ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 562 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11221 - 11240 จากข้อมูลทั้งหมด 124011 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11221 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้น้ำมันปาล์มและแฟรกชันของน้ำมันปาล์ม และน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้าและนำผ่าน พ.ศ. .... | พณ | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้น้ำมันปาล์มและแฟรกชันของน้ำมันปาล์ม และน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้าและนำผ่าน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดด่านนำเข้าและด่านนำผ่านน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง (๖) และมาตรา ๕/๑ แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ขอให้กระทรวงพาณิชย์คำนึงถึงผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานงานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11222 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำลังพลสำรอง (คกส.) | กห | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำลังพลสำรอง จำนวน ๕ คน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พลเอก ธนดล เผ่าจินดา ๒. พลเอก อภิชัย ทรงศิลป์ ๓. นายประพันธ์ ปุษยไพบูลย์ ๔. พลเอก วิเชียร มัญญะหงษ์ ๔. นายสุรเดช วลีอิทธิกุล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11223 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2563 | นร11 | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ ซึ่งได้มีการพิจารณาข้อเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) เกี่ยวกับมาตรการพยุงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในระยะเร่งด่วน (เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ๒๕๖๓) และในระยะยาว ประกอบด้วย มาตรการบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ และมาตรการเสริมสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน และข้อเสนอของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นกรอบแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจหลักในระดับพื้นที่ภาค ตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสนอ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการพยุงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จะต้องคำนึงถึงภารกิจและความจำเป็น ความพร้อม วิธีการดำเนินงาน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างเหมาะสม ตลอดจนสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับทุกภาคส่วน รวมถึงจัดให้มีระบบติดตามและรายงานผลการดำเนินงานและผลการใช้จ่ายให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินมาตรการดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานหรือแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป โดยดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11224 | หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ไปพลางก่อน (เพิ่มเติม) | นร07 | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน (เพิ่มเติม) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. เห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๑๔ มกราคม ๒๕๖๓) เห็นชอบมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันให้ได้โดยเร็ว นั้น เพื่อให้การบริหารงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นการเตรียมความพร้อมให้หน่วยรับงบประมาณสามารถใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันได้ทันทีภายหลังพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ มีผลบังคับใช้ จึงเห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณทุกหน่วยงานรายงานความคืบหน้าการดำเนินการในขั้นตอนการเตรียมการจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายจ่ายลงทุนไปยังสำนักงบประมาณภายในวันศุกร์ของทุกสัปดาห์ เพื่อที่สำนักงบประมาณจะได้รวบรวมข้อมูลและรายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11225 | รายงานการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน | ยธ | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้ารายงานการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ ๒๕/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการผู้พ้นโทษที่มีลักษณะพิเศษโดยประสานและดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังผู้พ้นโทษที่มีพฤติการณ์เป็นภัยอันตรายต่อสังคม ๗ กลุ่ม ได้แก่ (๑) ฆ่าเด็กหรือข่มขืนเด็ก (๒) ฆ่าข่มขื่น (๓) ฆาตรกรต่อเนื่อง (๔) ฆาตกรโรคจิต (๕) สังหารหมู่ (๖) ชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์โดยการฆ่า และ (๗) นักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ๒. กระทรวงยุติธรรมจัดทำแนวทางให้หน่วยงานที่เฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ได้แก่ (๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร กรมคุมประพฤติเป็นผู้ประสานงานกับสถานีตำรวจนครบาลทุกสถานี บริหารจัดการกลุ่มผู้พ้นโทษที่มีลักษณะพิเศษในเขตพื้นที่และรายงานผลมายังศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน และ (๒) ในส่วนภูมิภาค มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมระดับจังหวัด เป็นหน่วยงานที่เฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ และได้มีคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ ๒๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง การเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน มีหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ เช่น ส่วนราชการกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น บริหารจัดการกลุ่มผู้พ้นโทษที่มีลักษณะพิเศษในเขตพื้นที่และรายงานผลมายังศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11226 | ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ | สผ | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย กับคณะ รวม ๒๒๓ คน ได้เข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา ๑๕๑ ของรัฐธรรมนูญ นั้น คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีความพร้อมจะไปชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันอังคารที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ เป็นต้นไป จึงได้ลงมติมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับไปประสานประธานสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับกำหนดวันที่คณะรัฐมนตรีจะไปชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11227 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงข่าวของประธานร่วมของการประชุมอาเซียน - สหภาพยุโรปด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ครั้งที่ 2 | กต | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงข่าวของประธานร่วมของการประชุมอาเซียน-สหภาพยุโรปด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ครั้งที่ ๒ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายออกแถลงข่าวฯ ในฐานะประธานร่วมของการประชุม โดยร่างแถลงข่าวฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมอาเซียน-สหภาพยุโรปด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ครั้งที่ ๒ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม มีสาระสำคัญคือ (๑) การส่งเสริมการเติบโตสีเขียวและการเงินสีเขียวเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (๒) การส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคและระหว่างภูมิภาคอาเซียนและยุโรป (๓) การส่งเสริมบทบาทสตรีในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) (๔) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ในการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และ (๕) การส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป ผ่านกลไกต่าง ๆ โดยเฉพาะศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงข่าวฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11228 | มาตรการการเงินการคลังเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยว ปี 2563 | กค | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมาตรการด้านการเงิน ประกอบด้วย (๑) มาตรการสินเชื่อ และ (๒) มาตรการการขยายเวลาการชำระหนี้และค่าธรรมเนียม และการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากร ภ.ง.ด. ๙๐ และ ภ.ง.ด. ๙๑ เพื่อช่วยเหลือผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ประกอบกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่อาจส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจของไทย โดยขยายระยะเวลา ๓ เดือน (ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบมาตรการด้านภาษี จำนวน ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (๒) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงกิจการโรงแรม และ (๓) มาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ และร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๑ ฉบับ เพื่อรองรับมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการดำเนินมาตรการด้านภาษีดังกล่าว ควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการกระจายรายได้ไปสู่พื้นที่เมืองรอง รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11229 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายโครงการจัดทำพื้นที่นอนเพิ่มสำหรับผู้ต้องขัง | ยธ | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบเรื่องขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายโครงการจัดทำพื้นที่นอนเพิ่มสำหรับผู้ต้องขัง จำนวนเงิน ๑๗๘,๐๙๖,๕๕๕.๙๒ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมนำโครงการดังกล่าวเสนอคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติพิจารณาตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ (เรื่อง สถานการณ์และแนวทางการลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำ) ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๒. ในส่วนของการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11230 | การกำหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าควบคุมปี ๒๕๖๒ เพิ่มเติม จำนวน ๔ รายการ คือ (๑) หน้ากากอนามัย (๒) ใยสังเคราะห์ Polypropylene (Spunbond) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย (๓) ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ และ (๔) เศษกระดาษและกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11231 | การรับรองแถลงการณ์ร่วมจากการประชุมระดับอนุภูมิภาคว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย (The Sub-Regional Meeting on Counter-Terrorism) | นร08 | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับอนุภูมิภาคว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย : การรับมือกับพัฒนาการด้านยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ของผู้ก่อการร้าย (Joint Statement on Responding to Evolving Terrorist Strategies and Tactics) โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมระดับอนุภูมิภาคว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย (The Sub-Regional Meeting on Counter Terrorism and Transnational Security) ในสัปดาห์ที่ ๓ ของเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ณ เมืองสุราบายา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันของประเทศสมาชิกในการต่อต้านการก่อการร้าย ตลอดจนสอดคล้องกับนโยบายการกระชับความสัมพันธ์กับต่างประเทศและส่งเสริมบทบาทไทยในเวทีระหว่างประเทศ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11232 | ขอความเห็นชอบแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - 2565 | อว | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิยาลัยวลัยลักษณ์ (มวล.) สังกัดมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ จำนวน ๑,๒๖๘ อัตรา วงเงินรวม ๕๓๑,๙๔๒,๙๖๐ บาท ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ เช่น (๑) แผนอัตรากำลังดังกล่าว ควรสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข และควรมีการศึกษาความต้องการสาขาแพทย์และสาขาอาชีพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในภาพรวมทั้งระบบในภาครัฐและภาคเอกชน (๒) หาก มวล. มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องบรรจุอัตรากำลังตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ก็ให้ มวล. พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของ มวล. มาดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน สำหรับปีต่อ ๆ ไป ควรขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยคำนึงถึงภาระงานที่เกิดขึ้นจริง ศักยภาพในการสรรหา และความสามารถในการบรรจุอัตรากำลัง รวมถึงการพิจารณานำเงินนอกงบประมาณ (เงินรายได้ของโรงพยาบาล) มาใช้จ่ายเป็นค่าบุคลากร เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสาธารณสุขในภาพรวมทั้งระบบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมของการกำหนดอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งเภสัชกร จำนวน ๓๑๖ อัตรา ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) เพื่อให้สามารถวางระบบการบริหารอัตรากำลังให้สอดคล้องกับภารกิจบริการสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศและการลงทุนในยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในภาพรวมของประเทศ ในระยะยาว (๕-๑๐ ปี) ทั้งนี้ ในการจัดทำแผนอัตรากำลังของโรงพยาบาลในครั้งต่อ ๆ ไป ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องนำแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสาธารณสุขในภาพรวมทั้งระบบและยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในภาพรวมของประเทศ ในระยะยาว (๕-๑๐ ปี) มาพิจารณาประกอบการจัดทำแผนอัตรากำลังดังกล่าวให้เหมาะสมสอดคล้องกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11233 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563) | นร04 | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ประกอบด้วยญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11234 | การเลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรี (วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563) | นร05 | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบว่า โดยที่ตั้งแต่วันอังคารที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ เป็นต้นไป เป็นช่วงเวลาการชี้แจงญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา ๑๕๑ ของรัฐธรรมนูญต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ นายกรัฐมนตรีจึงมีบัญชาให้เลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรี จากวันอังคารที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ไปเป็นวันจันทร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11235 | รายงานประจำปี 2561 ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร01 | 28/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๑ ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการดำเนินงานที่สำคัญเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ของ ก.ก.ถ. และคณะอนุกรรมการฯ ต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วย (๑) การทบทวนและจัดทำร่างแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. .... และร่างแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. .... (๒) การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนการบริหารจัดการภารกิจถ่ายโอนแหล่งน้ำ (๓) การกำหนดสัดส่วนรายได้ของ อปท. รายได้สุทธิของรัฐบาล (๔) การติดตามผลการดำเนินงานตามภารกิจถ่ายโอนของ อปท. (๕) การจัดทำร่างพระราชบัญญัติกระจายหน้าที่และอำนาจให้แก่ อปท. และร่างกฎหมายที่แก้ไขตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11236 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนธันวาคม 2562 | นร11 | 28/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนธันวาคม ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ความก้าวหน้าแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการตระหนักรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของภาคีต่าง ๆ ต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ และการดำเนินงานในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11237 | ประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่อง นโยบายการตรวจเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ตผ | 28/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่อง นโยบายการตรวจเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมุ่งถึงผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพสูงสุดด้านการตรวจเงินแผ่นดินตามมาตรฐานสากล (International Organization of Supreme Audit Institutions : INTOSAI) ที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป เพื่อความมีเสถียรภาพของระบบการบริหารการเงินการคลังของประเทศอย่างยั่งยืน ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11238 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร01 | 28/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสมัครลงทะเบียนจิตอาสาพระราชทาน โดยข้อมูลจำนวนจิตอาสาและกิจกรรมจิตอาสา ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๑๕๖๒ มีจิตอาสาลงทะเบียน จำนวน ๖,๑๔๙,๑๕๕ คน แยกตามพื้นที่ (ภูมิลำเนา) ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จำนวน ๔๔๕,๒๔๙ คน ส่วนภูมิภาค จำนวน ๕,๗๐๓,๙๐๖ คน และดำเนินการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา จำนวน ๓๙,๕๑๔ ครั้ง กิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติ จำนวน ๑๗๐ ครั้ง ๒. กิจกรรมจิตอาสาเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๒ โดยกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดให้จังหวัดทั้ง ๗๖ จังหวัด ดำเนินการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาลำน้ำ ลำคลอง กิจกรรมอาสาพัฒนาถนนเฉลิมพระเกียรติ กิจกรรมอาสาพัฒนาสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ หรือกิจกรรมอาสาอื่น ๆ ตามความเหมาะสมของจังหวัด/อำเภอ ๓. กิจกรรม Big Cleaning Day โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับกรุงเทพมหานครดำเนินกิจกรรม ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ กันยายน ๒๕๖๓ ณ บริเวณเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินระหว่างท่าวาสุกรีจนถึงท่าราชวรดิฐ ได้แก่ การปรับปรุงภูมิทัศน์และทำความสะอาดพื้นที่ เช่น การใช้เครื่องฉีดน้ำความดันสูงทำความสะอาด การทาสี การตัดแต่งกิ่งต้นไม้ และปรับภูมิทัศน์สิ่งก่อสร้าง เป็นต้น ๔. กิจกรรม Big Cleaning Day ในเรือนจำทั่วประเทศ โดยศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ได้กำหนดกิจกรรม ได้แก่ การทำความสะอาดสถานที่เยี่ยมญาติภายในเรือนจำ การตัดแต่งกิ่งไม้และปรับภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบเรือนจำ การจัดหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่ให้บริการกับผู้ต้องขังในเรือนจำ การจัดอบรมบรรยายขยายผลในหัวข้อ “สถาบันพระมหากษัตริย์กับประเทศไทย” และการจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ๕. กิจกรรมจิตอาสาพัฒนาคลองพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขต ๕๐ เขต และสำนักการระบายน้ำ รวมจำนวน ๓๓๗ คลอง ปัจจุบันได้ดำเนินการแล้ว จำนวน ๑๐๐ คลอง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11239 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำที่ อบ. 14/2558 คดีหมายเลขแดงที่ อบ. 152/2562 ระหว่าง นายกฤต ธนิศราพงศ์ ผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ 2 คณะรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี คดีถึงที่สุด เรื่อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งให้นายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี | นร05 | 28/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำที่ อบ. ๑๔/๒๕๕๘ คดีหมายเลขแดงที่ อบ. ๑๕๒/๒๕๖๒ ระหว่าง นายกฤต ธนิศราพงศ์ ผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ ๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ ๒ คณะรัฐมนตรี ที่ ๓ ผู้ถูกฟ้องคดี คดีถึงที่สุด เรื่อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งให้นายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11240 | การเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงสาธารณรัฐคาซัคสถาน | กต | 28/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงของสาธารณรัฐคาซัคสถาน จากกรุงอัสตานา (Astana) เป็นกรุงนูร์-ซุลตัน (Nur-Sultan) และการดำเนินการที่จำเป็นในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศเพื่อเปลี่ยนชื่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัสตานา เป็นสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนูร์-ซุลตัน เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของการเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงของสาธารณรัฐคาซัคสถานดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
.....