ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 624 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 12461 - 12480 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12461 | ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2562)] | นร04 | 10/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีทุกท่านเข้าร่วมรับฟังการแถลงหรือชี้แจงข้อเท็จจริงตามญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๕๒ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันพุธที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๒ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณสนับสนุนข้อมูลประกอบการแถลงหรือชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12462 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายปิยกร อภิบาลศรี และร้อยตำรวจโทหญิง ศรัณย์กร เลิศโอภาส) (นายปิยกร อภิบาลศรี) | กค | 10/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายปิยกร อภิบาลศรี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต (นักวิชาการสรรพสามิตทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ๒. ร้อยตำรวจโทหญิง ศรัณย์กร เลิศโอภาส ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายและระเบียบการคลัง (นิติกรทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12463 | รัฐบาลสาธารณรัฐมัลดีฟส์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ประจำประเทศไทย (นายมุฮัมมัด จินาห์) | กต | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมุฮัมมัด จินาห์ (Mr. Mohamed Jinah) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายมุฮัมมัด นะขีด (Mr. Mohamed Nasheed) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12464 | การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคาซัคสถาน ณ จังหวัดภูเก็ต และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคาซัคสถาน ณ จังหวัดภูเก็ต (นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด) | กต | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคาซัคสถาน ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต ๒. การแต่งตั้ง นายอรรถนพ พันธุกำเนิด ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคาซัคสถาน ณ จังหวัดภูเก็ต
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12465 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 รวม 4 ฉบับ | กค | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ ที่ราชพัสดุ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา และใช้ที่ราชพัสดุ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดหาประโยชน์ที่ราชพัสดุ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ จัดหาประโยชน์ที่ราชพัสดุ ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และแบบเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุนอกราชอาณาจักร ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดให้ยกเว้นการประมูลสำหรับกรณีการให้เช่าที่ราชพัสดุตามนโยบายหรือโครงการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบนั้น เป็นการกำหนดเงื่อนไขไว้ค่อนข้างกว้าง อาจจะทำให้รัฐบาลเสียโอกาสในการใช้ประโยชน์ในที่ดินราชพัสดุ จึงเห็นควรให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดเฉพาะกรณีที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบให้ใช้ที่ราชพัสดุในการดำเนินโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12466 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กช | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่สภากาชาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12467 | การร่วมลงนาม รับรอง และให้ความเห็นชอบเอกสารในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 51 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวม 12 ฉบับ | พณ | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างข้อตกลงยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียน (ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Type Approval for Automotive Products) เป็นการอำนวยความสะดวกในการยอมรับรายงานผลการทดสอบผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียนซึ่งกันและกัน รวมถึงการยกระดับการค้าของอาเซียน ขจัดอุปสรรคที่ไม่จำเป็นต่อการค้าอันเนื่องมาจากกฎระเบียบทางเทคนิค และเพื่อกระชับและขยายความร่วมมือโดยเฉพาะการรับรองแบบยานยนต์ เพื่อสนับสนุนให้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเกิดขึ้นจริง และร่างพิธีสารว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทด้านเศรษฐกิจของอาเซียน (ASEAN Protocol on Enhanced Dispute Settlement Mechanism) เป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทด้านเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Minister : AEM) ครั้งที่ ๕๑ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๓-๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร และเมื่อลงนามแล้ว ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบข้อตกลงฯ และพิธีสารฯ ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่เกี่ยวกับถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ ๕. ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนว่าไทยพร้อมที่จะให้ร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ มีผลผูกพัน เมื่อรัฐสภามีมติให้ความเห็นชอบร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ แล้ว ๖. เห็นชอบร่างเอกสาร รวม ๑๐ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างแผนการดำเนินงานตามกรอบการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๘ (ASEAN Digital Integration Framework Action Plan 2019-2025) (๒) ร่างแนวทางการพัฒนาแรงงานมีทักษะ/ผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๔ (Guideline on Skilled Labor/Professional Services Development in Response to the Fourth Industrial Revolution) (๓) ร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมอาเซียนไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ (ASEAN Declaration on Industrial Transformation to Industry 4.0) (๔) ร่างแนวทางในการส่งเสริมการใช้ดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยอาเซียน (Policy Guideline on Digitalization of ASEAN Micro Enterprises) (๕) ร่างการปรับปรุงข้อบทว่าด้วยระเบียบวิธีปฏิบัติด้านหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อรองรับระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของอาเซียน (Amended ATIGA Operational Certification Procedure to allow for ASEAN-wide Self-Certification Scheme) (๖) ร่างการปรับปรุงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของอาเซียน (Amended CO Form D) (๗) ร่างขอบเขตการดำเนินงานของการทบทวนความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (TOR : General Review of the ASEAN Trade in Goods Agreement) (๘) ร่างแผนความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (Programme of Cooperation between the Eurasian Economic Commission and the Association of Southeast Asian Nations for 2019-2020) (๙) ร่างแผนงานเพื่อยกระดับการเจรจาความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA FJC Work Plan for the Upgrade Negotiations) และ (๑๐) ร่างแถลงการณ์ของรัฐมนตรีในโอกาสครบรอบ ๑๐ ปีความสัมพันธ์อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (Ministerial Statement on the 10th Year Anniversary of the AANZFTA) จะเป็นผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (AEM) ในครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้องค์กรรายสาขาด้านเศรษฐกิจของอาเซียนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคู่เจรจาของอาเซียนไปดำเนินงานตามแผนงานได้ และเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับอาเซียนในการรับมือและใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทต่อการประกอบธุรกิจการค้าและระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้าให้มีความทันสมัย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและชั้นตอนการดำเนินงานและช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ยังเป็นการประสานความร่วมมือกับประเทศนอกภูมิภาคซึ่งจะเป็นการขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๗. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ร่วมรับรองร่างเอกสารตาม (๑)-(๔) และให้ความเห็นชอบร่างเอกสารตาม (๕)-(๑๐) ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (AEM) ครั้งที่ ๕๑ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๓-๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำในร่างเอกสารดังกล่าวที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๘. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่จะกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสองและวรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ กระทรวงพาณิชย์จะต้องเป็นผู้พิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาหรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๙. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดและกำกับติดตามโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ระยะที่ ๒ ให้เป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้ เพื่อรองรับการบังคับใช้ตามร่างข้อตกลงฯ รวมทั้งการกำหนดมาตรฐานยานยนต์ในอาเซียนในอนาคต เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ภายในประเทศ โดยเฉพาะ SMEs ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12468 | (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2562 - 2565) | นร08 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้ปรับห้วงเวลาของ (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติฯ จากเดิม พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ เป็น พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕ เพื่อให้สอดคล้องกับห้วงเวลาปัจจุบัน ซึ่งสาระสำคัญของ (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติฯ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากที่คณะรัฐมนตรีได้เคยให้ความเห็นชอบไว้ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานการจัดทำยุทธศาสตร์หรือแผนด้านความมั่นคงเฉพาะเรื่อง (แผนระดับที่ ๓ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐) หรือจัดทำแผนงานหรือโครงการที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12469 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกรกฎาคม 2562 | นร11 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการตระหนักรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของภาคีต่าง ๆ ต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ และการดำเนินงานในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12470 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งให้ นายคณนาถ หมื่นหนู เป็นโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แทนนางสาวดารณี ลิขิตวรศักดิ์ ทั้งนี้ ตามคำสั่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ ๖๕๑/๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สั่ง ณ วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12471 | ผลการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนมกราคม - มีนาคม 2562) ต่อที่ประชุมวุฒิสภา | นร11 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๒) ต่อที่ประชุมวุฒิสภา ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะกรรมการและเลขานุการที่ประชุมร่วมประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ประเด็นอภิปราย สาระสำคัญที่ควรพิจารณาปรับปรุงเพิ่มเติมในการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ได้แก่ ควรมีค่าเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจนเพื่อให้ทราบเป้าหมายและใช้ในการเร่งรัดติดตามและประเมินผลในแต่ละรอบไตรมาสได้ ควรปรับรูปแบบการรายงาน โดยแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในรายประเด็นการปฏิรูปให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นง่ายต่อการทำความเข้าใจ และเพิ่มการรายงานความคืบหน้าแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา และแผนการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) รวมทั้งควรปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศ โดยพิจารณาเฉพาะโครงการและกิจกรรมที่เป็นปัญหาเร่งด่วน มีความจำเป็นต้องดำเนินการปฏิรูปอย่างแท้จริง ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ๑.๒ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ในทุกภาคส่วนผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ และเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและภาคประชาสังคมในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ๑.๓ ในการรายงานครั้งต่อไป ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณามอบหมายรัฐมนตรี ประธานกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจงรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อที่ประชุมรัฐสภา และรับฟังความเห็นของวุฒิสภาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการปฏิรูปประเทศด้วย ๒. มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศที่เกี่ยวข้องนำประเด็นการอภิปราย ไปประกอบการเตรียมการปรับแผนการปฏิรูปประเทศ ตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12472 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2561 ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) | ส.ส.ท | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๖๑ ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส (Thai PBS) ซึ่งมีสาระครอบคลุมการดำเนินการในปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานในฐานะสื่อสาธารณะ และแผนการดำเนินงานในปี ๒๕๖๒ ตามที่ ส.ส.ท. เสนอ ๒. ในการรายงานผลการปฏิบัติงานของ ส.ส.ท. สำหรับปีต่อ ๆ ไป ให้ ส.ส.ท. นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งจัดทำรายงานให้มีเนื้อหาสาระครบถ้วนตามนัยมาตรา ๕๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๑ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12473 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ | นร01 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ ประจำเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เช่น การจัดจิตอาสาเฉพาะกิจพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาในส่วนภูมิภาคของกองกำลังจิตอาสา ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ๙๐๔ วปร. และการจัดกิจกรรม “จิตอาสาพัฒนา คู คลอง” ๒. การดำเนินโครงการจิตอาสาพัฒนาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เช่น การพัฒนาลำน้ำ ลำคลอง และคุณภาพชีวิตของชุมชนริมน้ำ การผลิตแผงโซล่าเซลล์เพื่อเป็นพลังงานทดแทนและสำหรับสำรองไฟฉุกเฉินให้แก่ประชาชน การผลิตเครื่องกำจัดมลพิษทางอากาศ PM2.5 และ PM10 และการรับรองมาตรฐานสิ่งประดิษฐ์ภายใต้โครงการลดและคัดแยกขยะของชุมชน เป็นต้น ๓. การดำเนินโครงกร “จิตอาสาพิทักษ์โบราณสถาน” โดยการเสริมสร้างความปลอดภัย ลดความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอัคคีภัยจากระบบไฟฟ้าอาคารและสิ่งก่อสร้าง เพื่อป้องกันความสูญเสียด้านชีวิตและทรัพย์สินของพระอารามหลวง มัสยิด โบสถ์คริสต์ที่สำคัญในพื้นที่ต่าง ๆ การให้ความรู้แก่บุคลากรด้านการบำรุงรักษาป้องกันและระงับเหตุอัคคีภัย ๔. การฝึกอบรมหลักสูตรจิตอาสา ๙๐๔ ประกอบด้วย หลักสูตรหลักประจำ รุ่นที่ ๓/๖๒ รุ่น “เป็นเบ้า เป็น แม่พิมพ์” เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของวิทยากรจิตอาสา ๙๐๔ ในการจัดบรรยายให้ความรู้แก่ข้าราชการบุคลากรของหน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนจิตอาสาในจังหวัด และหลักสูตรพื้นฐาน ประจำปี ๒๕๖๒ รุ่นที่ ๑ (วันที่ ๒๕ พฤษภาคม-๘ มิถุนายน ๒๕๖๒) จำนวน ๔๙๓ ราย และรุ่นที่ ๒ (วันที่ ๑๕-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๒) จำนวน ๔๙๖ ราย โดยมุ่งเน้นการฝึกเพื่อทำหน้าที่เป็นวิทยากรและผู้นำจิตอาสาในการฝึกอบรมและขยายผลให้ข้าราชการและประชาชนมีทัศนคติที่ดีต่อสถาบัน มีความเสียสละ มีอุดมการณ์ และมีความสามัคคีสามารถทำงานเป็นทีมได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12474 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับสำนักงาน ก.พ. เพื่อใช้เป็นตำแหน่งหมุนเวียนรองรับแนวทางการรักษากลุ่มกำลังคนคุณภาพ (Talent Retention) | นร10 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๒ ซึ่งอนุมัติการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับสำนักงาน ก.พ. ตามจำนวนที่ต้องใช้จริงไม่เกิน ๘๐ อัตรา เพื่อใช้เป็นกรอบอัตรากำลังหมุนเวียนตามแนวทางการรักษากลุ่มกำลังคนคุณภาพ ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว หากมีความจำเป็นต้องสรรหาอัตราบุคลากรตั้งใหม่ และสามารถบรรจุได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้สำนักงาน ก.พ. พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้แล้วในแผนงานบุคลากรภาครัฐไปดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ส่วนภาระงบประมาณรายจ่ายด้านบุคลากรที่จะเพิ่มขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้สำนักงาน ก.พ. จัดทำแผนกรอบอัตรากำลังหมุนเวียนในแต่ละปีพร้อมแผนการใช้จ่ายงบประมาณบรรจุไว้ในกรอบวงเงินรายจ่ายล่วงหน้าระยะปานกลาง เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามความจำเป็นและทันต่อสถานการณ์อย่างเหมาะสมตามความสามารถในการใช้จ่ายตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัดด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12475 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ | นร10 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งอนุมัติการจัดสรรอัตราข้าราชการตำรวจตั้งใหม่ให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น ๙,๐๐๐ อัตรา ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการสรรหาและบรรจุแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในอัตราตั้งใหม่ที่ได้รับจัดสรรและอัตราที่มีอยู่เดิมให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และควรนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการทำงานให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจ รวมทั้งข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เกี่ยวกับภารกิจด้านคดีความที่เกี่ยวข้องกับเด็ก สตรี และครอบครัว ปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยคดีความดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้เสียหาย ซึ่งการมีข้าราชการตำรวจหญิงมาปฏิบัติภารกิจในกระบวนการสอบสวนคดีดังกล่าวจะมีความเหมาะสมในการปฏิบัติงานมากกว่า ดังนั้น ภายใต้กรอบอัตรากำลังที่ได้รับการจัดสรรในครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงควรพิจารณาจัดสรรอัตราเพื่อบรรจุข้าราชการตำรวจหญิงในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อรองรับการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของส่วนราชการตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ (เรื่อง รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับมาตรการด้านกำลังคนภาครัฐ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๒ [เรื่อง มาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕)] อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12476 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนเมษายน - มิถุนายน 2562) | นร11 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๒) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. ความคืบหน้า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑) กิจกรรม/ประเด็นย่อยภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ มีความคืบหน้าแบ่งได้เป็น ๔ กลุ่ม คือ กิจกรรมที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๑๒๑ กิจกรรม (ร้อยละ ๑๐) กิจกรรมที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนฯ จำนวน ๙๗๔ กิจกรรม (ร้อยละ ๗๙) กิจกรรมที่อยู่ระหว่างการดำเนินการแต่ล่าช้ากว่าแผนฯ จำนวน ๙๒ กิจกรรม (ร้อยละ ๘) และกิจกรรมที่ต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๔๒ กิจกรรม (ร้อยละ ๓) และ (๒) กฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ จำนวน ๒๒๑ ฉบับ พบว่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ มีความคืบหน้าในการออกกฎหมายใต้แผนการปฏิรูปประเทศทั้งสิ้น ๔๕ ฉบับ (ร้อยละ ๒๐.๓๖ จากกฎหมายทั้งหมด) ๒. ปัญหาอุปสรรค ได้แก่ การปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศ อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดความสอดคล้องของแผนการปฏิรูปประเทศกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ อยู่ระหว่างการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวในตำแหน่งที่ว่างอยู่ตามขั้นตอนของกฎหมาย ๓. ข้อเสนอแนะ ได้แก่ การให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบตามแผนการปฏิรูปประเทศเร่งดำเนินการและรายงานผลผ่านระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR) และการให้คณะกรรมการปฏิรูประเทศนำกิจกรรมที่ต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาเตรียมการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12477 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 6/2562 เรื่อง ร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ว่าด้วยกองทุนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... | สกพอ | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ เรื่อง ร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ว่าด้วยกองทุนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนทำหน้าที่กำหนดนโยบาย กำกับดูแลการบริหารจัดการ และติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน รวมทั้งกำหนดการจัดการเงินและทรัพย์สินของกองทุน และให้มีระบบบัญชี การประเมินผลและการตรวจสอบการดำเนินงานของกองทุน อันจะทำให้การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับบทอาศัยอำนาจในการออกร่างระเบียบฯ ว่า สมควรอ้างเฉพาะมาตรา ๑๑ (๗) และมาตรา ๖๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นมาตราที่ให้อำนาจในการออกระเบียบในเรื่องนี้เท่านั้น ไปแก้ไขปรับปรุงการออกร่างระเบียบดังกล่าวต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เช่น (๑) การจัดตั้งและบริหารกองทุนจะต้องพิจารณาถึงประโยชน์ของรัฐและประชาชน ความคุ้มค่า และความประหยัด ซึ่งจะต้องกระทำด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และมีการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม รวมถึงการพิจารณาเป้าหมายและประโยชน์ที่จะได้รับประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้น ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และ (๒) การกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการพิจารณาอันสืบเนื่องจากระเบียบฯ โดยเฉพาะการนำส่งเงินและทรัพย์สินเข้ากองทุน และการใช้จ่ายเงินกองทุน จำเป็นจะต้องมีความชัดเจนและรัดกุมเพื่อให้การบริหารจัดการกองทุนเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12478 | รายงานประจำปี 2561 ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา | กสศ | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๑ ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) (พฤษภาคม ๒๕๖๑-มีนาคม ๒๕๖๒) ประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เช่น โครงการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไขในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๑ โครงการพัฒนาสถาบันต้นแบบด้านการพัฒนาคุณภาพเด็กปฐมวัยเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา และโครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น (๒) รายงานคณะกรรมการตรวจสอบภายใน ซึ่งมีข้อเสนอแนะ เช่น กสศ. ต้องมอบหมายหน่วยงานหรือบุคลากรจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อรองรับการประเมินผลการดำเนินงานของ กสศ. ตามมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้สำนักงาน กสศ. จัดหาบุคลากรเพิ่มเติมแก่ฝ่ายตรวจสอบภายใน รวมทั้งจัดให้มีการฝึกอบรมที่จำเป็นเพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น และ (๓) รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน กสศ. ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้แล้ว ตามที่ กสศ. เสนอ และให้ กสศ. ติดตามผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาด้วย ๒. การจัดทำรายงานประจำปีต่อ ๆ ไป ขอให้ กสศ. เร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12479 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร01 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๑ และไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยสถิติการใช้บริการจำแนกตามช่องทางการร้องทุกข์ เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่า ประชาชนยื่นเรื่องร้องทุกข์ในภาพรวมทุกช่องทางเพิ่มมากขึ้น คิดเป็นร้อยละ ๑๓.๖๔ โดยช่องทางตู้ ปณ.๑๑๑๑/ไปรษณีย์/โทรสาร เป็นช่องทางที่ประชาชนยื่นเรื่องในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด ส่วนช่องทาง ตู้ ปณ.๔๔๔ มีสัดส่วนที่ลดลงมากที่สุด สำหรับประเด็นเรื่องร้องทุกข์ที่ประชาชนยื่นเรื่องมากที่สุด ๑๐ อันดับแรก ใน ๖ เดือนแรก ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เปรียบเทียบข้อมูลกับปีงบประมาณที่ผ่านมา ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ การเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐ ไฟฟ้า บ่อนการพนัน น้ำประปา ถนน หนี้สินนอกระบบ ยาเสพติด โทรศัพท์ และการเมือง และให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญแก่การแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และเร่งรัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12480 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวดารณี เพ็ญเจริญ) | สธ | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวดารณี เพ็ญเจริญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์และการใช้ผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (นักวิชาการอาหารและยาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
.....