ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 357 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 7121 - 7140 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7121 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 เรื่อง ขออนุมัติดำเนินการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า | นร.01 | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ในการมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบการเสนอขอตั้งงบประมาณการดำเนินโครงการพิพิธภัณฑ์องค์ความรู้เรื่องไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเฉลิมพระเกียรติ
และหอประชุมอเนกประสงค์นานาชาติเฉลิมพระเกียรติ
เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ดังนี้ (๑) ให้กองทัพบก เป็นหน่วยงานรับผิดชอบเสนอขอตั้งงบประมาณโครงการจัดสร้างหอประชุมอเนกประสงค์นานาชาติเฉลิมพระเกียรติ
ในส่วนที่กองทัพบกได้มีการก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว
และส่วนคงเหลืองบประมาณที่ต้องเสนอขอตามภาระหนี้ผูกพันและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ในส่วนที่เกี่ยวข้องในปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป
ทั้งนี้
รวมถึงงบประมาณในการบริหารจัดการและบำรุงรักษารายปีภายหลังจากที่โครงการแล้วเสร็จด้วย
และ (๒) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นหน่วยงานรับผิดชอบเสนอขอตั้งงบประมาณโครงการพิพิธภัณฑ์องค์ความรู้เรื่องไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเฉลิมพระเกียรติ
ตั้งแต่ปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป จนกว่าจะแล้วเสร็จ
รวมทั้งงบประมาณในการบริหารจัดการและบำรุงรักษารายปีต่อไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
และให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าการดำเนินงานยังคงอยู่ภายใต้กรอบวงเงินภาระผูกพันเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้
เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๑ จึงไม่เป็นการเพิ่มภาระงบประมาณตามนัยมาตรา ๒๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7122 | รายงานประเมินผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2562 - 2565) (ระยะครึ่งรอบ) | ยธ. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประเมินผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน
ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) (ระยะครึ่งรอบ) มีสาระสำคัญ ได้แก่ ผลการดำเนินงานที่โดดเด่น เช่น แผนปฏิบัติการด้านแรงงาน
แผนปฏิบัติการด้านชุมชน ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม แผนปฏิบัติการด้านนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
แผนปฏิบัติการด้านการลงทุนระหว่างประเทศและบรรษัทข้ามชาติ และ (๒)
การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ ของรัฐวิสาหกิจและภาคธุรกิจ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7123 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าและสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออก ห้ามนำเข้า และห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
กำหนดให้สินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าและสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออก
ห้ามนำเข้า และห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการห้ามส่งออก ห้ามนำเข้า และห้ามนำผ่านราชอาณาจักร
ซึ่งเครื่องหมายการค้าและสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ข้อเท็จจริง และพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น
ความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (TRIPS Agreement) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
(RCEP) ซึ่งจะช่วยให้การป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
ณ จุดผ่านแดน มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7124 | ขออนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงาน Specialised Expo ณ จังหวัดภูเก็ต ภายใต้ชื่องาน EXPO 2028-Phuket, Thailand | สธ. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงาน
Specialised Expo ณ จังหวัดภูเก็ต
ภายใต้ชื่องาน EXPO 2028-Phuket, Thailand ภายในกรอบวงเงิน ๔,๑๘๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้หน่วยงานหลักบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
แล้วแต่กรณีรวมถึงการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมรายละเอียดประกอบ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
โดยคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ
ภารกิจและความจำเป็นของหน่วยรับงบประมาณ ความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน
และการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7125 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ) | กค. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ เป็นกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยเพิ่มเติมในตำแหน่งที่ว่าง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ มกราคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7126 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.07 | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑. เพื่อให้การบริหารจัดการภาครัฐมีความคล่องตัวและทันต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
ให้มีกลไกความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทย
ในการติดตามสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและจัดทำข้อเสนอแนะมาตรการที่จำเป็นต้องดำเนินการ
รวมทั้งการบริหารความเสี่ยงทั้งระยะสั้นและระยะปานกลางสำหรับในแต่ละกรณี (Scenario)
เป็นการล่วงหน้า ๒. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งติดตามการขับเคลื่อนมาตรการของรัฐบาลในประเด็นดังต่อไปนี้ ๒.๑ การเร่งสร้างรายได้ใหม่ตามมาตรการของรัฐบาล
(New Growth Engine) เพื่อขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจ
เช่น มาตรการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย (Long -
Term Resident Visa : LTR) มาตรการดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(Eastern Economic Corridor: EEC) และอุตสาหกรรมอนาคต (New
S - curve) มาตรการส่งเสริมการลงทุนในกิจการด้านเทคโนโลยีและธุรกิจเกิดใหม่
(Startup) และการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ
- เศรษฐกิจหมุนเวียน - เศรษฐกิจสีเขียว (Bio - Circular - Green Economy: BCG Model) เป็นต้น ๒.๒ การติดตามการจัดเก็บรายได้ของรัฐ
โดยพิจารณาแนวทางการจัดเก็บภาษีจากการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจรูปแบบใหม่
เช่น สินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งจัดทำแนวทางการดำเนินการหากแนวโน้มการจัดเก็บภาษีไม่เป็นไปตามประมาณการ ๒.๓ การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยหน่วยรับงบประมาณต้องมีการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้และลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
โดยเฉพาะรายจ่ายประจำ รวมทั้งประเมินความเหมาะสมของโครงการ/มาตรการต่าง ๆ ว่าสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชน
และมีความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อให้มีการปรับปรุงโครงการและมาตรการให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ๒.๔ การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนพลังงานและต้นทุนโลจิสติกส์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้
เพื่อไม่ให้เป็นภาระเพิ่มขึ้นแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ ๒.๕ การดำเนินมาตรการเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนและการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งในด้านห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ด้านแรงงาน รวมทั้งการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7127 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 20/2564 | นร.11 สศช | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๒๐/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย จำนวน ๑๐,๔๖๘,๑๐๐ โดส (AstraZeneca) ของกรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงิน ๑,๔๑๖.๕๔๓๒ ล้านบาท
โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการ กลุ่มที่ ๑ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้สามารถจัดหาวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้ทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมควบคุมโรค เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
สามารถจัดหาเงินกู้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน
เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม
พ.ศ. ๒๕๖๔ พ.ศ. ๒๕๖๔ อย่างเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป ๒. มอบหมายให้กรมควบคุมโรค
ดำเนินการปรับแผนการใช้จ่ายเงินโครงการฯ ให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นต่อไป และจัดทำแผนบริหารจัดการและแผนการใช้วัคซีนในแต่ละประเภทสำหรับแต่ละกลุ่มประชากร
เพื่อให้การบริหารจัดการวัคซีนที่จัดหามาเกิดประโยชน์สูงสุด
รวมทั้งเร่งดำเนินการคืนเงินกู้เหลือจ่ายและจัดทำรายงานการประเมินผลการดำเนินโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม
จำนวน ๓๕ ล้านโดส ตามขั้นตอนข้อ ๑๙ และ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๓. อนุมัติให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ของกระทรวงศึกษาธิการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการฯ
โดยขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ จาก เดือนสิงหาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔ เป็น เดือนสิงหาคม
๒๕๖๔ - กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ เร่งดำเนินการเบิกจ่ายและแก้ไขข้อมูลโครงการฯ
ในระบบ eMENSCR โดยเร็วต่อไป และให้กระทรวงสาธารณสุข (กรมควบคุมโรค)
และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้มีประสิทธิภาพ
คุ้มค่า และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์อัตราค่าใช้จ่าย
และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด รวมทั้งรับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัด
ตลอดจนเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายและให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผล
ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เห็นควรมอบหมายให้กรมควบคุมโรค
และหน่วยงานรับผิดชอบภายใต้โครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ของกระทรวงศึกษาธิการ เร่งดำเนินการตามความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติมของคณะกรรมการฯ
โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7128 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย – แคนาดา | คค. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกข้อตกลงระหว่างไทย - แคนาดา เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งแคนาดาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการขนส่งทางอากาศ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญ
หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ขอให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการต่อไปได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งแคนาดาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการขนส่งทางอากาศและให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full
Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7129 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 2,125.56 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย (จำนวน 17 จังหวัด) ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท | คค. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๒,๑๒๕.๕๖ ล้านบาท ประกอบด้วย กรมทางหลวง
จำนวน ๑,๖๔๙.๑๒ ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท จำนวน ๔๗๖.๔๔ ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย
(จำนวน ๑๗ จังหวัด) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่ควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7130 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประจำปี พ.ศ. 2563 | นร.09 | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อเป็นการพัฒนาและปรับปรุงการปฏิบัติงานราชการทางปกครองให้เป็นไปโดยมีความเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำคำแนะนำของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง กำหนดให้หน่วยงานของรัฐจดแจ้งสิทธิในการร้องขอค่าทดแทนความเสียหายไว้ในคำสั่งเพิกถอน
คำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งเป็นการให้ประโยชน์ที่มิใช่การให้เงินหรือทรัพย์สินที่อาจแบ่งแยกได้
และคำสั่งเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งเป็นการให้ประโยชน์แก่ผู้รับคำสั่งทางปกครอง
เพื่อที่คู่กรณีจะได้ทราบถึงสิทธิตามกฎหมายและใช้สิทธิได้ ๓.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
โดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งเพิกถอนคำสั่งทางปกครองดังกล่าวมีหน้าที่แจ้งสิทธิให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการเพิกถอนคำสั่งทางปกครองทราบถึงสิทธิในการได้รับค่าทดแทนและเงื่อนไขในการใช้สิทธิดังกล่าว
โดยกำหนดเกี่ยวกับการยื่นคำขอและการพิจารณาคำขอรองรับกรณีดังกล่าวไว้ด้วย
เพื่อให้กระบวนการเป็นไปโดยถูกต้องและตรวจสอบได้ และเพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่กรณี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7131 | รายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | ปช. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
(Integrity and Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และเห็นชอบข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์เพื่อการพัฒนาคุณธรรมความโปร่งใสของภาครัฐ
เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐนำไปพิจารณาปรับปรุง พัฒนา และยกระดับ
ตลอดจนเตรียมความพร้อมรับการประเมิน ITA ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๕ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของการมอบหมายให้หน่วยงานที่กำกับดูแลการปฏิบัติราชการของหน่วยงานภาครัฐดำเนินการกำกับติดตามการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
(Monitoring) และผลักดันให้หน่วยงานภายใต้กำกับดูแลดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางการประเมินที่กำหนด
ในส่วนของข้อ ๕.๘ (หนังสือสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ ปช ๐๐๐๙/๐๔๔๓ ลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ หน้า ๘) นั้น ควรแก้ไขให้ถูกต้อง
ตรงตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยกรจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละประเภทจากเดิม
“๕.๘) มอบหมายให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ...”เป็น “๕.๘)
มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ...” ข้างต้น
ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้ส่งความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงาน ก.พ.ร.
ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไปพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7132 | รายงานผลการจัดสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 11 และข้อเสนอเชิงนโยบายด้านคุณธรรมต่อรัฐบาลและหน่วยงานเชิงนโยบาย | วธ. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการจัดสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑๑ และข้อเสนอเชิงนโยบายด้านคุณธรรมต่อรัฐบาลและหน่วยงานเชิงนโยบาย ซึ่งจัดในรูปแบบออนไลน์
ภายใต้แนวคิด “คุณธรรมวิถีใหม่ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันด้านคุณธรรมให้กับประชาชน
โดยจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นและเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ของกลุ่มเครือข่ายทางสังคมทุกภาคส่วน
จนก่อให้เกิดข้อเสนอเชิงนโยบายด้านคุณธรรมต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นและข้อเสนอเพิ่มเติมของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน
ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรต่อยอดการคิดค้นและพัฒนาระบบเครดิตทางสังคมให้เป็นเครื่องมือในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีงามของคนในสังคมอย่างยั่งยืน
มีการบูรณาการงานด้านการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
และการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
รวมทั้งเพิ่มบทวิเคราะห์และสรุปผลสัมฤทธิ์เชิงประจักษ์ไว้ในรายงานครั้งต่อไป
นำข้อเสนอเชิงนโยบาย เช่น การส่งเสริมและผลักดันการพัฒนาคน
การสนับสนุนและส่งเสริมการสร้างระบบเครดิตทางสังคมไปประกอบการพิจารณาและจัดทำแผนปฏิบัติการด้านส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ
ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และบูรณาการการทำงานกับภาคีเครือข่ายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการส่งเสริมคุณธรรมของคนในชาติให้เกิดผลในทางปฏิบัติและบรรลุเป้าหมายความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
ให้หน่วยงานของรัฐรับข้อเสนอเชิงนโยบายด้านคุณธรรมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7133 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | กค. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบการ
SMEs และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ (๑) การปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำออมสินช่วยเหลือ
SMEs ในภาคการท่องเที่ยว (โครงการ Soft Loan ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย)
โดยทบทวนการดำเนินการ ดังนี้ ๑) ขยายกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ
ให้ครอบคลุมถึงธุรกิจอื่นที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(COVID-19) เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs เป็นไปอย่างทั่วถึงและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เช่น ผู้ผลิตรายย่อย ผู้ค้าส่ง
ผู้ค้าปลีก เป็นต้น และ ๒) ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปจนถึงวันที่ ๓๐
กันยายน ๒๕๖๕ และ (๒) มาตรการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19
โดยขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุข ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
(SFIs) ที่เข้าร่วมโครงการควรพิจารณาให้ลูกหนี้ที่มีความเปราะบางซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อจากแหล่งอื่นสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ตลอดจนจัดสรรเงินภายใต้โครงการระหว่าง SFIs
ที่เข้าร่วมให้เหมาะสมกับประมาณความต้องการสินเชื่อของลูกหนี้แต่ละแห่ง
เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือมีความยืดหยุ่นและทั่วถึงต่อไป รวมทั้งหากมีการปรับเพิ่มโครงการให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่ขยายเพิ่ม
จะทำให้ผู้ประกอบการ SMEs
รวมถึงประชาชนรับรู้ได้อย่างชัดเจนและอาจจะเข้าร่วมรับความช่วยเหลือได้มากยิ่งขึ้นตามวัตถุประสงค์ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7134 | การออกกฎกระทรวงเพื่อยกเลิกกฎกระทรวงเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และกฎกระทรวงเพื่อรองรับการควบกิจการของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ | นร.09 | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งเกิดจากการควบเข้ากัน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการ
และค่าธรรมเนียมในการขอรับใบอนุญาต และการออกใบอนุญาตให้ประกอบหลักทรัพย์สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งเกิดจากการควบเข้ากันเป็นบริษัทใหม่
ของกระทรวงการคลัง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7135 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2565 ครั้งที่ 1 | กค. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑
ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมติที่ประชุม
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เช่น การปรับปรุงแผนการก่อหนี้ใหม่
การบรรจุโครงการพัฒนา โครงการ
และรายการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
ครั้งที่ ๑ จำนวน ๘ โครงการ/รายการ เป็นต้น
และการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และตามมาตรา ๓
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๕ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน
เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ และให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
(การรถไฟแห่งประเทศไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นว่าควรกำกับ ติดตาม
และเร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ของหน่วยงานในสังกัดให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้
การรถไฟแห่งประเทศไทยควรเร่งดำเนินการหารายได้จากแหล่งอื่นเพิ่มเติม
การกู้เงินควรพิจารณาให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพคล่องทางการเงินในแต่ละช่วงเวลา
ควรติดตามสถานการณ์พลังงานในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด
รวมถึงพิจารณาประสิทธิผลและความคุ้มค่าของการตรึงราคาพลังงาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7136 | ขออนุมัติกรอบงบประมาณและผู้มีอานาจลงนามโครงการประมูลสิทธิ์งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 และจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2572 | กษ. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติกรอบงบประมาณและผู้มีอำนาจลงนามโครงการประมูลสิทธิ์งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี
พ.ศ. ๒๕๖๙ วงเงินงบประมาณ ๒,๕๐๐
ล้านบาท และจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. ๒๕๗๒ วงเงินงบประมาณ ๔,๒๘๑
ล้านบาท และเห็นชอบผู้ลงนามการยื่นเสนอตัวประมูลสิทธิ์ ตามข้อกำหนดของ AIPH
โดยมีรายละเอียดเอกสาร จำนวน ๕ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑ หนังสือแสดงเจตจำนงการเป็นเจ้าภาพการจัดงาน
(Formal Letter requesting approval from the
organization or authority making the application) ของ ๒ จังหวัด
ได้แก่ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑.๒ แบบสอบถาม International Horticultural Exhibitions Questionnarie จังหวัดอุดรธานี ได้แก่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร (AIPH Member) จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา อธิบดีกรมวิชาการเกษตร (AIPH Member) ๑.๓
หนังสือยืนยันการสนับสนุนการจัดงานและงบประมาณจัดงานจากรัฐบาลไทย (Formal Letter of Support from National
Govermment & Financial Confirmation) จังหวัดอุดรธานี ได้แก่
ปลัดกระทรวงมหาดไทย จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ นายกรัฐมนตรี ๑.๔ หนังสือสนับสนุนการจัดงานจากสมาชิก AIPH (Formal
Letter of Support from (AIPH Member) ของทั้ง ๒ จังหวัด ได้แก่
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ๑.๕
หนังสือยืนยันการสนับสนุนค่าประกันสิทธิ์และค่าลิขสิทธิ์การจัดงานการจัดงาน ( Financial Guarantee and License Fee) ของทั้ง ๒
จังหวัด ได้แก่ ผู้อำนวยการ สสปน. ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ยกเว้นในส่วนของผู้ลงนามในเอกสารการยื่นเสนอตัวประมูลสิทธิ์ฯ จำนวน ๒ ฉบับ
ให้เป็นไปตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ควรพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี โดยคำนึงถึงภารกิจความจำเป็น
ความคุ้มค่า ความประหยัด
และสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการและสนับสนุนค่าใช้จ่ายร่วมกับภาครัฐด้วย
ควรจัดทำข้อมูลและขั้นตอนแสดงถึงการเตรียมความพร้อมในการเข้าใช้พื้นที่ป่าสาธารณประโยชน์โคกหนองรังกา
ตำบลเทพาลัย อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา และควรมีแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวหลังจากเสร็จสิ้นการจัดงานพืชสวนโลกด้วย
ควรพิจารณาหัวข้อด้าน BCG ในการจัดสัมมนาวิชาการ
สัมมนาเชิงปฏิบัติการด้วย โดยอาจสอดแทรกหัวข้อสัมมนาต่าง ๆ ที่เห็นว่าเหมาะสม
เพื่อสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7137 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) พ.ศ. .... | รง. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงแรงงาน
เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-Payment)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายกำหนดเวลากรณีนายจ้างยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและนำส่งเงินสมทบ
โดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment)
ออกไปอีก ๗ วันทำการ นับแต่วันที่พ้นกำหนดวันที่ ๑๕
ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการหักเงินสมทบไว้ โดยมีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา ๒๔ เดือน
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าสำนักงานประกันสังคมควรเพิ่มหน่วยให้บริการรับชำระเงินสมทบกองทุนประกันสังคมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
โดยเพิ่มจำนวนธนาคารพาณิชย์และขยายหน่วยบริการรับชำระเงิน (Non-Bank) นอกจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน
รวมทั้งเร่งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และเชิญชวนให้นายจ้างและสถานประกอบการยื่นแบบแสดงรายการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-Payment) เพิ่มมากขึ้น
และควรหาแนวทาง/มาตรการอื่น ๆ ในการจัดหาผลประโยชน์ให้กองทุนประกันสังคมเพิ่มเติม
โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความมั่นคงของกองทุนเป็นหลัก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7138 | รายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่จะเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โครงการ“อาคารที่ทำการพร้อมอาคารที่จอดรถยนต์และอาคารที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจฯ จำนวน 6 อาคาร” | ตช. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โครงการอาคารที่ทำการพร้อมอาคารที่จอดรถยนต์และอาคารที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจ
แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร จำนวน ๖ อาคาร วงเงินทั้งสิ้น ๔,๐๘๙,๔๘๐,๐๐๐ บาท ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๘๑๗,๘๙๖,๐๐๐ บาท
ส่วนที่เหลืออีก ๓,๒๗๑,๕๘๔,๐๐๐ บาท ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามนัยมาตรา ๒๖
ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
และให้จัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว
โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
รวมถึงการดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัดการพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ต่าง ๆ
ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ
ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
และให้หน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการนั้น
เสนอรายงานในขั้นก่อนขอรับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7139 | กรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ | อว. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๑๑๔,๖๓๔.๗๖๘๒ ล้านบาท และกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๒๙,๑๐๐ ล้านบาท และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์
ตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติเสนอ และให้สภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับข้อเสนอของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรพิจารณาถึงข้อกำหนดทางด้านการคลังของประเทศในระยะต่อไป
และควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนในการร่วมลงทุนจัดการศึกษามากยิ่งขึ้น
ควรกำหนดบทเฉพาะกาลประเด็นที่มีความสำคัญและสนับสนุนการพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันอุดมศึกษาและกำหนดหลักเกณฑ์
และรูปแบบการดำเนินงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้มีความชัดเจน และควรมีการจัดทำแนวทางการพัฒนา
(Roadmap) การพัฒนาวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมขั้นแนวหน้า (Frontier) เพื่อสร้างความชัดเจนในการส่งเสริมภาคเอกชนในการร่วมลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7140 | การดำเนินโครงการจัดสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ 2-3 | กค. | 04/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการจัดสร้างสวนป่า
“เบญจกิติ” ระยะที่ ๒-๓ สรุปได้ ดังนี้ (๑) คณะกรรมการอำนวยการจัดสร้างสวนป่า
“เบญจกิติ” ในคราวประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๔
ได้มีมติเห็นชอบการปรับแผนงานการก่อสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ ๒-๓ โดยขยายระยะเวลาการดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จสมบูรณ์จากเดิมภายในเดือนกุมภาพันธ์
๒๕๖๕ เป็นภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๕
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
โดยจะมีพิธีเปิดโครงการจัดสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ ๒-๓ ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (๒) ผลการก่อสร้างสวนป่า“เบญจกิติ” ระยะที่ ๒-๓ มีผลการดำเนินงานในภาพรวมร้อยละ ๖๓.๗๑
ของปริมาณงานตามแผนงานล่าช้ากว่าแผนร้อยละ ๓.๕๐ ณ วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|