ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1527 จากทั้งหมด 6224 หน้า แสดงรายการที่ 30521 - 30540 จากข้อมูลทั้งหมด 124467 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 30521 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการ ค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 | นร | 17/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๑ การจัดสรร/การเบิกจ่าย/ลงนามสัญญาหรือดำเนินการเอง สำนักงบประมาณจัดสรรแล้ว เป็นเงิน ๑๑๗,๘๙๐.๑๐๖ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเองแล้ว เป็นเงิน ๑๐๔,๐๓๕.๑๐๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๑,๐๗๓.๖๒๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑.๐๔ สำหรับผลการเบิกจ่ายจากระบบ GFMIS เป็นเงิน ๗๔,๒๐๕.๖๖๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๒.๙๔ จากยอดจัดสรร ๑.๒ ผลการดำเนินงาน โดยมิติส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๒ กระทรวง ที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๑๕ กระทรวง สำหรับมิติจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๔ จังหวัด ส่วนจังหวัดที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๖๙ จังหวัด ๑.๓ การส่งคืนเงินงบประมาณและการใช้จ่ายจากเงินที่แจ้งส่งคืน ส่วนราชการฯ แจ้งคืนเงิน จำนวน ๕,๐๙๙.๒๙๐ ล้านบาท ส่วนราชการฯ ส่งคืนเงินจริงแล้ว จำนวน ๔,๔๓๔.๑๓๖ ล้านบาท และคณะรัฐมนตรีอนุมัติเพิ่มเติม จำนวน ๔,๒๕๙.๕๔๖ ล้านบาท สำนักงบประมาณจัดสรรแล้ว ๒,๓๓๓.๔๐๓ ล้านบาท คงเหลือวงเงินจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ จำนวน ๑๗๔.๕๘๙ ล้านบาท ๒. การจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเงินกู้โครงการฯ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๘,๙๑๘.๘๖๑ ล้านบาท สำนักงบประมาณจัดสรรเงินกู้ดังกล่าวให้ส่วนราชการ ณ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๑๙,๖๖๗.๘๘๗ ล้านบาท คงเหลือจำนวน ๙,๒๕๐.๙๗๔ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงคมนาคม จำนวน ๕,๒๘๑.๖๒๗ ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๗๑๕.๓๒๘ ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๓,๒๓๖.๖๙๔ ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย จำนวน ๐.๒ ล้านบาท และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๗.๑๒๕ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 30522 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร | 17/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอทำความตกลงในรายละเอียดงบประมาณกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 30523 | ขออนุมัติลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง | กต | 17/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง โดยสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑.๑ คู่ภาคีจะขยายความร่วมมือในการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ๑.๑.๒ กำหนดสิทธิและหน้าที่ของคู่ภาคี ๑.๑.๒.๑ รัฐบาลเมียนมาร์จะให้ความคุ้มครอง/ความปลอดภัย และจัดหาสาธารณูปโภคอื่น ๆ พร้อมดำเนินการให้บริเวณดังกล่าวสามารถพัฒนาได้ และพิจารณาระบบความเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่โครงการกับกรุงย่างกุ้งและเมืองหลักอื่น ๆ ในเมียนมาร์ ตลอดจนสร้างแรงจูงใจในการลงทุน ๑.๑.๒.๒ รัฐบาลไทยจะสนับสนุนการช่วยเหลือทางเทคนิค ถ่ายทอดเทคโนโลยี แนวการปฏิบัติที่เป็นเลิศในด้านการจัดการ สนับสนุนการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุน เร่งรัดการก่อสร้างเส้นทางจากจุดผ่านแดนไทย - เมียนมาร์ ไปยังกรุงเทพฯ - แหลมฉบัง และให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อความพยายามในการระดมทุนเพื่อดำเนินโครงการ ๑.๑.๓ ทั้งสองฝ่ายจะหารือเกี่ยวกับรูปแบบการจัดตั้งกลไกการดำเนินงานกันต่อไป ๑.๑.๔ ผู้ลงทุนและผู้พัฒนาโครงการจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมภายใต้กฎหมายเมียนมาร์และความตกลงระหว่างรัฐบาลไทย - เมียนมาร์เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน โดยการลงทุนจะได้รับการปฏิบัติตามกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ และกฎหมายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของเมียนมาร์ ๑.๑.๕ หากภายใต้ความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ประเทศที่สามประสงค์จะเข้าร่วมเป็นภาคีบันทึกความเข้าใจฯ คู่ภาคีจะพิจารณาการให้เข้าร่วมเป็นภาคี ๑.๑.๖ บันทึกความเข้าใจฯ มีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา ๓ ปี และจะขยายเวลาโดยอัตโนมัติหลังจากนั้นอีกครั้งละ ๓ ปี เว้นแต่ภาคีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแจ้งยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่งหกเดือนล่วงหน้า ๑.๒ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นที่ต้องแก้ไขปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. หากได้มีการหารือรูปแบบเพื่อการจัดตั้งกลไกการดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจฯ เป็นที่ชัดเจนแล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศและ/หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||
| 30524 | ร่างถ้อยแถลงร่วมไทย - ฝรั่งเศส ในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสของนายกรัฐมนตรี | กต | 17/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการต่อร่างถ้อยแถลงร่วมไทย - ฝรั่งเศส ในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญเพื่อเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมและแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยและฝรั่งเศสในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ในฐานะ “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” โดยมีแผนปฏิบัติการร่วมไทย - ฝรั่งเศส ฉบับที่ ๒ (๒๕๕๓ - ๒๕๕๗) เป็นกลไกในการส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งในระดับทวิภาคี ภูมิภาค และระหว่างประเทศ โดยเน้นย้ำถึงมิติความสัมพันธ์ด้านการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง และการศึกษา ตลอดจนการถ่ายทอดองค์ความรู้ในสาขาเทคโนโลยีชั้นสูงที่ฝ่ายฝรั่งเศสมีความเชี่ยวชาญ และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพของไทย อาทิ อากาศยาน การขนส่งทางระบบราง และพลังงาน นอกจากนี้ ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ยังกล่าวถึงเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของไทย ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการขยายเศรษฐสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ๑.๒ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีประกาศถ้อยแถลงร่วมฯ กับฝ่ายฝรั่งเศส ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรปรับแก้ไขถ้อยแถลงฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ ๒.๑ ข้อ ๓ ปรับเป็น “๓. ตระหนักถึงเรื่ององค์ความรู้ของฝรั่งเศสในสาขาเกษตรกรรม อากาศยาน เทคโนโลยีอวกาศ และการพัฒนาพลังงาน รวมทั้งโอกาสที่เกิดขึ้นจากความเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจอาเซียน ทั้งสองประเทศรับทราบกิจกรรมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอวกาศ และการประยุกต์ใช้ภายใต้โครงการดาวเทียมไทยโชตที่ผ่านมา” ๒.๒ ข้อ ๕ บรรทัดที่ ๗ เพิ่มเติมการส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัย โดยปรับเป็น “...ความร่วมมือด้านวิจัยระหว่างสถาบันอุดมศึกษา สถาบัน/หน่วยงานด้านการวิจัย รวมทั้งศูนย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ...” ๒.๓ ข้อ ๙ เพิ่มประเด็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี |
|||||||||||||||||||||
| 30525 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิสูจน์และการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น พ.ศ. .... | มท | 17/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิสูจน์และการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิสูจน์และการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่นเพื่อการได้สัญชาติไทยโดยการเกิด และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ ๒.๑ กรณีมีการบันทึกทะเบียนประวัติโดยผิดหลง ได้แก้ไขเพื่อให้เห็นว่าสามารถยื่นคำร้องขอแก้ให้ถูกต้องได้ โดยผู้แทนกระทรวงมหาดไทยชี้แจงว่าจำเป็นต้องแก้ไขตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร จึงเห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยรับไปกำหนดรายละเอียดในการดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒.๒ กรณีการยื่นหลักฐานต่าง ๆ ได้แก้ไขเพื่อให้ผู้ใช้สิทธิสามารถปฏิบัติตามได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีกรณีผู้ที่ถือสัญชาติอื่นอยู่แล้วเพราะเหตุจำเป็นนั้น เนื่องจากบทนิยาม “คนไทยพลัดถิ่น” ต้องไม่ถือสัญชาติอื่น จึงไม่อาจกำหนดรายละเอียดในตัวร่างนี้ได้ จึงเห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยชี้แจงทำความเข้าใจและช่วยเหลือตามสมควรให้บุคคลเหล่านี้สละสัญชาติอื่นเสียก่อนเพื่อให้ได้มีสิทธิตามกฎหมายนี้ ๒.๓ ขั้นตอนการตรวจสอบมีหลายขั้นตอน ได้แก้ไขระยะเวลาให้ชัดเจนขึ้นบางกรณี แต่ก็ยังมีขั้นตอนการตรวจสอบเป็นจำนวนมาก จึงสมควรที่กระทรวงมหาดไทยจะได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถตรวจสอบได้รวดเร็วขึ้น เพื่อช่วยเหลือคนเชื้อสายไทยเหล่านี้โดยเฉพาะผู้ที่มีหลักฐานชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นคนไทยพลัดถิ่น |
|||||||||||||||||||||
| 30526 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แทนตำแหน่งที่ว่าง (ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. ....) | ลต | 17/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน เขตเลือกตั้งที่ ๒ แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 30527 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการมาตรฐานสินค้า (จำนวน 6 คน 1. นางสาวสายพิณ มณีพันธ์ ฯลฯ) | พณ | 17/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการมาตรฐานสินค้า จำนวน ๖ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นางสาวสายพิณ มณีพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอุตสาหกรรมอาหาร ๒. นายอิทธิพล ช้างหลำ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานสินค้า ๓. นายสมวงษ์ ตระกูลรุ่ง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านห้องปฏิบัติการ ๔. นางลัดดาวัลย์ กรรณนุช ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว ๕. นางภาณุมาศ สิทธิเวคิน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๖. นายวิชัย โกอุดมวิทย์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรการทางการค้า
|
|||||||||||||||||||||
| 30528 | การติดตามสภาพปัญหาและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง | ทส | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตรวจติดตามสภาพปัญหาและตรวจพื้นที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อการป้องกันบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง และการแก้ไขปัญหาด้านขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดสกลนคร และการปฏิบัติกิจกรรมปลูกป่า ณ จังหวัดมหาสารคาม ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้ตรวจติดตามสภาพปัญหาและตรวจพื้นที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อป้องกันบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ได้แก่ โครงการปรับปรุงพื้นที่ชุ่มน้ำหนองทุ่งมน หมู่ที่ ๑ บ้านเจริญศิลป์ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร และโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองบัวรวม ตำบลเดื่อศรีคันไชย อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร โดยดำเนินการขุดลอกแหล่งน้ำ และจัดทำคันป้องกันตลิ่ง และโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำลำน้ำพุง ตำบลเต่างอย อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร โดยดำเนินการศึกษาออกแบบเพื่อการขุดลอก และจัดการปรับปรุงพื้นที่ชุ่มน้ำเพื่อเป็นแก้มลิงในการเก็บกักน้ำ นอกจากนี้ ได้ตรวจติดตามและรับฟังปัญหาด้านขยะมูลฝอย และการปรับปรุงบ่อขยะและระบบการกำจัดขยะมูลฝอยของเขตเทศบาลตำบลวานรนิวาส อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร และการจัดทำเตาเผาขยะและระบบการกำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลตำบลบ้านม่วง อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร ๒. วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เป็นประธานเปิดงานโครงการคืนผืนป่าให้แผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ณ ป่าสงวนแห่งชาติป่าดินแดง - วังกุง หมู่ที่ ๑๐ บ้านโนนสูง ตำบลหนองเหล็ก อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม และร่วมปลูกต้นไม้ร่วมกับพลังมวลชนกลุ่มต่าง ๆ และประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งได้มอบเกียรติบัตรแก่ราษฎรผู้คืนผืนป่า และผู้ทำคุณประโยชน์ด้านทรัพยากรป่าไม้
|
|||||||||||||||||||||
| 30529 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงแรงงาน) (นายสฤษดิเดช ขำปัญญา) | รง | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสฤษดิเดช ขำปัญญา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาวิชาการแรงงาน (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 30530 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | นร | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้ยกเลิกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๔๕ ๒. กำหนดให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีภารกิจเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยเสนอแนะนโยบายและแผนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งประสานการจัดการเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ฯลฯ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๓. กำหนดให้แบ่งส่วนราชการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย สำนักงานเลขานุการกรม กองบริหารจัดการที่ดิน กองประสานการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานกองทุนสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ สำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สำนักจัดการสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม สำนักติดตามประเมินผลสิ่งแวดล้อม สำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำนักสิ่งแวดล้อมชุมชนและพื้นที่เฉพาะ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๔. กำหนดให้มีกลุ่มงานด้านวิชาการ กลุ่มตรวจสอบภายใน และกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร รับผิดชอบงานขึ้นตรงต่อเลขาธิการ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด
|
|||||||||||||||||||||
| 30531 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นกรณีที่มี ความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่นสาย จ บางส่วน ตามโครงการผังเมืองรวมเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 30532 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติม ลบ หรือทำให้ทันสมัยซึ่งข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรและการอุทธรณ์ พ.ศ. .... | มท | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติม ลบ หรือทำให้ทันสมัยซึ่งข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรและการอุทธรณ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติม ลบ หรือทำให้ทันสมัยซึ่งข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรและการอุทธรณ์ เพื่อให้การออกกฎกระทรวงดังกล่าวเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 30533 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการ กรมคุมประพฤติ พ.ศ. .... | ยธ | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมคุมประพฤติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบพิเศษเฉพาะสำหรับข้าราชการกรมคุมประพฤติ ดังนี้
๑. กำหนดชนิดหรือประเภทของเครื่องแบบพิเศษไว้สามชนิด ได้แก่ เครื่องแบบปฏิบัติงานปกติ เครื่องแบบปฏิบัติงานลำลอง และเครื่องแบบปฏิบัติงานสนาม ๒. กำหนดสิ่งประกอบหรือส่วนประกอบของเครื่องแบบพิเศษ ได้แก่ การกำหนดรายละเอียดของหมวก การกำหนดชั้นในการประดับเครื่องหมายตำแหน่งบนอินทรธนู การกำหนดเครื่องหมายแสดงระดับส่วนประกอบบนอินทรธนู ๓. การกำหนดเจ้าหน้าที่ผู้มีสิทธิแต่งเครื่องแบบพิเศษ
|
|||||||||||||||||||||
| 30534 | นครรัฐวาติกันเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครสมณทูตประจำประเทศไทย [อาร์ชบิชอป พอล ชัง อิน - นัม (Archbishop Paul Tschang In - Nam)] | กต | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตังอาร์ชบิชอป พอล ชัง อิน - นัม (Archbishop Paul Tschang In - Nam) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครสมณทูตแห่งนครรัฐวาติกันประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน อาร์ชบิชอป โจวันนี ดานีเอลโล (Archbishop Giovanni d’ Aniello) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 30535 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จำนวน ๓๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๗๗๕ ต่อปี ครบกำหนดวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๗๕ และออกพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๐ ต่อปี ครบกำหนดวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||
| 30536 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ครั้งที่ 2 ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2555 | กค | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ครั้งที่ ๒ ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ โดยเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลฯ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๒๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาททั้งจำนวน โดยมีขั้นตอน ดังนี้
๑. การชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลฯ ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๒๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย การกู้เงินระยะสั้น อายุเงินกู้ไม่เกิน ๑ เดือน จำนวน ๑๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท จากสถาบันการเงิน ๓ แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่างร้อยละ ๓.๐๓ - ๓.๒๒ ต่อปี และการทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังที่เปิดไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จำนวน ๑๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ๒. การชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น และเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังที่เปิดไว้ที่ ธปท. จำนวนรวม ๒๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท จะชำระโดยเงินจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕ (LB193A) อายุคงเหลือ ๖.๙๘ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๕ ต่อปี จำนวน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีการประมูลในวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๕ และชำระโดยเงินจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ (LB165A) อายุคงเหลือ ๔.๑๔ ปี อัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ ๖ เดือน - ร้อยละ ๐.๑๕ ต่อปี จำนวน ๑๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท โดยมีการประมูลในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||
| 30537 | การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ ราย นางสาวนงลักษณ์ จิตรุ่งเรืองนิจ | กค | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ นว. ๑๑๙๙ โฉนดที่ดินเลขที่ ๔๔๐๑๘ ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เนื้อที่ประมาณ ๗ - ๐ - ๐๙.๑ ไร่ คืนให้แก่ทายาทของนายอนันต์ จิตรุ่งเรืองนิจ ผู้ยกให้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 30538 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรไทย-บังกลาเทศ | กษ | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร โดยสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ เป็นความร่วมมือทางวิชาการเกษตรเกี่ยวกับการผลิตและเทคโนโลยีทางการเกษตร การพัฒนาสวนสมุนไพร เครื่องจักรกลการเกษตร การแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร การพัฒนากลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ การปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรและธุรกิจเกษตร เพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือทางวิชาการในด้านการเกษตรระหว่างไทยและบังกลาเทศในอนาคต ๑.๒ อนุมัติในหลักการว่า ก่อนที่จะมีการลงนาม หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๔ มอบกระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นว่าควรมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมในคณะทำงานร่วมด้านการเกษตร (Joint Agricultural Working Group) เพื่อให้การพิจารณาแนวทางการดำเนินงาน การจัดทำแผนปฏิบัติงาน และการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ นอกจากนี้ ในมาตรา ๗ ข้อผูกพันทางการเมือง มีความเห็นว่าค่าใช้จ่ายการเดินทางของวิทยากรหรือผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับเชิญจากภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ควรอยู่ในความรับผิดชอบของประเทศผู้เชิญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 30539 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านการบริหารจัดการน้ำไทย - สาธารณรัฐเกาหลี | กษ | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน การขนส่งทางบกและทางน้ำแห่งสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการ เพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือและประสบการณ์ในด้านการพัฒนาแม่น้ำในรูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และด้านการบริหารจัดการแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน รวมทั้งสาขาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย โดยรูปแบบความร่วมมือ คู่ภาคีได้ตกลงกันที่จะดำเนินความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญและเดินทางไปศึกษาดูงานทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่เพื่อเข้ารับการฝึกอบรม การจัดประชุมและสัมมนาร่วมกัน การวิจัยร่วมกันและการให้คำปรึกษาด้านวิชาการในประเทศไทย รวมทั้งแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี ข้อมูล และประสบการณ์จากการดำเนินงานโครงการแม่น้ำหลักสี่สายของสาธารณรัฐเกาหลีและโครงการศึกษาลุ่มน้ำเจ้าพระยาของไทย ทั้งนี้ ความร่วมมือแต่ละโครงการที่จะดำเนินการในประเทศไทยตามวัตถุประสงค์และรูปแบบความร่วมมือดังกล่าวจะต้องระบุการดำเนินการอย่างชัดเจนโดยคู่ภาคีเป็นกรณีไป ๑.๒ อนุมัติในหลักการว่าก่อนที่จะมีการลงนาม หากมีการแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงการต่างประเทศ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการความร่วมมือทางวิชาการด้านการบริหารจัดการน้ำกับสาธารณรัฐเกาหลีให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาดำเนินการบริหารจัดการน้ำของประเทศ |
|||||||||||||||||||||
| 30540 | การปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการกำหนดรายชื่อประเทศภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์หรืออนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของนักแสดง | พณ | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการกำหนดรายชื่อประเภทภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์หรืออนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของนักแสดง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การกำหนดรายชื่อประเทศภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์หรืออนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของนักแสดง ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๘ ๒. เพิ่มเติมรายชื่อของประเทศภาคีอนุสัญญาให้เป็นปัจจุบัน ดังนี้ ๒.๑ อนุสัญญากรุงเบิร์นว่าด้วยการคุ้มครองงานวรรณกรรมและศิลปกรรม ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ฉบับเดิมมีภาคี ๑๕๙ ประเทศ ปัจจุบันเพิ่มขึ้นจำนวน ๖ ประเทศ ๒.๒ ความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ฉบับเดิมมีภาคี ๑๔๘ ประเทศ ปัจจุบันเพิ่มขึ้นจำนวน ๖ ประเทศ ๓. ปรับปรุงแก้ไขรายชื่อประเทศให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงชื่อประเทศหลายประเทศและตัวสะกดตามประกาศราชบัณฑิตยสถาน เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง ลงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ และมติคณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมชื่อภูมิศาสตร์สากลแห่งราชบัณฑิตยสถานที่ได้ดำเนินการตรวจสอบแก้ไขและมีมติรับรองชื่อประเทศทั้งหมดเป็นปัจจุบันแล้ว ดังนี้ ๓.๑ อนุสัญญากรุงเบิร์นว่าด้วยการคุ้มครองงานวรรณกรรมและศิลปกรรม ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ฉบับเดิม ปรับปรุงแก้ไขจำนวน ๒๔ ประเทศ ๓.๒ ความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ฉบับเดิม ปรับปรุงแก้ไขจำนวน ๒๖ ประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
.....
