ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 356 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 7101 - 7120 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7101 | ผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 20 | พณ. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ ๒๐ เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
ซึ่งมีเนการาบรูไนดารุสซาลาม เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยรองนายกรัฐมนตรี
(นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ได้มอบหมายให้รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
(นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย) เข้าร่วมการประชุมฯ สรุปได้ ดังนี้ (๑) การประชุมระหว่าง AEC Council
และรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล
ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการร่วมมือระหว่างเสาประชาคมและองค์กรรายสาขา
โดยเน้นย้ำการสนับสนุนวิสาหกิจขาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อยให้สามารถใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิทัลและตระหนักถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์
(๒) การประชุมระหว่าง AEC Council
ครั้งที่ ๒๐ เช่น ๑) รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการในประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจที่บรูไนจะผลักดันให้บรรลุผลสำเร็จในปี
๒๕๖๔ รวม ๑๓ ประเด็น ดำเนินการแล้วเสร็จ ๗ ประเด็น เช่น
การจัดทำกรอบการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนของอาเซียน ๒) รับทราบความคืบหน้าการจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนหลังปี
ค.ศ. ๒๐๒๕ เช่น การเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นดิจิทัล เทคโนโลยี และนวัตกรรม
สถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และความขาดแคลนทรัพยากร ๓) เห็นชอบข้อเสนอแนะและของคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อผู้นำอาเซียน
เช่น มุ่งเน้นข้อริเริ่มที่มีคุณภาพและพร้อมรับความท้าทายใหม่ ๆ
และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกลไกการดำเนินการ ติดตาม และประเมินผล ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7102 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 3 ฉบับ | นร.05 | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.
ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๔๑) ลงวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม
โดยขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรคภายใต้มาตรการข้อกำหนดฯ
(ฉบับที่ ๓๗) ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๔ ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป รวมทั้งดำเนินมาตรการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งหน่วยงานหรือสถานประกอบการ
(Work From Home) ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้น ๒.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๑/๒๕๖๕ เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม
และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๘ มกราคม
พ.ศ. ๒๕๖๕
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ
ได้แก่ ยกเลิกพื้นที่เฝ้าระวังสูง และกำหนดพื้นที่ควบคุม รวมทั้งสิ้น ๖๙ จังหวัด
และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งสิ้น ๒๖ จังหวัด (พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว
ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดกระบี่ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดชลบุรี
จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพังงา และจังหวัดภูเก็ต) ๓.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๒/๒๕๖๕ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๑)
ลงวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญเป็นการระงับการลงทะเบียนการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
ยกเว้นกรณีการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
และรับการลงทะเบียนการเดินทางเข้าราชอาณาจักรในพื้นที่จังหวัดกระบี่ จังหวัดพังงา จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะเต่า เกะพะงัน และเกาะสมุย)
ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป
โดยให้มีหลักฐานการชำระค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนดอย่างน้อย ๗
วัน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7103 | ร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. …. | นร.05 | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง
พ.ศ. .... (ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕) ตามแนวทางการตรวจพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา
(คณะที่ ๒) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7104 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา
ตามร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รับเงื่อนไขของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนไปดำเนินการต่อไป
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การกำหนดระเบียบ ข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคล
งบประมาณ การพัสดุ รวมถึงค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘
หรือกฎหมายอื่นใดที่กระทรวงการคลังกำหนด เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ
มีความคุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้ และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ ๑) กรณีจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา
เพื่อพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันอุดมศึกษาและส่งเสริมการผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทางตามความต้องการของประเทศ
จะต้องเป็นไปตามความจำเป็นในการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ
ก่อให้เกิดความเป็นธรรมทางสังคม และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินของกองทุนดังกล่าวจะต้องไม่มีความซ้ำซ้อนกับภารกิจในลักษณะเดียวกับของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
๒) สำหรับแหล่งเงินจากภาครัฐที่จะนำมาใช้จ่ายจะต้องเป็นไปเท่าที่จำเป็น
โดยสถาบันอุดมศึกษาพึงจัดสรรงบประมาณเงินรายได้ทั้งภาครัฐและเอกชน
เพื่อการบริหารจัดการกองทุนเป็นลำดับแรก รวมถึงการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนเป็นสำคัญ
ตลอดจนจะต้องไม่กำหนดวงเงินทุนประเดิมไว้เป็นการเฉพาะในการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว
ทั้งนี้ ควรใช้มาตรการหรือกลไกทางภาษี
และกำหนดให้บุคคลผู้บริจาคทรัพย์ส่งเข้ากองทุนได้รับประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี
อันจะนำไปสู่การแบ่งเบาภาระของภาครัฐในภาพรวมยิ่งขึ้น และ ๓)
ควรจัดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงานของกองทุน
โดยกำหนดรอบการประเมินอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์
โดยคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์สูงสุดที่ภาครัฐและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7105 | รายงานประจำปี 2563 ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) | พณ. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๓
ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) โดยมีสาระสำคัญสรุปได้
ดังนี้ (๑) การจัดฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ให้กับประชาชนและบุคลากรภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เช่น ด้านการค้า การลงทุน และการพัฒนาระหว่างประเทศ (๒) การดำเนินโครงการวิจัย
จำนวน ๗ เรื่อง เช่น การพัฒนาเครือข่ายการค้าสินค้าเชิงสร้างสรรค์ในจังหวัดหนองคาย
การพัฒนานโยบายเพื่อสร้างความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือของภาคประชาสังคมเพื่อการพัฒนาประชาคมอาเซียนอย่างยั่งยืน
และ (๓) การดำเนินการด้านวิชาการและเผยแพร่ข้อมูลวิชาการผ่านช่องทางต่าง ๆ
และขยายเครือข่ายการสร้างองค์ความรู้และการให้บริการวิชาการเพื่อการค้าและการพัฒนาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7106 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. .... | อก. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร
รวม ๓ รายการ ได้แก่ ๑) ค่าจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ๒)
ค่าเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนซึ่งเจ้าพนักงานได้ประทับหรือทำไว้ที่เครื่องจักร
และ ๓) ค่าคัดสำเนาเอกสารพร้อมด้วยคำรับรองว่าถูกต้อง ให้แก่เจ้าของเครื่องจักร
ออกไปอีก ๑ ปี โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๒๑
มกราคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่ควรเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนการรายงาน ติดตาม และประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินมาตรการดังกล่าว
เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณายกเว้นค่าธรรมเนียมรายการค่าคัดสำเนาเอกสารพร้อมด้วยคำรับรองว่าถูกต้อง
หรือค่าธรรมเนียมอื่นซึ่งมีลักษณะเป็นค่าบริการในพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร
พ.ศ. ๒๕๑๔
เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ ในโอกาสต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7107 | รายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ ครั้งที่ 9 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | มท. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ
ครั้งที่ ๙ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบการประชุมทางไกล
เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ โดยมี นายเค
ชันมูกัม (Mr. K. Shanmugam) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกฎหมาย
สาธารณสิงคโปร์
เป็นประธานการประชุมฯ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายนิพนธ์ บุญญามณี) และผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย (พลตำรวจโท
ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) เป็นรองประธานการประชุมฯ มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) การประชุมระดับอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ
ครั้งที่ ๙ (The 9th ASEAN Ministerial Meeting on
Disaster Management : AMMDM) (๒)
การประชุมผู้นำภาคีเพื่อการดำเนินตามความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
ครั้งที่ ๑๐ [The 10th Meeting of the Conference of the
Parties (COP) to AADMER]
(๓) การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน-จีน ด้านการจัดการภัยพิบัติ ครั้งที่ ๑ (The
1th AMMDM Plus China) และ (๔ ) การประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-ญี่ปุ่น ด้านการจัดการภัยพิบัติ
ครั้งที่ ๑ (The 1th AMMDM Plus Japan) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7108 | ร่างพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. …. | พน. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง
พ.ศ. …. มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓
และพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
เพื่อปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีความชัดเจนและเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ควรใช้ระบบอนุญาตเพียงเท่าที่จำเป็น
โดยสามารถใช้ระบบการแจ้งในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องควบคุมเข้มงวดได้
การกำหนดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับอนุญาต
เป็นการกำจัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลต้องบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติเท่านั้น
การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมกระทบต่อสิทธิในทรัพย์สินของประชาชนจึงต้องกำหนดเพดานอัตราค่าธรรมเนียมไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติด้วย
ควรพิจารณาเพิ่มปรับมาตรการบังคับทางปกครองและโทษทางปกครองในกรณีผู้รับอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการประกาศให้สาธารณชนทราบว่า
ผู้รับอนุญาตผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
เพราะเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับธุรกิจเพื่อใช้
Reputation Risk เป็นเครื่องกำกับให้เกิดการปฏิบัติที่ดีในธุรกิจ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
๓.
ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรให้กระทรวงพลังงาน
โดยกรมธุรกิจพลังงานดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติฉบับนี้ให้เป็นไปตามแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อช่วยให้หน่วยงานสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7109 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. …. | นร. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน
พ.ศ. …. มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีองค์กรสภาวิชาชีพสื่อมวลชนเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและความเป็นอิสระของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนและส่งเสริมจริยธรรมสื่อมวลชน
เพื่อเป็นการดำเนินการตามมาตรา ๓๕
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและแผนการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี
โดยกรมประชาสัมพันธ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด
๑๖ การปฏิรูปประเทศของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒.รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยกรมประชาสัมพันธ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7110 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 1/2565 | นร.04 | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันศุกร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๕ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) ความก้าวหน้าการเปิดประเทศ
และการดำเนินการสำหรับพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว (Sandbox) (๓) การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ และมาตรการป้องกันควบคุมโรค (๔) การปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร
(๕) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 และแผนการจัดหายารักษาโรคโควิด-19 (ยาต้านไวรัส
Paxlovid) (๖) แนวทางการยกระดับการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ (๗) การจัดกิจกรรมการสอบของหน่วยงานภาครัฐ และ (๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7111 | การประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐเฉพาะกิจเพื่อจัดทำอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างครอบคลุมว่าด้วยการต่อต้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ทางอาชญากรรม | กต. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐเฉพาะกิจเพื่อจัดทำอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างครอบคลุมว่าด้วยการต่อต้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ทางอาชญากรรม
สมัยที่ ๑ มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๗-๒๘ มกราคม ๒๕๖๕ ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ
ณ นครนิวยอร์ก ในรูปแบบผสม ประกอบด้วย (๑) กระทรวงการต่างประเทศ (๒) สำนักงานอัยการสูงสุด
(๓) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (๔) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (๕)
สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (๖) กระทรวงยุติธรรม (๗)
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ (๘) หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้เอกอัครราชทูต
ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก หรือเอกอัครราชทูต
ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา เป็นหัวหน้าคณะ
ขึ้นอยู่กับสถานที่ของการประชุมฯ โดยไม่ต้องมีการเสนอองค์ประกอบคณะผู้แทนของฝ่ายไทยให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นรายกรณี
และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาจัดทำอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างครอบคลุมว่าด้วยการต่อต้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ทางอาชญากรรม
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ ในส่วนขององค์ประกอบของคณะผู้แทนไทย
อนุมัติให้มีผู้แทนของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเข้าร่วมการประชุมในฐานะผู้สังเกตการณ์ด้วย
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เกี่ยวกับการจัดทำสรุปผลการประชุมเผยแพร่ต่อสาธารณะไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7112 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน ในพื้นที่ศูนย์ราชการบริเวณ หมู่ที่ 6 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี แปลงที่ 21 และแปลงที่ 64 | อส. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน
ในการดำเนินการโครงการก่อสร้างสำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี
พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ พื้นที่ ศูนย์ราชการจังหวัดปัตตานี ตำบลรูสะมิแล
อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี แปลงที่ ๒๑ และแปลงที่ ๖๔ ในพื้นที่ป่าชายเลน ตำบลรูสะมิแล
อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เนื้อที่ ๓.๙๑ ไร่ (๓-๓-๖๔ ไร่) ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ
และให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าการดำเนินโครงการจะต้องคำนึงถึงความคุ้มค่ากับศักยภาพของที่ดินและดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โอนเงินจัดสรร
เปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
แล้วแต่กรณี ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7113 | รายงานข้อเท็จจริงและการดำเนินการเกี่ยวกับการกำกับดูแลธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ | กค. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเท็จจริงและการดำเนินการเกี่ยวกับการกำกับดูแลธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ได้แก่ การกำกับดูแลการออกแบบและเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัล
และการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7114 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ แบบการขอสัญชาติไทย การแปลงสัญชาติเป็นไทย การสละสัญชาติไทย การกลับคืนสัญชาติไทย และค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... | มท. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ แบบการขอสัญชาติไทย การแปลงสัญชาติเป็นไทย การสละสัญชาติไทย
การกลับคืนสัญชาติไทย และค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวง
(พ.ศ. ๒๕๑๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน
เช่น กำหนดสถานที่ยื่นคำขอ เอกสารหลักฐานในการยื่นคำขอ แบบคำขอสัญชาติไทย
การแปลงสัญชาติไทย สละสัญชาติไทย และกลับคืนสัญชาติไทย
กำหนดระยะเวลาการพิจารณาคำขอและตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอให้ชัดเจน
รวมทั้งกำหนดค่าธรรมเนียมให้สอดคล้องกับปัจจุบัน
อันจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการบริหาร
การรักษาความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของชาติ รวมทั้งการคุ้มครองสิทธิของประชาชน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7115 | สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 7 และครั้งที่ 8 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม-30 พฤศจิกายน 2564) | นร.04 | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๗ (ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๔) และครั้งที่ ๘ (ระหว่างวันที่
๑ มกราคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔)
ซึ่งสรุปรายงานดังกล่าวเป็นการรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายหลัก เช่น
การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
การสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุขของประเทศ
การทะนุบำรุงศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย
การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค เป็นต้น
และนโยบายเร่งด่วน เช่น การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน
การปรับปรุงระบบสวัสดิการคุณภาพชีวิตของประชาชน
มาตรการเศรษฐกิจเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม
การยกระดับศักยภาพของแรงงาน การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต
การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ ๒๑
การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
การพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7116 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (Covid-19)] (ฉบับที่ 7) | สธ. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด
19 [Coronavirus Disease 2019 (Covid-19)] (ฉบับที่ ๗) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขรายการซ้ำซ้อน
การแก้ไขลำดับ/รหัส/หน่วยของรายการ รวมถึงการปรับแก้อัตราค่าบริการบางรายการ
โดยเฉพาะค่าตรวจ Covid-19 Real
time และค่าห้องพัก (กรณี Hospitel)
ให้ลดลงจากเดิม เพื่อให้เป็นราคาเดียวกันกับค่าใช้จ่ายกรณี Hospitel Isolation
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปดำเนินการให้ถูกต้องเหมาะสม
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และกำกับ ติดตาม
ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพตามหลักเกณฑ์ฯ
และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
พร้อมกับดำเนินการใหเป็นไปตามหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลังด้วย และการปรับลดหลักเกณฑ์ดังกล่าวควรคำนึงถึงคุณภาพ
การให้บริการเป็นสำคัญ
เพื่อไม่ให้กระทบต่อการบริการและการให้ความคุ้มครองการรักษาพยาบาลของประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-๑๙
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7117 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 41/2564 | นร.11 สศช | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๑๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ ดังนี้
(๑) อนุมัติให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ
กรณีโครงการภายใต้แผนเร่งรัดการเข้าถึงวัคซีน COVID ๑๙ สำหรับประชาชนไทย โดยขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม
๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๕ (๒) อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาระบบสื่อสารสั่งการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขระดับกระทรวงและระดับเขตสุขภาพเป็น
SmartEOC โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ
เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม ๒๕๖๕ (๓) อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาศักยภาพระบบบริการสุขภาพ
รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (A๐๐๑) ของหน่วยงานส่วนภูมิภาค โดยขยายระยะเวลาดำเนินงานจากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม
๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม ๒๕๖๕ (๔) อนุมัติให้มหาวิทยาลัยนเรศวร
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่
: กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID ๑๙)
โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนเมษายน
๒๕๖๕ (๕) อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา
๓๓ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม
๒๕๖๕ (๖) อนุมัติให้กรมการพัฒนาชุมชน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่
ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” โดยระยะเวลาดำเนินงานใน ๔ กิจกรรมย่อย
(กิจกรรมที่ ๒ ๔ ๕ และ ๗) จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม
๒๕๖๕ (๗) อนุมัติให้จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดปัตตานี จังหวัดเลย จังหวัดตาก
จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ
โดยให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการโดยเร็ว และ (๘)
มอบหมายให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาดำเนินงานที่เสนอในครั้งนี้ รวมถึงรับความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติมตามมติคณะกรรมการฯ
ไปประกอบการดำเนินการโดยเคร่งครัดต่อไป ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งปฏิบัติตามข้อ
๑๙ และ ข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้อีก หากมีเงินเหลือจ่ายของโครงการนั้น ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลังโดยเร็ว ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7118 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ และนางสาวธิดารัช ธนภรรคภวิน) | มท. | 04/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
รวม ๒ คน แทนผู้ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออกและมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ มกราคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. นายอรรษิษฐ์
สัมพันธรัตน์ ประธานกรรมการ ๒. นางสาวธิดารัช
ธนภรรคภวิน กรรมการ
(บุคคลในบัญชีรายชื่อฯ และผู้ทรงคุณวุฒิในภาคธุรกิจ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7119 | ผลการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 27 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค. | 04/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน
ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล
โดยกระทรวงโยธาธิการและการขนส่งกัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม
สรุปได้ ดังนี้ (๑) การประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน
ครั้งที่ ๒๗
ที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นที่สำคัญ เช่น ด้านการขนส่งทางอากาศ
ได้รับทราบข้อสรุปของการจัดพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๑๒
ของบริการขนส่งทางอากาศ ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการเปิดเสรีบริการเสริมด้านการขนส่งทางอากาศของอาเซียน
ด้านการอำนวยความสะดวกการขนส่งได้ให้สัตยาบันพิธีสาร ๒ (ด่านพรมแดนที่กำหนด)
ภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดนครบถ้วน
และมีผลใช้บังคับแล้ว การเร่งรัดเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลเพื่อการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาคที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
รัฐมนตรีขนส่งอาเซียนได้แลกเปลี่ยนความเห็น เช่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทย
ได้กล่าวถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบขนส่งของไทยระยะ ๒๐ ปี
และโครงการด้านการขนส่งที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของอินโดนีเซีย ได้เน้นย้ำความสำคัญของการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ
รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ และ (๒) การประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน-จีน ครั้งที่ ๒๐
ที่ประชุมยืนยันความสำคัญของการจัดทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศระหว่างอาเซียน-จีน
และพิธีสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการส่งเสริมการเชื่อมโยงทางอากาศระหว่างกัน
และการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๙
ญี่ปุ่นสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งกัวลาลัมเปอร์ ปี
๒๕๕๙-๒๕๖๘ (แผนยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งอาเซียน)
เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7120 | แนวทางการยกร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... | นร.09 | 04/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแนวทางการยกร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ.
.... ของคณะกรรมการกฤษฎีกา
(คณะที่ ๒) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกลไกในการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรไม่แสวงหากำไร
เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน
รวมทั้งกำหนดกลไกในการกำกับดูแลการดำเนินงานขององค์กรไม่แสวงหากำไรให้เป็นไปอย่างเปิดเผย
โปร่งใส และเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวที่สำนักงานสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ยกร่างไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบของร่างกฎหมายตามมาตรา
๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๓.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เช่น ควรคำนึงถึงความสอดคล้องกับหน้าที่และอำนาจ
ตลอดจนภารกิจหลักของหน่วยงานนั้น ๆ เป็นสำคัญ กำหนดกลไกการกำกับดูแลให้เปิดเผย
โปร่งใส สนับสนุนหลักการ “การส่งเสริมและพัฒนาและพัฒนาองค์กรไม่แสวงหากำไร”
เพื่อการพัฒนาประเทศร่วมกับราชการและภาคส่วนอื่น รวมทั้งกำหนดให้มีการจดแจ้งแหล่งเงินทุน
บัญชีธนาคารที่จะรับเงิน จำนวนเงินที่จะได้รับ และวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงิน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|