ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 170 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 3381 - 3400 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3381 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันอังคารที่ 12 ธันวาคม 2566) | ปสส. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๓ ธันวาคม
๒๕๖๖ และครั้งที่ ๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๖
และสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันอังคารที่ ๑๒ ธันวาคม
๒๕๖๖ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3382 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันอังคารที่ 12 ธันวาคม 2566)] | ปสส. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันอังคารที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๖
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3383 | ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 พ.ศ. .... [แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันอังคารที่ 12 ธันวาคม 2566)] | ปสส. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันอังคารที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
พ.ศ. ๒๕๓๔ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3384 | การยกเว้นการตรวจลงตราให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการติดต่อธุรกิจระยะสั้นเป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว | กต. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการในการกำหนดให้ญี่ปุ่นอยู่ในรายชื่อประเทศในประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการติดต่อธุรกิจระยะสั้น
ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินสามสิบวัน เป็นกรณีพิเศษ
โดยมีผลบังคับใช้ ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๙
เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศกับญี่ปุ่น โดยเฉพาะด้านการส่งเสริมการค้า
การลงทุน และการดำเนินธุรกิจระหว่างทั้งสองประเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง
ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการติดต่อธุรกิจระยะสั้น ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินสามสิบวัน
เป็นกรณีพิเศษ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยแก้ไขรูปแบบการร่างกฎหมายให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงแรงงานรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการยกเว้นการปฏิบัติตามมาตรา
๖๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย ที่เห็นควรเร่งรัดการจัดทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางประเภทธุรกิจในระยะสั้นระหว่างไทย-ญี่ปุ่น
เพื่อให้ฝ่ายไทยได้รับประโยชน์ตามหลักต่างตอบแทนเช่นเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3385 | นายกรัฐมนตรีลาพักผ่อนระหว่างวันที่ 19 - 22 ธันวาคม 2566 | นร 05 | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ รับทราบกำหนดการลาพักผ่อนของนายกรัฐมนตรีในระหว่างวันที่ ๑๘-๒๒
ธันวาคม ๒๕๖๖ นั้น นายกรัฐมนตรีได้เปลี่ยนแปลงกำหนดการลาพักผ่อนดังกล่าวข้างต้น
จากเดิม ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๖ เป็น ระหว่างวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๖
เวลา ๑๓.๐๐ น.-วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๒.๐๐ น. ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3386 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางขนิษฐา วงศ์วัฒนารัตน์) | กษ. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง นางขนิษฐา วงศ์วัฒนารัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านอนุรักษ์พันธุกรรม (นักวิชาการเกษตรเชี่ยวชาญ) สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ
กรมวิชาการเกษตร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านอารักขาพืช (นักวิชาการเกษตรทรงคุณวุฒิ)
กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
และได้เข้าปฏิบัติหน้าที่รักษาการในตำแหน่งที่จะแต่งตั้ง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3387 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายชาติชาย พยุหนาวีชัย) | พม. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายชาติชาย
พยุหนาวีชัย เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒
ธันวาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3388 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายนนทภูมิ ตั้งปณิธานนท์) | นร.04 | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายนนทภูมิ ตั้งปณิธานนท์
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3389 | ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูง และไม้หวงห้ามอื่น ๆ ในเขตพื้นที่ส่วนราชการทั่วประเทศ | สผ. | 12/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงและไม้หวงห้ามอื่น
ๆ ในเขตพื้นที่ส่วนราชการทั่วประเทศ ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3390 | มาตรการ "Easy E-Receipt" | กค. | 04/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการ “Easy E-Receipt” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสนับสนุนการบริโภคในประเทศ
สนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี รวมถึงส่งเสริมการผลิตสินค้า และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษี
และการใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. .... ) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ตามจำนวนที่จ่ายจริง
แต่ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท
โดยจะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์
(e-Tax Invoice &
e-Receipt) ของกรมสรรพากร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรพิจารณาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐเพื่อให้เป็นไปตามนัยของมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐด้วย
และควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3391 | ร่างกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษาน้ำมัน พ.ศ. .... | พน. | 04/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษาน้ำมัน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง
พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการสถานที่เก็บรักษาน้ำมัน
[เฉพาะสถานที่เก็บรักษาน้ำมันลักษณะที่สาม (โรงงานหรือสถานประกอบกิจการขนาดใหญ่)]
โดยเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจัดเก็บภาชนะบรรจุน้ำมันภายในอาคารเก็บภาชนะบรรจุน้ำมัน
และกำหนดเพิ่ม “อาคารติดตั้งถังเก็บน้ำมันโดยเฉพาะ”
ที่เป็นรูปแบบใหม่ขึ้นอีกหนึ่งลักษณะ รวมทั้งกำหนดเพิ่มเติมการควบคุมที่จำเป็นในการป้องกันและระงับอัคคีภัยเพื่อความปลอดภัยและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
ตลอดจนนำไปแก้ไขข้อกำหนดอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีความชัดเจน
สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และแผนการดำเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3392 | รายงานความก้าวหน้าการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 และขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน | กษ. | 04/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี
พ.ศ. ๒๕๖๙ และขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน เพื่อให้การดำเนินการเตรียมการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. ๒๕๖๙ เป็นไปตามแผนงานและกรอบระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อสามารถดำเนินงานในพื้นที่ พร้อมส่งมอบพื้นที่ให้แก่สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH) ตามกำหนดกรอบระยะเวลาก่อน
๖ เดือน ในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๙ และพิธีเปิดงาน ในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๙ ซึ่งเกิดประโยชน์กับการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี
พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3393 | การส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ | นร. | 04/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า
เพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศเจริญเติบโตและมีการกระจายตัวอย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
จึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งส่งเสริมการเดินทางการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดต่าง
ๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวรองต่าง ๆ รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น UNSEEN ของแต่ละพื้นที่
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPI) ของการส่งเสริมการท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัดให้เหมาะสม ชัดเจน
เพื่อใช้ในการกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานต่อไป ทั้งนี้
ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการ/ปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบสาธารณูปโภค/สาธารณูปการ
และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่จำเป็นของแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ดังกล่าว ให้มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3394 | ร่างคำมั่นของประเทศไทยเนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน | กต. | 04/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างคำมั่นของประเทศไทยเนื่องในโอกาสครบรอบ ๗๕
ปี ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Right : UDHR) ซึ่งมีกำหนดจัดกิจกรรมระดับสูงเนื่องในโอกาสครบรอบ ๗๕ ปี ของ UDHR
ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๖ ณ นครเจนีวา โดยร่างคำมั่นฯ
ของประเทศไทยที่จะประกาศในกิจกรรมระดับสูงดังกล่าว มีสาระสำคัญ เช่น
ผลักดันความคืบหน้าของพันธกรณีและการดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนของไทย
ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยในการรับมือกับความท้าทายใหม่ในโลกโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
ยกระดับคุณภาพและการเข้าถึงบริการสุขภาพของทุกคน เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างคำมั่นของประเทศไทยเนื่องในโอกาสครบรอบ
๗๕ ปี ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3395 | การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) | นร. | 04/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อให้การสนับสนุนส่งเสริมการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของโครงการหนึ่งตำบล
หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
จึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งพิจารณาปรับปรุงวิธีการและช่องทางในการจัดจำหน่ายและกระจายผลิตภัณฑ์ OTOP
ไปยังผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มีความทันสมัย สะดวก
รวดเร็ว และแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลและส่งเสริมให้ผู้ผลิตสินค้า
OTOP ยังคงรักษาคุณภาพ มาตรฐานและปริมาณการผลิต
รวมทั้งความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและผู้บริโภคได้อย่างเท่าทันสถานการณ์
เพื่อให้สามารถสร้างรายได้ให้แก่ผู้ผลิตและวิสาหกิจชุมชนที่เกี่ยวข้องได้อย่างยั่งยืนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3396 | การสนับสนุนการดำเนินกิจการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ | นร. | 04/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์
อมรวิวัฒน์) เสนอว่า ในระยะที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินโครงการที่รัฐต้องชดเชยค่าใช้จ่ายหรือสูญเสียรายได้ของหน่วยงานรัฐ
ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยได้มอบหมายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเป็นกลไกสำคัญในการดำเนินงานและสำรองค่าใช้จ่ายล่วงหน้ามาโดยตลอด
ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนการดำเนินกิจการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ
จึงเห็นควรขอความร่วมมือให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณานำเงินนอกงบประมาณหรือเงินรายได้ที่พึงมีมาฝากไว้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐตามความเหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3397 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 | นร.11 สศช | 04/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ และรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบต่อไป
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3398 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 04/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ประกอบด้วย โครงสร้างยุทธศาสตร์การจัดสรรงบฯ พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามยุทธศาสตร์ชาติ
๖ ด้าน ได้แก่ (๑) ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง (๒)
ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน (๓) ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
(๔) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม (๕)
ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ (๖)
ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ
ประกอบด้วย รายจ่ายเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
รายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ และรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
ทั้งนี้
ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่เห็นว่าในการจัดทำยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณต่อไป
ควรมีการเพิ่มเติมเป้าหมายและตัวชี้วัดของนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ
(พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) ที่สามารถประเมินและวัดผลสัมฤทธิ์ของนโยบายการจัดสรรงบประมาณ
ที่เป็นประเด็นการดำเนินการเร่งด่วน
รวมทั้งการเพิ่มเติมการเชื่อมโยงเป้าหมายและตัวชี้วัดของนโยบายและแผนฯ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
ในระบบการจัดการงบประมาณอิเล็กทรอนิกส์ (e-Budgeting) ของสำนักงบประมาณ
เพื่อให้การจัดทำงบประมาณสามารถบรรลุเป้าหมายในการขับเคลื่อนภารกิจงานความมั่นคงได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
พ.ศ. ๒๕๖๘ ประเด็นแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ
ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับกรอบการจัดสรรงบประมาณประจำปี และอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ควรเพิ่มประเด็นแนวทางบูรณาการด้านที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ในยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
เพื่อให้เร่งรัดการขับเคลื่อนภารกิจงาน “การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐฯ (One
Map)” และ “การจัดที่ดินทำกิน” ให้เป็นภารกิจพิเศษ (Agenda
Base) รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความเป็นเอกภาพในการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินเพื่อความยั่งยืน
ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3399 | โครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5 | อก. | 04/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงเพิ่มเติมว่า การจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยตามโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น
PM2.5
สามารถดำเนินการได้โดยไม่ขัดต่อพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) เนื่องจากเป็นการจ่ายเงินตามหลักการ De minimis (การอุดหนุนขั้นต่ำไม่เกินร้อยละ
๑๐ ของมูลค่าผลผลิตรวมในแต่ละปีของพืชชนิดนั้น) ของ WTO ซึ่งเป็นการอุดหนุนภายในที่มีผลต่อการบิดเบือนการค้าน้อยหรืออาจไม่มีผลต่อการบิดเบือนเลย ๒.
อนุมัติในหลักการโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณนั้น
ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของธนาคารแห่งประเทศไทย
เช่น ควรมีมาตรการหรือแนวทางรองรับเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน
และหาแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเก็บเกี่ยวอ้อยให้ได้คุณภาพดียิ่งขึ้น
เพื่อลดภาระงบประมาณรายจ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ควรกำกับติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ให้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด หน่วยงานผู้รับผิดชอบควรมีกลไกและแนวทางการแก้ปัญหาการเผาพื้นที่ไร่อ้อยของเกษตรกรเพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศในระยะยาว
และพิจารณาหาแหล่งเงินที่เหมาะสมอื่นจากห่วงโซ่อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล
เพื่อให้สามารถลดภาระงบประมาณในอนาคตของภาครัฐ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3400 | ข้อเสนอการกระจายอำนาจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานเชิงพื้นที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด | นร.11 สศช | 04/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอการกระจายอำนาจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานเชิงพื้นที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด
เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติสำหรับการดำเนินงานและจัดทำคำของบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้จังหวัดเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาคุณภาพในการจัดทำเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด
๒๐ ปี แผนพัฒนาจังหวัด และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด
เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในจังหวัดได้ ๒. ให้กระทรวง/กรม
ให้ความสำคัญกับการจัดทำข้อเสนอโครงการและงบประมาณเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาตามแผนพัฒนาจังหวัด ๓. ให้สำนักงบประมาณใช้แผนพัฒนาจังหวัดเป็นแนวทางในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณของทุกหน่วยงานที่มีการดำเนินการในพื้นที่จังหวัด
รวมทั้งรายงานผลการจัดสรรงบประมาณที่มีการดำเนินการในพื้นที่จังหวัดตามแผนพัฒนาจังหวัด
ให้คณะรัฐมนตรีทราบ หลังจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีมีผลใช้บังคับ ๔.
ให้กระทรวงมหาดไทยรวบรวมข้อเสนอแผนงานโครงการที่จังหวัดขอรับการสนับสนุนจากกระทรวง/กรม
(แบบ จ.๓) แจ้งให้กระทรวง/กรมรับทราบ และพิจารณาบรรจุข้อเสนอแผนงานโครงการดังกล่าว
ไว้ในคำของบประมาณของกระทรวง/กรม และส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ไว้ในคำของบประมาณของกระทรวง/กรม
และส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๕. ให้กระทรวง/กรม แจ้งแผนปฏิบัติราชการประจำปี
หรือแผนปฏิบัติงานประจำปีของหน่วยงานในส่วนที่ดำเนินการในพื้นที่จังหวัด
พร้อมทั้งระบุเวลาที่จะเริ่มดำเนินโครงการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ ทั้งนี้
ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่เห็นด้วยกับแผนปฏิบัติราชการประจำปี
หรือแผนปฏิบัติงานประจำปี ของหน่วยงาน
หรือระยะเวลาที่จะเริ่มดำเนินโครงการตามแผนดังกล่าว ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งให้
หัวหน้าหน่วยงานของรัฐทราบเพื่อปรับแผนหรือระยะเวลาให้เหมาะสมต่อไป ๖. ให้สำนักงาน ก.พ. เร่งกำหนดแนวปฏิบัติตามมาตรา ๕๓
ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๖๕
ที่กำหนดให้ปลัดกระทรวงหรืออธิบดีมอบอำนาจในการประเมินผลการปฏิบัติราชการ
การเลื่อนเงินเดือน การให้บำเหน็จความชอบ
และการดำเนินการทางวินัยข้าราชการส่วนภูมิภาคในจังหวัดซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการและตำแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ๗. ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
พิจารณาความเหมาะสมของตัวชี้วัดการพัฒนาจังหวัด (KPIs) ของแต่ละจังหวัด
ให้สามารถวัดผลการพัฒนาได้จริงและสอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร เพื่อให้การติดตามและประเมินผลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๘. ให้กระทรวงมหาดไทยชี้แจงและทำความเข้าใจกับผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจ
และขั้นตอนการดำเนินงานตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ
พ.ศ. ๒๕๖๕
รวมทั้งจัดหลักสูตรฝึกอบรมพัฒนาสมรรถนะและองค์ความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ของจังหวัดเกี่ยวกับการจัดทำแผน
การขับเคลื่อนแผน การจัดทำโครงการและบริหารงบประมาณ และหลักสูตรอื่นที่เกี่ยวข้อง
|