ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 169 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 3361 - 3380 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3361 | รายงานผลการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ | กค. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่
เพื่อทดแทนโรงงานผลิตยาสูบเดิม โดยย้ายสถานที่ออกจากเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต
โดยการเพิ่ม Economy of Scale
จากการสร้างโรงงานผลิตยาสูบใหม่แห่งเดียวที่เป็น Integrated Production
Complex ในพื้นที่ที่เหมาะสมด้านการขนส่ง
เพื่อปรับระบบการบริหารจัดการและการผลิตให้ทันสมัย
เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการแข่งขันกับธุรกิจบุหรี่ของต่างประเทศทั้งในตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3362 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (รายการค่าเช่ารถยนต์และค่าเช่าทรัพย์สินของกระทรวงสาธารณสุข) | สธ. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๒ เพื่อเป็นค่าเช่ารถยนต์ ๑๖๓ คัน
และค่าเช่าทรัพย์สิน ๑ แห่ง วงเงินงบประมาณ ๒๓๐,๐๕๒,๕๐๐ บาท เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน
ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๔๕,๗๖๐,๓๐๐ บาท รายการค่าเช่ารถยนต์ ๑๖๓ คัน และรายการค่าเช่าทรัพย์สิน ๑ แห่ง ดังกล่าวข้างต้น
เห็นควรให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณให้สอดคล้องกับค่าเช่าที่จะต้องจ่ายจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๒/๒๔
ลงวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๖ และหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๗๑๒/๖๖
ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖) และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ต่าง ๆ
ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ
ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3363 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. .... | สธ. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ประเภท ๒
หรือประเภท ๕ และวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๑ หรือประเภท ๒ ที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ
เพื่อใช้เป็นแนวทางพิจารณาว่าผู้ติดยาเสพติดใดสามารถเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาตามประมวลกฎหมายยาเสพติดได้
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3364 | ร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วมของการประชุม Asia Zero Emission Community (AZEC) Leaders Meeting [Asia Zero Emission Community (AZEC) Leaders’ Joint Statement] | พน. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วมของการประชุม Asia Zero Emission Community
(AZEC) Leaders Meeting ( Asia Zero Emission Community (AZEC) Leaders’ Joint Statement และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรี
(หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี)
เป็นผู้ให้การรับรองร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วมฯ ดังกล่าว ในระหว่างการประชุม Asia
Zero Emission Community (AZEC) Leaders Meeting โดยร่างถ้อยแถลงการณ์การร่วมฯ มีสาระสำคัญที่มุ่งส่งเสริมการดำเนินความร่วมมือของประเทศพันธมิตร
AZEC โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวทางที่หลากหลายและความสามารถในการปฏิบัติได้จริงตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ
เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
ผ่านการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีพลังงานสะอาด
การใช้ประโยชน์จากเชื้อเพลิงที่หลากหลาย การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานให้สามารถรองรับการเติบโตของการใช้พลังงานหมุนเวียน
การแบ่งปันข้อมูลและแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ การส่งเสริมเวทีหารือเชิงนโยบาย
การแลกเปลี่ยนและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
ตลอดจนการจัดหาแหล่งเงินทุน
และการพัฒนาตลาดพลังงานสะอาดเพื่อสนับสนุนการเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในภูมิภาค
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วมของการประชุม Asia
Zero Emission Community (AZEC) Leaders Meeting ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงพลังงาน
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงพลังงานพิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3365 | การประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ครั้งที่ 26 (The 26th GMS Ministerial Conference) | นร.11 สศช | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงาน
GMS ครั้งที่ ๒๖
ได้แก่ (๑) ร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS ครั้งที่
๒๖ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความชื่นชมและรับทราบผลการดำเนินงานของภาคส่วนต่าง ๆ
ที่มีความสำคัญภายใต้แผนงาน GMS รวมถึงการแสดงเจตจำนงที่จะให้ความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงต่อไป
และ (๒)
ร่างข้อเสนอแนวคิดสำหรับการยกร่างยุทธศาสตร์นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
พ.ศ. ๒๕๗๓ และอนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์
อมรวิวัฒน์) หรือผู้แทนที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์
อมรวิวัฒน์) มอบหมาย
ปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
๖ ประเทศ (GMS Minister) และเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐนตรีแผนงาน
GMS ครั้งที่ ๒๖ ในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ รวมทั้งเห็นชอบให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) หรือผู้แทนที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) มอบหมายได้ร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศลุ่มกลุ่มแม่น้ำโขงให้การรับรอง
(๑) แถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS ครั้งที่ ๒๖ และ (๒)
ข้อเสนอแนวคิดสำหรับการยกร่างยุทธศาสตร์นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
พ.ศ. ๒๕๗๓ ในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ โดยไม่มีการลงนาม ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
๖ ประเทศ ครั้งที่ ๒๖
และร่างข้อเสนอแนวคิดสำหรับการยกร่างยุทธศาสตร์นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
พ.ศ. ๒๕๗๓
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3366 | การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย | นร.04 | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้ง หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร
เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย
ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๕๘/๒๕๖๖ เรื่อง แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย
ลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3367 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา | สว. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง
(ไอซีดี) ลาดกระบัง ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา โดยมีข้อเสนอแนะ
แบ่งออกเป็น ๒ แนวทาง ได้แก่ ๑) แนวทางการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน เช่น การแก้ไขปัญหาสัญญาสัมปทานสถานี
ระยะสั้น รฟท. ควรเร่งตรวจสอบรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการเพื่อคัดเลือกเอกชนเป็นผู้ประกอบการสถานี
และ รฟท.
ควรบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยการบริหารจัดการพื้นที่ลานจอดไม่ให้รถบรรทุกจากภายนอกเข้ามาจอดในสถานีแบบประจำ
และ ๒) ข้อเสนอแนะสำหรับแผนระยะกลางและระยะยาว เช่น รฟท. ควรประสานผู้ประกอบการไอซีดีปัจจุบัน
ทั้ง ๖ ราย ในการบริหารการรับส่งตู้สินค้าที่มีประสิทธิภาพ โดยการกำหนด KPI truck turnaround time ไม่เกิน
๒ ชั่วโมง และประเมินผลต่อเนื่อง
และควรเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางระหว่างสถานี (ไอซีดี) ลาดกระบัง
และท่าเรือแหลมฉบังให้ได้มากกว่า ๓๐ เที่ยวต่อวัน (ไป-กลับ)
และเพิ่มขนส่งด้วยระบบรางอย่างน้อยร้อยละ ๕๐
ของจำนวนตู้สินค้าทั้งหมดที่ขนส่งผ่านสถานี
เพื่อลดปริมาณรถบรรทุกที่เข้ามารับส่งตู้สินค้าในสถานี และกรุงเทพมหานคร ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3368 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การทบทวนกิจกรรมการศึกษาเพื่อความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา | สว. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การทบทวนกิจกรรมการศึกษาเพื่อความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ
วุฒิสภา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเห็นว่า รายงานการพิจารณาศึกษาในเรื่องนี้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ชาติในระยะที่
๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) นโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐
แผนปฏิบัติการด้านการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ และจุดเน้นของการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในปัจจุบัน
และได้มีการดำเนินการที่สอดคล้องกับข้อเสนอแนะดังกล่าว เช่น
การดำเนินนโยบายการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี การประเมินสถานการณ์ตามห้วงระยะเวลา
และการเพิ่มมาตรฐานการศึกษาและบุคลากรทางการศึกษา เป็นต้น
สำหรับข้อเสนอแนะในส่วนที่ยังไม่ได้ดำเนินการหรือที่ยังไม่บรรลุผลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมที่จะนำข้อเสนอแนะดังกล่าวไปดำเนินการต่อไป
พร้อมทั้งมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า การพิจารณานำกิจกรรมด้านการศึกษาเพื่อความมั่นคงที่กำหนดไว้เฉพาะภายใต้แผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้อาจไม่สามารถสะท้อนให้เห็นภาพการขับเคลื่อนงานการศึกษาเพื่อความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ได้อย่างครบถ้วน
และควรเปิดโอกาสให้ผู้รับทุนการศึกษาสามารถเดินทางไปศึกษาในประเทศอื่นนอกเหนือจากประเทศมุสลิมและได้มีโอกาสเข้าทำงาน
รวมทั้งเห็นควรปรับข้อความบางส่วน เช่น การใช้คำว่า “การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิด”
แทน “การลดการบ่มเพาะ” เป็นต้น ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3369 | การจัดงานวันกาชาด 100 ปี พุทธศักราช 2566 | นร. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า งานวันกาชาดในปี ๒๕๖๖ นี้
นับเป็นการจัดงานวันกาชาดครบ ๑๐๐ ปี ภายใต้แนวคิด “รื่นรมย์สุขฤดี ณ ที่แห่งการให้”
ซึ่งเริ่มขึ้นแล้วระหว่างวันที่ ๘-๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร จึงขอเชิญชวนให้รัฐมนตรี
ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงานดังกล่าว และเลือกซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคชนิดต่าง
ๆ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ชุมชน ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น โดยเฉพาะสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
(OTOP) ของชุมชนต่าง
ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ
รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานของสภากาชาดไทยในภาพรวมต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3370 | ข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ และเห็นชอบข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้ดำเนินการจัดพิมพ์ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ และเอกสารประกอบงบประมาณ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3371 | ขอความเห็นชอบการปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) | พณ. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า
ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA)
และอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
ในฐานะคณะกรรมาธิการร่วมความตกลง AANZFTA (AANZFTA Joint Committee : JC) ของไทยแจ้งการให้ความเห็นชอบดังกล่าวต่อสมาชิก AANZFTA โดยมอบหมายให้กระทรวงพณิชย์และกระทรวงการคลังดำเนินกระบวนการภายในเพื่อให้บัญชีกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลง
AANZFTA ฉบับ HS 2022
เริ่มมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพาณิชย์สนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบัญชีกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า (Product-Specific
Rules of Origin) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) ฉบับ HS
2022 ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ตรงกันในการปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลง
AANZFTA ต่อผู้ผลิต ผู้ประกอบการ
รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
เพื่อลดปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในทางปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3372 | การขอรับความเห็นชอบต่อร่างหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างกรมความร่วมมือระหว่างประเทศและองค์การความร่วมมือเพื่อการพัฒนาแห่งสมาพันธรัฐสวิส ร่วมกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน เพื่อดำเนินความร่วมมือในโครงการลดปัญหาความยากจนโดยการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย การพัฒนาทักษะแรงงาน และการยกระดับโอกาสการเข้าถึงการจ้างงานในประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมียนมา และไทย ระยะที่ 2 | กต. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างกรมความร่วมมือระหว่างประเทศและองค์การความร่วมมือเพื่อการพัฒนาแห่งสมาพันธรัฐสวิส
ร่วมกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน
เพื่อดำเนินความร่วมมือในโครงการลดปัญหาความยากจนโดยการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย การพัฒนาทักษะแรงงาน
และการยกระดับโอกาสการเข้าถึงการจ้างงานในประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
เมียนมา และไทย ระยะที่ ๒ และอนุมัติให้อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงข้างต้น
โดยร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้แรงงานข้ามชาติจากกัมพูชา
สปป.ลาว และเมียนมาในประเทศไทยตลอดจนแรงงานข้ามชาติที่เดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาเดิม
ได้รับการจ้างงานอย่างเหมาะสมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างกรมความร่วมมือระหว่างประเทศและองค์การความร่วมมือเพื่อการพัฒนาแห่งสมาพันธรัฐสวิส
ร่วมกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน
เพื่อดำเนินความร่วมมือในโครงการลดปัญหาความยากจนโดยการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย
การพัฒนาทักษะแรงงาน และการยกระดับโอกาสการเข้าถึงการจ้างงานในประเทศกัมพูชา
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมียนมา และไทย ระยะที่ ๒
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการความร่วมมือดังกล่าว
ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรงบประมาณ แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3373 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 8 | คค. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๘ และอนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
(นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ร่วมให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมการคมนาคมขนส่งในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
ซึ่งไม่มีถ้อยคำหรือบริบทที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
จึงไม่ใช่สนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ จึงไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
แต่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบตามพระราชกฤษฎีกาการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๔ (๗) เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๘ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3374 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน - ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน - ญี่ปุ่น | กต. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ ๕๐ ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น สองฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างแถลงการณ์ร่วมวิสัยทัศน์ว่าด้วยมิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน–ญี่ปุ่น
มีสาระสำคัญเป็นการกระชับความร่วมมือภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน
โดยแบ่งเป็นสามเสาหลัก ได้แก่ ๑) หุ้นส่วนใจถึงใจจากรุ่นสู่รุ่น
สนับสนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างเยาวชนและประชาชนด้านวัฒนธรรม ศิลปะ กีฬา
และการท่องเที่ยว ความร่วมมือด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ๒)
หุ้นส่วนเพื่อการสร้างสรรค์เศรษฐกิจและสังคมแห่งอนาคตสนับสนุนเศรษฐกิจที่มั่งคั่งและยั่งยืน
ความเชื่อมโยง ความร่วมมือด้านนวัตกรรม ห่วงโซ่อุปทาน การค้า และการลงทุน
การเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน และความมั่นคงทางอาหาร และ ๓) หุ้นส่วนเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพ
ส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยเฉพาะความมั่นคงทางทะเล
การลดอาวุธและการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ สนับสนุนหลักนิติธรรม หลักธรรมาภิบาล
ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และความเท่าเทียมทางเพศ และ (๒) ร่างแผนดำเนินงานตามแถลงการณ์ร่วมวิสัยทัศน์ว่าด้วยมิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดและแนวทางความร่วมมือตามแถลงการณ์ร่วมวิสัยทัศน์ฯ
เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน
พร้อมกำหนดแนวทางการประเมินผลการดำเนินการตามแผนดำเนินงาน ฯ ผ่านกลไกที่มีอยู่แล้ว
ได้แก่ Joint Cooperation Committee และ ASEAN-Japan Forum โดยจะร่วมกันจัดทำรายงานเพื่อเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น ในทุก
ๆ ปีต่อไป และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษฯ สองฉบับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ ๕๐ ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ทั้ง ๒ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3375 | การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2567 | รง. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีข้อสังเกตว่า
การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี ๒๕๖๗ ที่เสนอในครั้งนี้ คณะกรรมการค่าจ้างชุดที่
๒๒ ได้กำหนดสูตรการคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ โดยนำเอาข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เช่น อัตราค่าจ้างขั้นต่ำปัจจุบัน อัตราการเปลี่ยนแปลงของผลิตภาพแรงงานจังหวัด
เฉลี่ย ๕ ปี (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔) อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย ๕ ปี (ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๖)
มาประกอบการพิจารณา อย่างไรก็ตาม โดยที่ในช่วงปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔
ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศและเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
ดังนั้น การนำข้อมูลในช่วงเวลาที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ดังกล่าว มาใช้ประกอบการคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
ปี ๒๕๖๗ ด้วย
อาจไม่สะท้อนถึงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันอย่างแท้จริง
จึงเห็นควรให้มีการพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี ๒๕๖๗ ใหม่อีกครั้ง
เพื่อให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้ใช้แรงงานในภาพรวมมากยิ่งขึ้น
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานแจ้งข้อสังเกตดังกล่าวต่อคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่
๒๒ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3376 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการเยียวยาแรงงานไทยจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | รง. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงแรงงานใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ภายในกรอบวงเงิน ๗๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเยียวยาแรงงานไทยจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงานพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มค่า
และผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณอย่างรอบคอบ
รวมทั้งปฏิบัติตามเงื่อนไขและขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญด้วย
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๘/๖๙๐๐ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖) ที่เห็นควรดำเนินการกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณตามโครงการเยียวยาดังกล่าวให้เป็นไปอย่างรัดกุม
พร้อมทั้งเร่งรัดการสื่อสารให้แรงงานกลุ่มเป้าหมายทราบถึงสิทธิและช่องทางการเยียวยาและการช่วยเหลือทั้งทางด้านการจัดหางานและเพิ่มพูนทักษะที่ดำเนินอยู่
เพื่อให้แรงงานสามารถกลับเข้าสู่การจ้างงานและการประกอบอาชีพทั้งในต่างประเทศอันจะเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายภาครัฐในระยะยาว
ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3377 | ร่างคำมั่นโดยสมัครใจของไทยสำหรับการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก ครั้งที่ 2 | กต. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติร่างคำมั่นโดยสมัครใจของไทยสำหรับการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก
ครั้งที่ ๒ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ ที่นครเจนีวา
สมาพันธรัฐสวิส ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างคำมั่นโดยสมัครใจของไทยสำหรับการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก
ครั้งที่ ๒
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่าร่างคำมั่นโดยสมัครใจของไทยสำหรับการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก ครั้งที่ ๒
มีสาระสำคัญเป็นการประกาศเจตนารมณ์ฝ่ายเดียวของไทยที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาบุคคลไร้สัญชาติและผู้หนีภัยกลุ่มต่าง
ๆ ในประเทศไทย
โดยมิได้มีการจัดทำเป็นข้อตกลงที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
จึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แต่การประกาศคำมั่นดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลผูกพันที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามคำมั่นนั้นด้วย
ซึ่งเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3378 | เรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดกาญจนบุรีของนายกรัฐมนตรี | นร. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดกาญจนบุรี
เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๖
ขอมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ๑. การยกระดับการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี โดยที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ
3 ของประเทศ
อีกทั้งมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่มีศักยภาพจำนวนมาก
แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีระยะเวลาพำนักสั้นหรือไม่พักค้างคืนในพื้นที่ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวของนักท่องเที่ยวในจังหวัดนี้ค่อนข้างต่ำ
ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักเร่งประสานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมตลอดถึงภาคเอกชน เพื่อกำหนดแนวทาง/มาตรการร่วมกันในการดำเนินการส่งเสริมและยกระดับการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรีให้มีความหลากหลาย
น่าสนใจ และมีความต่อเนื่อง
เพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวและใช้เวลาพักค้างคืนในพื้นที่นานขึ้น
ซึ่งจะทำให้มีการใช้จ่ายต่าง ๆ สูงมากขึ้นด้วย ๒. การแก้ไขปัญหาการจัดสรรที่ดินทำกินในจังหวัดกาญจนบุรี
เพื่อให้ประชาชนได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินทำกินเป็นของตนเองและครอบครัวอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว
จึงขอให้กระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการกองทัพไทย) เป็นหน่วยงานหลักเร่งประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐทับซ้อนกันและปัญหาการนำพื้นที่ของรัฐในจังหวัดกาญจนบุรีที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาจัดสรรเป็นที่ดินทำกินให้แก่ประชาชน
บรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๓.
การเตรียมความพร้อมของจังหวัดกาญจนบุรีในการจัดตั้งเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษโดยที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการค้าชายแดน
จึงขอให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดกาญจนบุรีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3379 | รัฐบาลเนปาลเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งเนปาลประจำประเทศไทย (นายธัน พหาทุร โอลิ) | กต. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธัน พหาทุร โอลิ (Mr. Dhan Bahadur Oli) ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งเนปาลประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายคเณศ ประสาท ธกาล (Mr.
Ganesh Prasad Dhakal) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3380 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา คนใหม่ (นายมาร์ก คอลลินส์ โรมิก) | กต. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบการเปิดทำการของสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครนิวออร์ลีนส์
สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ปิดไว้เป็นการชั่วคราว
|