ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 180 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 3581 - 3600 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3581 | การดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามพระราชบัญญัติต่าง ๆ | ทส. | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำร่างกฎกระทรวงหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อการอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะ
พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
ซึ่งเป็นกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ หมวด ๖ การอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะ
มาตรา ๗๘ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นควรกำชับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคำนึงถึงระยะเวลาการตรวจพิจารณาและการประกาศบังคับใช้กฎหมายลำดับรองดังกล่าวให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาที่ขอขยายข้างต้น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||
3582 | การกำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 | นร. | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเมื่อวันที่
๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ที่ผ่านมาได้ทราบว่ามีความล่าช้าในการดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง
ระยะที่ ๓
ซึ่งเป็นโครงการสำคัญของรัฐบาลในการเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือเพื่อรองรับความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
อันจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกจึงขอมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกำกับ
ติดตาม และเร่งรัดให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง
ระยะที่ ๓ ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานถมทะเลเพื่อรองรับงานก่อสร้างท่าเทียบเรือและโครงสร้างพื้นฐานในส่วนของท่าเทียบเรือ
F
เพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่การก่อสร้างให้เอกชนคู่สัญญาได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||
3583 | การเร่งรัดโครงการเหมืองแร่โพแทช | นร. | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า แร่โพแทชเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม
เนื่องจากเป็นแร่หลักที่ใช้ในการผลิตปุ๋ยเคมีชนิดต่าง ๆ และปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณแร่โพแทชสำรองมากเป็นอันดับ
๒ ของโลกรองจากประเทศแคนาดา ซึ่งในช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมา
ได้มีการออกประทานบัตรเหมืองแร่โพแทชให้แก่ผู้ประกอบการไปแล้ว ๓ ราย แต่พบว่าจนถึงปัจจุบันยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่ได้ดำเนินการผลิตแร่โพแทชออกมาได้จริง
ดังนั้น
จึงขอมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย ติดตามความคืบหน้าและเร่งรัดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับประทานบัตรดังกล่าวดำเนินการผลิตแร่โพแทชให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
เพื่อให้สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม
และการส่งออกไปยังต่างประเทศตามความเหมาะสมต่อไป และในกรณีที่ผู้ประกอบการไม่สามารถดำเนินการตามที่ได้รับประทานบัตรได้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิกถอนประทานบัตรดังกล่าวและพิจารณาอนุญาตออกประทานบัตรให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นที่เสนอขอประทานบัตรเพื่อดำเนินโครงการเหมืองแร่โพแทชในพื้นที่นั้น
ๆ แทนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||
3584 | การประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลในการจัดทำมาตรการที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านมลพิษจากพลาสติก รวมทั้งสิ่งแวดล้อมทางทะเล ครั้งที่ 3 ณ สาธารณรัฐเคนยา | ทส. | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลในการจัดทำมาตรการที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านมลพิษจากพลาสติก
รวมทั้งสิ่งแวดล้อมทางทะเล ครั้งที่ ๓ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๙ พฤศจิกายน
๒๕๖๖ ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการจัดการกากของเสียและสารอันตราย
กรมควบคุมมลพิษ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย
ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการต่างประเทศ
และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งสิ้น ๖ คน และเห็นชอบต่อกรอบการเจรจาและท่าทีของประเทศไทย
สำหรับการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลฯ ครั้งที่ ๓ มีสาระสำคัญ เช่น ดำเนินการให้สอดคล้องเป็นไปตามมติการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๕ ช่วงที่ ๒ (UNEA 5.2)
ภายใต้ข้อมติที่ ๕/๑๔ “ยุติมลพิษจากพลาสติก : ด้วยมาตรการที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ”
(UNEA Resolution 5/14 “End plastic pollution :
Towards an international legally binding instrument” โดยวิธีการจัดการตลอดวงจรชีวิต (Life cycle approach) ของพลาสติก และหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) รวมทั้งให้คำนึงถึงหลักการของปฏิญญาริโอว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา
และพันธกรณีระหว่างประเทศของไทยในเรื่องที่เกี่ยวข้อง คำนึงถึงขีดความสามารถและสภาพการณ์ทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในการเจรจาและพิจารณาจัดทำมาตรการในการจัดการมลพิษจากพลาสติก
เพื่อให้สะท้อนหลักการความรับผิดชอบร่วมในระดับที่แตกต่างกัน (Common but
Differentiated Responsibilities) เป็นต้น รวมทั้งหากมีข้อเจรจาใดที่นอกเหนือจากกรอบการเจรจาและท่าทีของประเทศไทย
และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally binding) ต่อประเทศไทย
ขอให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา
โดยไม่ต้องนำกลับเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่จนสิ้นสุดการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลฯ ครั้งที่ ๓ ณ สาธารณรัฐเคนยา
ในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3585 | การเร่งรัดการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่เดินทางกับจากรัฐอิสราเอล | นร. | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๖ มอบหมายให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดสิทธิประโยชน์และเงินช่วยเหลือชดเชยให้แก่แรงงานไทยที่เดินทางกลับจากรัฐอิสราเอลให้เหมาะสมเป็นกรณีพิเศษ
นั้น ขอให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นให้แล้วเสร็จครบถ้วน
รวมทั้งให้เร่งรัด กำกับ ติดตามการดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยต่าง
ๆ ให้ถึงมือแรงงานไทยให้ถูกต้อง ทั่วถึงโดยด่วนด้วย
|
|||||||||||||||||||||
3586 | สรุปผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 43 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต. | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๔๓ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง โดยมีปลัดกระทรวงการต่างประเทศ (นายศรัณย์
เจริญสุวรรณ) ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
ซึ่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนฯ เมื่อวันที่ ๕-๗
กันยายน ๒๕๖๖ ในหัวข้อหลัก “อาเซียนเป็นศูนย์กลาง : สรรค์สร้างความเจริญ” โดยผลการประชุมสุดยอดอาเซียนดังกล่าวมีสาระสำคัญเป็นการสะท้อนเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำอาเซียนและคู่เจรจาในการขับเคลื่อนความร่วมมือโดยมีอาเซียนเป็นแกนกลาง
ซึ่งสอดคล้องกับหัวข้อหลักของการเป็นประธานอาเซียนของอินโดนีเซีย คือ
"อาเซียนเป็นศูนย์กลาง : สรรค์สร้างความเจริญ" (ASEAN Matters :
Epicentrum of Growth) รวมทั้งได้สนับสนุนประเด็นการเติบโตที่ยั่งยืน
ผ่านการพัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า และมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบหลักนำผลการประชุมสุดยอดอาเซียนฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ที่เห็นว่าในประเด็นความประสงค์ของอินเดียในการริเริ่มการหารือด้านการเงินประจำปีอาเซียน-อินเดีย
(ASEAN-India Annual Financial Dialogue) เห็นควรให้สำนักเลขาธิการอาเซียนจัดให้มีการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังและธนาคารกลางของอาเซียนและอินเดียก่อน
และนำผลการหารือรายงานต่อที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
(ASEAN Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting) ต่อไป และให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ
ที่มีอยู่ในปัจจุบันและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
3587 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 | นร 05 | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันพฤหัสบดีที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐-๑๖.๓๐ น.
ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
|||||||||||||||||||||
3588 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายอินทพร จั่นเอี่ยม) | พศ. | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอินทพร จั่นเอี่ยม ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3589 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ) | นร.14 | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ซึ่งยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อไป
โดยได้ตรวจสอบปรับปรุงส่วนประกอบของคณะกรรมการฯ ประกอบด้วย ส่วนที่ ๑ องค์ประกอบ
ส่วนที่ ๒ อำนาจหน้าที่ ส่วนที่ ๓
บทบาทและอำนาจหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติ และส่วนที่ ๔
องค์ประกอบคณะผู้แทนไทย ในคณะมนตรีและคณะกรรมการร่วมในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง
ให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันแล้ว ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
3590 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายอุเมสนัส ปานเดย์) | นร.04 | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายอุเมสนัส ปานเดย์
เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3591 | การบรรจุและแต่งตั้งผู้ออกจากราชการกลับเข้ารับราชการประเภทบริหารระดับสูง (นายวิทยา ยาม่วง) | คค. | 31/10/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิทยา ยาม่วง
อดีตข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการ
กลับเข้ารับราชการและให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3592 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายศุภกิจ บุญศิริ ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | อก. | 31/10/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายศุภกิจ บุญศิริ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายเอกนิติ รมยานนท์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายอดิทัต วะสีนนท์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
|
|||||||||||||||||||||
3593 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสรพงค์ ศรียานงค์) | นร.08 | 31/10/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสรพงค์ ศรียานงค์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3594 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายกริชเพชร ชัยช่วย) | คค. | 31/10/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกริชเพชร ชัยช่วย
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเจ้าท่า เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
เนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งเดิมลาออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3595 | ผลการประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค ประจำปี พ.ศ. 2566 | กษ. | 31/10/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ (Food Security Ministerial Meeting : FSMM) ซึ่งกระทรวงเกษตร สหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ เมื่อวันที่ ๓
สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ เมืองซีแอตเทิล มลรัฐวอชิงตัน มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ด้านความมั่นคงอาหารร่วมกันของรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค
โดยผลักดันการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงอาหารในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
รวมถึงการหารือเกี่ยวกับนโยบาย ตลอดจนแนวทางในการรับมือประเด็นท้าทายต่าง ๆ โดยที่ประชุมฯ
มีการพิจารณาเอกสารผลลัพธ์ ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างเอกสารหลักการเพื่อการบรรลุความมั่นคงอาหารผ่านระบบการเกษตรและอาหารอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเปค
และ (๒) ร่างปฏิญญาความมั่นคงอาหารเอเปค ประจำปี ๒๕๖๖ โดยที่ประชุมฯ
ได้รับรองเอกสารหลักการฯ แต่ในส่วนของร่างปฏิญญาฯ ไม่สามารถตกลงกันได้
จึงไม่ได้รับมติเอกฉันท์ ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร สหรัฐอเมริกา
ประธานการประชุม จึงได้ออกแถลงการณ์ประธานสำหรับการประชุมฯ
โดยมีสาระสำคัญครอบคลุมความเชื่อมโยง นวัตกรรม
และความยั่งยืนของระบบการเกษตรและอาหาร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3596 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 | รง. | 31/10/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย
อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗
พฤศจิกายน ๒๕๖๖ จำนวน ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดยกเว้นกิจการอื่นหรือแต่บางส่วนที่ไม่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติความปลอดภัย
อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๕๔ พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นผู้ชำนาญการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. .... ๓. ร่างระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการยึด อายัด
และขายทอดตลาดทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๕๔ พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
3597 | แนวทางการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน | นร.01 | 31/10/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน
ตามที่สมัชชาคนจนได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาซึ่งประเด็นปัญหาส่วนใหญ่หน่วยงานของรัฐได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและรัฐบาลอยู่ระหว่างการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจนเพื่อมาพิจารณาข้อเรียกร้องดังกล่าว
ประกอบกับมีหลายกรณีเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาดำเนินการในระดับนโยบาย
ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาให้ความเห็นประกอบการนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาตามหน้าที่และอำนาจ
โดยละเอียดรอบคอบและเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีความจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวม
ข้อมูล ข้อเท็จจริงในการแก้ไขปัญหา
อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายกรณีปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนและอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต
หากปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่องจนได้ข้อยุติ
อาจเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
และทำให้กลุ่มประชาชนผู้ไร้ที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินมีจำนวนที่สูงขึ้น
และนำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย
เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
และกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องด้วยความเรียบร้อย
ตามที่คณะกรรมการกำกับติดตามการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของมวลชนเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3598 | รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว. | 31/10/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สรุปได้ ดังนี้ (๑) ผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ จำนวน ๑,๗๒๖.๓๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๑๑ (๒).
ผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดผลสำเร็จสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดใน ๒
ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง
แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาและเสริมสร้างการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3599 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมายและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี) | นร.04 | 31/10/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๙๒/๒๕๖๖ เรื่อง
แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3600 | รายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (เรื่อง โครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ) | สผผ. | 31/10/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด
๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (เรื่อง
โครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ)
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ ของจังหวัดต่าง
ๆ ต่อไป เช่น (๑) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ให้หน่วยงานภาครัฐส่วนกลางที่เกี่ยวข้องควรบูรณาการความร่วมมือในการดำเนินโครงการฯ
ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้นักเรียนกลุ่มเป้าหมายได้มีโอกาสและความเท่าเทียมในการเข้าถึงการให้บริการภาครัฐอย่างทั่วถึงมากขึ้น
และ (๒) ข้อเสนอแนะเชิงบริหารจัดการโครงการฯ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดควรให้ความสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการฯ
ภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ ระดับจังหวัด
และควรกำหนดหลักสูตรการฝึกอบรมให้ตรงกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ความสนใจของนักเรียนและสอดคล้องกับตลาดแรงงาน เป็นต้น ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
(กรมประชาสัมพันธ์) สำนักงบประมาณ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยให้กระทรวงมหาดไทยสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|