ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 162 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 3221 - 3240 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3221 | ข้อเสนอแนะกรณีการจัดให้เด็กสมรสก่อนวัยอันควร | สม. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะกรณีการจัดให้เด็กสมรสก่อนวัยอันควร ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๒๔๗ (๓) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๖ (๓) (ตามข้อ ๒.๕) ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3222 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2566 (Memorandum of Understanding on the Cooperation on Projects of the Mekong - Lancang Cooperation Special Fund 2023) | อว. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ (Memorandum of Understanding on
the Cooperation on Projects of the Mekong-Lancang Cooperation Special Fund 2023) และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในด้านต่าง
ๆ เช่น การเกษตร ปศุสัตว์ การจัดการทรัพยากรน้ำ สุขภาพ ระบบขนส่งการท่องเที่ยว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ขี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรวิเคราะห์และประเมินผลจากการดำเนินโครงการตามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3223 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง อำนาจการควบคุมตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อสืบสวนสอบสวนตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 | ยธ. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย
เรื่อง อำนาจการควบคุมตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อสืบสวนสอบสวนตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๕๐ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๖ โดยที่ประชุมเห็นว่า
ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยกเลิกมาตรา ๑๑/๖
ในประเด็นการยกเลิกอำนาจการควบคุมตัวผู้ถูกจับในคดียาเสพติดไว้เพื่อสืบสวนสอบสวนได้เป็นเวลาไม่เกิน
๓ วัน ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ และยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายรวม
๒ ฉบับ คือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๘๗ วรรคสาม และพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง และที่ประชุมได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วย
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3224 | การนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ฉบับที่ 8 | พม. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ฉบับที่ ๘
ทั้งฉบับภาษาไทยและฉบับภาษาอังกฤษ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
ฉบับที่ ๘ ฉบับภาษาอังกฤษต่อคณะกรรมการประจำอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบต่อไป
โดยรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาฯ ฉบับที่ ๘ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้
ดังนี้ (๑) ไทยมีความก้าวหน้าในการส่งเสริมสิทธิและความเสมอภาคระหว่างเพศ เช่น ส่งเสริมสิทธิด้านการศึกษา
ส่งเสริมบทบาทสตรีทางเศรษฐกิจ และ (๒) ด้านกฎหมาย มีการดำเนินการ เช่น
ปรับปรุงกฎหมายที่มีนัยยะเลือกปฏิบัติระหว่างเพศและวิเคราะห์เนื้อหากฎหมายที่มีผลใช้บังคับในปัจจุบันซึ่งพบว่ามีกฎหมายที่มีเนื้อหาบางส่วนมีนัยยะในการเลือกปฏิบัติระหว่างเพศ
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ปรับถ้อยคำในรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
ฉบับที่ ๘ ฉบับภาษาอังกฤษ ตามข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศ
รวมทั้งดำเนินการปรับปรุงข้อมูลในส่วนของความก้าวหน้าในการจัดทำกฎหมายเพื่อปรับบรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกปฏิบัติระหว่างเพศให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันก่อนส่งรายงานฯ
ให้คณะกรรมการประจำอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3225 | การเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ | นร. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีว่า จากรายงานข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่
ปี ๒๕๖๗ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและหน่วยงานภาคีเครือข่าย สรุปได้ว่า
ภาพรวมของการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต ณ วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗
ลดลงจากปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ผู้เสียชีวิตลดลงจาก ๒๑๘ ราย เหลือ ๑๒๘
ราย ต้องขอขอบคุณกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยกันดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในเส้นทางสายหลักและสายรอง
ป้องปรามผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุเตรียมความพร้อมการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ
ตลอดจนประชาสัมพันธ์เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรและทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงจุดเกิดเหตุและรับส่งผู้ประสบเหตุได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ยังคงมีประชาชนบางส่วนอยู่ระหว่างเดินทางกลับเข้าสู่กรุงเทพมหานคร
ทำให้เส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดยังมีปริมาณรถหนาแน่น จึงขอให้หน่วยงานต่าง
ๆ
ดังกล่าวข้างต้นดูแลความปลอดภัยทางถนนและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ยังอยู่ระหว่างการเดินทางกลับ
และในปีต่อไป ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ภาพรวมการเกิดอุบัติเหตุลดลงได้มากยิ่งขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3226 | การขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ | นร. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงพัฒนาระบบ National Single Window รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบขั้นตอนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐ
และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง ให้มีความง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of
Doing Business) รวมถึงอำนวยความสะดวกทางการค้าผ่านการใช้ระบu
National Single Window ได้อย่างเต็มศักยภาพและเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว
(One Stop Service) นั้น ขอให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นให้แล้วเสร็จและครบวงจร
และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ความร่วมมือและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจโดยเร็ว
เพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย
รวมทั้งเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3227 | การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการดำเนินงานของรัฐบาล | นร. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๖ และ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖)
ให้โฆษกประจำกระทรวงดำเนินการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องต่าง ๆ ในภารกิจ หน้าที่และอำนาจของแต่ละกระทรวง
รวมทั้ง ผลการปฏิบัติงานของรัฐมนตรีในช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ให้รวดเร็ว สม่ำเสมอ
และต่อเนื่อง และให้ประสานข้อมูลข่าวสารผลการดำเนินงานของกระทรวงในเรื่องสำคัญต่าง
ๆ กับโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง นั้น เนื่องจากการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลในช่วงเวลาที่ผ่านมาแต่ละกระทรวงได้ดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างมาก และสมควรสร้างการรับรู้ให้ชัดเจน ถูกต้อง
และทั่วถึง จึงขอมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรับไปประสานงานกับรัฐมนตรีทุกกระทรวงเพื่อนำข้อมูลข่าวสารผลการดำเนินงานของกระทรวงในเรื่องสำคัญต่าง
ๆ ส่งให้กรมประชาสัมพันธ์และหน่วยงานของรัฐอื่นที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเร่งประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของรัฐบาลให้ประชาชนได้ทราบอย่างถูกต้อง ทั่วถึง
และมีความต่อเนื่องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3228 | ขอความเห็นชอบการปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) | พณ. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบบัญชีกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า (Product-Specific Rules of Origin : PSRs) ในพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์
ฉบับปี ๒๐๒๒ (Harmonized
System 2022 : HS 2022) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย
(Thailand-Australia
Free Trade Agreement : TAFTA) และการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทย
เพื่อดำเนินการแก้ไขภาคผนวก ๔.๑ (เรื่องกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า) ของความตกลง TAFTA และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทย
และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทย
โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังดำเนินกระบวนการภายในเพื่อให้บัญชีกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลง
TAFTA เริ่มมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเข้าลักษณะตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสาม โดยจะเข้าข่ายตามมาตรา
๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ กระทรวงพาณิชย์จะต้องพิจารณาและแจ้งยืนยันประเด็นดังกล่าวเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย
และควรประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ตรงกันในการปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลง
TAFTA ต่อผู้ผลิต ผู้ประกอบการ รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
เพื่อลดปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในทางปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนหรือปรับเปลี่ยนบัญชีถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย
ฉบับปี ๒๐๒๒ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3229 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ | กต. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ
และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอบหมายเป็นผู้ลงนามความตกลงฯ
ทั้งนี้ ในกรณีมอบหมายผู้แทน
เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามที่ได้รับมอบหมาย
รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถเริ่มใช้ความตกลงฯ ในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญให้ยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทยและผู้ถือหนังสือเดินทางกึ่งราชการและหนังสือเดินทางธรรมดาของสาธารณรัฐประชาชนจีนในการเดินทางเข้า-ออกหรือผ่านดินแดนของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง
สำหรับการพำนักแต่ละครั้งระยะเวลาไม่เกิน ๓๐ วัน และรวมระยะเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน
ภายในช่วงเวลา ๑๘๐ วันใด ๆ ยกเว้นกรณีการพำนักถาวร การทำงาน การศึกษา
กิจกรรมด้านสื่อ หรือกิจกรรมอื่น ๆ
ที่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตล่วงหน้า จากหน่วยงานที่รับผิดชอบของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง
ทั้งนี้ ภาคีผู้ทำสัญญาแต่ละฝ่ายสามารถระงับใช้ความตกลงฯ เป็นการชั่วคราว
ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยสาธารณะ
และสาธารณสุขรวมทั้งสามารถแก้ไขและยกเลิกความตกลงฯ
โดยแจ้งอีกฝ่ายล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางการทูต ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3230 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (1. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ฯลฯ รวม 7 คน) | คค. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย
รวม ๗ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานกรรมการ ๒. นายวิม รุ่งวัฒนจินดา กรรมการ ๓. นายศันสนะ สุริยะโยธิน กรรมการ ๔. นางสาวศุกร์ศิริ อภิญญานุวัฒน์ กรรมการ ๕. นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย กรรมการ ๖. นายอาทิตย์ สุริยาภิวัฒน์ กรรมการ ๗. นายอารีศักดิ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3231 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 พ.ศ. .... | สธ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต
นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท
๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า
หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่าการกำหนดระยะเวลาการแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตตามร่างกฎกระทรวงฯ
ข้อ ๑๖ วรรคสอง ควรกำหนดให้สอดคล้องตามมาตรา ๑๐
แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่าร่างกฎกระทรวงข้อ
๑๖ วรรคหนึ่ง
ซึ่งกำหนดให้ผู้อนุญาตพิจารณาคำขออนุญาตให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ
เห็นว่าระยะเวลาสามสิบวันเป็นระยะเวลาที่พอสมควรที่ผู้อนุญาตจะได้พิจารณาคำขอและอนุญาตให้แล้วเสร็จ
แต่ก็มีข้อสังเกตว่าหากผู้อนุญาตไม่สามารถพิจารณาคำขอให้เสร็จสิ้นได้ภายในกำหนดสามสิบวันจะมีมาตรการอย่างไรในระหว่างที่พิจารณาคำขอ
จึงสมควรที่จะกำหนดมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบดังกล่าวด้วย และร่างกฎกระทรวงข้อ ๑๖
วรรคสอง
ที่กำหนดให้ผู้ขออนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีคำสั่งไม่อนุญาต
เห็นว่ากำหนดระยะเวลาดังกล่าวเป็นระยะเวลาที่กระชั้นชิด
ซึ่งในการอุทธรณ์คำสั่งผู้อุทธรณ์จะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการเตรียมข้อมูลในการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
จึงสมควรที่จะเพิ่มกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์จากสิบห้าวันเป็นสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ผู้ขออนุญาตได้รับหรือถือว่าได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งไม่อนุญาต
ซึ่งจะก่อให้เกิดความเป็นธรรมมากกว่าตามร่างซึ่งกำหนดให้อุทธรณ์ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีคำสั่งไม่อนุญาต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3232 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน ของกระทรวงคมนาคม | คค. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการ/กิจกรรมที่สำคัญ
เพื่อมอบเป็น “ของขวัญจากกระทรวงคมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” “GIFTS” ให้ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.
๒๕๖๗ จำนวน ๕ ด้าน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ประกอบด้วย ๑.
คมนาคมส่งมอบความสุข (G = Gift to People) ๒.
คมนาคมสร้างสรรค์เส้นทางไทย (I = Infrastructure for Nation) ๓. คมนาคมสะดวก
บริการประทับใจ (F = Facilitation) ๔.
คมนาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว (T = Tourist Promotion) ๕.
คมนาคมใส่ใจ ปลอดภัยทุกการเดินทาง (S =
Safety Journey)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3233 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 4 พ.ศ. .... | สธ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต
นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๔ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตผลิต นำเข้า
ส่งออกจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง คุณสมบัติของผู้ขออนุญาต การออกใบอนุญาต
การออกใบแทนใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การแก้ไขรายการในใบอนุญาต
การให้ผู้รับอนุญาตดำเนินการ เพื่อประโยชน์ในการควบคุม กำกับดูแล
และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๔ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. และสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น การกำหนดระยะเวลาการแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตตามร่างกฎกระทรวงฯ
ข้อ ๑๓ วรรคสาม และข้อ ๑๔ วรรคสอง ควรกำหนดให้สอดคล้องตามมาตรา ๑๐
แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘
และกระทรวงสาธารณสุขควรเร่งดำเนินการตามมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกฯ โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนดรวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ
(www.info.go.th) ต่อไป ไปประกอบการตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด
เช่น ร่างกฎกระทรวงข้อ ๑๓ วรรคหนึ่ง ซึ่งกำหนดให้ผู้อนุญาตพิจารณาคำขอรับใบอนุญาตให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยสามสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอและสามารถขยายระยะเวลาไปได้อีกไม่เกินสองครั้ง
ครั้งละไม่เกินสามสิบวัน เห็นว่าระยะเวลาดังกล่าวเป็นระยะเวลาที่พอสมควรที่ผู้อนุญาตจะได้พิจารณาคำขอและอนุญาตให้แล้วเสร็จ
แต่ก็มีข้อสังเกตว่าหากผู้อนุญาตไม่สามารถพิจารณาคำขอให้เสร็จสิ้นได้ภายในกำหนดจะมีมาตรการอย่างไรในระหว่างที่พิจารณาคำขอ
จึงสมควรที่จะกำหนดมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบดังกล่าวด้วย และร่างกฎกระทรวงข้อ ๑๓
วรรคสาม ที่กำหนดให้ผู้ขออนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีคำสั่งไม่อนุญาต
เห็นว่ากำหนดระยะเวลาดังกล่าวเป็นระยะเวลาที่กระชั้นชิด
ซึ่งในการอุทธรณ์คำสั่งผู้อุทธรณ์จะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการเตรียมข้อมูลในการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
จึงสมควรที่จะเพิ่มกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์จากสิบห้าวันเป็นสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ผู้ขออนุญาตได้รับหรือถือว่าได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งไม่อนุญาต
ซึ่งจะก่อให้เกิดความเป็นธรรมมากกว่าตามร่างซึ่งกำหนดให้อุทธรณ์ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีคำสั่งไม่อนุญาต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3234 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน ของกระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แก่ประชาชน ของกระทรวงยุติธรรม
ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการอำนวยความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ
เพื่อประโยชน์ต่อประชาชน จำนวน ๑๒ โครงการ/กิจกรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3235 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย | กษ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย จำนวน ๒ คน ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑. นายเพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการ ๒. นายสมิทธิ ดารากร ณ
อยุธยา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3236 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) | นร.01 | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แก่ประชาชน ของสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
กรมประชาสัมพันธ์ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี)
เสนอ ดังนี้ ๑. การรับแจ้งเหตุ แจ้งเบาะแส เรื่องร้องทุกข์ในช่วงเทศกาลปีใหม่
ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ผ่านช่องทางสายด่วนของรัฐบาล ๑๑๑๑ เว็บไชต์ www.111.go.th โมบายแอปพลิเคชัน PSC 1111 และแอปพลิเคชันไลน์ @PSC1111 (ไลน์สร้างสุข)
โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้
ประชาชนสามารถติดตามเรื่องร้องทุกข์ผ่านระบบการติดตามและสถานะเรื่องร้องทุกข์ (Tracking
System) ได้ทุกที่ทุกเวลา
และการประสานเร่งรัดติดตามผลการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้ข้อยุติโดยเร็วตลอดปี
๒๕๖๗ ๒. จัดกิจกรรมการแสดงดนตรีภายใต้โครงการ “PRD
Band ดนตรีสร้างสุข” โดยวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความสุข
ความบันเทิงผ่านเสียงเพลงและเสียงดนตรีสอดแทรกความรู้ ความเข้าใจ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารและนโยบายรัฐไปสู่ประชาชนมีกำหนดการแสดง
จำนวน ๑ ครั้ง ในระหว่างเดือนธันวาคม ๒๕๖๖-มกราคม ๒๕๖๗ ๓. กิจกรรม “สัญจรปลอดภัย”
โดยจัดรายการวิทยุทั่วประเทศเป็นเพื่อนขับขี่ปลอดภัยตลอดการเดินทาง
โดยสามารถโฟนอินเข้ามาในรายการ สนทนาและขอเพลง รวมทั้งให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
เชิญหน่วยราชการมาให้ข้อมูลพูดคุย ให้ข้อแนะนำ ภายใต้แนวคิด “ขับไม่ดื่ม
ดื่มไม่ขับ” ๔. กิจกรรม “สวดมนต์ข้ามปีออนไลน์”
โดยสามารถเข้าร่วมสวดมนต์ได้ทางสื่อออนไลน์ผ่านการรับชมการถ่ายทอดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี
ได้ที่เว็บไซต์ http://prdee.prd.go.th ๕. กิจกรรม “คืนความสุขด้วยคูปองแทนเงินสด เครดิตเงินคืนและส่วนลด” โดยมีหน่วยงานเข้าร่วม
เช่น (๑) บริษัท ลาซาด้า จำกัด (๒) บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด (๓) บริษัท
ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) (๔) บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (๕)
บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด (๖) บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ชิสเทม จำกัด
(๗) บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (๘) ธุรกิจรถยนต์ (๙)
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ๖. กิจกรรม “ให้รอยยิ้มด้วย Code ส่วนลดของสายการบิน”
โดยมีหน่วยงานเข้าร่วม เช่น (๑) บริษัท ไทย ไลอ้อน เมนทารี จำกัด (๒) บริษัท
ไทยแอร์เอเชีย จำกัด (๓) บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) (๔) บริษัท ไทย
เวียตเจ็ท แอร์ จอยท์ สต็อค จำกัด ๗. กิจกรรม “สร้างความเชื่อมั่นในการเดินทาง”
โดยเป็นการรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคในการเดินทางโดยใช้ขนส่งโดยสารสาธารณะในช่วงเทศกาลปีใหม่
จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ (๑) ท่าอากาศยานดอนเมือง (๒) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (๓)
สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพหมอชิต (จตุจักร) และ (๔) สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ
(สายใต้ใหม่) ดำเนินการพร้อมกันในวันพุธที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๖
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3237 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน : แคมเปญ "รวมพลังลดท่วม ลดแล้งรับมือภัยเอลนีโญ" | นร.14 | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แก่ประชาชน : แคมเปญ “รวมพลังลดท่วม ลดแล้งรับมือภัยเอลนีโญ” ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. เร่งบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตาม ตรวจสอบ
และแก้ไขปัญหาพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค
พร้อมทั้งดำเนินการจัดทำแผนป้องกันและแก้ไขเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้ง
ซึ่งจะดำเนินการตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๖๖-มกราคม ๒๕๖๗ ๒. จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้
โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยที่ยังมีสถานการณ์น้ำหลาก
เช่น บริเวณพื้นที่ภาคใต้ในการขับเคลื่อนการปฏิบัติงาน เตรียมเจ้าหน้าที่ ทรัพยากร
สถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้พร้อมรับมือสถานการณ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3238 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) | ศอบต. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๗
ให้แก่ประชาชน (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) ดังนี้ (๑)
แก้ไขปัญหาความยากจน (๒)
ยกระดับการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้กับรัฐติดชายแดนไทยของมาเลเซียสู่การเป็นเมืองคู่แฝด
(Twin cities) (๓) จัดตั้งโรงพยาบาลจิตเวชครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยเป็นโรงพยาบาลขนาด ๒๐๐ เตียง ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส (๔) ยกระดับการศึกษาระดับสามัญผ่านโครงการห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
(๕) สนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคมร่วมสร้างพื้นที่สันติสุขขนาดเล็กและแก้ไขปัญหาตามความต้องการของชุมชน
จำนวน ๗๐ องค์กร/พื้นที่ (๖) ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ทั่วถึง
โดยออก “ระเบียบการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้”
และ (๗) จัดกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ Southern of Thailand
Tournament Cup ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3239 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี และเรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี) | นร.04 | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๘๑/๒๕๖๖ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนฺตรี ที่ ๓๘๒/๒๕๖๖ เรื่อง
แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการและมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3240 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2568 – 2571) | กค. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๘-๒๕๗๑)
เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามมาตรา ๑๕
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และเพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้
การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังฯ
ต่อไป ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ
และให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรแสดงถึงความมุ่งมั่นในการเพิ่มการจัดเก็บรายได้และการลดรายจ่ายโดยมีแนวทางที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะการปฏิรูปโครงสร้างภาษีและการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ การทบทวนและยกเลิกมาตรการทางภาษีที่ไม่เกิดความคุ้มค่าและบิดเบือนกลไกตลาด
การลดความซ้ำซ้อน
และการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่มีวัตถุประสงค์เป็นการเฉพาะเท่าที่จำเป็น
ควบคู่ไปกับการลดทอนรายจ่ายที่ไม่จำเป็น การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่าย
และการปรับโครงสร้างรายจ่ายให้มีความสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|