ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 570 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11381 - 11400 จากข้อมูลทั้งหมด 124012 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11381 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... | กษ | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการออกกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ และเพิ่มเติมให้สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติมีอำนาจมอบหมายหน่วยงานอื่นออกใบอนุญาตดังกล่าวได้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11382 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติและหน้าที่ของผู้นำร่อง พ.ศ. .... | คค | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติและหน้าที่ของผู้นำร่อง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดคุณสมบัติและหน้าที่ของผู้สมัครเป็นผู้นำร่อง เพื่อให้มีความสอดคล้องกับคุณวุฒิทางการศึกษา และเพื่อให้การกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการนำร่องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11383 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนยกระดับการบริการภาครัฐ ระยะที่ 2 ตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวก ในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 | นร12 | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนยกระดับการบริการภาครัฐ ระยะที่ ๒ ตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานตามแผนฯ ระยะที่ ๒ ได้แก่ การปรับปรุงคู่มือสำหรับประชาชน ระยะที่ ๒ การจัดทำแบบฟอร์มเอกสารราชการ ๒ ภาษา การพัฒนาระบบติดตามการให้บริการ การอำนวยความสะดวกในการจองคิวกลาง และการให้ข้อมูลป้อนกลับของประชาชนต่อการให้บริการ และการทบทวนกฎหมายการยกเลิกใบอนุญาตที่ไม่จำเป็น ซึ่งหน่วยงานส่วนใหญ่ได้มีการดำเนินการเป็นไปตามแผน ส่งผลให้การพัฒนาบริการภาครัฐโดยรวมดียิ่งขึ้น ๒. การดำเนินการในระยะต่อไป สำนักงาน ก.พ.ร. จะดำเนินการปรับปรุงคู่มือสำหรับประชาชน เช่น ปรับปรุงระบบศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ พัฒนาระบบกลางของภาครัฐในการนำข้อมูลคู่มือสำหรับประชาชนหรืองานบริการภาครัฐเชื่อมโยงกับระบบ Citizen Portal เป็นต้น รวมทั้งเร่งรัดให้หน่วยงานของรัฐที่ยังไม่ได้จัดทำแบบฟอร์มเอกสารราชการ ๒ ภาษา จัดทำให้แล้วเสร็จตามแผน และส่งเสริมให้หน่วยงานต่าง ๆ เผยแพร่ขึ้นสู่เว็บไซต์ศูนย์รวบรวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ (www.info.go.th)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11384 | ผลการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 1 | กษ | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุมคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ มีมติอนุมัติงบประมาณค่าบริหารโครงการฯ จำนวน ๑๘๑,๘๔๖,๒๔๖ บาท จากกองทุนพัฒนายางพารา เพื่อใช้เป็นค่าบริหารโครงการฯ เฉพาะในส่วนของเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนไว้กับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) (จำนวน ๑,๑๒๙,๓๓๖ ราย) และสำหรับค่าบริหารโครงการฯ ที่เหลือ จำนวน ๕๒,๘๗๓,๙๗๐ บาท ซึ่งเป็นค่าบริหารโครงการฯ แก่เกษตรกรชาวสวนยางที่มาแจ้งข้อมูลพื้นที่ปลูกยางกับ กยท. (ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ จำนวน ๒๘๒,๖๘๑ ราย) ให้ กยท. เร่งดำเนินการหาแนวทางเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณต่อไป ๑.๒ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๑ และคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินโครงการฯ กำกับดูแล ติดตามการดำเนินงาน และแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุตามวัตถุประสงค์ ๑.๓ การจ่ายเงินประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๑ งวดที่ ๑ (วันที่ ๑-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) ณ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ กยท. ส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส. โดยมีเกษตรกรชาวสวนยางและคนกรีด จำนวน ๖๔๐,๓๐๐ ราย พื้นที่ ๗,๑๐๗,๙๑๔.๙๒ ไร่ รวมจ่ายเงินทั้งสิ้น ๕,๕๑๕,๔๘๔,๔๑๘.๔ บาท จากเป้าหมาย ๑,๗๑๑,๒๕๒ ราย และ ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินแล้ว รวมทั้งสิ้น ๔๙๕,๙๓๐ ราย จำนวนเงิน ๒,๘๓๔,๕๔๙,๖๑๕.๑๗ บาท ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามผลการดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับการประกันรายได้เกษตรกรและมาตรการเสริมอื่นที่เกี่ยวข้องทุกโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรของภาคเอกชนที่ต้องมีการรับซื้อในราคาที่เหมาะสมเป็นธรรม สอดคล้องกับราคาตลาด ทั้งนี้ หากพบว่ามีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการประการใด ก็ให้เร่งพิจารณากำหนดแนวทางแก้ไขหรือมาตรการเสริมอื่นเพิ่มเติมโดยเร็วต่อไป ๓. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง รายงานผลการใช้ยางพาราและความคืบหน้า) ให้ทุกส่วนราชการที่มีภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยางพาราเร่งรัดจัดทำแผนงาน/โครงการภายใต้มาตรการเพิ่มการใช้ยางพาราภายในประเทศให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น แล้วเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติพิจารณาในภาพรวมต่อไป นั้น มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการรวบรวมแผนงาน/โครงการดังกล่าวสำหรับปีงบประมาณ ๒๕๖๓ จากทุกส่วนราชการเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11385 | ร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. .... | นร09 | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สองตามพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. ๒๕๖๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11386 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ประจำปี พ.ศ. 2562 | นร01 | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ โดย ก.ธ.จ. ทั้ง ๗๖ คณะ/จังหวัด ได้สอดส่องการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐ โดยสอดคล้องแผนงาน/โครงการ ของ (๑) จังหวัดและกลุ่มจังหวัด (๒) ส่วนราชการในจังหวัด และ (๓) การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัด (เรื่องร้องเรียน) จำนวนทั้งสิ้น ๑,๖๔๔ แผนงาน/โครงการ/เรื่อง พบว่า มีโครงการที่ไม่เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี จำนวน ๔๑๓ แผนงาน/โครงการ/เรื่อง โดยเป็นแผนงาน/โครงการ/เรื่อง ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนด้านสาธารณูปโภค เช่น ถนน การไฟฟ้า การประปา การระบายน้ำ การกำจัดขยะ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ ๕๑.๓๓ รองลงมาเป็นด้านเศรษฐกิจ เช่น การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว คิดเป็นร้อยละ ๒๒.๒๘ และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น ป่าไม้ สัตว์ป่า ดินและที่ดิน ขยะ มลพิษต่าง ๆ คิดเป็นร้อยละ ๑๕.๕๐ ทั้งนี้ ก.ธ.จ. ได้มีมติเป็นข้อเสนอแนะ จำนวน ๖๐๐ ข้อ ซึ่งจังหวัด/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะไปดำเนินการแล้ว จำนวน ๒๕๑ ข้อ หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๑.๘๓ ซึ่ง ก.ธ.จ. จะได้ติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11387 | การปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ กรุงอันตานานาริโว สาธารณรัฐมาดากัสการ์ เป็นการชั่วคราวและการปรับเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ | กต | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบการปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ กรุงอันตานานาริโว สาธารณรัฐมาดากัสการ์ เป็นการชั่วคราว ๒. อนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยปรับให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐมาดากัสการ์ และให้เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐมาดากัสการ์อีกตำแหน่งหนึ่ง โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ซึ่งมีผลให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐแอฟริการใต้ สาธารณรัฐแองโกลา สาธารณรัฐบอตสวานา ราชอาณาจักรเลโซโท สาธารณรัฐมาลาวี สาธารณรัฐมอริเชียส สาธารณรัฐนามิเบีย ราชอาณาจักรเอสวาตินี สาธารณรัฐแซมเบีย สาธารณรัฐซิมบับเว และสาธารณรัฐมาดากัสการ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11388 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสมใจ กาญจนาพงศ์กุล และนางสาวมาลินี จิตตกานต์พิชย์) (นางสาวมาลินี จิตตกานต์พิชย์) | สธ | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวสมใจ กาญจนาพงศ์กุล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ ๒. นางสาวมาลินี จิตตกานต์พิชย์ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนา วิทยาศาสตร์การแพทย์ (ภูมิคุ้มกันวิทยา) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11389 | สาธารณรัฐโกตดิวัวร์เสนอขอแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ประจำประเทศไทยคนใหม่ (นางสาวพัชรพิมล ยังประภากร) | กต | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวพัชรพิมล ยังประภากร ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ประจำประเทศไทย สืบแทน นายวัลลภ มานะธัญญา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11390 | การประชุมคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ในการเตรียมการส่งผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมากลับประเทศ ครั้งที่ 3 และการประชุมคณะทำงานร่วมระดับเทคนิคไทย-เมียนมา ในประเด็นผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา ครั้งที่ 1 | กต | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ในการเตรียมการส่งผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา กลับประเทศ ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ที่จังหวัดเชียงราย และการประชุมคณะทำงานร่วมระดับเทคนิคไทย-เมียนมา ในประเด็นผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ที่กรุงเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยการประชุมดังกล่าวเป็นการสานต่อความร่วมมือระหว่างไทยและเมียนมาในการช่วยเหลือผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมากลับประเทศ โดยฝ่ายไทยให้ความช่วยเหลือเพื่อการตั้งถิ่นฐานที่ยั่งยืนด้วยการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาชุมชนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่รองรับผู้หนีภัยดังกล่าวในเมียนมา ๑.๒ เห็นชอบในการรับรองร่างเอกสารสรุปผลการหารือของแต่ละการประชุมเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมดังกล่าวที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนาม จำนวน ๒ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๒.๑ ร่างเอกสารสรุปผลการหารือของการประชุมคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ในการเตรียมการส่งผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมากลับประเทศ ครั้งที่ ๓ เป็นเอกสารสรุปสาระสำคัญของการประชุมคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงราย มีสาระสำคัญเป็นการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือของคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ในการเตรียมการส่งผู้หนีภัยจากการสู้รบจากเมียนมากับประเทศในประเด็นต่าง ๆ เช่น การหารือความเป็นไปได้ในการจ้างแรงงานผู้ที่เดินทางกลับไปแล้วอย่างถูกกฎหมายเป็นแรงงานถูกกฎหมายในประเทศไทย การปรับแก้แบบฟอร์มข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้หนีภัยการสู้รบ การกำหนดกรอบเวลาที่แน่นอนในการส่งกลับผู้หนีภัยการสู้รบในอนาคต และการเตรียมการสำหรับการส่งกลับผู้หนีภัยการสู้รบกลุ่มที่ ๔ เป็นต้น ๑.๒.๒ ร่างเอกสารสรุปผลการหารือของการประชุมคณะทำงานร่วมระดับเทคนิคไทย-เมียนมา ในประเด็นผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา ครั้งที่ ๑ เป็นเอกสารสรุปสาระสำคัญของการประชุมคณะทำงานร่วมระดับเทคนิคไทย-เมียนมา ซึ่งเป็นการเจรจารายละเอียดของกระบวนการส่งกลับผู้หนีภัยการสู้รบโดยการติดตามนำผลลัพธ์ของการประชุมคณะทำงานร่วมฯ ครั้งที่ ๓ ที่จังหวัดเชียงรายในเรื่องต่าง ๆ ไปปฏิบัติ บนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติระหว่างไทยกับเมียนมา ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารสรุปผลการประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11391 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2561 เรื่อง มาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค 4.0 (มาตรการด้านการเงิน) | อก | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy Loan) และโครงการ Transformation Loan เสริมแกร่ง (Soft Loan เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ระยะที่ ๒) ภายใต้มาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค ๔.๐ (มาตรการด้านการเงิน) โดยกำหนดระยะเวลาเริ่มรับคำขอกู้ในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ และสิ้นสุดรับคำขอกู้ภายในวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ หรือจนกว่าจะหมดวงเงินสินเชื่อรวมของโครงการ แล้วแต่ระยะเวลาใดจะถึงก่อน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรเร่งประชาสัมพันธ์และติดตามการดำเนินโครงการ และในการส่งเสริมแหล่งเงินทุนให้แก่ SMEs ควรมีการสำรวจความต้องการที่แท้จริงของ SMEs เป้าหมายแต่ละกลุ่ม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11392 | ขอความเห็นชอบกรอบโครงสร้างศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจและแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤติน้ำ | นร14 | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบกรอบโครงสร้างศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจและแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤติน้ำ เพื่อเป็นการบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันของหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ในการเตรียมความพร้อมป้องกัน แก้ไข ควบคุม ระงับ หรือบรรเทาผลร้ายจากความเสียหายด้านน้ำที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที และเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในกรณีเกิดภาวะวิกฤติ โดยศูนย์ดังกล่าวประกอบด้วยโครงสร้างที่กำหนดตามระดับสาธารณภัยด้านน้ำที่เกิดขึ้น ๓ ระดับ ได้แก่ ศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ และศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ ซึ่งในคราวประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๒ ได้มีมติเห็นชอบกรอบโครงสร้างดังกล่าวแล้ว ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ สำหรับงบประมาณที่จะเกิดขึ้น เห็นควรให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี หรือโอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร จากโครงการ/รายการที่ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ และมีงบประมาณเหลือจ่าย และ/หรือรายการที่หมดความจำเป็น แล้วแต่กรณี เพื่อมาสมทบในการดำเนินการตามแผนของศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ เป็นลำดับแรก ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติประชุมชี้แจงและประสานการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤติน้ำมีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติจัดทำแนวทางการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ให้สอดรับกับพระราชบัญญัติการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อให้แผนปฏิบัติการฯ มีประสิทธิภาพและเป็นระบบ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาคัดกรองแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำทั้งหมดตามลำดับความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนที่มีความพร้อมและสามารถจะดำเนินการได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เช่น โครงการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ โครงการประตูระบายน้ำ เป็นต้น โดยให้ระบุความสอดคล้องกับการดำเนินการตามแผนการบริหารจัดการน้ำที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) แผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำของประเทศ เป็นต้น แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11393 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562 | กษ | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งได้พิจารณาเห็นชอบการดำเนินการ ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) การปรับแผนการดำเนินการตามมาตรการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า (๒) การขอขยายระยะเวลาดำเนินการติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ (๓) การทบทวนมาตรการบริหารการนำเข้าสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม และ (๔) แนวทางการกำหนดด่านนำเข้าและนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธาน กนป. เสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินการปราบปรามการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มทั้งระบบอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าภายใน) เร่งดำเนินการติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่ถังเก็บน้ำมัน (มิเตอร์) ในโรงสกัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถตรวจสอบปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่มีอยู่ในสต็อกได้อย่างต่อเนื่องและเป็นปัจจุบัน และใช้เป็นข้อมูลประกอบการบริหารจัดการปริมาณปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบได้อย่างเหมาะสม ถูกต้อง รวมทั้งรักษาสมดุลในด้านราคาของปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มภายในประเทศให้มีเสถียรภาพต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11394 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
๑. เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๓,๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตและความเห็นของที่ประชุม ๔ หน่วยงาน (สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย) เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ ๒.๑ การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ควรเป็นการดำเนินนโยบายการคลังที่ยืดหยุ่นและสามารถตอบสนองต่อภาวะเศรษฐกิจที่อาจไม่เป็นไปตามที่ประเมินได้อย่างทันท่วงที ๒.๒ การจัดทำงบประมาณควรคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีความท้าทายมากขึ้นในระยะ ๑-๒ ปีข้างหน้า โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาดแรงงานที่อาจได้รับผลกระทบจากการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ซึ่งส่งผลให้แรงงานบางส่วนถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีและอาจไม่สามารถปรับตัวได้ดีดังเช่นอดีตที่ผ่านมาแม้เศรษฐกิจในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มดีขึ้น ๒.๓ การจัดสรรเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นภาระงบประมาณเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งเงินอุดหนุนบางส่วนมีความซ้ำซ้อน จึงเห็นควรให้มีการพิจารณาทบทวนเงินอุดหนุนสำหรับภารกิจที่มอบหมายให้ อปท. ดำเนินการแทนรัฐบาล รวมถึงการพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์การกันเงินสำรองและการใช้จ่ายเงินสะสมของ อปท. ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ อปท. มีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ในระดับสูง สะท้อนให้เห็นได้จากเงินฝากของ อปท. ในระบบสถาบันการเงินที่มีจำนวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11395 | แนวทางปฏิบัติในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี | นร05 | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางการจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยให้จัดประเภทเรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีออกเป็นด้านต่าง ๆ ดังนี้ ๑.๑ ด้านการเมือง การต่างประเทศ และความมั่นคง ๑.๒ ด้านการสร้างรายได้และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ๑.๓ ด้านการศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ๑.๔ ด้านการลดความเหลื่อมล้ำ ๑.๕ ด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต ๑.๖ ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน การปรับปรุงกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ๑.๗ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๒. เห็นชอบให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐดำเนินการจัดทำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้อง เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ กฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่อง ระบุในหนังสือเสนอเรื่องให้ชัดเจนด้วยว่าเรื่องดังกล่าวสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในด้านใด (ตามข้อ ๑)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11396 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (จำนวน 5 คน 1. นายสุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ฯลฯ) | อว | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวม ๕ คน ซึ่งเป็นการแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ มกราคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายสุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานกรรมการ ๑.๒ นายพีระพงศ์ ทีฆสกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ ๑.๓ นายรัฐชาติ มงคลนาวิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ ๑.๔ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมศาสตร์ ๑.๕ นางปริตตา เฉลิมเผ่า กออนันตกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านมนุษยศาสตร์ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมในครั้งต่อ ๆ ไปให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11397 | สรุปผลการจัดกิจกรรม "เติมความสุข ให้คนไทย จากใจทหาร" ปี 2563 | กห | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการจัดกิจกรรม “เติมความสุข ให้คนไทย จากใจทหาร” ปี ๒๕๖๓ ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๓ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน แบ่งออกเป็น ๓ กลุ่มงานหลัก ได้แก่ (๑) งานสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน (๒) งานช่วยเหลือประชาชน และ (๓) งานให้บริการและอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ของกระทรวงกลาโหม โดยมีประชาชนเข้ารับบริการ จำนวนทั้งสิ้น ๒๐๗,๙๘๓ คน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11398 | มาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย | กค | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การส่งเสริมขีดความสามารถของ SMEs เป็นวาระแห่งชาติ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเร่งพิจารณาและกำหนดมาตรการในการส่งเสริมขีดความสามารถของ SMEs ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. เห็นชอบและรับทราบมาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อช่วยเหลือ SMEs ในกลุ่มที่ต้องการสภาพคล่อง กลุ่มที่กำลังจะถูกฟ้อง และกลุ่มที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย (๑) โครงการ บสย. SMEs สร้างไทย ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (๒) โครงการ Transformation Loan เสริมแกร่ง (Soft Loan เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ระยะที่ ๒) ของธนาคารออมสิน (๓) โครงการ GSB SMEs Extra Liquidity ของธนาคารออมสิน (๔) โครงการ PGS ๕ ถึง PGS ๗ และ (๕) โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy Loan) ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการต่อไปให้ถูกต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑) สถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจควรพัฒนาระบบฐานข้อมูล SMEs ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อใช้วิเคราะห์ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะกระบวนการพิจารณาสินเชื่อหรือการค้ำประกัน การบริหารความเสี่ยง และการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์กำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และ (๒) การกำหนดมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ควรครอบคลุมการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่มีเจ้าหนี้อื่นที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) ด้วย เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรการในการช่วยเหลือ SMEs ให้สาธารณชนรับทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึง รวมทั้งให้กระทรวงการคลังติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีทุก ๆ ๓ เดือน ด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11399 | ขอความเห็นชอบการดำเนินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน | สทบ. | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงชื่อโครงการ จากโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานระดับหมู่บ้าน ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เป็นโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๑.๒ เห็นชอบให้ยุติการดำเนินโครงการที่บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และมีงบประมาณคงเหลือ จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการเพิ่มทุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ระยะที่ ๒ (๒) โครงการหมู่บ้านจัดตั้งใหม่ และ (๓) โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) และขอเปลี่ยนแปลงการใช้งบประมาณคงเหลือ จำนวน ๓ โครงการดังกล่าว วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๔๐๗,๗๐๐,๐๐๐ บาท ไปใช้ในการดำเนินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๑.๓ รับทราบการขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ กรณีที่จะขอใช้งบประมาณของโครงการอื่นที่ยังดำเนินการอยู่ จำนวน ๖ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการเพิ่มทุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ระยะที่ ๓ (๒) โครงการพัฒนาเมือง (๓) โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (๔) โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชนเมืองเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (๕) โครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืนโดยศาสตร์พระราชาตามแนวทางประชารัฐ และ (๖) โครงการประชารัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในกรุงเทพมหานคร วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๒,๐๘๓,๗๐๐,๐๐๐ บาท ไปใช้ในการดำเนินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนก่อน และขอให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณ จำนวน ๑๒,๐๘๓,๗๐๐,๐๐๐ บาท ดังกล่าว คืนให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อจะได้ดำเนินโครงการให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการต่อไป ๒. สำหรับการใช้งบประมาณของโครงการที่ยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ จำนวน ๖ โครงการ ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามข้อเท็จจริงที่จะใช้จ่าย โดยคำนึงถึงเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ ผลสัมฤทธิ์ และประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้เกิดต้นทุนค่าเสียโอกาสในทุกมิติ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่าที่จำเป็นตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11400 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี 2562 ไปพลางก่อน สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 2562/63 | นร | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน จำนวน ๓,๐๗๙,๔๗๒,๔๘๒ บาท สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๒/๖๓ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ โดยให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในโครงการฯ ควรพิจารณากิจกรรมของแผนงาน/โครงการที่สามารถบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๒/๖๓ เป็นสำคัญ สำหรับวงเงินงบประมาณให้ประสานสำนักงบประมาณในรายละเอียดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....