ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 625 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 12481 - 12500 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12481 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ประโยชน์ตอนแทนของกรรมการและอนุกรรมการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 พ.ศ. .... | กค | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ประโยชน์ตอบแทนของกรรมการและอนุกรรมการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้รับประโยชน์ตอบแทนในอัตราเช่นเดียวกันกับการกำหนดให้คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการได้รับประโยชน์ตอบแทนตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น การกำหนดจำนวนครั้งของการประชุมคณะกรรมการนโยบายร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชนในแต่ละเดือนนั้น ควรพิจารณากำหนดตามความจำเป็นและเหมาะสมและความเร่งด่วนในการพิจารณาโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนเป็นสำคัญ เป็นต้น ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการกำหนดค่าตอบแทนดังกล่าว ให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12482 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (นายฤทธี ศรีสวัสดิ์) | นร06 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฤทธี ศรีสวัสดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12483 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายยุทธนา หยิมการุณ และคณะ) | กค | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายยุทธนา หยิมการุณ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ ๒. นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบัญชีกลาง ๓. นางปานทิพย์ ศรีพิมล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางญาณี แสงศรีจันทร์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางศิริวัลย์ แก้วมูลเนียม ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นางแพตริเซีย มงคลวนิช ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ๗. นายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12484 | แต่งตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร08 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม ๗ คน และหน้าที่อำนาจ รวม ๖ ข้อ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ ดังนี้
๑. พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๒. พลเอก จำลอง คุณสงค์ รองหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๓. พลเอก ปราการ ชลยุทธ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๔. พลเอก วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๕. พลเอก มณี จันทร์ทิพย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๖. นายฉัตรพงศ์ ฉัตราคม ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๗. นายจำนัล เหมือนดำ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12485 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายแสนศักดิ์ ศิริพานิช) | นร04 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายแสนศักดิ์ ศิริพานิช ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ กันยายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12486 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางรัชนี พลซื่อ) | นร04 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นางรัชนี พลซื่อ ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ กันยายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12487 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ และคณะ) | คค | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๒ นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๓ นางอัมพวัน วรรณโก ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๔ นายสมัย โชติสกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๕ นายวิทยา ยาม่วง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเจ้าท่า ๑.๖ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ๑.๗ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวง ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๒ [เรื่อง ขอความเห็นชอบให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ (การเสนอแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารรดับสูงต่อคณะรัฐมนตรี)] ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12488 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ และคณะ) | สธ | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ๑.๒ นายไพศาล ดั่นคุ้ม ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ๑.๓ นายณรงค์ สายวงศ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๔ นายยงยศ ธรรมวุฒิ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๒ [เรื่อง ขอความเห็นชอบให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ (การเสนอแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูงต่อคณะรัฐมนตรี)] ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12489 | ผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีและภาคเอกชนกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 12 และการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 11 | นร11 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีและภาคเอกชนกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๒ (12th Mekong-Japan Industry and Government Dialogue) เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ เห็นชอบประเด็นหารือของไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๑ และร่างแถลงข่าวร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๑ เพื่อให้รัฐมนตรีประจำกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของไทย ร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้การรับรองร่างแถลงข่าวร่วมฯ โดยไม่มีการลงนาม ในการประชุมระดับรัฐมนตรีของกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๑ (11th Mekong-Japan Economic Ministers Meeting) ในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร และเห็นชอบให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสามารถปรับปรุงถ้อยคำในแถลงข่าวร่วมฯ ได้ในกรณีที่มิใช่การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขพร้อมด้วยเหตุผลประกอบอีกครั้งหนึ่ง ๑.๓ เห็นชอบมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีประจำกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของไทย และเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๑ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่ขอเสนอถ้อยคำเพิ่มเติมในร่างแถลงข่าวร่วมฯ ข้อ ๓. (ข) “เร่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ต่อไป เพื่อเพิ่มผลิตภาพและขีดความสามารถของแรงงานในอุตสาหกรรมหลักคือเกษตรและการผลิต และอุตสาหกรรมชั้นสูงที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๔” ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12490 | รายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงงบประมาณด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ รวมถึงงบประมาณของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้เหมาะสมเป็นไปตามนัยพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่สำนักงบประมาณได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในครั้งนี้ และให้ประสานกับสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการต่อไป ๑.๒ ขอแก้ไขคำผิด จากเดิม คำว่า “สำนักงานสภาเกษตรแห่งชาติ” ที่ปรากฎในเอกสารที่เสนอคณะรัฐมนตรีทุกแห่ง เป็น “สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ” ๒. เห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของหน่วยรับงบประมาณ รวมทั้งแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้สำนักงบประมาณนำรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของหน่วยรับงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปรับฟังความคิดเห็นให้สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๗๗ วรรค ๒ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12491 | การกำหนดค่าตอบแทน ค่าใช้จ่าย และประโยชน์ตอบแทนอื่นใด ตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2561 | นร11 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติค่าตอบแทนของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการพิเศษเฉพาะเรื่อง คณะกรรมการยกร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการประสานการดำเนินงานด้านยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ คณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการชำนาญการ ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการกำหนดค่าตอบแทนดังกล่าว ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12492 | การประชุมรัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียว่าด้วยเศรษฐกิจภาคทะเล ครั้งที่ 3 | กต | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาธากาว่าด้วยเศรษฐกิจภาคทะเล (Dhaka Declaration on Blue Economy) ซึ่งเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association : IORA) ที่จะใช้แนวทางที่มีความสมดุลระหว่างการพัฒนา การนำทรัพยากรธรรมชาติในทะเลและในระบบนิเวศชายฝั่งมาใช้ประโยชน์ และการอนุรักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติมาเป็นแนวทางดำเนินการให้บรรลุการพัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจภาคทะเล โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการสร้างอาชีพของประชาชนในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียเป็นลำดับต้น ผ่านการพัฒนาในสาขาที่มีความสำคัญและจะเป็นส่วนเกื้อหนุนการพัฒนาต่อไป ได้แก่ (๑) การวางแผนเชิงพื้นที่ทางทะเล (๒) การเสริมสร้างห่วงโซ่แห่งคุณค่าทางทะเล (๓) การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระบบโครงสร้างการบริหารจัดการกิจการทางทะเลที่ดีเพื่อให้มีการนำไปปฏิบัติใช้ (๔) การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และการบริหารจัดการเทคโนโลยีทางทะเลผ่านการส่งเสริมให้มีการก่อตั้งสถาบันการศึกษาและวิจัย (๕) การร่วมกันพยายามแก้ไขปัญหามลพิษในทะเล และ (๖) การสรรหาแนวทางในการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันกับประเทศคู่เจรจาในสาขาที่ได้ดำเนินการอยู่แล้ว ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียว่าด้วยเศรษฐกิจภาคทะเล ครั้งที่ ๓ (3rd Indian Ocean Rim Association-IORA Ministerial Blue Economy Conference) ระหว่างวันที่ ๔-๕ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงธากา สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และร่วมรับรองปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12493 | ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 37 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พน | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (๑) ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๓๗ (๒) ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน+๓ ครั้งที่ ๑๖ (๓) ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานแห่งเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๑๓ และ (๔) ร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ สหพันธรัฐมาเลเซีย ว่าด้วยโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่างลาว ไทย มาเลเซีย ระยะที่ ๒ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในความร่วมมือด้านพลังงานของประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในกรอบอาเซียน+๓ (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) และประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในกรอบสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานแห่งเอเชียตะวันออก (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหพันธรัฐรัสเซีย สหรัฐอเมริกา) เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงาน และการสร้างพลังงานที่ยั่งยืนในภูมิภาค โดยจะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมรัฐมนตรีด้านพลังงาน ครั้งที่ ๓๗ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒-๖ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้ให้การรับรองในร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ร่วมกับรัฐมนตรีพลังงานของกลุ่มประเทศสมาชิกดังกล่าวได้ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ในส่วนของการดำเนินการตามร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ สหพันธรัฐมาเลเซีย ว่าด้วยโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่างลาว ไทย มาเลเซีย ระยะที่ ๒ ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประเมินผลการดำเนินโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่างลาว ไทย มาเลเซีย ระยะที่ ๑ ทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งคำนึงถึงผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าภายในประเทศ เพื่อประกอบการพิจารณาขยายเพดานปริมาณการซื้อไฟฟ้า ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12494 | แนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับปริมาณน้ำที่ได้รับอิทธิพลจากพายุและการดูแลช่วยเหลือประชาชน | นร04 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ในแต่ละปีประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากมรสุมและพายุต่าง ๆ ส่งผลให้มีฝนตกหนัก มีปริมาณน้ำมากจนทำให้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ แต่ก็ไม่สามารถกักเก็บน้ำดังกล่าวไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งระบายน้ำพร้อมกับให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย และได้จ่ายเงินเยียวยาให้แก่ประชาชนที่เสียสละยอมรับน้ำเข้าไปในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งทำให้ต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากทั้งเพื่อการระบายน้ำและการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน จึงสมควรที่จะพิจารณาทบทวนแนวทางในการดำเนินการทั้งในช่วงฤดูฝนและฤดูแล้งให้เหมาะสม คุ้มค่า และมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ เช่น ในพื้นที่ที่ไม่สามารถระบายน้ำได้อย่างคล่องตัวทำให้ต้องระดมสรรพกำลังหรืองบประมาณมากจนเกินความจำเป็น อาจขอความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่รับน้ำเข้าไปในพื้นที่ของตนเองโดยรัฐชดเชยความเสียหายให้ในอัตราที่เหมาะสม และส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่น้ำท่วม รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่รับน้ำ (แก้มลิง) ชั่วคราวที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เป็นพื้นที่กักเก็บน้ำถาวร การจัดทำธนาคารน้ำใต้ดินที่มีการควบคุมคุณภาพน้ำที่กักเก็บให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน มีความสะอาด ปลอดภัยเพียงพอสำหรับการนำไปใช้ประโยชน์ต่อ
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการระบายน้ำและกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและสามารถเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้ในฤดูแล้ง โดยให้พิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมเป็นพื้นที่นำร่องในการดำเนินการก่อน ทั้งนี้ ให้พิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12495 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านเศรษฐกิจ ดังนี้
๑. ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการนำยางพาราไปใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์หรือดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย การยางแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการคลัง พิจารณากำหนดมาตรการในการส่งเสริมการใช้ยางพาราในภาพรวม รวมถึงมาตรการการคลังเพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการมีการใช้ยางพาราเพิ่มขึ้นและสร้างสมดุลของราคายางพาราให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น และให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรและอุปกรณ์ทางการตลาดแก่เกษตรกรเพื่อลดต้นทุนการผลิต โดยให้นำผลการประเมินโครงการที่ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมามาประกอบการพิจารณาด้วย และให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12496 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงดิจิดัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม | นร10 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งอนุมัติการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้แก่ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จำนวน ๔๖ อัตรา ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรดังกล่าว หากมีความจำเป็นต้องสรรหาบุคลากรตั้งใหม่ และสามารถบรรจุได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้ส่วนราชการต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้แล้วในแผนงานบุคลากรภาครัฐไปดำเนินการก่อนในโอกาสแรก โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอน ส่วนภาระงบประมาณรายจ่ายด้านบุคลากรที่จะเพิ่มขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้ส่วนราชการดังกล่าวจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณบรรจุไว้ในกรอบงบประมาณรายจ่ายล่วงหน้าระยะปานกลาง เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและส่วนราชการในสังกัดรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณที่เห็นควรนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาระบบงานต่าง ๆ ให้มีความคล่องตัว ยืดหยุ่น สอดคล้อง และทันกับบริบทด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ควรเร่งรัดการสรรหาและบรรจุแต่งตั้งบุคลากรให้เต็มตามกรอบอัตรากำลังที่มีและเกลี่ยอัตรากำลังในกระทรวง เพื่อให้การบริหารกำลังคนมีประสิทธิภาพ และควรทบทวนบทบาทหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวง โดยคำนึงถึงบทบาทการทำงานของข้าราชการให้มีความชัดเจน เพื่อนำอัตรากำลังไปใช้ในภารกิจที่มีความจำเป็น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและส่วนราชการในสังกัดดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของส่วนราชการตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ (เรื่อง รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับมาตรการด้านกำลังคนภาครัฐ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๒ [เรื่อง มาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕)] อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12497 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2562) | นร04 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทยและคณะได้เข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยตามมาตรา ๑๕๒ นั้น คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีความพร้อมจะไปแถลงหรือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๒ โดยมีมติ ดังนี้
๑. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) รับไปประสานประธานสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับกำหนดวันที่คณะรัฐมนตรีจะไปแถลงหรือชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ๒. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12498 | ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2562)] | นร04 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทยและคณะได้เข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามมาตรา ๑๕๒ นั้น คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีความพร้อมจะไปแถลงหรือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๒ จึงได้ลงมติมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) รับไปประสานประธานสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับกำหนดวันที่คณะรัฐมนตรีจะไปแถลงหรือชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12499 | รัฐบาลสาธารณรัฐตูนิเซียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐตูนิเซียประจำประเทศไทย (นายริอาด ดริดิ) | กต | 27/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายริอาด ดริดิ (Mr. Riadh Dridi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐตูนิเซียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สืบแทน นายมูรอด เบลฮัสเซน (Mr. Mourad Belhassen) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12500 | การปรับเขตกงสุลของสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน สาธารณรัฐอินเดีย | กต | 27/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยปรับให้สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน สาธารณรัฐอินเดีย มีเขตกงสุลครอบคลุมดินแดนสหภาพปูดูเชร์รีเพิ่มเติม มีผลให้สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน สาธารณรัฐอินเดีย มีเขตกงสุลครอบคลุมรัฐทมิฬนาฑู รัฐอานธรประเทศ รัฐกรณาฏกะ รัฐเกรละ รัฐเตลังคานา และดินแดนสหภาพปูดูเชร์รี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
.....