ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 359 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 7161 - 7180 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7161 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2565 ให้แก่ประชาชน | ศอบต. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินแผนงาน/โครงการที่สามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้แก่ประชาชน จำนวน ๑๐ เรื่อง ภายใต้ชื่อ “๑๐ ของขวัญรัฐบาล
สู่ใจประชาชน” ได้แก่ (๑) แก้ไขปัญหาคนจนในระบบ TP-MAP (๒)
ปักหมุดการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจเด็กพิเศษ (๓)
ผลักดันจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตพัฒนาพิเศษเศรษฐกิจฐานราก (๔)
พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสูง (๕) จัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก (๖) New
Skill, Up skill และ RE-Skill เพื่อแก้ไขปัญหาคนว่างงานและมีรายได้ไม่เพียงพอ (๗) เปิดเขตพิเศษความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
Limor Dasar (๘)
จัดตั้งศูนย์พัฒนาการปศุสัตว์จังหวัดชายแดนภาคใต้ประชารัฐ (๙) การประชุมสุดยอดผู้นำระดับของโลกอิสลามในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
และ (๑๐) แก้ไขปัญหาภาวะโภชนาการต่ำในเด็กเล็กเร่งด่วน
ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7162 | โครงการของขวัญปีใหม่ ประจำปี ปี 2565 กระทรวงสาธารณสุข | สธ. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕
กระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการสิทธิบัตรทอง หากเจ็บป่วยและมีความจำเป็น
ไปรับบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ (๒) โครงการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่บ้านด้วยตนเอง
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7163 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2565 ให้แก่ประชาชน ของกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้แก่ประชาชน ของกระทรวงศึกษาธิการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.
กระทรวงศึกษาธิการค้นหาและติดตามเด็กตกหล่นและออกกลางคันกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ๒. อาชีวะอาสา
ร่วมด้วยช่วยประชาชน เทศกาลปีใหม่ ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ๓.
ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน เพื่อลดรายจ่ายให้แก่ประชาชน ผ่านแอปพลิเคชัน ๔.
ฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น Re-Skill และ New-Skill แก่นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองและประชาชน
ภายใต้ศูนย์พัฒนาอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ กระทรวงศึกษาธิการ ประจำจังหวัด (Ministry
of Education Career and Entrepreneurship Center) ๕. อาชีวะอยู่ประจำ
เรียนฟรี มีอาชีพ ๖. ศ.ค.ส.
ศึกษาธิการส่งความสุขให้น้องปีที่ ๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7164 | ของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2565 ของกระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการ/กิจกรรมของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ของกระทรวงยุติธรรม โดยส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมได้กำหนดการดำเนินการโครงการ/กิจกรรม
รวม ๑๖ โครงการ อาทิ การบริหารงานยุติธรรม
สร้างการรับรู้บริการงานยุติธรรมและความรู้กฎหมาย สุขใจปีใหม่ปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการอำนวยความยุติธรรม
ลดความเหลื่อมล้ำเพื่อประโยชน์ต่อประชาชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7165 | การทบทวนสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 | กค. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการทบทวนสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ
ตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ซึ่งในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๔
คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้พิจารณาพื้นที่ทางการคลัง ณ
เพดานหนี้สาธารณะปัจจุบัน พบว่า การกำหนดสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP
ณ เพดานปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องไม่เกินร้อยละ ๖๐ นั้น
จะไม่สามารถรองรับการกู้เพิ่มเติมในอนาคตได้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-๑๙
ส่งผลให้เงื่อนไขและสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมีความแตกต่างจากเมื่อครั้งที่มีการกำหนดสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้น
คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐจึงมีมติเห็นชอบการทบทวนสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะต่อ
GDP จากเดิมที่กำหนดไว้ ต้องไม่เกินร้อยละ ๖๐ เป็น ต้องไม่เกินร้อยละ
๗๐ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7166 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ.827/2558 คดีหมายเลขแดงที่ อ.981/2564 ระหว่างนายสมพงษ์ มณีอินทร์ ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | นร 05 | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่
อ.๘๒๗/๒๕๕๘ คดีหมายเลขแดงที่ อ.๙๘๑/๒๕๖๔ ระหว่างนายสมพงษ์ มณีอินทร์ ผู้ฟ้องคดี
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรี
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖)
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี ทำให้คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7167 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมการค้าชายแดน ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา | สว. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การส่งเสริมการค้าชายแดน ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม
วุฒิสภา ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า
ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการส่งเสริมการอำนวยความสะดวกทางการค้าในประเทศโดยมีการเชื่อมโยงข้อมูลการนำเข้าส่งออก
ใบอนุญาต และใบรับรองแบบอิเล็กทรอนิกส์ มีการเจรจาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน
เช่น
เจรจาจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งสินค้าทางถนนข้ามพรมแดนไทย-มาเลเซีย
รวมทั้งพัฒนาการเชื่อมโยงการค้าผ่านแดนไปประเทศที่สาม เช่น การเพิ่มด่านหนองคายเป็นด่านนำเข้าส่งออกผลไม้ไปจีนทางบก
เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7168 | ร่างแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2565 | ทส. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง
ปี ๒๕๖๕ กำหนดขึ้นภายใต้หลักแนวคิด “๑ สื่อสาร
๕ ป้องกัน ๓ เผชิญเหตุ” เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดและเน้นย้ำการดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง
โดยเฉพาะในช่วงเกิดสถานการณ์ ทั้งนี้ ๑ สื่อสาร หมายถึง
การสร้างการรับรู้ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
และแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นละอองล่วงหน้า ๕ ป้องกัน หมายถึง การจัดทำแผนแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองบรรจุในแผนของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทุกจังหวัด
การชิงเก็บ ลดเผา โดยใช้แอปพลิเคชันลงทะเบียนบริหารจัดการเชื้อเพลิง
การเร่งรัดขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่าภายใต้ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน
การสร้างเครือข่ายและอาสาสมัคร
การสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกเพื่อลดปัญหา PM2.5 และ ๓ เผชิญเหตุ หมายถึง
การเพิ่มความเข้มทั้งจากยานพาหนะ ภาคอุตสาหกรรม และการควบคุมไฟป่า การกำหนดตัวชี้วัดร่วมเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน
และขยายหมู่บ้านคู่ขนานชายแดนภายใต้กรอบคณะกรรมการชายแดน
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามร่างแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง
ปี ๒๕๖๕ ต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7169 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนพฤศจิกายน 2564 | นร.11 สศช | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ
เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น ความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติและการขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ความก้าวหน้าแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ และประเมินผลเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติ
การสร้างการตระหนักรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของภาคีต่าง ๆ
ต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ และประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7170 | ขออนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี 2564 ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย | กษ. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี ๒๕๖๔ ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี ๒๕๖๔ ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี ๒๕๖๔ จากสาธารณรัฐประชาชนจีน
ให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้กองทุนอย่างสูงสุด โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมดูแล และประเมินโครงการประกอบร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี ๒๕๖๔ ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
รวมทั้งจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง
และเปิดเผยต่อสาธารณชนด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7171 | ขอความเห็นชอบการแต่งตั้งผู้อำนวยการการท่าเรือเเห่งประเทศไทย (นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข) | คค. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายเกรียงไกร
ไชยศิริวงศ์สุข ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ
๒๙๐,๐๐๐ บาท ค่าตอบแทนพิเศษประจำปี
รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่ผู้รับจ้างจะได้รับ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญา แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข
ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7172 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการ Integrated Sustainable Development of Quality of Life Based on Sufficiency Economy Philosophy (SEP) ภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง พ.ศ. 2564 | มท. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการ Integrated Sustainable Development of Quality of Life Based on Sufficiency Economy
Philosophy (SEP) ภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง พ.ศ. ๒๕๖๔
และเห็นชอบให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการ
Integrated Sustainable Development of Quality of Life Based on
Sufficiency Economy Philosophy (SEP) ภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง
- ล้านช้าง พ.ศ. ๒๕๖๔ กับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า การดำเนินการจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
รวมทั้งจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องและเปิดเผยต่อสาธารณชนด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7173 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2564 | กก. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำและลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกำหนดกฎเกณฑ์ในการบริหารจัดการกองทุนฯ
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้มีประสิทธิภาพ
และเอื้อให้ความร่วมมือล้านช้าง-แม่น้ำโขงเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
รวมทั้งให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7174 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 19/2564 | นร.11 สศช | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ เสนอเพิ่มเติมว่า
โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ๑๙
ในปัจจุบันมีแนวโน้มลดลงอัตราครองเตียงในสถานพยาบาลภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้จึงมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาว่าจะสมควรให้การให้สิทธิ
UCEP กลับเข้าสู่ระบบปกติ หรือไม่
และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข (กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ)
ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับเรื่องนี้ไปพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและกรอบเวลาในการให้การใช้สิทธิ
UCEP กลับเข้าสู่ระบบปกติ
ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๔
ซึ่งได้มีการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
รวมทั้งการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ
เห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เร่งดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย และในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้
เห็นควรให้เร่งเสนอยกเลิกโครงการต่อคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้พิจารณา
เพื่อให้การบริหารเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้
ในส่วนของการให้การใช้สิทธิ UCEP กลับเข้าสู่ระบบปกตินั้น
ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓.
ให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7175 | แผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล และช่วงวันหยุด พ.ศ. 2565 | มท. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล
และช่วงวันหยุด พ.ศ. ๒๕๖๕
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนใช้เป็นกรอบการดำเนินงานในปี พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการในลักษณะพื้นที่เป็นตัวตั้ง (Area Approach) ควบคู่กับการดำเนินการตามมาตรการและแนวทางการดำเนินการเพื่อเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID - 19) โดยบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนดำเนินงานอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องให้ความสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
เคร่งครัด
ควบคู่กับการสร้างจิตสำนึกและความตระหนักด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7176 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 21/2564 | นร.04 | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๒๑/๒๕๖๔ เมื่อวันอังคารที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) การปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อโควิด-19 สำหรับสถานการณ์การระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน เช่น การปรับมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร การปรับมาตรการสำหรับคนในประเทศ และมาตรการอื่น ๆ ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7177 | การกำหนดอัตราค่าตอบแทนผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ | อว. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดอัตราค่าตอบแทนผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๒๐๖,๓๐๐ บาท ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ เห็นควรให้องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ
ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7178 | ร่างกรอบความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (United Nations Sustainable Development Cooperation Framework–UNSDCF) ระหว่างรัฐบาลไทยกับสหประชาชาติ วาระปี 2565 – 2569 | กต. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (United Nations Sustainable Development
Cooperation Framework-UNSDCF)
ระหว่างรัฐบาลไทยกับสหประชาชาติ วาระปี ๒๕๖๕-๒๕๖๙ และให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนาม
UNSDCF วาระปี ๒๕๖๕-๒๕๖๙ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย
ร่วมกับผู้ประสานงานสหประชาชาติ (United Nations ResidentCoordinator-UNRC) ประจำประเทศไทย
พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานสหประชาชาติภายใต้ทีมงานสหประชาชาติ (United
Nations Country Team-UNCT) ประจำประเทศไทย โดยร่างกรอบความร่วมมือฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างรัฐบาลไทยกับหน่วยงานสหประชาชาติ
โดยทีมงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย จำนวน ๒๑ หน่วยงาน ในช่วงระยะเวลา ๕
ปีข้างหน้า โดยการจัดทำร่าง UNSDCF
ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นกับการประกันเอกสารดังกล่าวสอดคล้องกับลผลประโยชน์และแนวทางการพัฒนาของไทยภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓
รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินการขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (United
Nations Sustainable DevelopmentCooperation Framework-UNSDCF) ระหว่างรัฐบาลไทยกับสหประชาชาติ วาระปี ๒๕๖๕-๒๕๖๙ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7179 | การดำเนินการเพื่อเข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาพหุภาคีเพื่อดำเนินมาตรการเกี่ยวกับอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนในการป้องกันการกัดกร่อนฐานภาษีและโอนกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำ (Multilateral Convention to Implement Tax Treaty Related Measures to Prevent Base Erosion and Profit Shifting: MLI) | กค. | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑) เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาพหุภาคีเพื่อดำเนินมาตรการเกี่ยวกับอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนในการป้องกันการกัดกร่อนฐานภาษีและโอนกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำ
(Multilateral Convention to Implement Tax Treaty Related Measures to Prevent Base Erosion and Profit
Shifting: MLI) (อนุสัญญาพหุภาคีฯ MLI) ๒) เห็นชอบร่างท่าทีอนุสัญญาพหุภาคีฯ MLI
(ฉบับภาษาอังกฤษ) ๓) เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงความจำนงการเข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาพหุภาคีฯ
MLI และให้เอกอัครราชทูต
ณ กรุงปารีสสาธารณรัฐฝรั่งเศส เป็นผู้ลงนามในอนุสัญญาพหุภาคีฯ MLI ณ สำนักงานใหญ่ขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation
for Economic Cooperation and Development: OECD) กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๔) อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็มตามรูปแบบที่กำหนดโดย
OECD ให้แก่เอกอัครราชทูต
ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เป็นผู้ลงนามในอนุสัญญาพหุภาคีฯ MLI และจัดส่งหนังสือดังกล่าวต่อ OECD รวมทั้งให้ยื่นสัตยาบันสารและดำเนินการตามกระบวนการให้สัตยาบันเพื่อแสดงเจตนาให้อนุสัญญาพหุภาคีฯ
MLI มีผลผูกพันต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ข้อเสนอท่าทีของฝ่ายไทยต่อข้อบทใดจะต้องตรงกับท่าทีของประเทศคู่ภาคีอีกฝ่ายด้วยจึงจะมีผลเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม
ดังนั้น ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะเข้าเป็นภาคี MLI แล้ว
ก็มิได้หมายความว่าประเทศไทยจะสามารถแก้ไขอนุสัญญาภาษีซ้อนเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำส่วนที่
๒ ของ BEPS ได้ครบถ้วนทั้งหมด
จึงสมควรที่กระทรวงการคลังจะได้พิจารณาแนวทางดำเนินการเพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำส่วนที่
๒ ของ BEPS โดยการแก้ไขเพิ่มเดิมอนุสัญญาภาษีซ้อนของไทยบรรลุผลโดยครบถ้วนด้วย
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่เห็นว่า ในกรณีที่การเข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาพภาคีฯ
MLI ดังกล่าวมีการระบุถึงมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่มีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ขอความอนุเคราะห์แจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้สำนักงานทราบด้วย รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับเอกสารสถานะของรายการข้อสงวนและการแจ้งรายการขณะลงนาม
(Status of List of Reservations and Notifications at the Time of Signature) ว่า เพื่อความถูกต้อง
ควรแก้ไขการอ้างอิงข้อบทของอนุสัญญาฯ โดยแก้ไขจาก "ข้อ ๒๘ (๗) และข้อ ๒๙
(๔)" เป็น "ข้อ ๒๘ (๖) และข้อ ๒๙ (๓)" เนื่องจากเป็นการแจ้งข้อสงวน
(Reservations) และรายการแจ้ง(Notifications) ขณะที่ไทยลงนามอนุสัญญาฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7180 | รายงานสรุปผลการดำเนินการของคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย | นร.12 | 28/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยชี้แจงว่า
การแก้ไขปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์
ซึ่งคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยมีข้อเสนอแนะให้ดำเนินการเพิ่มเติม
โดยให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาจากกรณีเช่าซื้อรถและการทวงถามหนี้ที่ไม่เป็นธรรม
นั้น หากเป็นกรณีการทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนสามารถยื่นเรื่องราวร้องทุกข์ต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบดำเนินการในเรื่องนี้
หรืออาจยื่นเรื่องต่อศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย
|