ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1425 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 28481 - 28500 จากข้อมูลทั้งหมด 124445 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 28481 | รายงานผลการประชุมเกี่ยวกับผลกระทบของค่าเงินบาทต่อเศรษฐกิจไทย | กค | 14/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมเกี่ยวกับผลกระทบของค่าเงินบาทต่อเศรษฐกิจไทย ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ คณะกรรมการนโยบายการเงิน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ณ ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้ปรึกษาหารือถึงผลกระทบของค่าเงินบาทที่มีต่อเศรษฐกิจโดยรวม รวมทั้งแนวทางการลดผลกระทบที่มีต่อภาคการส่งออก และมีความเห็นร่วมกันว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเกินไป โดยแข็งค่ากว่าค่าเงินของคู่แข่งในภูมิภาคนี้และขาดเสถียรภาพจะมีผลเสียต่อการส่งออก การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งภาคเอกชนได้ขอให้ภาครัฐพิจารณาให้ความช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหาการชะลอตัวของการส่งออกทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ได้แก่ การผลักดันให้ใช้เงินบาทเป็นเงินสกุลสำหรับการค้าขายในภูมิภาคนี้ การลดอุปสรรคในการเคลื่อนย้ายแรงงานในภูมิภาคนี้ การสนับสนุนให้มีผู้เรียนสายอาชีพเพิ่มมากขึ้น และการจัดทำโครงการพื้นฐานต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านพลังงานเพื่อรองรับภาคการผลิต การพิจารณามาตรการเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการใช้วัตถุดิบในประเทศเพิ่มขึ้น การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ขายสินค้าให้กับผู้ส่งออกและสามารถใช้เงินตราต่างประเทศเพื่อชำระค่าสินค้าภายในประเทศโดยไม่ต้องแลกเป็นเงินบาท การจัดหาสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสินค้าในด้านต่าง ๆ การลดหย่อนภาษีสำหรับการนำอัญมณีและเครื่องประดับที่เข้ามาแสดงและซื้อขายในประเทศ และการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดทำข้อมูลเผยแพร่เกี่ยวกับการเปรียบเทียบค่าเงินบาทกับเงินสกุลอื่น ๆ ๒. ที่ประชุมเห็นควรให้มีการประชุมในลักษณะนี้ขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง โดยอาจเปลี่ยนหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมในครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28482 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายสมชัย ชัยศุภมงคลลาภ) | สธ | 14/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวสุดสวาท เลาหวินิจ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ ๒. นายสมชัย ชัยศุภมงคลลาภ ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านทันตกรรม กลุ่มงานศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเซียล กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28483 | การประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ครั้งที่ 2 | นร | 14/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ประเทศไทยได้เตรียมการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๒ (The 2nd Asia-Pacific Water Summit : 2nd APWS) ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ โดยการประชุม 2nd APWS ประกอบด้วย การประชุมระดับผู้นำ (Leader’s Forum) เป็นการหารือของผู้นำรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและผู้นำองค์การระหว่างประเทศในหัวข้อภาวะผู้นำด้านน้ำ “Water Security and Water-Related Disaster Challenges : Leadership and Commitment” การประชุมผู้เชี่ยวชาญ (Focus Area Sessions) และกิจกรรมรณรงค์เสริมสร้างความตระหนักด้านน้ำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตระหนักถึงความสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการจัดการทรัพยากรน้ำในภูมิภาค เสริมสร้างการเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการและการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีที่จะช่วยลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยพิบัติ โดยได้เชิญผู้นำจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ๔๙ ประเทศ รวมทั้งรัฐมนตรี ผู้บริหารองค์การระหว่างประเทศ และผู้บริหารภาคเอกชนเข้าร่วมประชุมในเวทีที่เกี่ยวข้อง ๒. ในช่วงเวลาเดียวกับการประชุม 2nd APWS จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการไทย-ลาว ครั้งที่ ๒ ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ จึงขอให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวเพิ่มเติมในคณะผู้แทนฝ่ายไทย และให้รัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายทั้งหมดเข้าร่วมพิธีการต้อนรับผู้นำจากประเทศต่าง ๆ การประชุม และงานเลี้ยงอาหารค่ำผู้เข้าร่วมการประชุม 2nd APWS รวมทั้งงานแสดงแสงสีเสียงเวียงกุมกาม และให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อจัดทำรายละเอียดกำหนดการและการมอบหมายรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีเกียรติยศและรัฐมนตรีประจำผู้นำในการประชุมดังกล่าวส่งให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนา ฟื้นฟู และอนุรักษ์โบราณสถานเวียงกุมกามให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ทั้งนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่บริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าวให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28484 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระบบรางระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงที่ดิน การขนส่ง และกิจการทางทะเลแห่งสาธารณรัฐเกาหลี | คค | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระบบรางระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงที่ดิน การขนส่ง และกิจการทางทะเลแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นความตกลงระดับหน่วยงานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อความร่วมมือทางวิชาการด้านระบบรางระหว่างกัน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุง แก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนการลงนาม ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อการพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย สำหรับการลงนามดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ และไม่มีข้อผูกพันทางด้านการลงทุนใด ๆ ในอนาคต รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อกระทรวงที่ดิน การขนส่ง และกิจการทางทะเลของสาธารณรัฐเกาหลี เป็น กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่ง (Ministry of Land Infrastructure and Transport) และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาจัดทำแผนพัฒนากำลังคน แผนปฏิรูปโครงสร้างองค์กร และแผนพัฒนาเทคโนโลยีระบบรางที่มีระยะเวลาและเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อสามารถใช้ประโยชน์จากความร่วมมือระหว่างประเทศได้อย่างเป็นระบบและมีการนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28485 | ร่างพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. .... | ตช | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. .... กลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้ง โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้
๑. โดยที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ทำให้ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามพันธกรณีของ AEC จึงควรพิจารณาพันธกรณีในเรื่องต่าง ๆ เช่น การเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างประเทศ การกำหนดโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ทั้งนี้ ให้มีบทบัญญัติที่สามารถรองรับกับกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. การกำหนดคุณสมบัติในเรื่องการศึกษาของพนักงานรักษาความปลอดภัย และบทเฉพาะกาลที่เกี่ยวข้อง การออกหนังสือรับรอง รวมถึงมาตรการอื่นของพนักงานรักษาความปลอดภัย ที่จะนำไปกำหนดเป็นมาตรฐานของพนักงานรักษาความปลอดภัยต่อไป ควรคำนึงถึงสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้โดยเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ๓. การยกเว้นไม่ใช้บังคับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้กับหน่วยงานบางหน่วยงานจะต้องไม่เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28486 | ร่างแถลงการณ์เนปิดอว์เรื่องความร่วมมือด้านการควบคุมยาเสพติดของประเทศในอนุภูมิภาค 6 ประเทศ | ยธ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์เนปิดอว์เรื่องความร่วมมือด้านการควบคุมยาเสพติดของประเทศในอนุภูมิภาค ๖ ประเทศ มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันถึงความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในการที่จะควบคุมปัญหายาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาแก้ไขปรับปรุงแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย หากมีความจำเป็น โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง และกรณีที่ต้องมีการลงนามรับรองแถลงการณ์ฉบับนี้ ให้เป็นดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่จะพิจารณาดำเนินการภายในกรอบของร่างแถลงการณ์ดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28487 | การขอพระราชทานน้อมเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญา (กระทรวงศึกษาธิการ) | ศธ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการถวายพระราชสมัญญา “พระผู้ทรงเป็นแม่และครูแห่งแผ่นดิน” แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจสอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง การถวายพระราชสมัญญา “พระผู้ทรงเป็นแม่และครูแห่งแผ่นดิน” แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ และดำเนินการต่อไป ๒. ให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองการขอพระราชทานถวายพระราชสมัญญาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศ์ ประกอบด้วย เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นประธาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือผู้แทน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม หรือผู้แทน ราชเลขาธิการ หรือผู้แทน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือผู้แทน เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน หรือผู้แทน รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยให้คณะกรรมการมีหน้าที่พิจารณากลั่นกรองพระราชสมัญญาที่ส่วนราชการขอพระราชทานถวาย รวมทั้งมีหน้าที่ในการตรวจสอบ กลั่นกรอง เสนอความเห็น และข้อแนะนำเกี่ยวกับการจัดทำโครงการต่าง ๆ ที่หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ดำเนินการเพื่อเฉลิมพระเกียรติน้อมเกล้าฯ ถวายในแต่ละโอกาสอย่างสมพระเกียรติ เพื่อให้ถูกต้องตามขั้นตอนการปฏิบัติและขนบธรรมเนียมประเพณีก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28488 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. .... | สว | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. .... ของวุฒิสภา และผลการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตามข้อสังเกตดังกล่าว และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีดังนี้
๑. เนื่องจากในร่างพระราชบัญญัตินี้มีการใช้คำว่า “วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน” ในหลายมาตรา แต่ปรากฏว่าในบางมาตรามีการใช้คำว่า “วิชาชีพการสาธารณสุข” ด้วย ดังนั้น เพื่อให้บทบัญญัติมีความสอดคล้องกัน จึงควรมีการพิจารณาเกี่ยวกับความหมายและการใช้คำดังกล่าวให้มีความชัดเจน ๒. เนื่องจากในปัจจุบันการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาของประเทศไทยนั้น “สาธารณสุขชุมชน” เป็นเพียงสาขาวิชาหนึ่งในการศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์ ซึ่งเมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ จึงมีปัญหาที่ต้องพิจารณาว่า ผู้ที่ศึกษาในหลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์สาขาวิชาอื่น ๆ นอกจากสาขาวิชาสาธารณสุขชุมชน จะต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนด้วยหรือไม่ ๓. เนื่องจากร่างพระราชบัญญัตินี้เป็นร่างพระราชบัญญัติที่มีทั้งคณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เป็นผู้เสนอ รวม ๔ ฉบับ ดังนั้น การที่วุฒิสภามีมติรับร่างพระราชบัญญัตินี้ไว้พิจารณาในวาระ ๑ จะถือว่าวุฒิสภาได้รับหลักการและเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๔ ฉบับ ไว้พิจารณาแล้วหรือไม่
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28489 | การขออนุมัติเปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐวานูอาตูประจำประเทศไทย | กต | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐวานูอาตูประจำประเทศไทย เพื่อเป็นช่องทางในการส่งเสริมและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐวานูอาตูให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการติดต่อระหว่างประชาชน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28490 | ขออนุมัติการเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐออสเตรียประจำจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมขอแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐออสเตรียประจำจังหวัดเชียงใหม่ [นายนีโคเลาส์ พราเชนสกี (Mr. Nikolaus Prachensky)] | กต | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐออสเตรียประจำจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๑ จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุโขทัย และอุตรดิตถ์ ๒. แต่งตั้งนายนีโคเลาส์ พราเชนสกี (Mr. Nikolaus Prachensky) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐออสเตรียประจำจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๑ จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุโขทัย และอุตรดิตถ์ สืบแทน นายประวิทย์ อัครชิโนเรศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28491 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังต่อไปนี้
๑. กำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาเทคโนโลยี สาขาวิชานิเทศศาสตร์ และสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ ๒. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาเทคโนโลยี และสาขาวิชานิเทศศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28492 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4021 สายต่อเขตเทศบาลเมืองภูเก็ต ควบคุม - ห้าแยกฉลองที่บ้านตีนเขา และสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4022 สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 402 (นาคา) - ห้าแยกฉลอง ตอนบ้านตีนเขา - บ้านระเงง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๑ สายต่อเขตเทศบาลเมืองภูเก็ตควบคุม - ห้าแยกฉลอง ที่บ้านตีนเขา และสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๒ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒ (นาคา) - ห้าแยกฉลอง ตอนบ้านตีนเขา - บ้านระเงง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๑ สายต่อเขตเทศบาลเมืองภูเก็ตควบคุม - ห้าแยกฉลอง ที่บ้านตีนเขา และสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๒ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒ (นาคา) - ห้าแยกฉลอง ตอนบ้านตีนเขา - บ้านระเงง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ได้ ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๑๑๓ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๒ (นาทวี) - ประกอบ ตอนบ้านประกอบตก - บ้านประกอบออก เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๑๑๓ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๒ (นาทวี) - ประกอบ ตอนบ้านประกอบตก - บ้านประกอบออก เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28493 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4113 สายแยกทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 42 (นาทวี) - ประกอบ ตอนบ้านประกอบตก - บ้านประกอบออก เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๑ สายต่อเขตเทศบาลเมืองภูเก็ตควบคุม - ห้าแยกฉลอง ที่บ้านตีนเขา และสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๒ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒ (นาคา) - ห้าแยกฉลอง ตอนบ้านตีนเขา - บ้านระเงง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๑ สายต่อเขตเทศบาลเมืองภูเก็ตควบคุม - ห้าแยกฉลอง ที่บ้านตีนเขา และสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๒ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒ (นาคา) - ห้าแยกฉลอง ตอนบ้านตีนเขา - บ้านระเงง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ได้ ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๑๑๓ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๒ (นาทวี) - ประกอบ ตอนบ้านประกอบตก - บ้านประกอบออก เป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๑๑๓ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๒ (นาทวี) - ประกอบ ตอนบ้านประกอบตก - บ้านประกอกออก เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28494 | รัฐบาลสาธารณรัฐไนเจอร์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายอาลี อิลเลียสซู (Mr. Ali illiassou)] | กต | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอาลี อิลเลียสซู (Mr. Ali illiassou) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไนเจอร์ประจำประเทศไทยคนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28495 | รัฐบาลสาธารณรัฐบอตสวานาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายเจคอบ ดี. อึนกาเต (Mr. Jacob D. Nkate)] | กต | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเจคอบ ดี. อึนกาเต (Mr. Jacob D. Nkate) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐบอตสวานาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโตเกียว สืบแทน นายพูลาเอนต์เล ทูเมดีโซ เคโนซี (Mr. Pulaentle Tumediso Kenosi) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28496 | รัฐบาลสาธารณรัฐตูนิเซียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายมูรอด เบลฮัสเซน (Mr. Mourad Belhassen)] | กต | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมูรอด เบลฮัสเซน (Mr. Mourad Belhassen) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐตูนิเซียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงจาการ์ตา สืบแทน นายมุฮัมมัด ฮัสซัยรี (Mr. Mohamed Hassairi) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28497 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือ0กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง ที่ครบกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2556 | กค | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ที่ครบกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๔ รุ่น วงเงินรวม ๓๑,๘๗๗.๐๕ ล้านบาท และดำเนินการชำระคืนเงินทดรองจ่ายคงค้างจากการปรับโครงสร้างหนี้ในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ อีกจำนวน ๒๕๕.๐๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินการปรับโครงสร้างหนี้ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ๒๕๕๖ มีจำนวนทั้งสิ้น ๓๒,๑๓๒.๐๕ ล้านบาท (๓๑,๘๗๗.๐๕+๒๕๕.๐๐) โดยมีผลการดำเนินการสรุปได้ ดังนี้
๑. การปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ จำนวน ๓ รายการ วงเงินรวม ๒๔,๖๕๓.๘๐ ล้านบาท และการดำเนินการชำระคืนเงินทดรองจ่ายคงค้างจากการปรับโครงสร้างหนี้ในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ จำนวน ๒๕๕.๐๐ ล้านบาท รวมเป็นวงเงินการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนทั้งสิ้น ๒๔,๙๐๘.๘๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (บัญชี Premium FIDF 1&3) จำนวน ๑๒,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท และกู้เงินระยะสั้น จำนวน ๑๒,๔๐๘.๘๐ ล้านบาท ๒. การปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๑ รายการ คือ เงินกู้ระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ วงเงิน ๗,๒๒๓.๒๕ ล้านบาท โดยทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง จำนวน ๕,๐๙๑.๒๐ ล้านบาท และกู้เงินระยะสั้น จำนวน ๒,๑๓๒.๐๕ ล้านบาท ทำให้คงค้างการชำระคืนเงินทดรองจ่ายเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งสิ้น ๑๒,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท (๗,๔๐๘.๘๐+๕,๐๙๑.๒๐) ๓. การกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลัง จำนวน ๔ ฉบับ และได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๒๘ ง เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๖ แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28498 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนมีนาคม 2556 | พณ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๗ จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๖ สาเหตุจากการสูงขึ้นของราคาผักและผลไม้ ร้อยละ ๒.๘๐ โดยเฉพาะหมวดผักสด ดัชนีสูงขึ้นร้อยละ ๔.๒๒ หมวดผลไม้สด สูงขึ้นร้อยละ ๒.๑๔ สินค้ากลุ่มข้าว สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๕ กลุ่มปลาและสัตว์น้ำ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๗๔ สำหรับดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ ๐.๐๔ จากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกโดยเฉลี่ยในประเทศ ร้อยละ ๐.๔๐ ตามภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งสินค้าและบริการอื่นที่มีราคาลดลง ได้แก่ ค่าของใช้ส่วนบุคคล ร้อยละ ๐.๑๓ ๒. พิจารณาเทียบกับดัชนีราคาเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๒.๖๙ จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๓.๖๖ โดยดัชนีหมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้นร้อยละ ๐.๖๔ หมวดเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ สูงขึ้นร้อยละ ๖.๖๓ ผักและผลไม้ สูงขึ้นร้อยละ ๙.๐๑ เครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้นร้อยละ ๐.๔๙ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๑.๘๘ และอาหารสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ ๑.๕๖ สำหรับดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๒.๐๑ จากการสูงขึ้นของหมวดเคหสถาน สูงขึ้นร้อยละ ๓.๑๔ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า สูงขึ้นร้อยละ ๐.๕๔ หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล สูงขึ้นร้อยละ ๑.๑๒ หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร สูงขึ้นร้อยละ ๑.๓๘ หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๗.๕๗ หมวดการบันเทิงการอ่าน การศึกษาและการศาสนา สูงขึ้นร้อยละ ๐.๖๗ ๓. พิจารณาดัชนีราคาเฉลี่ยไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๖ เทียบกับไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๓.๐๙ จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๔.๐๑ และดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๒.๔๖ ตามการสูงขึ้นของหมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ร้อยละ ๐.๕๕ เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ ร้อยละ ๔.๐๖ ผักและผลไม้ ร้อยละ ๑๒.๐๐ เครื่องประกอบอาหาร ร้อยละ ๐.๔๙ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๒.๑๒ อาหารสำเร็จรูป ร้อยละ ๒.๓๔ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ร้อยละ ๐.๘๓ ค่าน้ำประปา ร้อยละ ๑๐.๙๘ ค่ากระแสไฟฟ้า ร้อยละ ๑๙.๐๒ ค่าเช่าบ้าน ร้อยละ ๐.๓๕ หมวดยานพาหนะ ร้อยละ ๑.๐๘ และน้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ ๕.๕๗ ๔. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ เท่ากับ ๑๐๒.๘๗ เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ลดลงร้อยละ ๐.๐๑ (เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๙) จากการลดลงของราคาสินค้าและบริการ ได้แก่ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด และค่าของใช้ส่วนบุคคล
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28499 | ปัญหาอาชญากรรม (ในรอบเดือนมีนาคม 2556) | ตช | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานข้อมูลปัญหาอาชญากรรม ในรอบเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการป้องกันอาชญากรรม ๑.๑ คดีกลุ่มที่ ๑ คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๓๖๗ คดี ๑.๒ คดีกลุ่มที่ ๒ คดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๑,๘๗๘ คดี ๑.๓ คดีกลุ่มที่ ๓ คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๓,๘๒๘ คดี ๒. ด้านการปราบปรามอาชญากรรม ๒.๑ คดีกลุ่มที่ ๑ จับกุมได้ ๑๗๗ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๒๓ ของการรับแจ้ง (๓๖๗ คดี) ๒.๒ คดีกลุ่มที่ ๒ จับกุมได้ ๙๑๖ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๗๘ ของการรับแจ้ง (๑,๘๗๘ คดี) ๒.๓ คดีกลุ่มที่ ๓ จับกุมได้ ๑,๔๔๒ คดี คิดเป็นร้อยละ ๓๗.๖๗ ของการรับแจ้ง (๓,๘๒๘ คดี) ๓. ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของตนเองให้มากยิ่งขึ้น โดยไม่เปิดโอกาสให้คนร้ายเข้ามาประทุษร้ายต่อทรัพย์ของตนเองได้ง่าย รวมทั้งให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดของคนร้าย สำหรับกรณีที่มีการจับกุมผู้กระทำผิดในคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายในภาพรวมหรือกระทบต่อความสงบสุขในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน ให้พิจารณาจัดแถลงข่าวทางสื่อมวลชนให้ประชาชนได้รับทราบ ๔. จากผลการดำเนินการในรอบเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ พบว่าในด้านการป้องกันอาชญากรรมในภาพรวม สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถควบคุมอาชญากรรมให้อยู่ในระดับเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ เนื่องจากได้มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดเข้มงวดกวดขันในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดในพื้นที่ล่อแหลมหรือเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม ส่งผลให้สถิติคดีอาชญากรรมลดน้อยลง ส่วนด้านการปราบปรามอาชญากรรม ทุกกลุ่มคดีมีผลการปฏิบัติไม่ผ่านเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ จึงได้สั่งการและกำชับให้หน่วยปฏิบัติพิจารณาระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงเวลาที่เหมาะสม เป็นประจำทุกเดือน ๆ ละไม่น้อยกว่า ๕ วัน และให้มีการเร่งรัดจับกุมคดีค้างเก่าอย่างจริงจัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28500 | รายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรัฐมนตรีว่าการ0204 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) ณ ราชอาณาจักรภูฏาน ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๖ เมษายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีผลการเดินทางสรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก ณ พระราชวังในนครทิมพู เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๖ โดยสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก ได้พระราชทานแนวคิดว่า การพัฒนาด้านการเกษตรของภูฏาน ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคในการปลูกพืช คือ ปัญหาดินที่ไม่เหมาะสม ทำให้ผลผลิตในประเทศไม่เพียงพอกับความต้องการโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าข้าว ประชาชนนิยมซื้อผลผลิตที่นำเข้าจากอินเดียเนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า และทรงเห็นว่าภูฏานน่าจะสามารถขยายตลาดในด้านเกษตรอินทรีย์และไม้ตัดดอกได้ในอนาคต โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้า ทั้งนี้ ทรงสนพระทัยในด้านการพัฒนาทางด้านการประมงทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติและในบ่อเลี้ยง ส่วนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทรงเห็นว่าทั้งไทยและอินเดียเป็นประเทศที่มีความสำคัญต่อภูฏาน โดยอินเดียมีความสำคัญทางด้านการค้าเนื่องจากมีชายแดนติดกัน ส่วนประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นจุดเชื่อมโยงประเทศต่าง ๆ ๒. การเข้าประชุมหารือกับนายกรัฐมนตรีของราชอาณาจักรภูฏาน (Lyonchhen Jigmi Y.Thinley) เกี่ยวกับการพัฒนาทางด้านการเกษตร โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) เห็นว่า การปรับปรุงดินให้มีความเหมาะสมเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น จึงควรทำการวิจัยในด้านการพัฒนาปรับปรุงดินของภูฏาน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยินดีจะสนับสนุน และได้แจ้งให้ภูฏานทราบว่าการพัฒนาทางด้านการเกษตรของไทยได้ดำเนินการตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งโครงการในพระราชดำริในการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาทางด้านการเกษตรในแต่ละภูมิภาค ๓. การเข้าพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Lyonpo Ugyen Tshering) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศภูฏานกล่าวขอบคุณไทยที่ให้การสนับสนุนภูฏานตลอดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเกษตร และเห็นว่า MOU ที่ได้มีการลงนามร่วมกันนั้น ถือเป็นกลไกและกรอบความร่วมมือที่สำคัญกับประเทศภูฏาน รวมทั้งได้แจ้งให้ทราบว่าในปีนี้ได้ริเริ่มที่จะมีการประชุมประจำปีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศเพื่อเป็นเวทีในการหารือความร่วมมือด้านอื่น ๆ ส่วนการหารือในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างกัน ได้มีการประชุมแล้ว ๑ ครั้ง ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยยินดีที่จะสนับสนุนให้ความร่วมมือทางด้านวิชาการภายใต้ MOU ฉบับนี้ ๔. การประชุมหารือในการพัฒนาความร่วมมือด้านการเกษตรไทย-ภูฏาน ร่วมกับ Dasho Sherub Gyaltshen ปลัดกระทรวงเกษตรและป่าไม้ของภูฏาน ผลการหารือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยยินดีที่จะให้ความสนับสนุนความร่วมมือทางด้านวิชาการและการฝึกอบรมบุคลากรของภูฏานในด้านพืช สัตว์ และประมง รวมถึงการเพิ่มศักยภาพด้านการตลาด นอกจากนี้ จะสนับสนุนโครงการพระราชดำริ Farm Land Development ของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก ซึ่งมีแนวคิดที่จะใช้เป็นสถานที่ในการเผยแพร่ความรู้และเป็นต้นแบบในการเรียนรู้ด้านการเกษตร ๕. การติดตามศึกษาและดูงานด้านการเกษตร โดยดูงานด้านฟาร์มโคนม ห้องปฏิบัติการ ตลาดกลางเกษตรกร และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
