ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1427 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 28521 - 28540 จากข้อมูลทั้งหมด 124445 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 28521 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. 2556 | นร05 | 07/05/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๖ (ตั้งแต่วันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖) และร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดวันปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา แล้วเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อนำร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 28522 | การแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม | นร04 | 07/05/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ People Movement for a Just Society (P-move) ที่เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนซึ่งยังมิได้รับการแก้ไข เช่น การออกโฉนดชุมชน ปัญหาที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภค ปัญหาสัญชาติและชาติพันธุ์ เป็นต้น จึงมอบหมายผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๕/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) เป็นประธานกรรมการ จัดประชุมเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาตามข้อเรียกร้องของประชาชน พร้อมทั้งเร่งรัดการดำเนินงานและติดตามผลการดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าวให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีปัญหาการจัดสรรที่ดินให้แก่ประชาชนต่อคณะกรรมการฯ โดยด่วนด้วย ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธานกรรมการ เพิ่มเติมในคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
|
||||||||||||||||||||||||
| 28523 | การตรวจราชการและติดตามการดำนินงานตามแผนงาน/โครงการ และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ | นร04 | 07/05/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำแผนและกรอบระยะเวลาในการตรวจราชการและติดตามการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการ และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้ดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ (Country Strategy) เช่น การเร่งรัดให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบปัญหาภัยแล้ง การปลูกป่าในช่วงต้นฤดูฝน การแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรที่สำคัญตามช่วงระยะเวลาที่ออกสู่ตลาด การเตรียมความพร้อมในการขุดลอกคูคลองรองรับปริมาณน้ำฝนที่จะมีในช่วงปลายปี เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 28524 | โครงการจัดทำขาเทียมตามกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคมของสำนักนายกรัฐมนตรี | นร04 | 07/05/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีริเริ่มดำเนินโครงการจัดทำขาเทียมเพื่อช่วยเหลือผู้ทุพพลภาพที่ไม่สมบูรณ์ทางร่างกาย มีฐานะยากจนได้มีโอกาสทำงานหรือดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างบุคคลทั่วไป เนื่องจากในประเทศไทยมีผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการผลิตขาเทียมและมีต้นทุนในการผลิตที่ไม่สูงมาก ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกำหนดแนวทาง วิธีการ และเงื่อนไขในการรับสิทธิเข้าร่วมโครงการ และประสานขอความร่วมมือจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน กระทรวงคมนาคมและภาคเอกชนสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าว รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องที่จะช่วยสนับสนุนในด้านเทคนิคและวิธีการในการจัดเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการต่อไปด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 28525 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (กระทรวงยุติธรรม) (พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ) | ยธ | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งพลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ ข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม อีกตำแหน่งหนึ่ง มีกำหนดระยะเวลา ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ เมษายน ๒๕๕๖) อนุมัติให้แต่งตั้ง ตามนัยมาตรา ๑๑ (๕) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ทั้งนี้ ให้พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ ยังคงดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ต่อไป โดยให้นับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง และยังคงเป็นกรรมการข้าราชการตำรวจโดยตำแหน่ง ส่วนกรณีเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อันพึงมีพึงได้ ให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาร่วมกันต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 28526 | การโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) (นายธีระพงษ์ โสดาศรี) | นร04 | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งนายธีระพงษ์ โสดาศรี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ (นักบริหารระดับสูง) สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้กำหนดชื่อในสายงานตามตัวบุคคลผู้ได้รับการแต่งตั้ง โดยยังคงตำแหน่งในสายงานเดิมและให้ผู้ได้รับแต่งตั้งได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์อื่นที่ได้รับอยู่เดิม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 28527 | คำกล่าวปาฐกถาพิเศษของนายกรัฐมนตรีในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย | นร04 | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำกล่าวปาฐกถาพิเศษของนายกรัฐมนตรีในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่เมืองอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๖ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยสาระสำคัญของปาฐกถาฯ ประกอบด้วย การกล่าวขอบคุณประธานาธิบดีแห่งมองโกเลียที่ได้เชิญให้มาปาฐกถา ณ การประชุมประชาคมประชาธิปไตย และกล่าวเน้นในเรื่องของความเป็นประชาธิปไตย โดยกล่าวว่าประเทศมองโกเลียเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในความเป็นประชาธิปไตย และปิดท้ายคำกล่าวปาฐกถาฯ ว่า ขอให้ทุกคนสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยเพื่อที่เสรีภาพและอิสรภาพของมนุษย์ได้รับการปกปักษ์รักษาเพื่อลูกหลานและคนรุ่นต่อ ๆ ไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 28528 | การจัดหาระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) | ทก | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดคุณสมบัติเฉพาะ (specification) ของระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ที่เป็นมาตรฐานกลางให้ชัดเจน และเผยแพร่ให้ทุกหน่วยงานทราบเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของแต่ละหน่วยงานตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเร่งรัดดำเนินการและแจ้งให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติ/ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งเพื่อทำหน้าที่ติดตามและบูรณาการการใช้ประโยชน์ของระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล หากกรณีการดำเนินการของหน่วยงานใด คณะกรรมการฯ เห็นควรให้มีการเปลี่ยนแปลงจุดติดตั้งเพื่อให้มีความเหมาะสมและไม่เกิดความซ้ำซ้อน ให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจแจ้งให้หน่วยงานนั้น ๆ แก้ไขปรับปรุงการดำเนินการให้เหมาะสมถูกต้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 28529 | ผลการเยือนมองโกเลียในช่วงระหว่างวันที่ 27 - 29 เมษายน 2556 | นร | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีแจ้งว่า ในระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ เมษายน ๒๕๕๖ ได้เดินทางไปเยือนมองโกเลียอย่างเป็นทางการ มีผลการเยือนโดยสรุป ดังนี้
๑. การลงนามในเอกสารความตกลง ๓ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งมองโกเลียว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (๒) ความตกลงระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงศึกษาและวิทยาศาสตร์แห่งมองโกเลียว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ (๓) บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติมองโกเลียกับสำนักงานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน โดยทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนความร่วมมือระหว่างกันทั้งด้านการค้าและการลงทุน โดยฝ่ายไทยจะสนับสนุนให้ภาครัฐและเอกชนไทยมาช่วยพัฒนาและลงทุนในด้านเหมืองแร่ การท่องเที่ยว การเกษตร การปศุสัตว์ ครอบคลุมถึงการส่งออกและนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ สาธารณสุข และพลังงาน และทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนให้เป็นสองเท่าในอีก ๓ ปีข้างหน้า (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙) และสามารถก่อตั้งคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้าหรือ Joint Trade Committee (JTC) ขึ้นโดยเร็ว นอกจากนี้ ในด้านการศึกษาฝ่ายมองโกเลียยังขาดแคลนสาขาวิชาเกี่ยวกับการโรงแรม จึงขอให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ในปี ๒๕๕๗ นี้จะครบรอบ ๔๐ ปี ความสัมพันธ์ไทย-มองโกเลีย นายกรัฐมนตรีได้เรียนเชิญนายกรัฐมนตรีมองโกเลียเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ๒. การเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมประชาคมประชาธิปไตย (Community of Democracies) ครั้งที่ ๗ และกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันประชาคมประชาธิปไตยมีสมาชิก ๑๒๙ ประเทศ และมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมหลักการประชาธิปไตยและสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันประชาธิปไตย เน้นการมีส่วนร่วมในการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างภาครัฐและภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยได้เข้าไปมีส่วนร่วมในเวทีระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง จึงเห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรและเวทีการประชุมต่าง ๆ ที่มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมประชาธิปไตย เพื่อประเทศไทยจะได้พิจารณาการเข้าร่วมเป็นสมาชิกหรือเข้าร่วมกิจกรรมขององค์กร และการประชุมในเวทีต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 28530 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ยางรถที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ยางรถที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำยางรถที่ใช้แล้วเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ๒. กำหนดบทนิยาม “ยางรถที่ใช้แล้ว” หมายความว่า ยางรถที่หล่อดอกใหม่ ยางรถที่ใช้งานแล้ว และให้หมายความรวมถึงเศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นยางรถตามที่กำหนด ๓. ให้ยางรถที่ใช้แล้วชนิดที่ใช้กับรถยนต์นั่ง (รวมถึงสเตชั่นแวกอนและรถแข่ง) ยางชนิดที่ใช้กับรถจักรยานยนต์ ยางชนิดที่ใช้กับรถจักรยาน เศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นยางของรถ ตามพิกัดอัตราศุลกากรที่กำหนด เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ๔. ให้ยางรถที่ใช้แล้วชนิดที่ใช้กับรถบัสหรือรถบรรทุก ตามพิกัดอัตราศุลกากรที่กำหนด เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ๕. ความในข้อ ๓ และข้อ ๔ มิให้ใช้บังคับแก่กรณีที่นำยางรถที่ใช้แล้วเข้ามาเพื่อการศึกษาวิจัย เพื่อเป็นตัวอย่าง เพื่อการแข่งขันรถ เพื่อการท่องเที่ยว หรือยานพาหนะนำติดมาเพื่อใช้กับยานพาหนะนั้น ๆ ในปริมาณเท่าที่จำเป็น |
||||||||||||||||||||||||
| 28531 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ระเบียบการใช้ตัวสะกด | รถ | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ระเบียบการใช้ตัวสะกด มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ระเบียบการใช้ตัวสะกด ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๔๕ และให้ใช้พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อให้เป็นแบบมาตรฐานสำหรับใช้ในการเขียนหนังสือไทย ตามที่ราชบัณฑิตยสถานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 28532 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | นร09 | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการให้ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับย้อนหลัง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการนำร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ต่อไป และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ใช้บังคับร่างพระราชกฤษฎีกานี้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่ปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา และสีประจำสาขาวิชาในสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ๑.๒ กำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ๑.๓ กำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่งและเครื่องหมายประกอบครุยประจำตำแหน่งของนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้บริหาร และคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย ๑.๔ กำหนดเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ๑.๕ กำหนดสีประจำสาขาวิชา ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ (เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. ....) อย่างเคร่งครัด โดยกำชับให้มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใด เมื่ออนุมัติหลักสูตรสาขาวิชาใดแล้วจะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน แล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขาวิชานั้นได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 28533 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พ.ศ. .... | นร09 | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการให้ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับย้อนหลัง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการนำร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ต่อไป และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ใช้บังคับร่างพระราชกฤษฎีกานี้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่ปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาการบัญชี ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ๑.๒ กำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ๑.๓ กำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่งและเครื่องหมายประกอบครุยประจำตำแหน่งของนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย และคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย ๑.๔ กำหนดเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ๑.๕ กำหนดให้ปริญญาในสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์และอักษรย่อ สำหรับสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์สำหรับนักศึกษาในสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ซึ่งเข้าศึกษาตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๔๘ ถึงปีการศึกษา ๒๕๕๒ มีปริญญาหนึ่งชั้น คือ ตรี เรียกว่า "ศิลปบัณฑิต" ใช้อักษรย่อ "ศ.บ." ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ (เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. ....) อย่างเคร่งครัด โดยกำชับให้มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใด เมื่ออนุมัติหลักสูตรสาขาวิชาใดแล้วจะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน แล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขาวิชานั้นได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 28534 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางบรรเทาแก้ไขผลกระทบของคำสั่ง กสทช. ต่อการดำเนินงาน ด้านวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ทางพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ ที่ทางราชการรับรอง" | สสป | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรศาสนา และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางบรรเทาแก้ไขผลกระทบของคำสั่ง กสทช. ต่อการดำเนินงานด้านวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ทางพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ ที่ทางราชการรับรอง" สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐบาลควรประสานงานกับ กสทช. ให้การดำเนินการอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์เพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ ที่ทางราชการรับรอง กสทช. ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภา ตามที่บัญญัติไว้ในหมวด ๗ ความสัมพันธ์กับรัฐบาลและรัฐสภา มาตรา ๗๔ ของพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ในการดำเนินการให้เป็นไปตามคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภา วันอังคารที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ในส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งวัด มูลนิธิ และสมาคมทางพระพุทธศาสนาโดยการอุปถัมภ์ของชาวพุทธทั่วประเทศได้ดำเนินการจัดตั้งและดำเนินการมาเป็นเวลาร่วมสิบปี กสทช. จึงควรต้องแยกสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์กลุ่มนี้เป็นกลุ่มเฉพาะที่ กสทช. พึงสนับสนุนและผ่อนปรนให้ดำเนินการได้ตามเดิมต่อไป ทั้งนี้ ให้การสนับสนุนและผ่อนปรนครอบคลุมถึงสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ที่เป็นการเผยแพร่ศาสนานั้น ๆ อย่างแท้จริง ไม่มีการโฆษณาแอบแฝง ของอีก ๔ ศาสนาที่ทางราชการรับรอง ได้แก่ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์ ๓. กสทช. ควรต้องปรับปรุงแก้ไขประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การขออนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง พ.ศ. ๒๕๕๕ หรือออกประกาศใหม่เพิ่มเติม โดยยกเว้นให้สถานีวิทยุกระจายเสียงทางพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ ที่ทางราชการรับรอง ที่มีอยู่แล้วสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ตามเดิม โดยไม่ต้องถูกลิดรอนลดทอนอุปกรณ์และประสิทธิภาพในการกระจายเสียงและศาสนาอื่น ๆ ที่ทางราชการรับรอง ๔. ประสาน กสทช. ให้การจัดสรรวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลงวดแรกจำนวน ๔๘ ช่อง มีช่องเฉพาะทางศาสนาอย่างน้อย ๑ ช่อง โดยแบ่งเวลาในการออกอากาศให้แก่แต่ละศาสนาใน ๕ ศาสนาที่ทางราชการรับรอง ตามสัดส่วนของประชากรทั่วประเทศที่นับถือศาสนานั้น และในระยะต่อไป เมื่อ กสทช. มีการจัดสรรวิทยุโทรทัศน์ดิจิทัลเพิ่มจำนวนช่องขึ้น ก็พึงต้องมีช่องเฉพาะทางศาสนาเพิ่มขึ้นด้วยตามอัตราส่วนอย่างเหมาะสม ๕. ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่ล้าสมัยซึ่งไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เช่น พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 28535 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2556 | อก | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า สถานการณ์การผลิตคาดว่า การผลิตเหล็กทรงแบนจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และการที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศใช้มาตรการเซฟการ์ดในส่วนของเหล็กแผ่น alloy จะมีผลทำให้การนำเข้าเหล็กดังกล่าวลดลงและส่งผลให้ผู้ผลิตของไทยมีการผลิตเพิ่มขึ้น สำหรับเหล็กทรงยาวคาดว่าการผลิตจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากสถานการณ์อุตสาหกรรมก่อสร้างเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น เป็นผลมาจากผู้ประกอบการมีแนวโน้มเปิดขายโครงการอาคารชุดที่มีราคาไม่สูงมากนัก โดยเน้นการเปิดขายในกรุงเทพฯ ชั้นใน ชั้นกลางและแนวส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ๒. อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ภาพรวมมาตรการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐ และการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของภาคเอกชน ส่งผลให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศอยู่ในระดับสูง คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์จะปรับตัวสูงขึ้นตาม สำหรับแนวโน้มการส่งออก คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ต่อปูนซีเมนต์ในตลาดหลักของไทย รวมทั้งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศและสาธารณรัฐโตโกยังอยู่ในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม คาดว่าการส่งออกจะปรับตัวสูงขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการสำรองปูนซีเมนต์ไว้ใช้ในประเทศมากขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 28536 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลชะไว ตำบลหลักฟ้า ตำบลตรีณรงค์ และตำบลจรเข้ร้อง อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... และแนวทางปฏิบัติงานเพื่อเป็นการเร่งรัดขั้นตอน ในการประกาศเขตปฏิรูปที่ดิน | กษ | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลชะไว ตำบลหลักฟ้า ตำบลตรีณรงค์ และตำบลจรเข้ร้อง อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลชะไว ตำบลหลักฟ้า ตำบลตรีณรงค์ และตำบลจรเข้ร้อง อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับแนวทางปฏิบัติงานเพื่อเป็นการเร่งรัดขั้นตอนการประกาศเขตปฏิรูปที่ดิน ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าความล่าช้าของขั้นตอนการประกาศเขตปฏิรูปที่ดินเกิดจากการที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไม่สามารถตกลงในข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติได้ จึงส่งผลต่อความถูกต้องของแผนที่แนบท้าย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติ พร้อมทั้งจัดทำแผนที่แนบท้ายให้ถูกต้องก่อนเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติหลักการและดำเนินการส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และเห็นว่าคณะรัฐมนตรีมีอำนาจโดยตรงในการออกพระราชกฤษฎีกาจึงควรเป็นผู้พิจารณาเห็นชอบในหลักการก่อนที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะดำเนินการตรวจสอบ ไปพิจารณาดำเนินการ |
||||||||||||||||||||||||
| 28537 | การจัดทำบันทึกความตกลงระหว่างกระทรวงศึกษาธิการไทยและฟิลิปปินส์ ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนครู | ศธ | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำและลงนามบันทึกความตกลงระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงศึกษาธิการแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนครู (Memorandum of Agreement between the Ministry of Education of the Kingdom of Thailand and the Department of Education of the Republic of the Philippines on Exchanges of Professional Teachers) ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขบันทึกความตกลงฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงศึกษาธิการหารือกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความตกลงฯ ๒. สำหรับกรณีการจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) เป็นกรณีการทำความตกลงในระดับหน่วยงานของรัฐ ไม่ใช่ระดับรัฐหรือรัฐบาล ไม่เข้าลักษณะการทำหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๕๔ จึงไม่จำเป็นต้องให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) เพื่อการลงนามดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||
| 28538 | ขออนุมัติต่ออายุสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต่ออายุสัญญาเงินกู้วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท ของ รฟท. จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไปอีก ๑ ปี ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ยกเว้นในส่วนของการคิดค่าธรรมเนียมการค้ำประกัน เนื่องจากขณะนี้อยู่ในระหว่างการประเมินความเสี่ยงและการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐวิสาหกิจ และสถาบันการเงินภาครัฐ ในชั้นนี้ จึงเห็นควรสงวนสิทธิ์ในการคิดค่าธรรมเนียมการค้ำประกันไว้ก่อน ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้ รฟท. รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานตามแผนลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของการให้บริการ เน้นการเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ควบคู่ไปกับการควบคุมและลดค่าใช้จ่ายลง เพื่อบรรเทาภาวะการขาดสภาพคล่องทางการเงินในระยะยาว ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 28539 | ขอความเห็นชอบชื่อสะพานและตราสัญลักษณ์สะพานมิตรภาพ 4 (เชียงของ - ห้วยทราย) | คค | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบชื่อสะพานและตราสัญลักษณ์สะพานมิตรภาพ ๔ (เชียงของ-ห้วยทราย) ก่อนกระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงประสานงานกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในการจัดทำร่างความตกลงว่าด้วยกรรมสิทธิ์ การใช้ การบริหาร และการบำรุงรักษาสะพานมิตรภาพ ๔ (เชียงของ-ห้วยทราย) ให้แล้วเสร็จ และดำเนินการตามขั้นตอนภายในเพื่อลงนามร่วมกันต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจระหว่าง ไทย-ลาว-จีน ว่าด้วยการเริ่มใช้ความตกลงการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ณ จุดผ่านแดนเชียงของ-ห้วยทราย และจุดผ่านแดนบ่อเต้น-บ่อหาน ตามแนวเส้นทางถนน R3 เพื่อรองรับปริมาณการเดินทางและขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการเปิดใช้สะพานดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 28540 | รายงานผลการเข้าร่วมจัดนิทรรศการ Thailand Pavilion ภายในงาน ITU TELECOM WORLD 2012 | ทก | 30/04/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมจัดนิทรรศการ Thailand Pavilion ภายในงาน ITU TELECOM WORLD 2012 ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ ณ ศูนย์แสดงสินค้า Dubai International Convention and Exhibition Center (DICEC) นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีนายณัฐพงศ์ ศีตวรรัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการฯ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รูปแบบการจัดนิทรรศการ Thailand Pavilion แบ่งออกเป็น ๔ ส่วน ได้แก่ ๑.๑ ส่วนที่ ๑ การจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เป็นการจัดแสดงพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และพระราชกรณียกิจในรูปแบบ Interactive Touch Screen และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมชมนิทรรศการได้มีโอกาสร่วมถวายพระพรออนไลน์ ๑.๒ ส่วนที่ ๒ การจัดแสดง Highlight ของนิทรรศการ เป็นการนำเสนอศักยภาพและยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศตามวิสัยทัศน์ Smart Thailand 2020 ภายใต้หัวข้อ Smart Government Smart business และ Smart Society ในรูปแบบ Interactive Touch Screen โดยเน้นการเชื่อมโยงของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อสื่อให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีความพร้อมในการก้าวไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๑.๓ ส่วนที่ ๓ การจัดแสดงนิทรรศการตามพันธกิจของหน่วยงาน เป็นการนำเสนอบทบาทหน้าที่และพันธกิจของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่กำหนดยุทธศาสตร์และกำกับดูแลการพัฒนาด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไปสู่เป้าหมาย Smart Thailand 2020 รวมทั้งการจัดแสดงนิทรรศการของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดกระทรวงฯ เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและบริการต่าง ๆ ของหน่วยงาน และการให้บริการ Public Free Wi-Fi ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาพความแข็งแกร่งและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารของประเทศ รวมถึงบริการเพื่อสนับสนุนนักลงทุนและผู้ประกอบการจากต่างประเทศ ๑.๔ ส่วนที่ ๔ ส่วนเจรจาธุรกิจ เป็นส่วนพื้นที่รับรองสำหรับใช้เจรจาสร้างความร่วมมือและการลงทุนระหว่างผู้นำทางด้านเทคโนโลยีระดับนานาชาติที่มีความสนใจร่วมมือกับประเทศไทยทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน ๒. ผลที่ได้รับจากการจัดนิทรรศการ Thailand Pavilion ผู้เข้าชมนิทรรศการส่วนใหญ่ให้ความชื่นชมกับแนวความคิดการจัดแสดงและตกแต่งนิทรรศการ ตลอดจนการต้อนรับ และการให้ข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในส่วนจัดแสดงนิทรรศการของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิทรรศการแสดงผลงานของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่นำไปจัดแสดง ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ และศึกษาความก้าวหน้าทางด้านโทรคมนาคมจากต่างประเทศเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างภาครัฐและเอกชนในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นอกจากนี้ ยังได้มีการประชาสัมพันธ์การเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU TELECOM WORLD 2013 ในงาน Thai night ซึ่งจัดขึ้นในวันสุดท้ายของการจัดงาน ITU TELECOM WORLD 2012 เพื่อแสดงถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการรับเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU TELECOM WORLD 2013 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||||||||
.....
