ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1228 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 24541 - 24560 จากข้อมูลทั้งหมด 124347 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24541 | การดำเนินงานภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | คค | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ โดยได้มีการประชุมร่วมกัน ๓ ครั้ง และได้ข้อสรุปที่ต้องดำเนินการต่อไปในแต่ละประเด็น คือ การแบ่งช่วงดำเนินการ รูปแบบความร่วมมือ ขอบเขตการดำเนินงานของแต่ละฝ่าย และแหล่งเงินทุน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้พิจารณาร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมของไทยกับคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Memorandum of Cooperation) โดยเห็นชอบในหลักการ เช่น ฝ่ายไทยจะรับผิดชอบการเวนคืนที่ดินและการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และฝ่ายจีนจะรับผิดชอบด้านการศึกษา (สำรวจและออกแบบ) ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าวในสัดส่วนของแต่ละฝ่ายไปพลางก่อน โดยค่าใช้จ่ายนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของวงเงินลงทุนของโครงการ และทั้งสองฝ่ายจะร่วมดำเนินการสำรวจและออกแบบโครงการรถไฟ เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯ เป็นต้น และทั้งสองฝ่ายกำหนดที่จะประชุมครั้งที่ ๔ ณ เมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๖-๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมของไทยกับคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Memorandum of Cooperation) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลงนามในบันทึกความร่วมมือฯ ๓. เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินโครงการภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ๔. ในส่วนของงบประมาณในการดำเนินโครงการภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณซึ่งจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามกำลังเงินของประเทศต่อไป ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๕. ในขั้นตอนการดำเนินการของฝ่ายไทยที่รับผิดชอบในการเวนคืนที่ดิน หากจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนหรือวิธีการตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์โดยตราเป็นกฎหมาย นั้น ให้กระทรวงคมนาคมนำบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมของไทยกับคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Memorandum of Cooperation) และ/หรือเอกสารบันทึกความร่วมมืออื่นที่เกี่ยวข้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนปฏิบัติเกี่ยวกับหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญต่อไป ๖. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำหนดให้มีการเพิ่มข้อความการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของไทยอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในประเด็นการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการดำเนินโครงการ รูปแบบการลงทุน การจัดหาแหล่งเงิน และการพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการ และเร่งจัดทำรายงานการศึกษาความเหมาะสมของโครงการตลอดแนวเส้นทางโดยให้ความสำคัญกับการกำหนดรูปแบบการให้บริการ การกำหนดมาตรฐานทางเทคนิคและวงเงินลงทุนของโครงการ แผนธุรกิจการให้บริการโครงการ รูปแบบทางเลือกในการลงทุน ความพร้อมของบุคลากรในการบริหารจัดการระบบรถไฟขนาดทางมาตรฐาน ตลอดจนผลกระทบต่อฐานะการเงิน และเร่งพิจารณาเสนอแนวทางการบริหารจัดการระบบรางของประเทศทั้งระบบให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา รวมทั้งการปฏิรูปโครงสร้างการบริหารจัดการระบบราง เพื่อให้การกำหนดหน่วยงานเจ้าของโครงการ (ฝ่ายไทย) ในการบริหารกิจการรถไฟขนาดทางมาตรฐานมีความชัดเจนและสามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมของรัฐบาลไทย เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24542 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้เกินกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ โดยให้สัตยาบันการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ สำหรับโครงการเพิ่มทุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ระยะที่ ๒ ของสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติที่ได้ดำเนินการไปแล้ว วงเงิน ๑๑๖.๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๑.๑ การเบิกจ่ายเงินให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ระยะที่ ๒ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๒ ที่ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ วงเงิน ๗๓.๖๐ ล้านบาท ๑.๑.๒ การเบิกจ่ายเงินให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ระยะที่ ๒ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๖ ที่ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ วงเงิน ๔๒.๔๐ ล้านบาท ๑.๒ การจัดสรรเงินสำรองจ่าย จำนวน ๓ หน่วยงาน วงเงิน ๑๙,๐๒๘,๐๒๔.๖๗ บาท ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๕ รายการ วงเงิน ๑,๐๖๕,๓๕๓.๐๐ บาท กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๓ รายการ วงเงิน ๒,๙๕๐,๖๗๑.๖๗ บาท และมหาวิทยาลัยนเรศวร กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน ๑ รายการ วงเงิน ๑๕,๐๑๒,๐๐๐.๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงการคลัง สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และหากมีเงินเหลือ ก็ให้เร่งนำเงินส่งคืนบัญชีแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ต่อไป และให้เร่งรัดดำเนินโครงการและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งการดำเนินการทุกขั้นตอน การปฏิบัติจะต้องโปร่งใส และตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24543 | การปรับแผนการดำเนินงานโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ ของโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง | กค | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ อนุมัติในหลักการในการปรับแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับการดำเนินงานของโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตภายในกรอบวงเงินงบประมาณ ๑๕,๙๕๒.๙๖ ล้านบาท ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไว้แล้ว โดยมีข้อสังเกต ดังนี้ ๑.๑.๑ เนื่องจากแผนการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยของพนักงานมีวงเงินการดำเนินการที่เปลี่ยนแปลงไปจากวงเงินที่ได้รับอนุมัติไว้เดิมค่อนข้างสูง แม้จะเป็นการเพิ่มสวัสดิการให้กับพนักงานแต่ควรพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม ไม่เป็นภาระต่อค่าใช้จ่ายของโรงงานยาสูบฯ ในระยะยาว โดยอาจดำเนินการจัดสวัสดิการรถรับส่งพนักงานตามจุดแวะรับเส้นทางหลัก และอาจมีสวัสดิการจ่ายค่าเช่าบ้าน หรือสวัสดิการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับพนักงานเพื่อซื้อบ้านบริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้ ควรมีมาตรการในการกำกับดูแลการเข้าพักอาศัยให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดสวัสดิการและเกิดประโยชน์กับพนักงานที่มีความจำเป็น ๑.๑.๒ จากการทบทวนกระบวนการจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิตบุหรี่ โดยการนำเครื่องจักรที่มีอยู่เดิมมาซ่อมแซมหรือปรับปรุงใหม่มาใช้มากขึ้นและลดค่าใช้จ่ายการจัดหาเครื่องจักรใหม่ลง ทำให้ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องจักรที่มีอยู่เดิมในอนาคต โรงงานยาสูบฯ ควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าของการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวด้วย ๑.๑.๓ การนำเครื่องจักรที่มีอยู่เดิมมาใช้มากขึ้นและการจัดหาเครื่องจักรใหม่ทำให้ต้องมีระยะเวลาในการขนย้าย จัดหา และติดตั้งเครื่องจักร โรงงานยาสูบฯ ควรพิจารณาดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ โดยมีค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุดเพื่อมิให้กระทบต่อการผลิตบุหรี่และแผนงานการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ ๑.๒ เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีนโยบายให้นำหลักการโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เรื่อง “ข้อตกลงคุณธรรม” มาจัดทำเพื่อสกัดกั้นการทุจริตคอร์รัปชันโครงการของรัฐ จึงเห็นสมควรนำนโยบายดังกล่าวมาใช้ในการจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิตบุหรี่ของโรงงานยาสูบฯ ในส่วนที่เหมาะสมและสามารถดำเนินการได้ และไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาเห็นสมควร ๒. ในกรณีที่จะลงทุนก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้แก่พนักงานเพื่ออำนวยความสะดวกในการย้ายสถานที่ทำการเป็นกรณีเร่งด่วน ให้กระทรวงการคลัง (โรงงานยาสูบ) พิจารณาทบทวนการก่อสร้างในลักษณะที่พอเพียง ประหยัด และคุ้มค่าในระยะยาว ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เกี่ยวกับการเพิ่มสวัสดิการที่พักอาศัยให้พนักงาน รวมถึงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้บริหาร หัวหน้างาน และพนักงานที่ไปปฏิบัติงานไม่ประจำด้วย ควรดำเนินการเท่าที่จำเป็นและคำนึงถึงความประหยัดและคุ้มค่าที่โรงงานยาสูบจะได้รับ ตลอดจนมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการเพื่อให้การจัดการสวัสดิการในภาพรวมมีความเป็นธรรมและยั่งยืนอย่างแท้จริง และเห็นควรเร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่และการคืนพื้นที่ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อให้สามารถส่งคืนพื้นที่โรงงานในปัจจุบัน เพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียวตามแนวนโยบายรัฐบาลต่อไป รวมทั้งเร่งรัดและกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกำหนดระยะเวลา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24544 | ขอความเห็นชอบการปรับเพิ่มอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงพนักงานประจำรถ และปรับเพิ่มเบี้ยเลี้ยงให้แก่พนักงานประจำรถโดยสารไม่ประจำทางของบริษัท ขนส่ง จำกัด | คค | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้บริษัท ขนส่ง จำกัด ปรับเพิ่มอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงพนักงานประจำรถเพิ่มขึ้นอีก ๕ สตางค์ต่อกิโลเมตร และปรับเพิ่มเบี้ยเลี้ยงให้แก่พนักงานประจำรถโดยสารไม่ประจำทางเพิ่มขึ้นอีก ๒๕ บาทต่อวัน โดยให้มีผลตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาแนวทางหรือมาตรการในการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายเพื่อให้การปรับเพิ่มอัตราเบี้ยเลี้ยงพนักงานประจำรถและพนักงานประจำรถโดยสารไม่ประจำทางไม่เป็นภาระกับองค์กรและภาครัฐต่อไปในระยะยาว และเร่งจัดทำแผนกลยุทธ์ในการจัดหารายได้ให้เพียงพอกับการดำเนินกิจการ และปรับปรุงมาตรฐานการบริการให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น รวมทั้งดำเนินการตามแนวทางในการควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ที่ไม่กระทบต่อคุณภาพการให้บริการและการบริหารจัดการมาปฏิบัติใช้ให้เป็นรูปธรรม และให้ผู้บริหารบริษัท ขนส่ง จำกัด กำกับดูแลการดำเนินงานและติดตามประเมินผลให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้บริษัท ขนส่ง จำกัด กำหนดวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานเพื่อใช้ในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน โดยให้วัดผลจากประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและความพึงพอใจของผู้โดยสาร เพื่อเป็นการส่งเสริมพนักงานที่มีประสิทธิภาพและมีจิตใฝ่บริการให้อยู่ในองค์กร |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24545 | โครงการเพื่อการพัฒนา ปี 2558 ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนา ปี ๒๕๕๘ ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จำนวน ๒๕ โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวม ๗,๗๖๙.๑๐๒ ล้านบาท [ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)] ประกอบด้วย โครงการที่มีแหล่งเงินรองรับการดำเนินโครงการ จำนวน ๗ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๒,๗๖๐.๗๗๑ ล้านบาท และโครงการที่ยังไม่มีแหล่งเงินรองรับและไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑๘ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๕,๐๐๘.๓๓๑ ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยแหล่งเงินและรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำหรับโครงการที่ยังไม่มีแหล่งเงินรองรับให้ กปภ. พิจารณาใช้แหล่งเงินทุนโครงการจากเงินรายได้ของ กปภ. เป็นหลักก่อนหรือใช้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังไม่ต้องค้ำประกันตามความเห็นของประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ ให้ กปภ. พิจารณาถึงความคุ้มค่าของการลงทุน จัดลำดับความเร่งด่วนและดำเนินโครงการในกรอบเวลาที่กำหนดอย่างรอบคอบเหมาะสม คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญด้วย ๒. ให้ กปภ. ประสานกับคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในเรื่องการจัดหาแหล่งน้ำดิบสำหรับดำเนินโครงการเพื่อให้พอเพียงต่อความต้องการอุปโภคและบริโภคด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24546 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - 2562 รายการเช่ารถประจำตำแหน่ง | พน | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ รายการเช่ารถประจำตำแหน่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จำนวน ๑ คัน ระยะเวลาเช่า ๔ ปี ๖ เดือน (เมษายน ๒๕๕๘-กันยายน ๒๕๖๒) อัตราเช่าไม่เกินเดือนละ ๗๖,๕๐๐ บาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ แผนงานพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ผลผลิตบริหารจัดการแผนพลังงาน งบดำเนินงาน รายการค่าจ้างเหมาบริการ (ค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์เครือข่ายภูมิภาค) ที่เหลือจ่าย จำนวน ๓๘๒,๕๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๓,๖๗๒,๐๐๐ บาท โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงานพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้ส่วนราชการกำชับข้าราชการในสังกัดถือปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๒๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ห้ามผู้ที่เลือกรับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับข้าราชการผู้มีสิทธิได้รถประจำตำแหน่งนำรถส่วนกลางไปใช้ ๓. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) พิจารณากำหนดมาตรฐานการใช้รถยนต์ในราชการของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีและข้าราชการในแต่ละระดับให้มีความเหมาะสมและเพียงพอกับการปฏิบัติงาน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24547 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น | ตช | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๒๔๐,๙๕๕,๙๖๙ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาอาคารที่พักครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน ๑๔๑ หลัง วงเงิน ๑๖๒,๘๖๕,๑๘๔ บาท และโครงการพัฒนาห้องส้วมนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน ๑๖๐ หลัง วงเงิน ๗๘,๐๙๐,๗๘๕ บาท โดยให้จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24548 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 9 - 13 มีนาคม 2558) | สผ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๙-๑๓ มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24549 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2556 | ปช | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว โดยงบการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ประกอบด้วย สินทรัพย์/ส่วนทุน ๒,๘๓๙,๙๘๓,๔๑๑.๗๒ บาท รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ ๖๐,๘๕๘,๙๑๘.๓๘ บาท เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น/(ลดลง) สุทธิ ๖๑,๙๔๓,๖๐๒.๗๒ บาท ๒. ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเร่งรัดการตรวจสอบงบการเงินของหน่วยรับตรวจทุกหน่วยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้หน่วยรับตรวจนำเสนอคณะรัฐมนตรีได้โดยเร็วต่อไป สำหรับการตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดก่อนหน้า ซึ่งยังค้างดำเนินการ (ถ้ามี) ก็ให้ดำเนินการตรวจสอบในภายหลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24550 | รายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติหน้าที่ประจำปี พ.ศ. 2555 และ พ.ศ. 2556 | ปช | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) รายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติหน้าที่ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับผลงานด้านปราบปรามการทุจริต ด้านป้องกันการทุจริต ด้านตรวจสอบทรัพย์สิน และภาพรวมผลการประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อประเทศเปรียบเทียบกับงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะตามรายงานฯ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ ดัชนีวัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันของประเทศไทย และการบังคับใช้บทบัญญัติตามกฎหมายการขัดกันแห่งประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ และตามรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) การจัดสรรงบประมาณให้กับคณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงาน ป.ป.ช. ผลการดำเนินการให้หน่วยงานของรัฐจัดทำข้อมูลรายละเอียดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างโดยเฉพาะราคากลางและการคำนวณราคากลางไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจดูได้ และการให้บุคคลหรือนิติบุคคลที่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่แสดงบัญชีรายการรับจ่ายของโครงการที่บุคคลหรือนิติบุคคลเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐต่อกรมสรรพากร นอกเหนือจากบัญชีงบดุลปกติประจำปี เพื่อให้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินและการคำนวณภาษีเงินได้ในโครงการที่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ และผลการดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัด (คณะกรรมการ ป.ป.จ.)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24551 | รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 13 (การประชุม ครั้งที่ 48/2558 ถึง ครั้งที่ 58/2558) | นร04 | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๑๓ (การประชุมครั้งที่ ๔๘/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ถึงครั้งที่ ๕๘/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) ซึ่งได้มีการพิจารณายกร่างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา และได้จัดทำจุลสาร “รัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปเป็นอย่างไร” ฉบับที่ ๕ เรื่อง “การกระจายอำนาจและการบริหารท้องถิ่น” เพื่อเผยแพร่ข้อมูล กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญและเนื้อหาสารัตถะในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในขณะเดียวกันก็เป็นการสื่อสารสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนก่อนที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจะใช้บังคับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24552 | รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 14 (การประชุม ครั้งที่ 59/2558 ถึง ครั้งที่ 60/2558) | นร04 | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๑๔ (การประชุมครั้งที่ ๕๙/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๘ ถึงครั้งที่ ๖๐/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๘) ซึ่งได้มีการพิจารณายกร่างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24553 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ | สลธ.คสช. | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๕๘ เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ลงวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ และได้นำคำสั่งดังกล่าวประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒ ตอนพิเศษ ๗๓ ง วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ แล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24554 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... | มท | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแม่นาเติง ตำบลเวียงเหนือ ตำบลเวียงใต้ ตำบลแม่ฮี้ และตำบลทุ่งยาว อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24555 | ข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง รายงานการพิจารณาศึกษาแนวทางแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2558 - 2579 (PDP 2015) | สว | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง รายงานการพิจารณาศึกษาแนวทางแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (PDP 2015) เกี่ยวกับข้อเสนอแนะตามแนวทางที่กำหนดไว้ในนโยบายแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (PDP 2015) และข้อเสนอแนะอื่น ๆ เพิ่มเติม นอกจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (PDP 2015) เพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางด้านพลังงานไฟฟ้า และสามารถจัดหาไฟฟ้าในระยะยาวให้เพียงพอต่อการพัฒนาประเทศ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพลังงานได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24556 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตที่เกิดจากการอนุญาตให้ราษฎรครอบครองที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดิน | ปช | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตที่เกิดจากการอนุญาตให้ราษฎรครอบครองที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดิน ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ทบทวนกระบวนการจัดที่ดินผืนใหญ่ที่ผ่านมาให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวัตถุประสงค์ ๑.๒ ทบทวนนโยบายเรื่องการดำเนินงานโฉนดชุมชนหรือนโยบายเรื่องอื่นที่มีลักษณะเดียวกัน ๑.๓ เร่งรัดการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลางที่รวบรวมข้อมูลที่ดินของทุกหน่วยงานให้เป็นระบบและมาตรฐานเดียวกัน ๑.๔ ปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐ (Reshape) ให้มีแนวเขตเดียว ๑.๕ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของผู้ที่ได้รับการจัดที่ดิน ให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมดำเนินการให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ๑.๖ ให้เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขและประกาศใหม่เฉพาะเขตที่จะดำเนินการปฏิรูปจริงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ภายใน ๓ ปี ๑.๗ กำหนดให้มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินทั้งหมดให้มีเอกภาพ เหมาะสมกับสภาวะปัจจุบัน และมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ๑.๘ ควรจัดตั้งองค์การบริหารที่ดินแห่งชาติ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นภายในราชอาณาจักร คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชุมหารือกำหนดวิธีการและแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตามองค์ประกอบคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ และให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งมติคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24557 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่องโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง | กษ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ เรื่อง โครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ในการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ระดับกระทรวง ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ได้มีการขอปรับแก้ไขจำนวนพื้นที่เป้าหมาย จากเดิม ๓,๐๕๒ ตำบล ๕๔๒ อำเภอ ใน ๕๘ จังหวัด เป็น จำนวน ๓,๐๕๑ ตำบล ๕๔๑ อำเภอ ใน ๕๘ จังหวัด เนื่องจากมีความผิดพลาดโดยนำเขตการปกครองมานับซ้ำ ๒. การพิจารณาให้การสนับสนุนโครงการของชุมชน มีโครงการที่ผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการบริหารโครงการสร้างรายได้ฯ ระดับอำเภอ จำนวน ๖,๕๓๔ โครงการ คณะกรรมการบริหารโครงการสร้างรายได้ฯ ระดับจังหวัด จำนวน ๖,๔๕๘ โครงการ เป็นเงิน ๒,๙๗๒.๑๘๖ ล้านบาท และคณะกรรมการบริหารโครงการสร้างรายได้ฯ ระดับกระทรวง จำนวน ๔,๘๔๗ โครงการ เป็นเงิน ๒,๒๓๑.๔๔๑ ล้านบาท ๓. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป เป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนกิจกรรมของชุมชน ในพื้นที่เป้าหมาย ๕๘ จังหวัด จำนวน ๓,๐๕๒ ตำบล รวมเป็นเงิน ๓,๐๕๒.๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อปรับแก้เป้าหมายจำนวนตำบล ตามข้อ ๑ เป็น ๓,๐๕๑ ตำบล จึงมีวงเงินสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนเกษตรรวมทั้งสิ้น ๓,๐๕๑.๐๐๐ ล้านบาท โดยมีโครงการที่คณะกรรมการบริหารโครงการสร้างรายได้ฯ ระดับจังหวัดได้พิจารณาอนุมัติแล้ว จำนวน ๖,๔๕๘ โครงการ เป็นเงิน ๒,๙๗๒.๑๘๖ ล้านบาท ประมาณการมีเงินคงเหลือรอการพิจารณาอนุมัติ จำนวนทั้งสิ้น ๗๘.๘๑๔ ล้านบาท ซึ่งจะสามารถอนุมัติได้หมดภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24558 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) | มท | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าของโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ตามสัญญาก่อสร้าง กำหนดแบ่งการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง (พื้นที่โดยประมาณ ๑๒๓ ไร่) ออกเป็น ๔ ครั้ง โดยกำหนดส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดได้ในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๗ แต่ในความเป็นจริงได้มีการแบ่งการส่งมอบพื้นที่ออกเป็นครั้งย่อย ๆ และล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยปัจจุบันได้ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างเฉพาะในขอบเขตการก่อสร้างอาคารหลักครบแล้วเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ แต่ยังเหลือพื้นที่ที่ยังไม่สามารถส่งมอบให้ผู้รับจ้างได้อีกประมาณ ๒๐ ไร่ ๒. ปริมาณดินที่ต้องขุดเพื่อก่อสร้างชั้นใต้ดินทั้งหมด ๑,๑๘๐,๔๔๓ ลูกบาศก์เมตร ตามสัญญาระบุว่าผู้รับจ้างจะต้องทำการขุดและขนย้ายดินไปยังพื้นที่ภายในรัศมี ๑๐ กิโลเมตร ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกำหนดให้ ซึ่งในช่วงแรกสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ทำการบริจาคดินให้กับวัดและหน่วยงานราชการควบคู่ไปกับการขายทอดตลาด แต่ต่อมากรมธนารักษ์ได้มีหนังสือแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรระงับการบริจาคดินทั้งหมดและให้ดำเนินการขายทอดตลาดเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้การระบายดินออกจากพื้นที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ ๓. ความก้าวหน้างานก่อสร้างโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงานก่อสร้างชั้นใต้ดิน โดยจะต้องทำงานเสาเข็มเจาะ งานระบบป้องกันดินพังและขุดดินขนย้ายดิน และงานฐานรากอาคาร โดยความก้าวหน้าของงานก่อสร้างถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๘ อยู่ที่ ๙.๑๖% (ล่าช้ากว่าแผนงาน -๕๐.๗๘%) ๔. ผู้รับจ้างได้มีหนังสือถึงผู้ว่าจ้าง แจ้งปัญหาอุปสรรคเรื่องไม่มีที่พักดินและขอเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง และได้มีหนังสือขอขยายระยะเวลาการก่อสร้าง จากสาเหตุผลกระทบจากการส่งมอบพื้นที่ไม่เป็นไปตามสัญญาออกไป จำนวน ๔๗๙ วัน โดยปัจจุบันกำลังอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจการจ้าง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24559 | รายงานผลการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหามัคคุเทศก์ | กก | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหามัคคุเทศก์ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การมารายงานตัวของมัคคุเทศก์ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ถึง ๓๑ มกราคม ๒๕๕๘ มีมัคคุเทศก์เดินทางมารายงานตัว ณ สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สาขาทั้ง ๔ แห่ง และสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ทุกจังหวัด จำนวนทั้งสิ้น ๑๗,๗๖๕ ราย จากจำนวนมัคคุเทศก์ที่ได้รับใบอนุญาตทั้งสิ้น ๕๒,๙๕๖ ราย จากข้อมูลการรายงานตัวพบว่า ผู้มารายงานตัวส่วนใหญ่ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์เป็นอาชีพหลัก จำนวน ๘,๖๓๖ ราย ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์เป็นบางครั้งบางคราว จำนวน ๗,๖๒๐ ราย และไม่ได้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์เลย จำนวน ๑,๕๐๙ ราย และในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้นำส่งรายชื่อมัคคุเทศก์ที่ปฏิบัติงานเป็นมัคคุเทศก์และรายชื่อชาวต่างชาติที่ว่าจ้างสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง จำนวนทั้งสิ้น ๑,๐๐๕ ราย จากจำนวนผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ๑๒,๗๐๐ ราย ในจำนวนนี้พบว่า ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวมีการจ้างงานมัคคุเทศก์ในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น ๗,๓๗๓ ราย และมีชาวต่างชาติปฏิบัติงานในบริษัทนำเที่ยว รวมทั้งสิ้น ๑,๑๑๖ ราย ๒. มาตรการในการแก้ไขปัญหามัคคุเทศก์ขาดแคลนในด้านภาษาต่างประเทศที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลการรายงานตัวและสถิตินักท่องเที่ยว ๒.๑ มัคคุเทศก์ในสาขาภาษารัสเซีย ภาษาเกาหลี ภาษาฮินดี ภาษาเวียดนาม มีแนวโน้มขาดแคลน ไม่เพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยว จึงควรให้ความสำคัญในการพัฒนาทักษะด้านภาษาต่างประเทศในสาขาที่ขาดแคลนดังกล่าวให้แก่มัคคุเทศก์ โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายในการพัฒนาให้แก่มัคคุเทศก์ที่มีทักษะด้านภาษาต่างประเทศในสาขาที่ขาดแคลนในระดับพอใช้เป็นอันดับแรก เนื่องจากกลุ่มนี้มีพื้นฐานทางภาษาต่างประเทศในสาขาที่ขาดแคลนอยู่แล้ว แต่ยังไม่ถึงระดับที่สามารถนำมาปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงสามารถนำมัคคุเทศก์กลุ่มนี้มาเข้ารับการอบรมเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้ในระยะเวลาที่สั้นกว่าการอบรมให้แก่มัคคุเทศก์ที่ไม่มีความรู้ด้านภาษานั้นเลย ๒.๒ ส่งเสริมให้มัคคุเทศก์ที่มีทักษะด้านภาษาต่างประเทศในสาขาที่ขาดแคลนในระดับดีมากแต่ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์เข้าสู่ตลาดเพื่อลดปัญหาการขาดแคลนมัคคุเทศก์ในระยะสั้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่มัคคุเทศก์มีไม่เพียงพอ ผู้ประกอบการสามารถสืบค้นรายชื่อมัคคุเทศก์ที่มารายงานตัวกับกรมการท่องเที่ยว และติดต่อจ้างงานมัคคุเทศก์ได้โดยตรง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24560 | รายงานผลความคืบหน้ามาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อย (สินเชื่อ Nano-Finance) | กต | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลความคืบหน้ามาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อย (สินเชื่อ Nano-Finance) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มีผู้ยื่นขออนุญาตประกอบสินเชื่อ Nano-Finance กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑๖ บริษัท แบ่งออกเป็น (๑) กลุ่มที่จัดส่งเอกสารให้ ธปท. ครบถ้วนแล้ว และ ธปท. เห็นว่ามีคุณสมบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ๓ บริษัท (๒) กลุ่มที่อยู่ระหว่างการจัดส่งเอกสารให้ ธปท. เพิ่มเติม จำนวน ๑๑ บริษัท และ (๓) กลุ่มที่ขอยกเลิกคำขออนุญาต เนื่องจากมีคุณสมบัติไม่ครบและยังไม่พร้อมดำเนินการ จำนวน ๒ บริษัท นอกจากนี้ ยังมีผู้สนใจติดต่อขอรายละเอียดที่จะประกอบสินเชื่อ Nano-Finance ที่ยังไม่ได้ยื่นเอกสารหรือคำขออนุญาตอีก ๗๗ ราย ๒. กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอประกอบธุรกิจของ ๓ บริษัท ที่ ธปท. เห็นว่ามีคุณสมบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยจะสามารถแจ้งผลการพิจารณาให้บริษัททราบได้ภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๘ และหากได้รับการอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ผู้ประกอบธุรกิจจะสามารถเริ่มประกอบธุรกิจสินเชื่อ Nano-Finance ได้ทันทีแต่ต้องแจ้งวันเริ่มประกอบธุรกิจดังกล่าวเป็นหนังสือให้ ธปท. ทราบล่วงหน้าก่อน ๓. กระทรวงการคลังได้กำหนดรูปแบบรายงานผลการให้สินเชื่อ Nano-Finance ที่ผู้ประกอบธุรกิจต้องนำส่งให้กระทรวงการคลัง และ ธปท. เป็นประจำทุกเดือน เพื่อใช้ในการติดตามผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อ Nano-Finance และติดตามการเข้าถึงสินเชื่อของประชาชนรายย่อยในระยะต่อไป
|
.....