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2563) | นร04 | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๓ ซึ่งให้เสนอพิธีสารว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทด้านเศรษฐกิจของอาเซียน (ASEAN Protocol on Enhanced Dispute Settlement Mechanism) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11326 | แผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาด พ.ศ. 2562-2564 ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 | สธ | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาด พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ
พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีวิสัยทัศน์ให้ประเทศไทยปลอดภัยจากโรคติดต่อด้วยระบบเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อที่มีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์
และเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วน
เพื่อนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย ๔ ระบบหลัก ได้แก่
ระบบการป้องกันโรคติดต่อ ระบบการตรวจจับภัยจากโรคติดต่อ ระบบการควบคุมโรคติดต่อ
และระบบการสนับสนุนการดำเนินงานด้านโรคติดต่อ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นควรพัฒนาระบบเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อโดยอาศัยสื่อสังคมออนไลน์
รวมถึงการวิจัยและพัฒนาในเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะช่องว่างหรือจุดอ่อนเชิงโครงสร้างที่ควรได้รับการพัฒนา
ตลอดจนการพัฒนาองค์ความรู้ให้เกิดแนวทางหรือมาตรการที่ช่วยยกระดับการเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อ รวมทั้งควรมีความชัดเจนในการกำหนดผู้รับผิดชอบและให้แต่ละภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรู้สึกเป็นเจ้าของในการดำเนินการ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11327 | การควบรวมกิจการของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) | ดศ | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการการควบรวมกิจการของบริษัท
ทีโอที จำกัด (มหาชน) (บมจ. ทีโอที) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (บมจ. กสท) เป็นบริษัทเดียวโดยใช้ชื่อ
“บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (National Telecom : NT Co)” (บริษัท
NT) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ โดย ๑.๑ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติในประเด็นการกำหนดให้ บริษัท NT เป็นผู้สนับสนุนนโยบายของรัฐในการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและความมั่นคง
โดยให้รัฐสนับสนุนคลื่นความถี่ที่เหมาะสมในการทำภารกิจให้ได้แนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนเหมาะสมและเป็นไปตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการต่อไป ๑.๒ ให้ บริษัท NT ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้กับรัฐวิสาหกิจทั่วไปมาใช้บังคับในหลักการเดียวกันกับที่
บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท ได้รับเมื่อแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัดตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่ยังต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๐ และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งดำเนินการจัดทำแผนธุรกิจ
บริษัท NT ทั้งในระยะกลางและระยะยาวที่ชัดเจน
เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการหารายได้เพิ่มจากธุรกิจใหม่เพื่อทดแทนรายได้ในกลุ่มบริการโทรคมนาคมสื่อสารไร้สาย
ทั้งนี้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ภายหลังการควบรวมกิจการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และบริษัท
NT จำเป็นต้องจัดทำแผนธุรกิจที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนโดยเร็ว
เพื่อให้บริษัท NT สามารถดำเนินธุรกิจตามกรอบวัตถุประสงค์ในการควบรวมที่จะเป็นเครื่องมือภาครัฐในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการพัฒนาอุตสาหกรรมสื่อสารและโทรคมนาคมของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในการดำเนินการเกี่ยวกับการควบรวมกิจการดังกล่าว
เห็นควรให้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติเมื่อมีการควบรวมกิจการแล้ว
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกำกับดูแลให้
บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท ดำเนินการสนับสนุน ส่งเสริมให้พนักงานเข้าร่วมโครงการเกษียณอายุให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
และให้พิจารณากำหนดแผนการบริหารจัดการบุคลากรรองรับกรณีที่มีพนักงานเข้าร่วมโครงการน้อยกว่าที่กำหนด
รวมทั้ง ประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่พนักงาน
สหภาพรัฐวิสาหกิจ และสาธารณชนเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการตามแผนการฟื้นฟูของ
บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท ในครั้งนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11328 | รายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง ประจำปี 2561 | ศป | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง
ประจำปี ๒๕๖๑ ประกอบด้วย ภาพรวมการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานระหว่างปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๐ กับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ผลการดำเนินงานที่สำคัญ การวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
นโยบายและทิศทางการดำเนินงานของศาลปกครอง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
ทำเนียบตุลาการในศาลปกครองสูงสุด และตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น
และรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11329 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 | ทส | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบร่างรายงานดังกล่าวแล้ว โดยรายงานดังกล่าวเป็นการเสนอภาพรวมการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๒ สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขาที่มีสถานการณ์ดีขึ้นและที่น่าเป็นห่วง ประเด็นสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญ รวมไปถึงการคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในอนาคต ตลอดจนข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายดังกล่าวเพื่อร่วมกันเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในการรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในปีก่อนหน้า รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขมาพร้อมกันด้วย ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาตินำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน จนกว่าพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ มีผลบังคับใช้ หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในลักษณะของแผนงานบูรณาการหรือแผนงานยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11330 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางรำไพ เกียรติอดิศร และนายไพบูลย์ อัศวธนบดี) (นายไพบูลย์ อัศวธนบดี) | สธ | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางรำไพ เกียรติอดิศร ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม) กรมอนามัย ตั้งแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๒ ๒. นายไพบูลย์ อัศวธนบดี ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) โรงพยาบาลมหาสารคาม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ตั้งแต่วันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11331 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายกรณินทร์ กาญจโนมัย และนายสมมิตร โตรักตระกูล) | นร07 | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. นายกรณินทร์ กาญจโนมัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบระมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ ๒. นายสมมิตร โตรักตระกูล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11332 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเพิ่มประเภทใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ๒ ประเภท คือ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบ จ เพื่อรองรับการเปิดตัวกลางเฉพาะด้านตราสารทุน และใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคล และปรับปรุงข้อกำหนดอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับใบอนุญาต รวมทั้งกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่เพิ่มประเภทดังกล่าว เพื่อให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการเสริมสร้างความรู้ทางการเงินให้กับประชาชนควบคู่ไปกับการขยายการเข้าถึงบริการทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในตลาดตราสารทุนที่อาจจะมีความเสี่ยงและความผันผวนค่อนข้างสูง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11333 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ | นร10 | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ จำนวน ๔ คน ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ดังนี้
๑. นายสมภพ อมาตยกุล ๒. นายปรัชญา เวสารัชช์ ๓. นายพงศ์โพยม วาศภูติ ๔. นางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11334 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ พ.ศ. .... | กค | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยปรับปรุงลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต สำหรับสินค้าเครื่องดื่ม สินค้าสุรา และสินค้ายาสูบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำกหนดลักษณะแสตมป์ยาสูบให้รวมถึงลักษณะแสตมป์สุรา แสตมป์ยาสูบ และแสตมป์เครื่องดื่มบางประเภทที่มียอดจ่ายน้อยหรือไม่มียอดจ่าย เพื่อนำมาใช้กับสินค้ายาสูบได้ด้วยนั้น เป็นผลให้ลักษณะของแสตมป์ยาสูบมีรายละเอียดไม่ตรงกับประเภทสินค้าที่จะมีการปิดแสตมป์ในสาระสำคัญ ซึ่งอาจขัดกับเจตนารมณ์ในการแยกประเภทแสตมป์ตามลักษณะของสินค้า รวมทั้งเป็นปัญหาในการตรวจสอบความถูกต้องของลักษณะแสตมป์ ซึ่งเป็นประเด็นที่สมควรนำมาพิจารณาการกำหนดหลักการดังกล่าวไว้ในร่างกฎกระทรวงฯ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11335 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. .... | ยธ | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจทั่วไปของเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อให้การมอบหมายให้บุคคลอื่นปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11336 | การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการจัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็น | ศธ | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการจัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็น โดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการ รวม ๒๓ คน และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ รวม ๖ ข้อ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรเร่งดำเนินการเพื่อให้การดำเนินโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยและภูมิภาคเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สามารถดำเนินการคัดเลือกนักศึกษาโครงการฯ และจัดจ้างคณาจารย์จากสถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น ให้ทันในปีการศึกษา ๒๕๖๓ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11337 | แนวทางการบริหารการนำเข้าสินค้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ตามพันธกรณีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นไทย - นิวซีแลนด์ (TNZCEP) และพันธกรณีตามความตกลงการค้าเสรี ไทย - ออสเตรเลีย (TAFTA) | กษ | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์การนำเข้าสินค้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ หัวพันธุ์มันฝรั่ง และมันฝรั่ง ภายใต้พันธกรณีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์ (Thailand-New Zealand Closer Economic Partnership Agreement : TNZCEP) และพันธกรณีตามความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (The Thailand-Australia Free Trade Agreement : TAFTA) ตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามมติคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของแนวทางการบริหารการนำเข้าสินค้าดังกล่าว เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติม จากเดิม “ให้นำเข้าเฉพาะกรณีที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการผลิตและแปรรูปในกิจการของตนเองและห้ามจำหน่ายจ่ายโอนเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่/หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง” เป็น “ให้นำเข้าเฉพาะกรณีที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการผลิตและแปรรูปในกิจการของตนเองและห้ามจำหน่ายจ่ายโอนเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่/หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ภายในประเทศ” เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ ตามข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลรายงานการนำเข้าเสนอคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ทราบเป็นระยะ เพื่อเตรียมมาตรการรองรับกรณีราคาในประเทศตกต่ำ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพผลผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่และมันฝรั่งอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11338 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 11 | มท | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ ๑๑ (ASEAN Ministerial Meeting on Rural Development and Poverty Eradication : AMRDPE) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๔-๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ ๑๑ ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมฯ เพื่อแสดงถึงความคืบหน้าของความร่วมมือด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน โดยสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ฉบับปี ๒๐๑๖-๒๐๒๐ เพื่อยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนในอาเซียนให้หลุดพ้นจากความยากจน ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนในอาเซียนผ่านการเสริมสร้างความร่วมมือข้ามสาขา การเสริมสร้างนวัตกรรมที่ครอบคลุม และการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน โดยมีเป้าหมายเพื่อขจัดความยากจนและสร้างความเข้มแข็งในทุกระดับ ตลอดจนยกย่องความมุ่งมั่นของการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนในการทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยทำงานแบบข้ามเสาเพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงด้านอาหาร และการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ๑.๒ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ ๑๑ และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11339 | รายงานผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 (ประจำปี 2559 - 2561) | พม | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ (ประจำปี ๒๕๕๙-๒๕๖๑) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิบัติงานของคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ เช่น การจัดทำอนุบัญญัติและกฎหมายลำดับรองเพื่อใช้เป็นแนวทางกำกับดูแลและตรวจสอบการดำเนินงานของคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการต่าง ๆ เพื่อดำเนินการสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ และเห็นชอบการใช้จ่ายเงินของกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ เป็นต้น ๒. การปฏิบัติงานของคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ รวมจำนวนทั้งสิน ๓๕ คำร้อง ได้วินิจฉัยแล้ว จำนวน ๑๑ คำร้อง อยู่ระหว่างการพิจารณา จำนวน ๑๕ คำร้อง และไม่รับพิจารณา จำนวน ๙ คำร้อง สำหรับอุปสรรคในการดำเนินงาน เช่น ข้อจำกัดด้านอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ข้อจำกัดด้านบุคลากรด้านกฎหมาย และข้อจำกัดด้านงบประมาณ เป็นต้น ๓. การปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ ในระหว่างปี ๒๕๕๙-๒๕๖๑ กองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศได้รับเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน ๑๕ ล้านบาท สามารถเบิกจ่ายได้ทั้งสิ้น ๒.๘๙ ล้านบาท คงเหลือจากการเบิกจ่าย ๑๒.๑๐๙ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11340 | รายงานการคาดประมาณประชากรของประเทศไทย พ.ศ. 2553 - 2583 (ฉบับปรับปรุง) | นร11 | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการคาดประมาณประชากรของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๘๓ (ฉบับปรับปรุง) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลจากการคาดประมาณประชากรของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๘๓ ประชากรของไทยจะเพิ่มขึ้นจาก ๖๖.๕ ล้านคน ใน พ.ศ. ๒๕๖๓ และจะมีจำนวนสูงสุดที่ ๖๗.๒ ล้านคน ใน พ.ศ. ๒๕๗๑ หลังจากนั้นจำนวนประชากรจะลดลง โดยอัตราเพิ่มประชากรจะเริ่มติดลบในอัตราร้อยละ -๐.๒ ต่อปี และคาดประมาณว่า ใน พ.ศ. ๒๕๘๓ จะมีประชากรทั้งหมดประมาณ ๖๕.๔ ล้านคน โครงสร้างอายุของประชากรในแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน คาดการณ์ว่า ใน พ.ศ. ๒๕๘๓ กรุงเทพมหานครยังคงมีสัดส่วนประชากรวัยแรงงานมากที่สุด ขณะที่ภาคเหนือจะมีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุมากที่สุด และภาคใต้จะมีสัดส่วนประชากรวัยเด็กสูงกว่าภาคอื่น ๆ โดยภาคตะวันออกมีการเติบโตของประชากรเมืองมากที่สุด เนื่องจากรัฐบาลกำหนดเป็น “เขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก” (Eastern Economic Corridor : EEC) ๒. ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากร มีการตายที่ลดลง อายุเฉลี่ยยืนยาวขึ้นและการเกิดที่ลดลง ส่งผลให้ประชากรมีการเพิ่มที่ช้าลง และโครงสร้างอายุเปลี่ยนแปลงจากประชากรที่มีอายุน้อยเป็นประชากรสูงวัยที่มีอายุสูงขึ้น การประเมินความต้องการกำลังแรงงานในอนาคต คาดการณ์ว่าภาคบริการและภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มความต้องการแรงงานเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ความต้องการแรงงานในภาคเกษตรกลับมีแนวโน้มลดลง
|