ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 492 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 9821 - 9840 จากข้อมูลทั้งหมด 124181 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9821 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางพันทิพา เอี่ยมสุธา เอกะโรหิต และ นายนิกรเดช พลางกูร) | กต. | 03/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นางพันทิพา เอี่ยมสุทธา เอกะโรหิต ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน
๒. นายนิกรเดช พลางกูร ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9822 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต | กค. | 03/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ๒ คน ๑.๑ นางดาราพร ถิระวัฒน์ ๑.๒. นายอรรถพล อรรถวรเดช ๒.
ด้านการเงินการธนาคาร ๑ คน นางอัมพร ปุรินทวรกุล ๓.
ด้านคอมพิวเตอร์ ๑ คน นายอนุชิต
อนุชิตานุกูล ๔. ผู้แทนผู้ประกอบการค้าด้านธุรกิจภาคเอกชน
๑ คน นายธีรนันท์ ศรีหงส์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9823 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองน้ำหู เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองน้ำหู
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองน้ำหู ในท้องที่ตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง
จังหวัดระยอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
จากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา
หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9824 | ประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่อง นโยบายการตรวจเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | ตผ. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
เรื่อง นโยบายการตรวจเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน
พ.ศ. ๒๕๖๓
เพื่อให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนการตรวจสอบและแผนการปฏิบัติราชการ
อันจะส่งผลให้การตรวจเงินแผ่นดินและการใช้จ่ายเงินของหน่วยรับตรวจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน
ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9825 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านดู่ ตำบลนางแล และตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | คค. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบ้านดู่ ตำบลนางแล และตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านดู่
ตำบลนางแล และตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างทางหลวงชนบท
สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ กับทางหลวงชนบท ชร.๕๐๒๓ และขยายถนน
สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ กับถนนบ้านฝั่งหมิ่น-บ้านหนองบัวแดง
และสร้างทางหลวงชนบทสายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒๐๗ กับถนนเลี่ยงเมืองเชียงราย
ส่วนที่ ๒ (กม.ที่ ๑๕+๕๒๐)
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการจราจรที่คับคั่งบริเวณสี่แยกศูนย์ราชการ
พร้อมบริเวณใกล้เคียง
และเป็นการเปิดพื้นที่ของการพัฒนาด้านเหนือของสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวงเชียงราย
เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของเมืองในอนาคต และสนับสนุนการพัฒนาเมืองเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางทางภาคเหนือตอนบน
รวมทั้งเป็นประตูการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน
ตลอดจนเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ก่อนการก่อสร้างทางหลวงชนบททุกเส้นทาง ขอให้กรมทางหลวงชนบทให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงชนบทกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาจัดลำดับความสำคัญและบูรณาการแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่เมืองเชียงราย
และรองรับการขยายตัวของเมืองเพื่อประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9826 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน
ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การจัดฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(อปท.) โดย อปท. ทุกแห่งได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติฯ
ครบถ้วนและบันทึกรายชื่อผู้สมัครในระบบรายงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Report)
ของกรมการปกครอง ๔๓๕,๗๓๕ คน และได้จัดฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติฯ
ใน ๖๒ จังหวัด ๑,๔๔๑ อปท. มีผู้ผ่านการอบรมแล้ว จำนวน ๗๔,๔๖๖ คน ๒. การฝึกอบรม
“จิตอาสาราชทัณฑ์ (จอส.รท.)”
เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังที่มีจิตอาสาได้เข้าร่วมโครงการในการเป็นจิตอาสาช่วยเหลือเรือนจำและสังคม
โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจแก่ตัวผู้ต้องขัง
ซึ่งมีหลักสูตรระยเวลาการฝึกอบรม จำนวน ๓ วัน ชั่วโมงการศึกษา ๑๕ ชั่วโมง หมวดวิชา
จำนวน ๗ วิชา ผู้เข้ารับการฝึกอบรมตั้งแต่ ๒๐ คนขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๕๐ คน ต่อรุ่น ๓.
โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า โดยศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้จัดทำโครงการดังกล่าว
โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมายดำเนินโครงการในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น ๑ และชั้น ๒ ครอบคลุมป่าต้นน้ำ
ป่าชายเลน ป่าพรุ และที่ดินของรัฐประเภทอื่น ๆ ไม่น้อยกว่า ๒.๖๘ ล้านไร่ ในพื้นที่
๗๖ จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ในช่วงปี ๒๕๖๓-๒๕๗๐ ๔.
การจัดกิจกรรมจิตอาสา เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ได้แก่ การจัดกิจกรรมจิตอาสา
“ชีวิตใหม่ใต้ร่มพระบารมี...เราสร้างไปด้วยกัน” และการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา
บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ๕.
ข้อมูลจำนวนจิตอาสาและกิจกรรมจิตอาสา ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ มีจิตอาสาลงทะเบียน
รวมทั้งสิ้น ๖,๖๖๑,๐๔๗ คน โดยมีการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา จำนวน ๔๙,๘๔๔ ครั้ง และกิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติฯ
จำนวน ๖๒๗ ครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9827 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมกระเช้าไฟฟ้า พ.ศ. .... | มท. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมกระเช้าไฟฟ้า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการก่อสร้าง การอนุญาตให้ใช้ การตรวจสอบมาตรฐานการรับน้ำหนัก
ความปลอดภัย และคุณสมบัติของวัสดุหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นเกี่ยวเนื่องกับกระเช้าไฟฟ้า
และการกำหนดให้กระเช้าไฟฟ้าเป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้งาน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในเรื่องนี้ให้สอดคล้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒ มกราคม ๒๕๖๓ (เรื่อง แนวทางการทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ อนุญาต
ของทางราชการ) และให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยที่เห็นควรเพิ่มเติมมาตรการความปลอดภัยใน
หมวด ๒ ข้อ ๒๐ ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวด้วยการจัดให้มีพื้นที่หรือห้องพร้อมเตียงปฐมพยาบาล
ยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นสำหรับการปฐมพยาบาล
และ/หรือการช่วยฟื้นคืนชีพเบื้องต้นตามความเหมาะสม นอกจากนี้ ในร่างข้อ ๑๒ การที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นตรวจสอบเพื่อออกใบรับรอง
ต้องเป็นกรณีที่เห็นว่าการดำเนินการเป็นไปโดยถูกต้องตามที่ได้รับอนุญาต และนำส่งเอกสารหลักฐานครบถ้วน
ซึ่งถ้อยคำในส่วน “...และมีผลการพิจารณาตรวจสอบ พร้อมทั้งจัดให้มีการประกันภัยตามข้อ
๑๑...” ควรแก้ไขเป็น “...และมีผลการพิจารณาตรวจสอบและทดสอบกระเช้าไฟฟ้า
พร้อมทั้งหลักฐานการจัดให้มีการประกันเพื่อประกันความรับผิดชอบของบุคคลภายนอก ตามที่กำหนดในข้อ
๑๑ วรรคสอง...” เพื่อให้เกิดความชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีและความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาลเกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ และกรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น
เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารควบคุมการขออนุญาตก่อสร้าง การตรวจสอบและทดสอบความมั่นคงแข็งแรง
มาตรฐานความปลอดภัย
และคุณสมบัติของวัสดุหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นเกี่ยวเนื่องกับกระเช้าไฟฟ้า
รวมทั้งการปฏิบัติอื่น ๆ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเข้มงวดต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9828 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการและความร่วมมือทางนิติวิทยาศาสตร์ | ยธ. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
กระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการและความร่วมมือทางนิติวิทยาศาสตร์
(Draft Memorandum of Understanding between The Central Institute
of Forensic Science, Ministry of Justice of the Kingdom of Thailand and
Institute of Forensic Science, Ministry of Public Security of China on Forensic
Science Academic Exchange and Cooperation) และให้ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือและช่วยเหลือด้านการเสริมสร้างศักยภาพเกี่ยวกับ
(๑) การพัฒนาวิชาชีพ (การแลกเปลี่ยนบุคลากรและการฝึกอบรม) และ (๒) การพัฒนาเทคนิค
(การพัฒนาฐานข้อมูลด้านไบโอเมตริกส์และการพัฒนาเทคนิค วิธีการและเทคโนโลยี
ผู้เชี่ยวชาญและสมรรถนะห้องปฏิบัติการในการตรวจดีเอ็นเอ (DNA) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
และข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ เช่น
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยงานตามความจำเป็นและเหมาะสม
และควรพิจารณาหลักประกันในการป้องกันไม่ให้ต่างชาติเข้าถึงระบบฐานข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลของไทย
เป็นต้น ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9829 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อขอขยายระยะเวลาการนำส่งเงินของโรงงานเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายสำหรับฤดูการผลิตปี
๒๕๖๐/๒๕๖๑ และฤดูการผลิตปี ๒๕๖๑/๒๕๖๒
โดยให้โรงงานน้ำตาลทรายต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายภายใน ๑๘๐ วัน
นับตั้งแต่วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรเร่งรัดกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ และปี ๒๕๖๑/๒๕๖๒
เพื่อให้การบังคับใช้ร่างระเบียบดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9830 | การอนุญาตให้เรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) เข้ามาในราชอาณาจักร (ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ) | คค. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดคุณสมบัติของคนต่างด้าวที่มีสิทธิขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ
[Special Tourist Visa (STV)] รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวโดยเรือสำราญและกีฬา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น (๑)
ควรพิจารณาให้บุคคลต่างด้าวที่มีความประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศไทยเข้ากักตัวในโรงแรมที่พักที่เป็นสถานที่กักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก
หรือสถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือกในราชอาณาจักรไทย แทนการกักตัวภายในเรือ
เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อระหว่างกันของคนต่างด้าวภายในเรือ (๒)
ควรคำนึงถึงความพร้อมของแนวทางในการบริหารจัดการของท่าเรือที่จะรองรับนักท่องเที่ยว
และ (๓)
ควรหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดเพื่อให้สามารถเกิดผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9831 | ขออนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี 2563 ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย | กษ. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี ๒๕๖๓ ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน
ประจำประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
(กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ร่วมกับฝ่ายจีนภายในเดือนตุลาคม
๒๕๖๓) โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจากฝ่ายจีนให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
อย่างสูงสุด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9832 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมให้แก่โรงงานของมูลนิธิชัยพัฒนา พ.ศ. .... | อก. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมให้แก่โรงงานของมูลนิธิชัยพัฒนา
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บตามพระราชบัญญัติโรงงาน
พ.ศ. ๒๕๓๕
และที่แก้ไขเพิ่มเติมให้แก่โรงงานของมูลนิธิชัยพัฒนาที่ได้ดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
เพื่อเป็นการส่งเสริมโรงงานของมูลนิธิและลดภาระค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมของมูลนิธิชัยพัฒนา
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9833 | รายงานการเกิดเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วและเพลิงไหม้ ระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ท่อคู่ขนานเส้นที่ 2 บนบก | พน. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเกิดเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วและเพลิงไหม้
ระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ท่อคู่ขนานเส้นที่ ๒
บนบก ซึ่งเป็นการรายงานข้อเท็จจริงและสถานการณ์ปัจจุบันของเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วและเพลิงไหม้
ระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ท่อคู่ขนานเส้นที่ ๒
บนบก เนื่องจากก๊าซธรรมชาติยังคงเป็นเชื้อเพลิงหลักของประเทศไทยในการผลิตไฟฟ้า
รวมถึงใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม
อีกทั้งเป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9834 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ | ปช. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
รวม ๕ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านการจัดทำระบบฐานข้อมูล (๒) ด้านกระบวนการจัดทำขอและการจัดสรรงบประมาณ
(๓) ด้านการเบิกจ่ายงบประมาณ (๔) ด้านการติดตามและประเมินผล และ (๕) ด้านการแจ้งเบาะแส
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะฯ
ดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการ โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า
หากมีการโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรนอกเหนือจากที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้
หน่วยรับงบประมาณต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ตามข้อ ๑๑
ของหลักเกณฑ์ว่าด้วยการใช้งบประมาณรายจ่าย
การโอนเงินจัดสรรหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร พ.ศ. ๒๕๖๒
ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9835 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 25/2563 และครั้งที่ 26/2563 | นร.11 | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๕/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๖/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ ที่พิจารณาอนุมัติโครงการ
รวมทั้งรับทราบผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓
และวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ ของมหาวิทยาลัยมหิดล จังหวัดตรัง จังหวัดปราจีนบุรี
และจังหวัดกระบี่ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติมว่า
ขอแก้ไขข้อความในหนังสือคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ด่วนที่สุด ที่ นร
๑๑๐๖/(คกง.) ๓๗๑ ลงวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๓ หน้า ๑๓ ข้อ ๓.๔.๔ ให้ถูกต้อง
จากเดิมความว่า “๒) มอบหมายให้กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ
และดำเนินการ ดังนี้” เป็น “๒)
มอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ
และดำเนินการ ดังนี้” ๒.
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น (๑)
ให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด และ (๒)
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
โดยเฉพาะการแก้ไขปรับปรุงข้อมูลของโครงการในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR)
และเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของแหล่งเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการ
ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา
แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9836 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดปราจีนบุรี จากเดิม ๑๑ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๓) เป็น ๑๓ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๕) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการเดิม จำนวน ๙,๐๗๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
เช่น (๑) ควรให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่ที่ยังมีปัญหาเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสนอแนะแนวการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นกับพื้นที่
และควรทำการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ทราบความเป็นมาและความสำคัญของโครงการฯ
เพื่อสร้างการรับรู้ การยอมรับและความต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ (๒)
ควรดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนปฏิบัติการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
และ (๓) ควรเร่งรัดการดำเนินงานให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อให้ราษฎรได้ใช้ประโยชน์จากการดำเนินโครงการฯ
ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9837 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | พณ. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากฝ่ายจีนให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านข้าง
อย่างสูงสุด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า
ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
เป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของกระทรวงพาณิชย์ที่สามารถดำเนินการได้
โดยไม่ต้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9838 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการให้สารสนเทศด้านน้ำของแม่น้ำล้านช้างตลอดทั้งปีโดยประเทศจีน แก่ประเทศสมาชิกคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำ ของกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง และร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการแบ่งปันสารสนเทศความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำของแม่โขง - ล้านช้าง | นร.14 | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการให้สารสนเทศด้านน้ำของแม่น้ำล้านช้างตลอดทั้งปีโดยประเทศจีนแก่ประเทศสมาชิกคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำ
(Joint Working Group on Water Resources : JWG) ของกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
(Mekong-Lancang Cooperation : MLC) รวมทั้งร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการแบ่งปันสารสนเทศความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำของแม่โขง-ล้านช้าง
และอนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
และร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
และตอบสนองความจำเป็นในการบรรเทาอุทกภัยและภัยพิบัติของประเทศบนแม่น้ำโขง
โดยคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำของฝ่ายจีนตกลงที่จะส่งข้อมูลด้านอุทกวิทยาของแม่น้ำล้านช้างตลอดปีให้กับคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำของประเทศสมาชิกอีก
๕ ประเทศ ดำเนินการโดยยึดหลักความร่วมมือฉันท์มิตร ประโยชน์ร่วมกัน การไว้ใจซึ่งกันและกัน
และความเสมอภาคกัน
โดยฝ่ายจีนตกลงที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดหาข้อมูลด้านอุทกวิทยา รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องซึ่งเกิดจากการจัดส่งข้อมูลดังกล่าวให้แก่คณะทำงานร่วมฯ
ส่วนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการสร้างแพลตฟอร์มการแบ่งปันข้อมูลความร่วมมือทรัพยากรน้ำแม่โขง-ล้านช้าง
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
หรือร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับข้อมูลอุทกวิทยาสำหรับแม่น้ำโขงซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประเมินสถานการณ์และป้องกันภัยพิบัติต่าง
ๆ ที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชนบริเวณแม่น้ำโขง
จึงควรพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะผลักดันให้มีการหารือในเรื่องนี้ระหว่างการประชุม MLC
ระดับรัฐมนตรี เพื่อยกระดับความร่วมมือให้มีสถานะเป็นสนธิสัญญา
ซึ่งหากมีการละเมิดพันธกรณีตามสนธิสัญญา ก็จะมีความรับผิดของรัฐ (State
Responsibility) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9839 | แนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ พ.ศ. 2563-2565 | นร.10 | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ เพื่อเป็นกรอบแนวทางสำคัญให้บุคลากรภาครัฐ ส่วนราชการ
และหน่วยงานภาครัฐนำไปดำเนินการด้านการพัฒนาบุคลากรภาครัฐให้เป็นทิศทางเดียวกัน โดยมีสาระสำคัญครอบคลุม
๓ ประเด็น ได้แก่ (๑)
ระบบนิเวศในการทำงานส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้และการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
(๒) พัฒนากรอบทักษะ เพื่อการทำงานในยุคดิจิทัลและศตวรรษที่ ๒๑
และการสร้างนวัตกรรมที่ตอบสนองต่อการขับเคลื่อนภารกิจตามแผนการปฏิรูปประเทศ
แผนยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนการพัฒนาระบบราชการในอนาคต และ (๓)
ปลูกฝังบุคลากรภาครัฐให้มีกรอบความคิดในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง การมุ่งเน้นประโยชน์ส่วนรวมและทำงานบนหลักคุณธรรม
ประยุกต์หลักสากลอย่างเหมาะสม
และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในบริบทที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ตามที่สำนักงาน
ก.พ. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ.ร. และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน
เช่น (๑) ควรพิจารณาจัดการพัฒนาที่เป็นส่วนกลางร่วมด้วย
เนื่องจากการมอบแนวทางให้แต่ละส่วนงานดำเนินการเองนั้น
อาจดำเนินการได้ไม่ครบถ้วนถูกต้องและไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน (๒) ควรพิจารณาบูรณาการหรือผสานแนวทางการดำเนินงานตามแนวทางพัฒนาบุคลากรภาครัฐฯ
ร่วมกับแนวทางการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ (พ.ศ.
๒๕๖๑-๒๕๖๕) (๓) ควรจัดทำคำอธิบายและคำนิยามของตัวชี้วัดส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐ
หลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินผล
รวมทั้งเครื่องมือการวัดผลที่สะท้อนการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดได้อย่างชัดเจน และ (๓)
แต่ละหน่วยงานควรเชื่อมโยงการประเมินผลการเรียนรู้และพัฒนาตนเองของบุคลากรกับระบบประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปี
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. สำหรับภาระงบประมาณที่เกิดจากการดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐฯ
ให้หน่วยงานภาครัฐจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประกอบการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9840 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 13/2563 | นร.04 | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) สถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒)
ความคืบหน้าการพัฒนาและผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 (๓)
การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามแนวชายแดน (๔) ความคืบหน้าการดำเนินมาตการผ่อนคลายการบังคับใช้กฎหมาย
และ (๕)
การพิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(คราวที่ ๗) (๖) การขอเพิ่มจำนวนที่นั่งสำหรับผู้ชมกีฬา (๗) การใช้ Smart
Band สำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
และ (๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
เสนอ
|