ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 174 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 3461 - 3480 จากข้อมูลทั้งหมด 124446 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3461 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงฉิมพลี แขวงตลิ่งชัน แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด แขวงอรุณอมรินทร์ แขวงบางขุนนนท์ แขวงบางขุนศรี แขวงศิริราช แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย แขวงชนะสงคราม แขวงบ้านพานถม แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร แขวงวัดโสมนัส แขวงคลองมหานาค แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปรามศัตรูพ่าย แขวงสวนจิตรลดา แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต แขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี แขวงถนนพญาไท แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี แขวงปทุมวัน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่แขวงฉิมพลี แขวงตลิ่งชัน แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด แขวงอรุณอมรินทร์ แขวงบางขุนนนท์ แขวงบางขุนศรี แขวงศิริราช แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย แขวงชนะสงคราม แขวงบ้านพานถม แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร แขวงวัดโสมนัส แขวงคลองมหานาค แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย แขวงสวนจิตรลดา แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต แขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี แขวงถนนพญาไท แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี แขวงปทุมวัน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | คค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงฉิมพลี แขวงตลิ่งชัน แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน แขวงบางยี่ขัน
เขตบางพลัด แขวงอรุณอมรินทร์ แขวงบางขุนนนท์ แขวงบางขุนศรี แขวงศิริราช
แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย แขวงชนะสงคราม แขวงบ้านพานถม แขวงตลาดยอด
แขวงบวรนิเวศ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร แขวงวัดโสมนัส แขวงคลองมหานาค
แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย แขวงสวนจิตรลดา แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต
แขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี แขวงถนนพญาไท แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี แขวงปทุมวัน
แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงรัชดาภิเษก แขวงดินแดง
เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน
ในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชนในท้องที่แขวงฉิมพลี แขวงตลิ่งชัน
แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด แขวงอรุณอมรินทร์
แขวงบางขุนนนท์ แขวงบางขุนศรี แขวงศิริราช แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย
แขวงชนะสงคราม แขวงบ้านพานถม แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงพระบรมมหาราชวัง
เขตพระนคร แขวงวัดโสมนัส แขวงคลองมหานาค แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
แขวงสวนจิตรลดา แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต แขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี
แขวงถนนพญาไท แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี แขวงปทุมวัน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน
แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง
เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนและกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน
(โครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย)
เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค
และเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัด
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรม ที่เห็นควรคำถึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับโบราณสถาน
ทั้งที่ตั้งอยู่เหนือพื้นดินและใต้ดินหรือใกล้เคียงกับแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม
รวมทั้งต้องคำนึงถึงผลกระทบของการดำเนินการในเขตกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้ง ๔ เขต ได้แก่
กรุงรัตนโกสินทร์ชั้นใน กรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก พื้นที่ฝั่งตรงข้ามบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์
และพื้นที่ต่อเนื่องบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีโบราณสถานสำคัญตั้งอยู่อย่างหนาแน่น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3462 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. .... | วธ. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกลไกของภาครัฐในการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์
เพื่อให้เป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านสังคมและบทบัญญัติมาตรา ๗o ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ที่บัญญัติให้รัฐพึงส่งเสริมและให้ความคุ้มครองชาวไทย กลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ
ให้มีสิทธิดำรงชีวิตในสังคมตามวัฒนธรรม ประเพณี
และวิถีชีวิตดั้งเดิมตามความสมัครใจได้อย่างสงบสุข ไม่ถูกรบกวน ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ทำหน้าที่รักษาการตามพระราชบัญญัติฯ ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม
และปฏิบัติหน้าที่เลขานุการร่วมในคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
ในการดำเนินการจัดทำธรรมนูญของพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
แผนที่หรือการกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ก็จำเป็นต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรอบคอบ
รวมถึงการกำหนดให้กลุ่มชาติพันธุ์มีสิทธิใช้ประโยชน์จากที่ดินและทรัพยากรธรรมชาตินั้น
มีความสอดคล้องหรือขัดแย้งกับกฎหมายฉบับอื่นอย่างไรหรือไม่ เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกินสมควร
การกำหนดชื่อและสาระให้ตรงกับหลักการด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรมการกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตฯ
ในพื้นที่ที่มีกฎหมายเฉพาะ และความจำเป็นของคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น อาจพิจารณาจัดการหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อวางแนวทางให้การดำเนินงานของกลไกต่าง
ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕ (เรื่อง
การกำหนดและทบทวนกรอบอัตรากำลังขององค์การมหาชนให้มีขนาดที่เหมาะสม) ซึ่งได้เห็นชอบแนวทางการกำหนดและทบทวนกรอบอัตรากำลังขององค์การมหาชนให้มีขนาดที่เหมาะสม
โดยให้ตรึงกรอบอัตรากำลังขององค์การมหาชนจนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้มีกรรมการที่เป็นผู้แทนหน่วยงานของรัฐเพิ่มเติม
ได้แก่ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรองประธานกรรมการเพิ่มเติม
และให้ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
เป็นกรรมการโดยตำแหน่งเพิ่มเติม รวมทั้งควรกำหนดหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ
และวิธีการสรรหาให้มีความเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับได้ต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3463 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเฉลิมพระเกียติ และตำบลใหม่ ตำบลโตนด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... | คค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีได้มีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองงูเหลือม
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลใหม่ ตำบลโตนด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองงูเหลือม
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลใหม่ ตำบลโตนด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน
หมายเลข ๒๙o และเพื่อนำที่ดินไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3464 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระภาษีสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล) | กค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนขายคริปโทเคอร์เรนซี
(Cryptocurrency) ที่กระทำผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
(Exchange) และขยายการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้รวมถึงนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
(Broker) และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Dealer) ด้วย และปรับปรุงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับโทเคนดิจิทัล (Token
Digital) ในประเภทของโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility
Token) โดยให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ที่ได้กระทำผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป
เพื่อให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเท่าเทียมกัน (เดิมยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนขายคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเท่านั้น)
รวมทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการโอนขายสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทยให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3465 | ขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 153 ของรัฐธรรมนูญ | สว. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาแจ้งว่า
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา กับคณะ รวม ๙๖ คน ได้เข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา
เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๕๓ นั้น คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีความพร้อมจะไปแถลงหรือชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมวุฒิสภา
ในวันจันทร์ที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๗ จึงได้ลงมติ ๑. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์
เทพสุทิน)
ในฐานะกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภารับไปประสานประธานวุฒิสภาเกี่ยวกับกำหนดวันที่คณะรัฐมนตรีจะไปแถลงหรือชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมวุฒิสภา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3466 | นายกรัฐมนตรีลาป่วยระหว่างวันที่ 31 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ 2567 | สลค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งว่านายกรัฐมนตรีลาป่วย
ระหว่างวันที่ ๓๑ มกราคม-๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ รวม ๒ วัน ทั้งนี้
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3467 | การแก้ไขปัญหาการครอบครองอาวุธปืนและการทบทวนหลักเกณฑ์และความจำเป็นเหมาะสมของโครงการอาวุธปืนสวัสดิการ | นร. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖)
มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการต่าง
ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการใช้อาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืน
รวมทั้งเร่งศึกษามาตรการหรือแนวทางการกำกับดูแล
ควบคุมการใช้อาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนเพิ่มเติมให้เหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น
นั้น
โดยที่ปัจจุบันยังมีเหตุการณ์รุนแรงจากการใช้อาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายและความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในสังคมเป็นอย่างมาก
ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น สามารถลดจำนวนอาวุธปืน
สิ่งเทียมอาวุธปืน และอาวุธอื่น ๆ
ที่อาจนำมาใช้ก่อความรุนแรงและเพิ่มความปลอดภัยในสังคมได้ต่อไป
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๑.
ให้พิจารณากำหนดมาตรการเพื่อดำเนินการให้ผู้ครอบครองอาวุธปืน สิ่งเทียมอาวุธปืน และอาวุธอื่น
ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายสามารถนำอาวุธปืน สิ่งเทียมอาวุธปืน และอาวุธอื่น ๆ
มามอบแก่ทางราชการภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ถือเป็นความผิด ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องตราหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมายประการใดเพื่อรองรับการดำเนินการในเรื่องนี้
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามขั้นตอนให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3468 | การขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ | นร. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การจัดทำความร่วมมือและการขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศเป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศในภาพรวม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการในด้านต่าง ๆ จากต่างประเทศ ขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสม
และคุ้มค่าให้ละเอียดรอบคอบ ตลอดจนคำนึงถึงผลกระทบในด้านต่าง ๆ
ที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจากการที่ต่างประเทศหรือหน่วยงานระหว่างประเทศได้ทราบข้อมูล
ข่าวสาร หรือองค์ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ของประเทศไทยและนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3469 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2566 ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย | สธ. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖
ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เป็นการกำหนดรายละเอียดสำหรับการดำเนินโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี ๒๕๖๖ มีสาระสำคัญมุ่งสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง
ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ในการปรึกษาหารือ การประสานงาน การร่วมมือกัน และการได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน
เคารพกฎหมายและกฎระเบียบของสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย และร่วมกันติดตามประเมินโครงการและการใช้งบประมาณจากกองทุน
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้างประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๖
ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3470 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหัวหวาย อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... | คค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหัวหวาย อำเภอตาคลี
จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหัวหวาย อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓๒๙ ทางสายตาคลี-หนองหลวง ตอนตาคลี-หนองหลวง ที่
กม. ๑๑+๓๔๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3471 | แผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการดำเนินงาน การจัดเก็บรายได้ และการใช้จ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และเห็นชอบแผนการดำเนินงาน
งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
วงเงินงบประมาณรายจ่าย ๑,๐๙๕.๑๖๒ ล้านบาท และประมาณการรายได้
๑,๐๙๕.๔๖๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามความในมาตรา ๔๑
แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงาน (สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน)
รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ด่วนมาก ที่ นร ๑๑๐๖/๖๒๒๖ ลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๖) ที่เห็นว่าในการดำเนินการขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
และให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานรายงานผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินการตามแผนฯ
ให้สอดคล้องตามตัวชี้วัดและเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และแผนย่อย
ในแต่ละระดับตามที่กำหนด รวมทั้งเร่งดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้แผนการดำเนินงานฯ
พ.ศ. ๒๕๖๖ และแผนดำเนินงานฯ พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินแผนงาน/โครงการ
ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy
Transition) อาทิ โครงการพัฒนากฎระเบียบการกำกับกิจการพลังงาน เพื่อรองรับการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
และเทคโนโลยีพลิกโฉม (Disruptive Technology) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3472 | การส่งเสริมการจ้างงานผู้พิการในส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐและการอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการในสถานที่ราชการ | นร. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม
ซึ่งรวมถึงผู้พิการโดยจะดูแลให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้
และมีคุณภาพชีวิตที่ดี นั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการจ้างงานให้กับผู้พิการ
ขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่งเร่งรัดดำเนินการจ้างงานผู้พิการให้ถูกต้องและครบถ้วนตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ประกอบกฎกระทรวงกำหนดจำนวนคนพิการที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐจะต้องรับเข้าทำงาน
และจำนวนเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่กำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐจะต้องรับผู้พิการเข้าทำงานในอัตราส่วนผู้ปฏิบัติงานที่มิใช่ผู้พิการทุกหนึ่งร้อยคนต่อผู้พิการหนึ่งคน
เพื่อให้ผู้พิการสามารถมีรายได้ในการดำรงชีพได้อย่างมั่นคง ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่งเร่งรัดดำเนินการจัดให้มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการในสถานที่ราชการและหน่วยงานของรัฐให้ครบถ้วนและเป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล
เช่น ทางลาดชัน ราวจับ ระบบเสียงเตือน ลิฟต์ ห้องน้ำ ที่จอดรถ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการที่ทำงานและผู้พิการที่เข้ารับบริการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์อุปกรณ์
หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ทั่วถึง และเท่าเทียมกันต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3473 | การจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐลิทัวเนีย | กต. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูต
และหนังสือเดินทางราชการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐลิทัวเนีย
และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปานปรีย์ฯ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามความตกลงฯ
ทั้งนี้ ในกรณีมอบหมายผู้แทน
ให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามดังกล่าว
โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นการตรวจลงตราแก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางทูตหรือราชการที่มีอายุอย่างน้อย
๖ เดือนของแต่ละฝ่ายเพื่อเดินทางเข้า เดินทางผ่าน พำนัก
และออกจากอาณาเขตของอีกฝ่ายโดยได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน
ภายในห้วงระยะเวลา ๑๘๐ วัน (ไม่จำกัดจำนวนครั้ง) ซึ่งเทียบเคียงได้กับหนังสือแลกเปลี่ยนที่ไทยทำกับประเทศต่าง
ๆ ที่เป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เช่น เอสโตเนีย ลัตเวีย และฟินแลนด์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐลิทัวเนียในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การประหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3474 | ความก้าวหน้าในการดำเนินการของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายใต้กระบวนการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 | ปช. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.รับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ภายใต้กระบวนการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต
ค.ศ. ๒๐๐๓ (United Nations Convention against Corruption : UNCAC) รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่ประเทศไทยได้รับในการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ
ทั้ง ๔ หมวด ได้แก่ หมวดที่ ๒ มาตรการป้องกันการทุจริต
หมวดที่ ๓ การกำหนดให้เป็นความผิดทางอาญา และการบังคับใช้กฎหมาย หมวดที่ ๔
ความร่วมมือระหว่างประเทศ และหมวดที่ ๕ การติดตามทรัพย์สินคืน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการยกระดับการอนุวัติการอนุสัญญาฯ
โดยจะส่งผลให้กฎหมายไทยมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมทั้งเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการต่อต้านการทุจริต
ซึ่งเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. รับทราบผลการพิจารณาต่อข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่ประเทศไทยได้รับในการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ.
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
และสำนักงานอัยการสูงสุดรายงาน
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3475 | แนวทางเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละออง PM2.5 | นร. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๖ (เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ปี ๒๕๖๗ และกลไกการบริหารจัดการ)
เห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM ปี ๒๕๖๗
และกลไกการบริหารจัดการ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
รวมทั้งรับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ นั้น
จากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และสั่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง พบว่า
ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5
ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ยังคงอยู่ในระดับที่สูงและส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน
จึงขอมอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องรับแนวทางเพิ่มเติมในเรื่องต่าง
ๆ ไปพิจารณาดำเนินการเพื่อแก้ไขและบรรเทาปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น ดังนี้ ๑. การตัดสิทธิในการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ (Negative Incentive) ๑.๑
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนจากวิธีการเผาแปลงเพาะปลูกไปใช้วิธีอื่น
เช่น การไถกลบตอซัง และให้พิจารณาตัดสิทธิการได้รับความช่วยเหลือชดเชยต่าง ๆ จากภาครัฐสำหรับเกษตรกรที่ไม่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการดังกล่าว ๑.๒
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการลดหรือห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผา ๒. การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด (Law Enforcement) ๒.๑
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุขบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจอย่างเคร่งครัด
เช่น ๒.๑.๑
ให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดออกประกาศเขตห้ามเผา โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
พ.ศ. ๒๕๕๐ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ฝ่าฝืนประกาศดังกล่าว ๒.๑.๒
ให้กระทรวงมหาดไทยบังคับใช้พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ในกรณีการเผาที่เป็นเหตุรำคาญ ๒.๒
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องกัน ปราบปราม และบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเผาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเข้มงวด ๒.๓
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำกับดูแลไม่ให้มีการเผาหรือการลักลอบนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเผาในพื้นที่ความรับผิดชอบ
รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทางกฎหมายกับข้าราชการทุกระดับที่ปล่อยปะละเลยให้มีการกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย ๓. การสนับสนุนเชิงรุก (Proactive Campaign) ๓.๑
ให้กรมประชาสัมพันธ์และบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
ดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเกี่ยวกับการดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศของรัฐบาล
เพื่อให้เกิดการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหา ๓.๒
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้คำแนะนำและสร้างการรับรู้ให้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับวิธีการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรโดยไม่เผาให้ชัดเจนและทั่วถึง
เช่น การไถกลบตอซัง การแปรรูปเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นพลังงานทดแทน
รวมทั้งผลเสียของการเผา ๓.๓
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการและกำหนดมาตรการสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้มีการรับซื้อเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อนำมาแปรรูป
อันจะเป็นการลดการเผาต่อไป ๓.๔ ให้กระทรวงกลาโหมจัดกำลังพลและอุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในการขนส่งเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรจากพื้นที่การเกษตรไปยังโรงงานแปรรูปเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นพลังงานและปุ๋ย ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืนนำแนวทางเพิ่มเติมทั้ง ๓
ข้อดังกล่าวข้างต้นไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
และจัดทำเป็นมาตรการที่ครบถ้วนและชัดเจนมากยิ่งขึ้น แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3476 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567) | ปสส. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
(วันจันทร์ที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) ซึ่งมีเรื่องเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา
เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน
พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่
๑๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3477 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 .... พ.ศ. .... (นายอนุทิน ชาญวีรกูลกับคณะ เป็นผู้เสนอ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายพิทักษ์เดช เดชเดโช กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายคอซีย์ มามุ กับคณะ เป็นผู้เสนอ และนายวรภาพ วิริยะโรจน์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) | ปสส. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ.๒๕๕๘ พ.ศ. .... (นายอนุทิน ชาญวีรกูล กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ
กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายพิทักษ์เดช เดชเดโช กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายคอซีย์ มามุ
กับคณะ เป็นผู้เสนอ และนายวรภพ วิริยะโรจน์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ไปพิจารณาก่อนรับหลักการภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3478 | การป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายตามแนวชายแดน | นร. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงนี้มีการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายต่าง
ๆ ตามแนวชายแดน รวมทั้งพืชผลทางการเกษตรชนิดต่าง ๆ จากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือได้ร่วมกันปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม
พบว่าในหลายพื้นที่มีความพยายามลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จึงขอมอบหมายให้กระทรวงกลาโหม
กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อร่วมกันป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดดังกล่าวอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง
รวมทั้งให้บังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดอย่างเข้มงวดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3479 | ร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรีที่ต้องเร่งรัดติดตามโดยเร่งด่วน | นร. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์
เทพสุทิน)
ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
รายงานว่า ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ประชุมได้มีมติ ๑.๑
เห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการเสนอร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรีต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วตามรายชื่อร่างพระราชบัญญัติ
ดังต่อไปนี้
๑.๑.๑
ร่างพระราชบัญญัติซึ่งเสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและบรรจุในระเบียบวาระของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่
๑.๑.๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ .. ) พ.ศ .... (แก้ไขเพิ่มเติมกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้) ๑.๑.๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศ
พ.ศ. .... ๑.๒.๑
ร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวด้วยการเงินซึ่งเสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและอยู่ระหว่างนายกรัฐมนตรีพิจารณารับรอง
จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้
๑.๒.๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติกัญชากัญชง พ.ศ. ....
๑.๒.๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมัน พ.ศ. .... ๑.๓
๑ ร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล จำนวน ๒ ฉบับ
ดังนี้
๑.๓.๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ....
๑.๓.๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒.
ขอความร่วมมือให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลกำชับให้กรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคเข้าร่วมประชุมในที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
พ.ศ. ๒๕๓๔ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... อย่างสม่ำเสมอ
เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนให้ร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าวซึ่งเป็นร่างกฎหมายสำคัญของคณะรัฐมนตรีมีผลใช้บังคับโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3480 | การส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนในสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา | นร. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการ
ระหว่างวันที่ ๓-๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ตามคำเชิญของประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา และได้มีการหารือร่วมกับภาคส่วนต่าง
ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในประเด็นต่าง ๆ พบว่า
สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกามีศักยภาพและความพร้อมด้านทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก
แต่อาจยังขาดองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่จะมาดำเนินการ (Know-How) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในด้านพลังงานสะอาดและการประมง
จึงมีความต้องการการลงทุนจากต่างชาติสูง ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศไทยจะเข้าไปลงทุนดำเนินธุรกิจในด้านต่าง
ๆ ดังกล่าวตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำในสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ดังนั้น
เพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมืออันดีของทั้งสองประเทศ
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปประสานงานกับกระทรวงพลังงาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนไทยที่เกี่ยวข้องเข้าไปลงทุนในสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาเพื่อดำเนินกิจการต่าง
ๆ ที่มีความสนใจตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
