ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 497 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 9921 - 9940 จากข้อมูลทั้งหมด 124181 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9921 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลมีชัย ตำบลหนองกอมเกาะ และตำบลโพธิ์ชัย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย พ.ศ. .... | คค. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลมีชัย ตำบลหนองกอมเกาะ และตำบลโพธิ์ชัย อำเภอเมืองหนองคาย
จังหวัดหนองคาย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลมีชัย ตำบลหนองกอมเกาะ และตำบลโพธิ์ชัย อำเภอเมืองหนองคาย
จังหวัดหนองคาย เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๓๓
กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๔๓ เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดและจะเป็นการอำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่ง
อันเป็นกิจการสาธารณูปโภค ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ก่อนการก่อสร้างทางหลวงชนบททุกเส้นทาง
ขอให้กรมทางหลวงชนบทให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงชนบทกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
รวมทั้งควรพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของการดำเนินโครงการโดยคำนึงถึงความก้าวหน้า/ความสำเร็จของการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจหนองคาย
เพื่อให้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9922 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมการค้าภายใน พ.ศ. .... | พณ. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมการค้าภายใน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบพิเศษข้าราชการกรมการค้าภายในเพิ่มขึ้นจากเครื่องแบบข้าราชการพลเรือน
รวมทั้งวิธีการแต่งเครื่องแบบดังกล่าว เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจของกรมการค้าภายใน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้คณะกรรมการกลั่นกรองการกำหนดเครื่องแบบพิเศษของส่วนราชการรับไปพิจารณาความคุ้มค่าและภาระของข้าราชการในกรณีหน่วยงานต่าง
ๆ เสนอให้มีเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9923 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 1 ปี ของกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ ๑ ปี
ของกระทรวงพาณิชย์ โดยมีผลงานที่สำคัญ เช่น (๑) การประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกพืชเกษตร
๕ ชนิด วงเงินรวม ๗๑,๒๐๒ ล้านบาท สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ ๗.๒๙ ล้านครัวเรือน (๒)
การผลักดันการค้าชายแดน สามารถสร้างมูลค่าการค้าชายแดนรวม ๑.๐๒ ล้านล้านบาท เช่น
การเปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ ๒ การเจรจาแก้ไขปัญหาด่านนาตาล-ปากแซง
และการเจรจากับสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อเปิดด่านโหยวอี้กวนและด่านตงชิงได้สำเร็จ (๓)
การจัดงานลดราคาสินค้าร่วมกับภาคเอกชน คิดเป็นมูลค่า ๒๑,๖๐๐ ล้านบาท และ (๔) การยกระดับโชห่วยเป็นสมาร์ทโชห่วยได้กว่า
๒๘,๐๐๐ แห่ง และยกระดับสมาร์ทโชห่วยเป็นสมาร์ทโชห่วยเดลิเวอรี่ จำนวน ๒,๖๕๕ ร้าน เป็นต้น
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9924 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองยะกัง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองยะกัง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองยะกัง
ในท้องที่ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส และตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ
จังหวัดนราธิวาส เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9925 | ร่างกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 รวม 5 ฉบับ | กษ. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการ
(๑)
ร่างกฎกระทรวงการให้กู้และการให้สินเชื่อของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน
พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวงการรับฝากเงิน การก่อหนี้ และการสร้างภาระผูกพันซึ่งรวมถึงการกู้ยืมเงินหรือการค้ำประกันของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน
พ.ศ. .... (๓)
ร่างกฎกระทรวงการบริหารสินทรัพย์และการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน
พ.ศ. .... (๔) ร่างกฎกระทรวงการจัดชั้นสินทรัพย์และกันเงินสำรองของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน
พ.ศ. .... และ (๕) ร่างกฎกระทรวงการกำกับการกระจุกตัวธุรกรรมทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน
พ.ศ. .... รวม ๕ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการออกกฎกระทรวงเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๖๒ เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการดำเนินงานและการกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน
(สหกรณ์ฯ) เกี่ยวกับการใช้เงินกู้และให้สินเชื่อ การรับฝากเงิน ก่อหนี้
และสร้างภาระผูกพัน รวมถึงการกู้ยืมเงินหรือการค้ำประกัน การบริหารสินทรัพย์และการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง
การจัดชั้นสินทรัพย์และการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง และการจำกัดปริมาณการทำธุรกรรมกับลูกหนี้และเจ้าหนี้รายใดรายหนึ่งของสหกรณ์ฯ
อันเป็นการสร้างเสถียรภาพแก่สหกรณ์ฯ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้มีการพิจารณาเพิ่มเติมประเด็นที่เกี่ยวข้องในร่างกฎกระทรวงในชั้นการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับเกณฑ์กำกับดูแลการให้กู้และการให้สินเชื่อของสหกรณ์ฯ
ควรกำหนดวงเงินสูงสุดที่สหกรณ์ฯ อาจกำหนดให้สมาชิกคนหนึ่งสามารถค้ำประกันการกู้เงินของสมาชิกคนอื่นจากสหกรณ์ฯ
เพื่อจำกัดภาระผูกพันและป้องกันปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัวของสมาชิกสหกรณ์ฯ
ควรปรับปรุงจำนวนงวดชำระหนี้สูงสุดสำหรับเงินกู้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นจำนวนงวดสูงสุดที่สหกรณ์ฯ
อาจกำหนดได้สำหรับเงินกู้แต่ละประเภท
และเกณฑ์กำกับการกระจุกตัวธุรกรรมทางการเงินของสหกรณ์ฯ
ควรกำหนดให้ครอบคลุมถึงข้อกำหนดการลงทุนของสหกรณ์ฯ ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า (๑)
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรเร่งรัดการเสนอร่างกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดลักษณะของสหกรณ์ที่จะรับจดทะเบียน
วัตถุประสงค์
และขอบเขตแห่งการดำเนินกิจการที่พึงจะดำเนินการได้ของสหกรณ์แต่ละประเภท
รวมทั้งเร่งรัดการเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการฝากเงินและการลงทุนของสหกรณ์ฯ
และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดอัตราเงินปันผล เพื่อให้สหกรณ์ฯ และชุมนุมสหกรณ์ฯ
มีการฝากเงินและการลงทุนในระดับที่เหมาะสม (๒)
ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาภูมิทัศน์ทางการเงิน (Financial Landscape) ที่เหมาะสมกับพัฒนาการของสหกรณ์ฯ และชุมนุมสหกรณ์ฯ
รวมถึงยังไม่มีการศึกษากลไกการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น กลไกการแก้ไขปัญหา
และกลไกการให้ความช่วยเหลือในลักษณะแหล่งให้กู้ยืมแหล่งสุดท้าย
จึงเห็นควรมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาศึกษาเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว และ
(๓) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้การสนับสนุนและช่วยเหลือสหกรณ์ฯ
ให้สามารถปรับตัวและดำเนินการได้ตามข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงอย่างถูกต้องและครบถ้วนตามกำหนดเวลา
ตลอดจนติดตามและตรวจสอบการดำเนินงานของสหกรณ์ฯ อย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9926 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาล รอบ 1 ปี ของกระทรวงอุตสาหกรรม (การจัดทำข้อมูลผลงานของรัฐบาล) | อก. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ
๑ ปี ของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีผลงานที่สำคัญ เช่น (๑) การขับเคลื่อนนโยบายทางเศรษฐกิจ
โดยการขยายกิจการทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม จำนวน ๓,๙๐๐ โรงงาน มูลค่าการลงทุน
๘๗๖,๐๐๐ ล้านบาท และเกิดการจ้างงาน จำนวน ๓๐๐,๐๐๐ คน (๒)
การส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยอนุมัติสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ
รวม ๑๑,๐๓๖ ราย วงเงิน ๑๗,๔๓๔ ล้านบาท (๓) การอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ
โดยแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องและนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในกระบวนการพิจารณาอนุญาตต่าง
ๆ (๔) การดำเนินมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดมาตรการจูงใจให้เกษตรกรตัดอ้อยสด
ซึ่งสามารถลดการเผาอ้อยได้ ๑.๒ ล้านไร่ และลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 จากการเผาอ้อย
รวมทั้งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสะอาดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จำนวน ๕,๐๐๐
ตันคาร์บอนไดออกไซด์ และ (๕) การดำเนินงานในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
เช่น การพักชำระหนี้และเพิ่มวงเงินสินเชื่อ จำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท
การขับเคลื่อนมาตรการฟื้นฟูผู้ประกอบการภายใน ๙๐ วัน การแจกจ่ายหน้ากากอนามัย
เจลแอลกอฮอล์ ถุงยังชีพ และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ตู้อุตสาหกรรมปันสุข เป็นต้น
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9927 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2560 พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร.12 | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ
พ.ศ. ๒๕๕๑ และนำสาระสำคัญของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. .... มารวมไว้ในร่างพระราชกฤษฎีกาฯ
รวมถึงกำหนดให้ยุบรวมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ
(ก.น.จ.) ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการฯ
และคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการฯ
มาจัดตั้งเป็นคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ (ก.บ.บ.)
และกำหนดให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับผิดชอบงานเลขานุการของ
ก.บ.บ. ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. โดยคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยสำนักงบประมาณเห็นว่า (๑) ร่างมาตรา ๗ (๖)
ที่กำหนดให้การบริหารงบประมาณของจังหวัดให้เป็นไปตามวิธีการบริหารงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ
ตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติตามที่ ก.บ.บ. กำหนดตามข้อเสนอแนะของสำนักงบประมาณ นั้น
กรณีตามร่างมาตรา ๗ (๖) อาจเป็นการเพิ่มขั้นตอนและเป็นภาระในการดำเนินงานเกินความจำเป็น
เห็นควรที่จะมีการทบทวนกรณีดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง (๒) ร่างมาตรา ๙ (๔)
ที่กำหนดหน้าที่และอำนาจของ ก.บ.บ. ในการพิจารณา กลั่นกรอง
และให้ความเห็นชอบตามแผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนพัฒนาภาค แผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด
แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด งบประมาณจังหวัดและงบประมาณกลุ่มจังหวัด
ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ นั้น
การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นกรณีที่กำหนดขึ้นโดยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ จึงควรตัดข้อความ “ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ” ออก และ (๓)
ร่างมาตรา ๓๕ วรรคสอง
กำหนดว่าในกรณีที่สำนักงบประมาณกำหนดให้จังหวัดจัดทำรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณตามแบบที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกำหนด
เมื่อจังหวัดได้จัดส่งสำเนาให้สำนักงบประมาณตามวรรคหนึ่งแล้ว
ให้ถือว่าจังหวัดได้จัดทำรายงานดังกล่าวแล้ว เห็นว่าข้อความดังกล่าวไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ จึงเห็นควรตัดข้อความในวรรคสองออก ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ.
๒๕๖๐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๖๐
เนื่องจากถูกนำไปรวมไว้เป็นส่วนหนี่งของร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ
พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. โดยคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9928 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางกร่าง อำเภอเมืองนนทบุรี ตำบลบางเลน และตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี พ.ศ. .... | คค. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางกร่าง
อำเภอเมืองนนทบุรี ตำบลบางเลน และตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางกร่าง
อำเภอเมืองนนทบุรี ตำบลบางเลน และตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี
เพื่อสร้างทางหลวงชนบท ตามโครงการก่อสร้างถนนต่อเชื่อมสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
บริเวณถนนนนทบุรี ๑ (สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์) กับถนนกาญจนาภิเษก เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัด
รวมทั้งเพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่ง
อันเป็นกิจการสาธารณูปโภค ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ก่อนการก่อสร้างทางหลวงชนบททุกเส้นทาง ขอให้กรมทางหลวงชนบทให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงชนบทกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กรมการขนส่งทางบก
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท
และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) พิจารณาจัดแผนบูรณาการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่
โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะระบบรอง
และการพัฒนาโครงข่ายถนนสายรองที่จะช่วยรองรับการเดินทางเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วง
ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9929 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนเมษายน - มิถุนายน 2563) | นร.11 | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๓)
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วย ความคืบหน้า
ปัญหาอุปสรรค และการดำเนินการในระยะต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ความคืบหน้ากิจกรรมสำคัญตามแผนการปฏิรูปประเทศ ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๓ ประกอบด้วย
(๑)
กิจกรรมสำคัญตามแผนการปฏิรูปประเทศที่มีลักษณะพัฒนาการจากงานเดิมเป็นประโยชน์ในเชิงปฏิรูป
มิใช่งานปกติและก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน เช่น ด้านการเมือง
ด้านกระบวนการยุติธรรม และด้านเศรษฐกิจ เป็นต้น และ (๒)
สถานะกฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๓
ไม่มีกฎหมายแล้วเสร็จเพิ่มเติม ๒. ปัญหาอุปสรรค
วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรให้ข้อเสนอแนะว่ากิจกรรมที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่เป็นการปฏิรูป
และไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม
รวมทั้งอุปสรรคในการติดตามตรวจสอบการดำเนินกิจกรรมบางประการจากหน่วยงานที่รับผิดชอบตามแผนอาจขาดความชัดเจนในการขับเคลื่อนทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินการ
โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ปรับปรุงรูปแบบการรายงานในรอบการรายงานครั้งนี้แล้ว
ประกอบกับที่ประชุมร่วมประธานกรรมการปฏิรูปประเทศทุกคณะ ในการประชุมครั้งที่
๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ได้เห็นชอบเค้าโครงการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศให้มีความกระชับและชัดเจนยิ่งขึ้น ๓.
การดำเนินการในระยะต่อไป
คณะกรรมการปฏิรูประเทศอยู่ระหว่างการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ และ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ โดยคำนึงถึงสถานการณ์ของประเทศที่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากช่วงการจัดทำแผนการปฏิรูปประเทศที่ผ่านมา
ตลอดจนบริบทต่าง ๆ และผลกระทบทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ นอกจากนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศอยู่ระหว่างเตรียมการจัดรับฟังความคิดเห็นผ่านช่องทางต่าง
ๆ เช่น ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ nscr.nesdc.go.th/Line @nscr และจดหมายราชการถึงทุกหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศ ในวันที่ ๒-๓
กันยายน ๒๕๖๓ ณ ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้แจ้งหน่วยงานของรัฐ เช่น
กระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชนทุกหน่วยงานร่วมแสดงความคิดเห็นต่อแผนการปฏิรูปประเทศที่เกี่ยวข้อง
และสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นเสนอคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเพื่อใช้ประกอบการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9930 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า
อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว
จังหวัดพังงา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยแก้ไขมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมที่เนื้อหาไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดในแผนที่ท้ายประกาศฯ
เพื่อให้มีความชัดเจนในการบังคับใช้
รวมทั้งปรับปรุงมาตรการที่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนหรือขัดต่อการดำเนินโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค
สาธารณูปการ โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น หรือนโยบายภาครัฐต่าง ๆ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9931 | มอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.07 | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบปรับปรุงแก้ไขคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๓๖๘/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เรื่อง
แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒.
ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9932 | ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค เรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Virtual Ministers Responsible for Trade Meeting on Covid - 19: VMRT) | พณ. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค
เรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Virtual
Ministers Responsible for Trade Meeting on Covid-19 : VMRT) โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์
(นายสรรเสริญ สมะลาภา) เป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๕
กรกฎาคม ๒๕๖๓ โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อรับมือกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
และเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาค
ของรัฐมนตรีการค้าเอเปคและผู้แทนระดับสูงของแต่ละเขตเศรษฐกิจ (๒) การกล่าวถ้อยแถลงของประเทศไทย
เช่น การสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีและเสริมสร้างความโปร่งใสในการแจ้งมาตรการรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ต่อองค์การการค้าโลก (WTO) การส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและใช้มาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้า
รวมทั้งการเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อโดยเฉพาะการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว
และการรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่การผลิตและส่งเสริมการมีห่วงโซ่อุปทานที่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
เป็นต้น และ (๓) การร่วมรับรองแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค และปฏิญญาเรื่องการอำนวยความสะดวกทางการค้าในการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีความจำเป็น
โดยรัฐมนตรีการค้าเอเปค ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9933 | เสนอคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | มท. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์การบริหารส่วนจังหวัดก่อน
และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบต่อไป
สำหรับการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประเภทอื่นจะได้พิจารณาในโอกาสต่อไป
โดยคำนึงถึงสถานการณ์ เช่น ระยะห่างกับการดำเนินการตามกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
(การลงประชามติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ)
และความพร้อมของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9934 | ขอความเห็นชอบแก้ไขสถานที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย | มท. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงสถานที่ที่จะดำเนินงานก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย จาก
แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เป็น แขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน
กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ในการดำเนินแผนงาน/โครงการต่าง ๆ
ของกระทรวงมหาดไทยเสนอในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงมหาดไทยถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง
การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ
และการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ)
ที่ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า
ตลอดจนตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามโครงการนั้น ๆ อย่างละเอียด รอบคอบ
ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติก่อน อย่างเคร่งครัด
๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9935 | ขอขยายเวลาการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร | นร.51 | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่อง
ขอขยายเวลาการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ออกไปก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9936 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายเหรียญชัย ลิขิตพฤกษ์) | นร.04 | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง
นายเหรียญชัย ลิขิตพฤกษ์ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9937 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... | กค. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการติดตาม
ประเมินผล
และรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการติดตาม
ประเมินผล
และการรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงการคลังจะต้องรายงานผลสัมฤทธิ์ที่รัฐบาลได้รับจากการใช้จ่ายเงินกู้ตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ด้วยอยู่แล้ว
จึงไม่จำเป็นต้องกำหนดให้รายงานสรุปผลดังกล่าวเพิ่มเติมแต่อย่างใด เป็นต้น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการติดตามและประเมินผลและรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงาน/โครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9938 | การเลื่อนเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) | กก. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยเลื่อนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์
ครั้งที่ ๕ จากเดิม ในปี พ.ศ. ๒๕๖๙ (ค.ศ. ๒๐๒๖) เป็น ในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ (ค.ศ. ๒๐๓๐)
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับแผนการดำเนินการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันยูธโอลิมปิกเกมส์ให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่เลื่อนการแข่งขันดังกล่าว
และควรพิจารณาจัดทำแผนการดำเนินการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพให้มีความชัดเจน
โดยเฉพาะการจัดเตรียมข้อมูลความพร้อมในการจัดการแข่งขันของประเทศไทยต่อคณะกรรมการโอลิมปิกสากล
ทั้งด้านสนามแข่งขัน การเดินทางในช่วงการแข่งขัน การสนับสนุนการจัดการแข่งขันที่ต่อเนื่องของภาครัฐและเอกชน
และการจัดกิจกรรมด้านการศึกษาและวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนกำหนดระยะเวลาที่จะนำเสนอข้อมูลให้มีความเหมาะสม ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการได้รับเลือกเป็นประเทศเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9939 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าร้อยเอ็ด | ทส. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าร้อยเอ็ด
เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐานที่สำคัญและอนุรักษ์เมืองเก่าไว้เป็นมรดกของอนุชนรุ่นหลัง
รวมทั้งส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม
โดยขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าร้อยเอ็ดมีเนื้อที่ทั้งหมด ๓.๐๑ ตารางกิโลเมตร
ครอบคลุมอาณาบริเวณกำแพงเมือง-คูเมืองร้อยเอ็ด วัด โบราณสถาน
และพื้นที่ย่านการค้าที่สำคัญ
ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า ครั้งที่
๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ได้มีมติเห็นชอบแล้ว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าประสานความร่วมมือกับภาคประชาชนและหน่วยงานในระดับท้องถิ่น
เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อการมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าร้อยเอ็ดในทุกมิติ
และ (๒) ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น
รวมถึงองค์กรภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการนำกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่เมืองเก่าร้อยเอ็ดไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้หน่วยงานปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว
ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้ใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
ไปพลางก่อน หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดขับเคลื่อนการดำเนินการตามมาตรการจูงใจหรือสิทธิประโยชน์ต่าง
ๆ
สำหรับเจ้าของที่ดินและเจ้าของอาคารในพื้นที่ขอบเขตเมืองเก่าที่กำหนดไว้ตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าต่าง
ๆ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
รวมทั้งให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าติดตามและประเมินผลการกำหนดขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าและการดำเนินการตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าต่าง
ๆ ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีไปแล้วด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9940 | ขอความเห็นชอบการปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุดของการประปานครหลวง | มท. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การประปานครหลวงปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุดจาก
๑๑๓,๕๒๐ บาท เป็น ๑๔๒,๘๓๐ บาท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ ตุลาคม
๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย (การประปานครหลวง)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
การปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุดของการประปานครหลวงควรพิจารณาค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
โดยคำนึงถึงสถานะทางการเงิน ผลการดำเนินงานของกิจการ
มีการจัดทำแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้
เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
เพื่อไม่ให้ส่งผลผลกระทบภาระงบประมาณ
โดยคำนึงถึงหลักความคุ้มค่าและประหยัดในการใช้จ่ายงบประมาณ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |