ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 174 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 3461 - 3480 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3461 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในกฎหมายที่กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบ | สธ. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรอง จำนวน ๑๑๑ ฉบับ ออกไปอีก ๑ ปี
ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ หรือตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๖ แล้วแต่กรณี ซึ่งออกตามความในกฎหมาย
ดังต่อไปนี้ ๑.๑
พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๒
พระราชบัญญัติวิชาชีพกายภาพบำบัด พ.ศ. ๒๕๔๗ ๑.๓
พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. ๒๕๕๑
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๔
พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๕
พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๖
พระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๗
พระราชบัญญัติระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๘
พระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๙
ประมวลกฎหมายยาเสพติด ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดออกกฎหมายลำดับรองตามประมวลกฎหมายยาเสพติดให้มีผลใช้บังคับโดยเร็ว
เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3462 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | พม. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกไปอีก ๑ ปี นับแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
จำนวน ๑ ฉบับ ได้แก่ ระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการดำเนินการขององค์กรด้านคนพิการหรือองค์กรอื่นใดที่ให้บริการแก่คนพิการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3463 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 | อก. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติแร่
พ.ศ. ๒๕๖๐ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ จำนวน ๑๑ ฉบับ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำหนดเขตควบคุมแร่
การทำเหมือง และการประกอบธุรกิจแร่ ๒. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำหนดชนิดแร่
สภาพ
และปริมาณแร่ที่ต้องแจ้งการนำเข้ามาในราชอาณาจักรหรือเขตไหล่ทวีปหรือการส่งออกนอกราชอาณาจักรหรือเขตไหล่ทวีป ๓. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การลดหย่อนหรือยกเว้นการเรียกเก็บเงินบำรุงพิเศษ ๔. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการให้ความคุ้มครองแก่คนงานและความปลอดภัยแก่บุคคลภายนอก ๕. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
การแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมเฝ้าระวังผลกระทบจากการทำเหมือง ๖. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
การกำหนดความเข้มข้นของน้ำเกลือใต้ดิน ๗. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
การกำหนดชนิดของสสารชนิดใหม่ที่เกิดจากการแต่งแร่ ๘. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประมูลและการยกเลิกการประมูล
ตลอดถึงการให้ผลประโยชน์ตอบแทน ๙. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการควบคุมการขนแร่และการจัดเก็บแร่ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ๑๐. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
การกำหนดมาตรฐาน
และวิธีการควบคุมการปล่อยมลพิษหรือสิ่งอื่นใดที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากการทำเหมือง
การแต่งแร่ และการประกอบโลหกรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3464 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎอื่นใดตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 (พระราชบัญญัติโคนมและผลิตภัณฑ์นม พ.ศ. 2551) | กษ. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามมาตรา
๑๐ (๕) แห่งพระราชบัญญัติโคนมและผลิตภัณฑ์นม พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกไปอีก ๑ ปี
ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3465 | ขอขยายระยะเวลาการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 และพระราชบัญญัติป่าชุมชุน พ.ศ. 2562 | ทส. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๐๗ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ และพระราชบัญญัติป่าชุมชุน
พ.ศ. ๒๕๖๒ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ รวม ๘ ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑.
กฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ จำนวน ๑ ฉบับ
ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงกำหนดคู่มือคนงาน
ผู้รับจ้างหรือผู้แทนของผู้รับใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาตมีใบคู่มือสำหรับทำการตามที่ได้รับอนุญาต
พ.ศ. .... ๒.
กฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙
จำนวน ๑ ฉบับ ได้แก่ ร่างระเบียบกรมป่าไม้
ว่าด้วยการกำหนดค่าทดแทนสำหรับบุคคลที่ได้เสียสิทธิหรือเสื่อมประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ศ. .... ๓. กฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าชุมชน
พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๖ ฉบับ ได้แก่ ๓.๑
ร่างพระราชกฤษฎีกาการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่อื่นของรัฐ พ.ศ. .... ๓.๒
ร่างกฎกระทรวงกำหนดพื้นที่อื่นใดที่มีคุณค่าทางธรรมชาติ หรือคุณค่าอื่นอันควรแก่การอนุรักษ์หรือรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมเป็นเขตป่าอนุรักษ์
พ.ศ. .... ๓.๓ ร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตการใช้ประโยชน์จากไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในป่าชุมชน
พ.ศ. .... ๓.๔
ร่างระเบียบกรมป่าไม้
ว่าด้วยหลักเกณฑ์การกำหนดเงินค่าปรับที่ได้รับตามพระราชบัญญัตินี้อันเกิดจากการกระทำความผิดในป่าชุมชน
พ.ศ. .... ๓.๕
ร่างระเบียบกรมป่าไม้ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ
การดำเนินการแก่ทรัพย์สินที่ตกเป็นของแผ่นดิน พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3466 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. 2514 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | อก. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติโรงงาน
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกไปอีก ๑
ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3467 | ขอความเห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ รอบปี ค.ศ. 2023-2029 (Country Programme Framework: CPF) | อว. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ
(International Atomic Energy Agency :
IAEA) รอบปี ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๙ (Country Programme Framework : CPF) (ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๒) และมอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในกรอบความร่วมมือฯ
ดังกล่าว โดยร่างกรอบความร่วมมือฯ
จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทยกับ IAEA
ในด้านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีซึ่งครอบคลุมทุกสาขา
เช่น ด้านการเกษตร โภชนาการ การแพทย์ อุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม
การวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ
รอบปี ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๙
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ) รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ
รวมทั้งความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ที่เห็นว่าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติควรให้ความสำคัญกับการจัดทำชุดความรู้ด้านความปลอดภัยจากการใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีเพื่อประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนได้รับทราบในวงกว้าง
รวมถึงสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความจำเป็นของประเทศไทยในการพึ่งพาเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีในสาขาต่าง
ๆ การดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยจะต้องครอบคลุมการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ ในประเด็นการขาดแคลนน้ำ
น้ำท่วม และคุณภาพน้ำ ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว
รวมทั้งเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าใจภายใต้บริบทของประเทศไทยด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3468 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามความในพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562 | อว. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามความในพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ และพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.
ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา
วัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พ.ศ. .... ๒. ร่างระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมว่าด้วยมาตรฐานการวิจัยทั่วไป พ.ศ. .... ๓. ร่างระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมว่าด้วยการให้รางวัลผลงานวิจัยและนวัตกรรมและการประกาศเกียรติคุณ
พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3469 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือ แม่โขง - ล้านช้าง ครั้งที่ 8 | กต. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือ
แม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๘ ต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ทั้ง ๓ ฉบับ ได้แก่ ๑) ร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ครั้งที่ ๘ ๒) ร่างแผนดำเนินการ ๕ ปี กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๗)
และ ๓) ร่างข้อริเริ่มร่วมเรื่องการพัฒนาระเบียงนวัตกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ซึ่งการให้การรับรองเอกสารผลลัพธ์ฯ ทั้ง ๓ ฉบับ จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมระหว่างอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างรอบด้าน
สอดคล้องกับผลประโยชน์ของไทยและตอบโจทย์การพัฒนาในบริบทความท้าทายปัจจุบันของอนุภูมิภาคฯ
อาทิ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และปัญหาความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ครั้งที่ ๘ ตามที่ประเทศสมาชิกมีฉันทามติ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างแผนดำเนินการ
๕ ปี กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๗)
และร่างข้อริเริ่มร่วมเรื่องการพัฒนาระเบียงนวัตกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
หากประธานร่วมพิจารณาแล้วเสนอให้มีการรับรองเอกสารข้างต้นในระดับรัฐมนตรี
เนื่องจากคาดว่า ไม่น่าจะสามารถจัดการประชุมผู้นำฯ ร่วมกันได้ในอนาคตอันใกล้
อย่างไรก็ดี หากประธานร่วมสามารถจัดการประชุมผู้นำฯ ได้ในอนาคตอันใกล้
ขอให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองเอกสารข้างต้นในการประชุมผู้นำฯ
ตามที่ประเทศสมาชิกมีฉันทามติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ครั้งที่ ๘ จำนวน ๓ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยซน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3470 | ขอขยายระยะเวลาในการออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 (พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558) | มท. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามมาตรา
๙ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. ๒๕๕๘ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗
พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3471 | ขยายระยะเวลาในการออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 (พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม) | มท. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นซอบให้ขยายระยะเวลาในการออกกฎหมายลำดับรองซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3472 | ขอขยายระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. 2527 | ยธ. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามความในมาตรา
๓๑ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา
พ.ศ. ๒๕๒๗ รวม ๒ ฉบับ ที่เห็นว่า กระทรวงยุติธรรมมีความจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอขยายระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายลำดับรองเพียง
๒ ฉบับ (จาก ๑๐ ฉบับ) ได้แก่ ๑)
ประกาศกระทรวงกำหนดการจำแนกประเภทหรือชั้นของเรือนจำ ซึ่งต้องออกตามความในมาตรา ๓๑
แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และ ๒) กฎกระทรวงกำหนดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการโอนนักโทษ
ซึ่งต้องออกตามความในมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา
พ.ศ. ๒๕๒๗ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
ตามความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3473 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามความในพระราชบัญญัติการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ. 2557 | พม. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามความในพระราชบัญญัติการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง
พ.ศ. ๒๕๕๗ ออกไปอีก ๑ ปี
นับแต่วันที่ครบกำหนดตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ จนถึงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3474 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 | ศธ. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน
พ.ศ. ๒๕๕๐ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗
พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3475 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (สมรสเท่าเทียม) | ยธ. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่จะมีการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ
ไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย 2023 (Thailand Biennale,
Chiang Rai 2023) ระหว่างวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๖-๓๐ เมษายน ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นการจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินไทยและต่างชาติ ภายใต้แนวคิด : เปิดโลก (The Open World) อันจะเป็นการเปิดมิติทางศิลปะวัฒนธรรมเพื่อยกระดับเมืองเชียงรายสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลก
จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐร่วมเผยแพร่และประชาสัมพันธ์การจัดงานมหกรรมดังกล่าวให้แพร่หลายและกว้างขวางออกไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ
รวมทั้งเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานดังกล่าว เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของประเทศต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3476 | การป้องกันและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | ดศ. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการป้องกันและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โดยมีข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข
ประกอบด้วย (๑) ระยะเร่งด่วน ๓๐ วัน เช่น ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตรวจสอบข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
(PDPC Eagle Eye) และเร่งตรวจสอบค้นหาเฝ้าระวัง
การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลว่าเกิดขึ้นจากหน่วยงานใด หรือช่องทางใด
และเมื่อพบข้อบกพร่องของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ
เร่งประสานแจ้งเดือนการรั่วไหลของ/ข้อมูลส่วนบุคคลแก่หน่วยงานนั้น
เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความเสี่ยงหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นโดยเร็ว ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเร่งรัดมาตรการปิดกั้นกรณีการซื้อ-ขายข้อมูลส่วนบุคคลที่ผิดกฎหมายและสืบสวนดำเนินคดี
ตลอดจนจับกุมผู้กระทำความผิดโดยเร็ว เป็นต้น (๒) ระยะ ๖ เดือน เพื่อป้องกันและลดปัญหาการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลจากการที่หน่วยงานภาครัฐส่งข้อมูลแก่หน่วยงานภายนอก
หรือขาดบุคลากรในการกำกับดูแลงานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของหน่วยงาน
เห็นควรส่งเสริมการใช้งานระบบคลาวด์กลางภาครัฐที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นระบบที่มีความมั่นคงปลอดภัยตามหลักวิชาการสากล
สามารถรองรับการใช้งานของบุคลากรของหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยไม่เกิดการโจรกรรมหรือการรั่วไหลของข้อมูล
และ (๓) ระยะ ๑๒ เดือน ประเมินและปรับปรุง
พัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สามารถบังคับใช้กฎหมายให้ทันสมัยต่อบริบทของสังคมและพฤติการณ์ที่เปลี่ยนไป
เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบและป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ดียิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3477 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย) | กค. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้ของบุคคลธรรมดาที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนใน “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน
(Thailand ESG Fund หรือ TESG)
“ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทสำหรับปีภาษีนั้น
เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
สำหรับเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๗๕ และกำหนดให้ผู้มีเงินได้ไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ
ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่ TESG มารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เฉพาะกรณีที่เงินหรือผลประโยชน์ดังกล่าวคำนวณมาจากเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามที่กล่าวมา
ทั้งนี้ ต้องถือหน่วยลงทุนดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า ๘
ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3478 | การป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ผิดกฎหมาย | นร. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ผิดกฎหมายจากต่างประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกร และชิ้นส่วนอื่น ๆ ผิดกฎหมาย
ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาสุกรในประเทศและทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้
รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของผู้บริโภคได้เนื่องจากอาจมีโรคระบาดปนเปื้อนมากับเนื้อสุกรและชิ้นส่วนที่ลักลอบนำเข้ามาดังกล่าวได้
ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการตรวจสอบ คัดกรอง
และควบคุมการนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ในทุกช่องทางอย่างเข้มงวดและเคร่งครัด
รวมทั้งให้เร่งรัดการสืบสวน สอบสวน
และจับกุมผู้กระทำผิดในเรื่องนี้ในทุกขั้นตอนให้ครบถ้วนทุกราย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้กระทำผิดรายใหญ่
เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาดต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3479 | การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางการค้าโดยใช้ระบบ National Single Window | นร. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของไทยให้ขยายตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งในส่วนของการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน
สมควรที่จะต้องปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอนการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ
ของรัฐให้มีความง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) รวมถึงอำนวยความสะดวกทางการค้าให้เพิ่มมากขึ้นผ่านการใช้ระบบ
National Single Window ซึ่งภาครัฐได้มีการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง
แต่ยังมีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการทางปฏิบัติหลายประการ
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงพัฒนาระบบ
National Single Window รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบ
ขั้นตอนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถให้บริการผ่านระบบ National Single Window ได้อย่างเต็มศักยภาพและเบ็ดเสร็จ
ณ จุดเดียว (One Stop Service) ทั้งนี้
ให้นำกรณีการส่งออกสินค้าผ่านแดน ณ ด่านศุลกากรหนองคาย เป็นโครงการนำร่องเพื่อดำเนินการให้บรรลุผลตามแนวทางข้างต้นโดยเร็วก่อนเป็นลำดับแรก
แล้วจึงให้ขยายผลการดำเนินการไปยังด่านศุลกากรแห่งอื่น ๆ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3480 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และขั้นตอนการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว | นร. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยอันจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม
กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และขั้นตอนต่าง ๆ ในการดำเนินการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund) ของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางออกจากประเทศไทยให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วย
|