ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 623 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 12441 - 12460 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12441 | ร่างถ้อยแถลงอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมธรรมาภิบาลและการเร่งยกระดับภาคราชการพลเรือนในยุคดิจิทัล | นร10 | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบถ้อยคำและสาระของร่างถ้อยแถลงอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมธรรมาภิบาลและการเร่งยกระดับภาคราชการพลเรือนในยุคดิจิทัล (ASEAN Statement on Promotion of Good Governance and Acceleration of an Agile Civil Service in a Digital Economy) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมการเร่งพัฒนาศักยภาพของภาคราชการพลเรือนในอาเซียนให้มีประสิทธิภาพและคล่องตัว เพื่อให้สามารถตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการเสริมสร้างความร่วมมือในภาคราชการพลเรือนอาเซียนเพื่อสนับสนุนให้เกิดการตอบสนองต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลที่เกิดขึ้นในสังคมโลก และการส่งเสริมนวัตกรรมด้านธรรมาภิบาลในข้าราชการพลเรือนทุกระดับและในหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนอาเซียนและประเทศสมาชิกอาเซียนมีความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาที่ยั่งยืน ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการ ก.พ. ในฐานะผู้นำภาคราชการพลเรือนรับรองและร่วมลงนามในร่างถ้อยแถลงฯ ในการประชุมผู้ภาคราชการพลเรือนอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๓ ในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงาน ก.พ. ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12442 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการสนับสนุนการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐ | กห | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบกดำเนินโครงการสนับสนุนการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐ เป็นจำนวน ๖๗๐ เส้นทาง ระยะทางรวม ๑,๗๔๔.๑๓๘ กิโลเมตร ปริมาณการใช้ยางพารา จำนวน ๑๗,๔๓๕.๐๔๐ ตัน งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๒,๕๖๘,๗๘๓,๔๐๐ บาท และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑,๖๔๕,๒๑๖,๑๐๐ บาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าว ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12443 | การรับรองร่างปฏิญญาทางการเมืองการากัส (Caracas Political Declaration) ในการประชุมคณะกรรมการประสานงานระดับรัฐมนตรีของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด | กต | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาทางการเมืองการากัส (Caracas Political Declaration) ที่จะมีการรับรองในการประชุมคณะกรรมการประสานงานระดับรัฐมนตรีของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (Ministerial Meeting of the Coordination Bureau of the Non-Aligned Movement : NAM CoB) ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงการากัส สาธารณรัฐโบลีวาร์แห่งเวเนซุเอลา โดยร่างปฏิญญาฯ มีเนื้อหายืนยันและเน้นย้ำหลักการและท่าทีของกลุ่มประเทศ NAM ที่จะเคารพหลักกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ บรรทัดฐานและหลักการต่าง ๆ ที่เป็นที่ยึดถือในระดับนานาชาติ เพื่อการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลกโดยปราศจากการข่มขู่ คุกคาม หรือใช้กำลังโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นการกระทำแต่เพียงฝ่ายเดียว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาถ้อยคำในร่างสุดท้ายของปฏิญญาฯ และเอกสารอื่น ๆ ที่จะได้รับการพิจารณาในที่ประชุม NAM CoB โดยหากไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์และท่าทีไทยในสาระสำคัญ แสดงท่าทีเชิงลบ หรือมีถ้อยคำรุนแรงประณามประเทศอื่นใด ให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งข้อสงวน (Reservation) หรือแสดงท่าทีที่อธิบายอย่างระมัดระวังถึงเหตุผลของไทยซึ่งทำให้ไม่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับถ้อยคำดังกล่าวได้ ๓. ให้ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม NAM CoB เป็นผู้ลงนามร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12444 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (จำนวน 3 คน 1. ศาสตราจารย์เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ ฯลฯ) | นร08 | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
จำนวน ๓ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกิจกรรมทางทะเล ๒. ศาสตราจารย์ชุมพร ปัจจุสานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมาย ๓. พลเรือเอก จุมพล ลุมพิกานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการทหารเรือ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12445 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (นายวิเชียร พงศธร) | กค | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิเชียร พงศธร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ด้านวิศวกรรม ในคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ แทนผู้ที่ลาออก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12446 | ขออนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา 2562 - 2563 จากคณะรัฐมนตรี | กห | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ ๖๒ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๒-๒๕๖๓ ห้วงเวลาการศึกษาตั้งแต่ตุลาคม ๒๕๖๒ ถึงกันยายน ๒๕๖๓ ทั้งนี้ หากมีผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารับการศึกษาหลักสูตรดังกล่าวแจ้งความประสงค์สละสิทธิ์ หรือหากการตรวจสอบคุณสมบัติในภายหลัง พบว่าผู้ที่ได้รับการคัดเลือกฯ ขาดคุณสมบัติตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๔๗ ที่กำหนดไว้ ให้กระทรวงกลาโหม โดยสภาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ตัดรายชื่อออกจากที่ได้รับอนุมัติ รวมทั้งการพิจารณาผู้ที่จะเข้ารับการศึกษาทดแทนได้ตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องขออนุมัติใหม่ทั้ง ๒ กรณี ตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานสภาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12447 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๙ ในส่วนการชักและประดับธงชาติ ณ อาคารสถานที่ ยานพาหนะ และที่สาธารณสถาน ในโอกาสและวันพิธีสำคัญ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12448 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการยุบเลิกสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการยุบเลิกสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๖๐ เนื่องจากได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๑๕๖๑ เรื่อง กลไกในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ลงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ กำหนดให้มีสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง เป็นส่วนราชการเพื่อทำหน้าที่ในการบูรณาการและปฏิบัติการ เพื่อให้การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศตามแผนการปฏิรูปประเทศ นโยบายการปฏิรูปของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และแผนการสร้างความสามัคคีปรองดองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไว้เป็นการเฉพาะ ตามที่สำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12449 | ร่างระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ พ.ศ. .... และร่างระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. .... | นร07 | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการและงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ พ.ศ. .... และร่างระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อให้การบริหารงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และงบประมาณรายจ่ายบุคลากรเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยสามารถโอนงบประมาณรายจ่ายที่หน่วยรับงบประมาณไม่สามารถใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรืองบประมาณรายจ่ายที่หมดความจำเป็น ไปตั้งเป็นงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณอื่นภายใต้แผนงานบูรณาการเดียวกัน หรือภายใต้แผนงานบุคลากรภาครัฐได้ และกำหนดให้มีระเบียบสำหรับการบริหารงบประมาณรายจ่ายรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาให้มีการเพิ่มวงเงินผูกพันการใช้งบประมาณต้องคำนึงถึงภาระทางการเงินและข้อผูกพันการชำระเงิน และเป็นไปตามข้อกำหนดหลักเกณฑ์การรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ รวมทั้งการใช้จ่ายเงินของหน่วยรับงบประมาณจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส มีความคุ้มค่าและประหยัด รัฐได้รับประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12450 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ....) | กค | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๕๓๑ (บางส่วน) โฉนดที่ดินเลขที่ ๑๙๘๓๖ ในท้องที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานค เนื้อที่ประมาณ ๒ งาน ๘๔ ตารางวา เพื่อมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุต่อไป ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๙๐ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๒๘๖ เลขที่ ๒๒๖๓๒๐ เลขที่ ๒๒๖๓๑๙ เลขที่ ๒๒๖๒๙๑ เลขที่ ๒๒๖๒๘๘ และเลขที่ ๒๒๖๒๙๘ เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ ๒,๓๐๑ ไร่ ๑ งาน ๙๙ ตารางวา แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๒๕๘ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๒๘๒ และเลขที่ ๒๒๖๓๑๒ เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ ๓๖๗ ไร่ ๐ งาน ๕๔ ตารางวา แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๓๘๐ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๒๘๓ เนื้อที่ประมาณ ๖๑ ตารางวา แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๓๘๗ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๒๙๕ เนื้อที่ประมาณ ๒๔๔ ไร่ ๓ งาน ๑๘ ตารางวา แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๔๑๖ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๑๓๕ เนื้อที่ประมาณ ๑๔๐ ไร่ ๐ งาน ๗๖ ตารางวา แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๔๑๗ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๒๙๗ เนื้อที่ประมาณ ๑๐๘ ไร่ ๒ งาน ๒๘ ตารางวา แปลงหายเลขทะเบียนที่ กท.๑๔๒๒ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๒๘๔ เนื้อที่ประมาณ ๑๑๔ ไร่ ๒ งาน ๒๘ ตารางวา และแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๔๒๘ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๒๗๙ เนื้อที่ประมาณ ๒๐ ไร่ ๒ งาน ๓๘ ตารางวา ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เพื่อมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12451 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 | กษ | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำ ทั้งในส่วนของกระทรวงพลังงานและกระทรวงพาณิชย์ และการเข้มงวดการตรวจติดตามการนำเข้าปาล์มน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย รวมทั้งรับทราบการทบทวนยุทธศาสตร์การปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการส่งเสริมการลดพื้นที่ปลูกในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม โดยการปลูกพืชทดแทนควรพิจารณากำหนดมาตรการจูงใจให้เกษตรกรใช้ประกอบการตัดสินใจปรับเปลี่ยนด้วยตนเอง เช่น ข้อมูลการผลิตพืชทางเลือก ข้อมูลด้านการตลาด องค์ความรู้และเทคโนโลยีรองรับ และมาตรการด้านสินเชื่อ เป็นต้น แทนการส่งเสริมภายใต้โครงการส่งเสริมของรัฐ เพื่อลดผลผูกพันที่รัฐต้องให้การอุดหนุนและช่วยเหลือด้านราคาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12452 | สรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2562 | นร10 | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ซี่งมีประเด็นข้อสั่งการสำคัญที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้คณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่ารับไปดำเนินการ จำนวน ๑๐ ประเด็น ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12453 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 8/2562) | สลธ.คสช. | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๘/๒๕๖๒ เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาความต่อเนื่องของกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ รวมทั้งการขยายบริการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคงและประโยชน์สาธารณะของประเทศ ลงวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12454 | การดำเนินโครงการปฏิรูปกฎหมายและบูรณาการแนวปฏิบัติที่ดีในการตรากฎหมายภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) | นร09 | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานผลการดำเนินโครงการปฏิรูปกฎหมายและบูรณาการแนวปฏิบัติที่ดีในการตรากฎหมายภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่างประเทศกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการ Implementing Regulatory Reform and Mainstreaming Good Regulatory Practice ได้จัดการสัมมนาภายใต้โครงการความร่วมมือกับ OECD ในหัวข้อเกี่ยวกับการพัฒนาข้อปฏิบัติที่ดีในการตรากฎหมาย ในระหว่างเดือนเมษายน-กรกฎาคม ๒๕๖๒ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับกรณีศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ระหว่างวันที่ ๒-๔ เมษายน ๒๕๖๒ โดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของ OECD ได้นำเสนอข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการออกกฎระเบียบที่ดีของ OECD และผู้เชี่ยวชาญจากออสเตรเลียและเยอรมนีได้นำเสนอประสบการณ์ของแต่ละประเทศในการดำเนินการเพื่อนำไปสู่ระบบการออกกฎระเบียบที่ดี ซึ่งไทยสามารถนำมาประกอบการดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป ๒. การประชุม 5th Meeting of Southeast Asia Regional Policy Network on Good Regulatory Practices (ASEAN-GRPN) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑-๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยเป็นการประชุมเครือข่ายหน่วยงานในอาเซียนเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการปรับตัวของภาครัฐในการตรากฎหมายเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี และการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือของหน่วยงานของรัฐในการกำกับดูแลด้านต่าง ๆ ๓. การประชุมวิชาการระหว่างประเทศ เรื่อง หลักเกณฑ์ด้านกฎระเบียบที่ดีของ OECD ในยุคเทคโนโลยีแห่งความเปลี่ยนแปลง : จากทฤษฎีสู่ปฏิบัติ (Better Regulation Principles in the Age of Disruptive Technology : From Theory to Practice) ในวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยได้มีการถ่ายทอดประสบการณ์และแนวทางการปฏิรูปกระบวนการตรากฎหมายของต่างประเทศในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี เพื่อเป็นองค์ความรู้ให้แก่หน่วยงานของรัฐในประเทศนำไปปรับใช้และพัฒนาการมีระบบการออกกฎระเบียบที่ดีต่อไป ๔. การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับกลไกการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ในวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยเป็นการสัมมนาเชิงปฏิบัติการที่ดีต่อเนื่องจากข้อ ๑ เน้นการฝึกปฏิบัติในเรื่องเกี่ยวกับการวิเคราะห์ปัญหาและทางเลือกในการดำเนินการก่อนที่จะเสนอให้มีการตรากฎหมาย โดยผู้เชี่ยวชาญจาก OECD
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12455 | รายงานผลการพิจารณาแผนระดับที่ 3 (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562) | นร11 | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานว่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ มีหน่วยงานส่งแผนระดับที่ ๓ มายังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๖๙ แผน รวม ๒๕ กระทรวง/หน่วยงาน โดยเป็นแผนระดับที่ ๓ ซึ่งผ่านกระบวนการพิจารณาและรายงานให้คณะรัฐมนตรีรับทราบแล้ว จำนวน ๓๓ แผน และเป็นแผนระดับที่ ๓ ที่ผ่านการพิจารณาแล้ว และรอเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ จำนวน ๑๑ แผนงาน ได้แก่
๑. ร่างแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) ๒. แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔) (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย) ๓. แผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (กระทรวงคนาคม) ๔. ร่างแผนการให้ความรู้พื้นฐานทางการเงิน (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) (กระทรวงการคลัง) ๕. ยุทธศาสตร์พัฒนาผลไม้ไทย (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔) (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ๖. ร่างนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ๗. ยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในภาพรวมของประเทศ ในระยะยาว (๕-๑๐ ปี) (กระทรวงสาธารณสุข) ๘. ร่างแผนพัฒนางานสวัสดิการสังคมไทย ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕) (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ๙. แผนพัฒนาศักยภาพกำลังคนภาครัฐให้พร้อมเข้าสู่สังคมสูงอายุ (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน) ๑๐. ร่างแผนปฏิบัติการบูรณาการจีโมนิกส์ประเทศไทย (กระทรวงสาธารณสุข) ๑๑. แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ (สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12456 | การรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐในภาพรวม | นร | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม และการยางแห่งประเทศไทยรวบรวมผลการดำเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐในภาพรวมทั้งหมดและรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12457 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของสถานศึกษาและแหล่งชุมชนที่มีการจราจรคับคั่งในชั่วโมงเร่งด่วน นั้น ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาการจราจร ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยให้พิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด หรือสะพานข้ามในบริเวณที่เป็นทางร่วมทางแยก ทั้งนี้ ต้องให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด และให้พิจารณาจุดติดตั้งสัญญาไฟจราจรและจุดกลับรถในพื้นที่ต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสม เช่น จุดกลับรถบริเวณหน้าโรงพยาบาลต้องไม่ไกลจนเกินไป เพื่อให้สามารถรับ-ส่ง ผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ในภาพรวมให้คำนึงถึงการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ ทางรางให้เป็นโครงข่ายที่ชัดเจน และนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการจราจรอย่างเป็นระบบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12458 | การดำเนินการภายหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติพ้นจากตำแหน่ง | นร04 | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๖๕ บัญญัติให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติยังคงอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่ ซึ่งเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีการประชุมและมีมติเกี่ยวกับการดำเนินการภายหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติพ้นจากตำแหน่ง ดังนี้
๑. เอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติทั้งหมดให้เก็บรักษาไว้ที่กองทัพบก กระทรวงกลาโหม ในฐานะที่กองทัพบกเป็นสำนักเลขาธิการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒. งบประมาณที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ ที่ผ่านมาได้ขออนุมัติเบิกจ่ายเป็นครั้ง ๆ ไป จึงไม่มีงบประมาณคงค้างเหลืออยู่ ๓. บุคลากรที่มาช่วยราชการคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ส่งตัวกลับหน่วยงานต้นสังกัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12459 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ) | กค | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เพื่อมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุต่อไป ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เพื่อมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12460 | รายงานผลการจัดระดับประเทศไทยในรายงานการค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2562 | พม | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดระดับประเทศไทยในรายงานการค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา ประจำปี ๒๕๖๒ โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่รายงานการค้ามนุษย์ หรือ Trafficking in Persons Report (TIP Report) ประจำปี ๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๒ โดยประเทศไทยยังไม่สามารถขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ได้ตามมาตรฐานขั้นต่ำของกฎหมายสหรัฐอเมริกา แต่ไม่เพิ่มความพยายามอย่างสำคัญในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์โดยรวมมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงการรายงานที่ผ่านมา ดังนั้น ประเทศไทยจึงยังคงถูกจัดระดับอยู่ในระดับ ๒ (Tier 2) เช่นเดียวกับปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
.....