ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 161 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 3201 - 3220 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3201 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงสาธารณสุข มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล
อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ให้เป็นหน่วยงานของรัฐตามมาตรา ๖๓/๑๕ วรรคหก แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
ที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3202 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ประจำปี 2564 และประจำปี 2565 | พน. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๔ และประจำปี ๒๕๖๕ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔
และวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน
และงบกำไรขาดทุน ซึ่งผู้สอบบัญชีเห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบด้วยแล้ว รวมทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3203 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการคุ้มครองสิทธิเด็ก กรณีการเข้าถึงบริการสุขภาพของทารกที่คลอดก่อนกำหนด | สธ. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการคุ้มครองสิทธิเด็ก
กรณีการเข้าถึงบริการสุขภาพของทารกที่คลอดก่อนกำหนด
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาทารกที่คลอดก่อนกำหนด สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
(สปสช.)
อยู่ระหว่างการรวบรวมและพิจารณาข้อเท็จจริงของปัญหาการดูแลรักษาทารกที่คลอดก่อนกำหนด
และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพิจารณาทางเลือกวิธีการและอัตราจ่าย
และจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
กระทรวงสาธารณสุขได้มีแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นของบุตรแรงงานต่างด้าวที่ไม่สามารถซื้อประกันสุขภาพได้
โดยเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
การตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๒ และประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง การตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓
ซึ่งมีการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพให้แก่แรงงานต่างด้าว พร้อมผู้ติดตามทุกรายต้องอยู่ในระบบประกันสุขภาพไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทย ๓.
การจัดสรรอุปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น
และการเพิ่มอัตรากำลังของบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
กระทรวงสาธารณสุขได้สำรวจอุปกรณ์ ครุภัณฑ์ และบุคลากร
รวมถึงเครือข่ายระบบส่งต่อแล้ว พบว่า ปัจจุบันมีสัดส่วนเตียงทารกแรกเกิดวิกฤตต่อเครื่องมือ/อุปกรณ์ต่าง
ๆ มีความเพียงพอมากขึ้น ส่วนด้านอัตรากำลังของบุคลากรที่เชี่ยวชาญในการดูแลทารกแรกเกิดในโรงพยาบาลของรัฐยังขาดแคลนอยู่
และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญทารกแรกเกิดยังมีจำนวนน้อยมาก
จึงควรสนับสนุนทั้งในด้านผลิตบุคลากรเพิ่ม
และการให้ความก้าวหน้าในวิชาชีพอย่างเหมาะสม ทั้งนี้
กระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างวางแผนเพิ่มศักยภาพการฝึกอบรมทั้งกุมารแพทย์ทารกแรกเกิดและพยาบาลผู้เชี่ยวชาญทารกแรกเกิด ๔.
การบูรณาการระบบส่งต่อทารกที่คลอดก่อนกำหนด
กระทรวงสาธารณสุขได้สร้างระบบเครือข่ายการส่งต่อผู้ป่วยทารกแรกเกิดไว้ทั้งในและนอกเขตสุขภาพแล้ว
ส่วนการบูรณาการกับโรงพยาบาลเอกชนอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับ สปสช. โดย สปสช.
พร้อมที่จะเป็นศูนย์ประสานการส่งต่อ
และจัดระบบการส่งต่อทั้งในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล
พร้อมทั้งได้จัดเตรียมสถานพยาบาลที่สำรองเตียงสำหรับการดูแลทารกที่คลอดก่อนกำหนดไว้แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3204 | ขออนุมัติการเพิ่มวงเงินในสัญญา รายการทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเฮี้ย จังหวัดเพชรบูรณ์ | กษ. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมชลประทานเพิ่มวงเงินค่างานก่อสร้าง รายการทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเฮี้ย
จังหวัดเพชรบูรณ์ จากวงเงินตามสัญญาที่แก้ไขเพิ่มติม จำนวน ๒๓๘,๕๕๕,๙๒๕.๓๘ บาท เป็นวงเงิน ๒๖๕,๑๙๕,๖๘๙.๖๖ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับวงเงินงบประมาณที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาดังกล่าว จำนวน ๒๖,๖๓๙,๗๖๔.๒๘ บาท เห็นควรให้กรมชลประทานพิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน เพื่อมาดำเนินการเป็นลำดับแรก
โดยให้จัดทำแผนรายละเอียดการจ่ายเงินให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยให้กรมชลประทานปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3205 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 29 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | นร.11 สศช | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๙ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย
หรือแผนงาน IMT-GT (Joint Statement of the 29th
IMT-GT Ministerial Meeting) และเห็นชอบการมอบหมายภารกิจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยตามแผนการดำเนินงานในระยะต่อไป
และมอบหมายให้หน่วยงานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๙ แผนงาน IMT-GT จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน
๒๕๖๖ ณ เมืองบาตัม จังหวัดหมู่เกาะเรียว สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีผลการหารือและผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๙ แผนงาน IMT-GT โดยที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์ร่วมฯ แผนงาน IMT-GT ซี่งได้มีการปรับปรุงรายละเอียดเพิ่มเติมซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญจากร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไว้ (๒๖ กันยายน ๒๕๖๖) อาทิ
ปรับแก้ถ้อยคำกล่าวแสดงความขอบคุณสำนักเลขาธิการอาเซียนสำหรับการสนับสนุนการดำเนินงานของแผนงาน
IMT-GT อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินโครงการต่าง
ๆ ตามกรอบและความริเริ่มของอาเซียน (๒) ผลการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดยที่ประชุมได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนความร่วมมือแผนงาน IMT-GT
ในช่วงที่ผ่านมาในการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ ๒๙
แผนงาน IMT-GT และการประชุมเวทีหารือระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด
(Chief Ministers and Governors Forum : CMGF) ครั้งที่ ๒๐
แผนงาน IMT-GT โดยมีผลการหารือและข้อคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมประชุม
อาทิ การเร่งรัดการศึกษา พัฒนา
บูรณาการความร่วมมือระหว่างระเบียงเศรษฐกิจและเขตเศรษฐกิจพิเศษ
เพื่อการเติบโตที่ยืดหยุ่น ยั่งยืน และครอบคลุม
ผ่านการวิเคราะห์ประเด็นและกลยุทธ์ที่สำคัญ และ (๓) แผนการดำเนินงานในระยะต่อไป
เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนงาน IMT-GT อาทิ
เร่งสร้างรายได้การท่องเที่ยวใน IMT-GT โดยดำเนินโครงการส่งเสริมการตลาดร่วม
และการเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ยุทธศาสตร์ในอนุภูมิภาคต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น
ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาทิ (๑)
แผนการดำเนินงานในระยะต่อไปของแผนงาน IMT-GT
ข้อย่อยที่ ๑.๕ ประเด็นเครือข่ายมหาวิทยาลัย IMT-GT (UNINET)
นั้น เป็นการดำเนินงานที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงการคลังโดยตรง
แต่หากมีการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เห็นควรให้การสนับสนุนได้ (๒)
ทุกภาคส่วนควรพิจารณาสนับสนุนการพัฒนาแผนงานโครงการเชื่อมต่อทางกายภาพ (Priority
Connectivity Projects : PCPs) ของทั้งสามประเทศสมาชิกแผนงาน IMT-GT
ต่อไปด้วย และ (๓)
การสนับสนุนดำเนินงานตามแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปของแผนงาน IMT-GT ควรปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ และข้อบังคับของแต่ละประเทศควบคู่ไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
3206 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ในกลุ่มงานส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานรากโครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร สำหรับบ่อบาดาล | ปช. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต
กรณีโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก “กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน”
ในกลุ่มงานส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานรากโครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร
สำหรับบ่อบาดาล ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3207 | สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 5 จังหวัด (จังหวัดสตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) | นร. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในขณะนี้ภาพรวมสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้
๕ จังหวัด (จังหวัดสตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) มีระดับน้ำลดลง การระบายน้ำเป็นไปด้วยดี
และใกล้เข้าสู่ภาวะปกติเกือบทุกพื้นที่แล้ว
โดยระยะต่อไปจะเป็นช่วงการดำเนินการซ่อมแซม และฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย
จึงขอให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นศูนย์กลางในการประสานงานร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อช่วยกันระดมกำลังคน อุปกรณ์ และเครื่องมือในการให้ความช่วยเหลือและซ่อมแซมบ้านเรือนของประชาชนให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติได้โดยเร็วที่สุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3208 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 17 และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 10 รวมทั้งการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กห. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน
(ASEAN Defence Ministers’ Meeting : ADMM) ครั้งที่ ๑๗
และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา (ASEAN
Defence Ministers’ Meeting Plus : ADMM-Plus) ครั้งที่ ๑๐ รวมทั้งการประชุมอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ณ กรุงจาการ์ตา
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีนาย Prabowo Subianto รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็นประธาน
โดยที่ประชุมฯ ได้มีการรับรอง อนุมัติ และรับทราบเอกสาร จำนวน ๘ ฉบับ ได้แก่ (๑)
ปฏิญญาร่วมจาการ์ตาของการประชุม ADMM ว่าด้วยสันติภาพ
ควาญเจริญรุ่งเรือง และความมั่นคงของภูมิภาค (๒)
เอกสารแนวความคิดว่าด้วยแนวทางการปฏิบัติด้านการป้องกันประเทศเกี่ยวกับมุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก
(๓) เอกสารแนวความคิดว่าด้วยการเสริมสร้างความประสานสอดคล้องของกิจกรรมความร่วมมือภายใต้กรอบ
ADMM และ ADMM-Plus (๔)
เอกสารแนวทางปฏิบัติของสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต
ในฐานะผู้สังเกตการณ์การประชุม ADMM และ ADMM-Plus รวมทั้งการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (๕)
ระเบียบปฏิบัติประจำโครงการอาเซียนอาวเวอร์อาย (๖)
เอกสารความร่วมมือระหว่างอาเซียน-สหรัฐอเมริกา
เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถของผู้นำรุ่นใหม่ (๗) เอกสารเพื่อการหารือว่าด้วยการใช้ทรัพยากรทางทหารในการดำรงไว้ซึ่งความมั่นคงทางอาหารของภูมิภาค
และ (๘) แถลงการณ์ร่วมของการประชุม ADMM-Plus ว่าด้วยบทบาทสตรี
สันติภาพ และความมั่นคงของภูมิภาค ทั้งนี้ เอกสารที่ได้มีการรับรอง อนุมัติ
รับทราบดังกล่าว
มีสาระสำคัญไม่แตกต่างจากฉบับที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ ๗
พฤศจิกายน ๒๕๖๖ นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับความมั่นคงของภูมิภาค
ตลอดจนภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เช่น การก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
และความมั่นคงทางพลังงานและอาหาร เป็นต้น ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3209 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร | ปสส. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพุธที่
๓ มกราคม ๒๕๖๗ และวันพฤหัสบดีที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๗ ถึงวันศุกร์ที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3210 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงซึ่งออกตามกฎหมายว่าด้วยหอการค้าบางฉบับที่ไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน พ.ศ. .... (ยกเลิกค่าธรรมเนียมหอการค้า) | พณ. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงซึ่งออกตามกฎหมายว่าด้วยหอการค้าบางฉบับที่ไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกค่าธรรมเนียมสำหรับการดำเนินการของหอการค้า ตามกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. ๒๕๐๙ และยกเลิกกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. ๒๕๐๙ เพื่อให้สอดคล้องกับการนำรูปแบบการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-services) มาใช้ และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและลดภาระต่อประชาชน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3211 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกระทรวงแรงงานซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายแรงงาน พ.ศ. .... | รง. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษ
สำหรับข้าราชการกระทรวงแรงงานซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายแรงงาน
พ.ศ ....
มีสาระสำคัญเป็นยกเลิกกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกระทรวงแรงงานซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจความปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย
อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อปรับปรุงเครื่องแบบพิเศษเพิ่มขึ้นจากเครื่องแบบข้าราชการพลเรือน เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจและพื้นที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงอันตรายนอกที่ตั้งที่ทำการ
สำหรับข้าราชการกระทรวงแรงงานซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายแรงงาน
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3212 | การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 | นร. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
และคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ รวม ๘ คณะ และคณะกรรมการอำนวยการฯ ในการประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ได้มีมติเห็นชอบการจัดพิธีการต่าง ๆ รวมทั้งโครงการและกิจกรรมของหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว นั้น
ขอกำชับให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ละเอียดรอบคอบ
เป็นไปตามโครงการและกิจกรรมที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติยศทุกประการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3213 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาทุกโรค) | สธ. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
(๓๐ บาทรักษาทุกโรค) ความคืบหน้าการยกเว้นโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค
ซึ่งได้มีการกำหนดเป้าหมาย แนวทางพัฒนา กิจกรรมตัวชี้วัดระยะ ๑๐๐ วัน (ในระยะต้น)
และในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ (ระยะต่อไป) โดยมีผลการดำเนินงาน เช่น (๑)
บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ๔ จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด
และนราธิวาส (๒) นัดหมายพบแพทย์ตรวจเลือด รับยาใกล้บ้าน ๑ จังหวัด ๑ โรงพยาบาล
ดำเนินการแล้ว ทั่วประเทศ (๓) บรรจุตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ๒,๒๑๐ อัตรา (๔) จัดตั้งโรงพยาบาล ๑๒๐
เตียง ในเขตดอนเมือง/อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ (๕) จัดตั้งสถานชีวาบาลจังหวัดละ
๑ แห่ง รวม ๔๔ จังหวัด (๖) ฉีดวัคซีน HPV ในหญิงอายุ ๑๑-๒๐
ปี ๘๐๗,๖๐๔ โดส เป็นต้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3214 | มาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย | กค. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อปรับอัตราภาษีสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ
และปรับโครงสร้างภาษีและอัตราภาษีสำหรับสินค้าสุรา และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวันที่ ๒๘
ธันวาคม ๒๕๖๔ เพื่อปรับโครงสร้างภาษีศุลกากรสินค้าไวน์ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสำหรับกลุ่มสินค้าดังกล่าว
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการของกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ การตรวจสินค้าเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
(VAT Refund for Tourists) ของนักท่องเที่ยว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ที่เห็นว่าควรติดตามและประเมินผลการดำเนินงานเป็นระยะอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้อย่างแท้จริง
และควรติดตามประเมินผลการดำเนินมาตรการดังกล่าวเพื่อประเมินความคุ้มค่าของมาตรการต่าง
ๆ ทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคม
โดยให้รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง
และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาควรดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ภาคประชาชนและภาคธุรกิจทราบเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวได้
และสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์
ความจำเป็น และประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3215 | แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอรับร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาพิจารณาก่อนรับหลักการ | นร.05 | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอรับร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาพิจารณาก่อนรับหลักการ
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.
เมื่อสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติให้คณะรัฐมนตรีรับร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปพิจารณาก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติรับหลักการแล้ว
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาดำเนินการ
โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเชิญผู้แทนกระทรวง ทบวง กรม
ที่เกี่ยวข้องกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาร่วมพิจารณาโดยด่วนให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรภายในกำหนดเวลาที่ขอรับมา
ทั้งนี้
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเชิญผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณร่วมพิจารณาด้วย
เพื่อให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีความสอดคล้องกับทิศทางนโยบายของคณะรัฐมนตรีและกรอบของงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3216 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน
สรุปได้ ดังนี้ ๑) สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ รวมทั้งสิ้น
๕๗,๓๙๙
เรื่อง สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ ๕๑,๒๐๔ เรื่อง
คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๒๑ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ได้รับการประสานเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนมากที่สุด (๕,๑๙๘ เรื่อง) ๒)
การประมวลผลและวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
มีสถิติเรื่องร้องทุกข์ ๕๗,๓๙๙ เรื่อง น้อยกว่าปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๐,๕๒๐ เรื่อง (มีเรื่องร้องทุกข์ ๖๗,๙๑๙ เรื่อง) โดยประเด็นที่ประชาชนยื่นเรื่องร้องทุกข์มากที่สุดคือ เสียงรบกวน/สั่นสะเทือน
(๔,๘๙๓ เรื่อง) ๓) ข้อจำกัด
ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ เช่น
กรณีปัญหาเสียงดังรบกวนเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานและกฎหมายหลายฉบับ
เจ้าหน้าที่ใช้วิธีการไกล่เกลี่ยมากกว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัญหายังคงเกิดขึ้นซ้ำ และ ๔) ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน
เช่น ควรกำหนดให้หน่วยงานระดับกระทรวงเชื่อมโยงฐานข้อมูลเรื่องร้องทุกข์กับศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล
๑๑๑๑ ให้ครบถ้วนภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดรูปแบบ/แนวทาง/กระบวนงาน/ขั้นตอนในการระงับเหตุหรือการแก้ไขปัญหาเสียงดังรบกวนของสถานบันเทิงใน
๔ พื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง (กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ และภูเก็ต)
และรายงานให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทราบผลการดำเนินการทุกไตรมาส ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และกระทรวงยุติธรรม เช่น หน่วยงานภาครัฐต้องให้ความสนใจในการรับฟังความคิดเห็นหรือข้อมูลดังกล่าว
และใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลเรื่องราวร้องทุกข์เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตัดสินใจในการกำหนดนโยบาย
แผนงาน โครงการและแนวทางดำเนินการเพื่อตอบสนองให้ตรงตามความต้องการของประชาชน ๒) การอนุญาตตั้งสถานบริการ/สถานบันเทิง
หน่วยงานอนุญาตควรพิจารณาพื้นที่โดยรอบสถานที่ตั้งอย่างเคร่งครัดตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติสถานบริการ
พ.ศ. ๒๕๐๙ เพื่อป้องกันการร้องทุกข์กรณีที่เกิดขึ้นใหม่ ๓) การต่อใบอนุญาตประกอบกิจการ
นอกจากการพิจารณาสภาพพื้นที่ปัจจุบันโดยรอบสถานที่ตั้งแล้ว ควรนำปัญหาการร้องทุกข์เรื่องเสียง
และการร้องเรียนเรื่องอื่น
รวมถึงความสามารถในการแก้ไขปรับปรุงของสถานบริการ/สถานบันเทิง
มาประกอบการพิจารณาให้อนุญาต
เพื่อป้องกันการร้องทุกข์ซ้ำจากผู้ได้รับผลกระทบรายเดิม
และเป็นการลดภาระงานของหน่วยงานกำกับดูแล และ ๔) ควรกำชับการแจ้งผลความคืบหน้าหรือความสำเร็จในการดำเนินการให้ผู้ร้องทราบเป็นระยะ
ๆ ในช่องทางที่สะดวกและรวดเร็ว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนในปีต่อไป
ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาจากเรื่องร้องทุกข์และข้อคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณากำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ชัดเจน
เพื่อใช้เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่สำคัญ (KPIs) ของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด |
||||||||||||||||||||||||||||||
3217 | การบริหารจัดการการให้บริการของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) | นร. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากการรายงานของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการบริหารจัดการพื้นที่การให้บริการของสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ
(จตุจักร) (หมอชิต ๒) ทราบว่า บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้มีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนบริเวณสถานีขนส่งฯ
มีการตรวจสอบพนักงานขับรถและสภาพรถโดยสารให้มีความพร้อมในการให้บริการผู้โดยสารและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
และสามารถให้บริการประชาชนได้ตามปกติในช่วงปีใหม่ อย่างไรก็ตาม ขอให้กระทรวงคมนาคม
(บขส.) พัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชน ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของอาคารชานชาลา
และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยให้กำหนดเป้าหมายการดำเนินการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๖๗ ที่จะถึงนี้
ให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
และขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชนด้วย
โดยเฉพาะการขนส่งและเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนทั่วประเทศ ทั้งนี้ ให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเตรียมการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบล่วงหน้าเพื่อให้สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสมต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3218 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ (ร่างพระราชบัญญัติสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย พ.ศ. ....) | นร 05 | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอรับร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาพิจารณาก่อนรับหลักการ
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า เมื่อสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติให้คณะรัฐมนตรีรับร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปพิจารณาก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติรับหลักการแล้ว
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาดำเนินการ
โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเชิญผู้แทนกระทรวง ทบวง กรม
ที่เกี่ยวข้องกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาร่วมพิจารณาโดยด่วนให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรภายในกำหนดเวลาที่ขอรับมา
ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบด้วย
และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเชิญผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณร่วมพิจารณาด้วย
เพื่อให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีความสอดคล้องกับทิศทางนโยบายของคณะรัฐมนตรีและกรอบของงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3219 | สถานการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่น | นร. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่
๑ มกราคม ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา นั้น
ขอให้กระทวงการต่างประเทศติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
และแจ้งเตือนภัยให้กับคนไทยที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นทราบเป็นระยะ เพื่อให้สามารถเตรียมพร้อมอพยพออกจากพื้นที่ได้ทันท่วงที
ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนี้การใช้ระบบแจ้งเตือนภัยมีความสำคัญที่สุดเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถรับรู้และเตรียมความพร้อมรับมือต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้
ในส่วนของประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้มีการติดตั้งระบบแจ้งเตือนภัยไว้แล้ว
จึงขอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการทดสอบและซักซ้อมการใช้ระบบดังกล่าวให้มีความพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา
เพื่อป้องกันภัยและลดความเสียหายจากสถานการณ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3220 | มาตรการ "Easy E-Receipt" | นร. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๔ ธันวาคม ๒๕๖๖ เห็นชอบมาตรการ “Easy E-Receipt” ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศในช่วงต้นปี พ.ศ.
๒๕๖๗ โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่
๑ มกราคม-๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท โดยจะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์
(e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร นั้น
เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวเกิดผลเป็นรูปธรรมและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ในวงกว้าง
จึงขอให้กระทรวงการคลังเร่งประสานงานกับกรมประชาสัมพันธ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการประซาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับมาตรการ
“Easy E-Receipt” แก่ผู้ประกอบการและประชาชนผู้บริโภคให้ถูกต้อง
ทั่วถึง ในทุกช่องทางการสื่อสารโดยด่วน
|