ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1227 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 24521 - 24540 จากข้อมูลทั้งหมด 124347 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24521 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร - บ้านฉาง รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 34 (บางวัว) และทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง ที่บ้านเก่า พ.ศ. .... | คค | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหายเลข ๓๔ (บางวัว) และทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง ที่บ้านเก่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔ (บางวัว) และทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง ที่บ้านเก่า ในท้องที่อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24522 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... | มท | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบางกระทุ่ม และตำบลไผ่ล้อม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24523 | รายงานความคืบหน้าการไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีหนี้ครัวเรือน หนี้รายย่อย หนี้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ | ยธ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าการไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีหนี้ครัวเรือน หนี้รายย่อย หนี้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยได้จัดมหกรรมการไกล่เกลี่ยร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กยศ. บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด และธนาคารออมสิน รวม ๖ หน่วยงาน โดยมุ่งเน้นการยุติข้อพิพาทชั้นบังคับคดีด้วยความสมานฉันท์และช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน ซึ่งสามารถไกล่เกลี่ยเป็นผลสำเร็จจำนวน ๒,๑๘๘ ราย คิดเป็นทุนทรัพย์จำนวน ๘๘๒,๘๘๙,๕๑๕.๘๕ บาท ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ๒.๑ กยศ. ควรพิจารณาปรับฐานข้อมูลของลูกหนี้ให้เป็นปัจจุบัน ชี้แจงรายละเอียดของเงื่อนไขของการกู้ยืมให้กับลูกหนี้อย่างชัดเจน และพิจารณาปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยลูกหนี้ตามคำพิพากษาชั้นบังคับคดี พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเข้าร่วมโครงการไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดี และให้การไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีของลูกหนี้ทั้งหลายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้ผู้กู้/ลูกหนี้มีความเข้าใจในสถานะของการกู้ยืมเงินจาก กยศ. ๒.๒ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความเหมาะสมในการแจ้งให้สถาบันการเงินต่าง ๆ ที่เป็นรัฐวิสาหกิจพิจารณานำการไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกหนี้ในการยุติข้อพิพาทเพื่อให้การไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีครอบคลุมลูกหนี้ครัวเรือน หนี้รายย่อย และหนี้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่เป็นรัฐวิสาหกิจมากยิ่งขึ้น ๒.๓ ให้ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ให้ความอนุเคราะห์ในการประชาสัมพันธ์โครงการการไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ให้กับประชาชนที่มาติดต่อได้ทราบ เพื่อให้การประชาสัมพันธ์ครอบคลุมถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขวางขึ้น |
|||||||||||||||||||||||||||
24524 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ในท้องที่ตำบลบ้านเก่า อำเภอพานทอง และตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | อก | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ในท้องที่ตำบลบ้านเก่า อำเภอพานทอง และตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร เพื่อจัดสรรเป็นพื้นที่ต่อเนื่องสำหรับการประกอบอุตสาหกรรมที่ต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ในการดำเนินการ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24525 | มาตรการป้องกันการทุจริตและการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ | ทส | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยงานราชการเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการทุจริตและการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ในมาตรการด้านนโยบาย มาตรการด้านบริหารจัดการ และมาตรการด้านกฎหมาย โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานภายนอกกระทรวง จำนวน ๑๔ หน่วยงาน และหน่วยงานภายในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เพื่อร่วมกันกำหนดวิธีการและแนวทางในการปฏิบัติให้สามารถตอบสนองมาตรการป้องกันการทุจริตและการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งทุกหน่วยงานได้ร่วมกันกำหนดแนวทางและวิธีการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวแล้วเสร็จ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24526 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแก่งเสือเต้น จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | มท | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแก่งเสือเต้น จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24527 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการควบคุมและกำจัดศัตรูมะพร้าว (หนอนหัวดำ) แบบครอบคลุมพื้นที่ โดยการใช้ สารเคมีฉีดเข้าลำต้น | กษ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการควบคุมและกำจัดศัตรูมะพร้าว (หนอนหัวดำ) แบบครอบคลุมพื้นที่ โดยการใช้สารเคมีฉีดเข้าลำต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ปรับแผนการปฏิบัติงานและได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับ โดยดำเนินการในพื้นที่ที่มีการระบาดของหนอนหัวดำอย่างรุนแรง ได้แก่ พื้นที่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ระบาด ๘๙,๘๒๖ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๓๗ ของพื้นที่ระบาดทั้งประเทศ ดำเนินการใน ๖ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง กุยบุรี สามร้อยยอด บางสะพาน บางสะพานน้อย และทับสะแก โดยใช้สาร emamectin benzoate ๑.๙๒% EC อัตรา ๓๐ มิลลิลิตรต่อต้น ฉีดเข้าลำต้นมะพร้าวที่มีความสูงมากกว่า ๑๒ เมตร และเจ้าของสวนยินยอมให้ฉีด (ยกเว้นมะพร้าวน้ำหอมและมะพร้าวกะทิ) รวม ๙๐๐,๕๗๕ ต้น ๑.๒ การติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน พบว่าทุกพื้นที่มีปริมาณหนอนหัวดำลดลงมาก จึงเห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้โอกาสนี้สนับสนุนและส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวร่วมมือในการใช้ชีววิธี เช่น การปล่อยแตนเบียน (Bracon hebetor) ในเชิงป้องกันอย่างจริงจัง ซึ่งจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดขึ้นอีก ๑.๓ ปัญหา อุปสรรค และผลกระทบ ได้แก่ สภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้เกิดผลกระทบกับใบมะพร้าวทางใบล่างมีอาการเหลืองและไหม้เป็นสีน้ำตาลอย่างรวดเร็วและผลร่วง และตามหลักวิชาการให้ดำเนินการฉีดสารเคมีได้เฉพาะต้นมะพร้าวที่มีความสูงมากกว่า ๑๒ เมตร แต่ข้อเท็จจริงในแปลงที่มีการระบาด มีต้นมะพร้าวที่มีความสูงน้อยกว่า ๑๒ เมตร รวมอยู่ด้วย จึงไม่สามารถดำเนินการควบคุมและกำจัดหนอนหัวดำแบบครอบคลุมพื้นที่ได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการควบคุมและกำจัดศัตรูมะพร้าว (หนอนหัวดำ) โดยใช้วิธีผสมผสาน ได้แก่ การใช้ศัตรูธรรมชาติ คือ แตนเบียน (Bracon hebetor) และการใช้สารเคมี (emamectin benzoate) ฉีดเข้าลำต้นมะพร้าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
24528 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 พ.ศ. 2557 | 07/04/2558 | |||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ให้กับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ประกอบการติดตาม ประเมินผล และวางแผนโครงการ ซึ่งได้เก็บรวบรวมข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ ระหว่างวันที่ ๑-๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ได้แก่ (๑) พฤติกรรมการปฏิบัติธรรมและการทำทานของครัวเรือน (๒) การรักษาศีล ๕ (๓) การน้อมนำศีล ๕ มาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน (๔) ผลดีการรักษาศีล ๕ (๕) การทราบข่าวสารเกี่ยวกับโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ (๖) การเข้าร่วมโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ (๗) ความพึงพอใจต่อการได้เข้าร่วมทำกิจกรรมของโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ (๘) ประโยชน์ของโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ (๙) ข้อคิดเห็นและข้อเสนอต่อโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ (๑๐) ความรู้ความเข้าใจในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และ (๑๑) ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตและการทำงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||
24529 | การจัดตั้งศูนย์บริการด้านธุรกิจ (One Stop Service) | นร | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการจัดตั้งศูนย์บริการด้านธุรกิจ (One Stop Service) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) เสนอ ซึ่งประกอบด้วย การดำเนินการที่มีอยู่ของ สกท. การดำเนินการที่มีอยู่ของหน่วยงานอื่น แผนการดำเนินการในระยะสั้น (ภายในระยะเวลา ๓ เดือน) และแผนการดำเนินการในระยะกลาง (ภายในระยะเวลา ๖ เดือน) สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการที่มีอยู่ของ สกท. ได้ดำเนินการให้บริการข้อมูลและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและนักลงทุนในหลากหลายช่องทาง ได้แก่ ศูนย์บริการด้านการลงทุนในที่ตั้งที่สะดวกในการเดินทางไปติดต่อแก่ผู้ประกอบการและนักลงทุน และการให้บริการข้อมูลและการรับคำร้องผ่านเครือข่ายสารสนเทศ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางและสามารถได้รับข้อมูลนอกเวลาราชการได้ สำหรับการดำเนินการที่มีอยู่ของหน่วยงานอื่น ได้มีการเปิดศูนย์บริการร่วมในศูนย์การค้าหรือ G-point จัดโดยสำนักงาน ก.พ.ร. ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ล โดยทางบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ใช้พื้นที่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา ๑๑.๐๐-๑๙.๐๐ น. ๗ วันต่อสัปดาห์ ๒. แผนดำเนินการในระยะสั้น (ภายในระยะเวลา ๓ เดือน) ได้แก่ การขยายขอบข่ายการให้บริการของศูนย์ฯ การบริการให้คำปรึกษาและข้อมูลการลงทุน การให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคล การขออนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งเงินทุน และจัดหาพื้นที่ที่ทำการใหม่ของศูนย์ฯ ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ล โดยอาจพิจารณาเช่าพื้นที่ที่อยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นและเหมาะสมยิ่งขึ้น ๓. แผนการดำเนินการในระยะกลาง (ภายในระยะเวลา ๖ เดือน) ได้แก่ การศึกษารูปแบบการให้บริการที่เหมาะสม การจัดหาสถานที่ตั้งศูนย์ฯ ที่มีขนาดและสถานที่ตั้งเหมาะสม การประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการจัดส่งผู้แทนมาประจำการเพื่อให้คำปรึกษาและข้อมูลร่วมกัน และการจัดหางบประมาณและบุคลากรเพื่อบริหารจัดการศูนย์ฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24530 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิตเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการของสถาบันการเงิน องค์กรและสถาบันที่เกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจ ตลาดเงิน และตลาดทุนอื่น ๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน เช่น คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานเดียวกัน จึงมอบหมายให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาแก้ไขบทบัญญัติกฎหมายในส่วนของกรณีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้กรรมการอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ากรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ และกรณีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ หากวาระของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเหลืออยู่ไม่ถึงตามระยะเวลาที่กำหนด หรือมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเหลืออยู่ไม่เกินกึ่งหนึ่ง ให้กรรมการที่เหลืออยู่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ โดยให้ถือว่าคณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการเท่าที่เหลืออยู่ |
|||||||||||||||||||||||||||
24531 | ร่างพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. .... | สธ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยอาหาร โดยกำหนดให้การผลิตอาหารเพื่อจำหน่ายทุกประเภทต้องจัดให้มีสถานที่และระบบคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร ปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการผลิต การจำหน่าย การนำเข้า และการส่งออกอาหารให้สอดคล้องกับการกำหนดประเภทของอาหาร ปรับปรุงกระบวนการควบคุมอาหาร ควบคุมฉลากหรือเอกสารกำกับอาหาร และควบคุมการโฆษณาอาหาร รวมทั้งปรับปรุงบทกำหนดโทษและอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อให้กลไกการควบคุมและกำกับดูแลความปลอดภัยอาหารสามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อไม่ให้กระทบต่ออำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งเป็นหน่วยงานตามกฎหมายในการรับรองสินค้าเกษตรและอาหารที่ส่งออกไปต่างประเทศ แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24532 | ร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. .... | ยธ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ เพื่อกำหนดบทบัญญัติและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ขึ้นใหม่ เพื่อให้การบริหารงานของกรมราชทัณฑ์ การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ กระบวนการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังและการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเกิดประสิทธิผลสูงสุด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการควบคุมและการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังจะต้องดำเนินการตามหลักทัณฑวิทยา หลักสิทธิมนุษยชน และหลักกฎหมาย ตลอดจนข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นต่อนานาประเทศ และส่งเสริมให้ครอบครัว ชุมชน และเอกชนที่มีวัตถุประสงค์ด้านการบำบัด ฟื้นฟู พัฒนาระบบพฤตินิสัยผู้ต้องขังเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการดังกล่าวด้วย ตลอดจนมุ่งเน้นการอบรมแก้ไขพฤตินิสัยและสร้างโอกาสให้ผู้ต้องขังที่พ้นโทษแล้วกลับคืนสู่สังคมได้อย่างเป็นปกติสุข โดยไม่หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก และข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกำหนดองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการตรวจเรือนจำและคณะอนุกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์ การกำหนดตำแหน่งเจ้าพนักงาน การกำหนดค่าตอบแทนของเจ้าพนักงาน การกำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน การจำแนกและมาตรฐานเรือนจำ การทำสัญญาจ้างเอกชนเพื่อดำเนินการใด ๆ ที่เป็นภารกิจและอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ สิทธิของผู้ต้องขัง การลดวันต้องโทษจำคุก อนามัยของผู้ต้องขัง รวมถึงวินัยและบทลงโทษผู้ต้องขัง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
24533 | ร่างพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. .... | ตช | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้มีกฎหมายรองรับเพื่อควบคุมการประกอบธุรกิจการรักษาความปลอดภัยให้มีมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งให้ความคุ้มครองผู้บริโภคในธุรกิจรักษาความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับการกำหนดให้บริษัทรักษาความปลอดภัยมีหน้าที่ดำเนินการให้พนักงานรักษาความปลอดภัยได้รับหลักประกันการปฏิบัติหน้าที่หรือการทำงานอย่างน้อยตามมาตรฐานที่กฎหมายแรงงานกำหนด และได้รับหลักประกันด้านการเงินในกรณีพนักงานรักษาความปลอดภัยเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอันสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ ไปประกอบการพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีและสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานรักษาความปลอดภัย โดยบริษัทที่ทำธุรกิจรักษาความปลอดภัยควรคัดเลือกบุคคลที่จะมาทำงานรักษาความปลอดภัยอย่างรอบคอบ โดยกำหนดมาตรฐานของบุคคลที่จะมาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย มีการฝึกอบรม และการประเมินผลเพื่อให้บุคคลดังกล่าวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อเกิดความเสียหายอันเกิดจากความผิดของพนักงานรักษาความปลอดภัย บริษัทจะต้องรับผิดในความเสียหายนั้นด้วย รวมทั้งพิจารณาจัดระบบการบริหารงานด้านการตรวจสอบและจัดทำบัญชีรายชื่อบริษัทรักษาความปลอดภัยและพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตการสนับสนุนการจัดฝึกอบรมให้แก่พนักงานรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ประกอบการ และจัดอัตรากำลังของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อรองรับการปฏิบัติงานดังกล่าวให้เหมาะสมกับภารกิจ โดยใช้กำลังคนที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
24534 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่าง ปี 2558 - 2560 | วธ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ (Memorandum of Understanding on Cooperation between the Ministry of Culture of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Culture of the Russian Federation 2015-2017) มีสาระสำคัญเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่เป็นรูปธรรมในด้านศิลปะ ภาษา วรรณกรรม เอกสารโบราณ ดนตรี ละคร นาฏศิลป์ รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างคู่ภาคีในด้านการจัดแสดงผลงานวิจิตรศิลป์ และความร่วมมือในการติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงานด้านจดหมายเหตุ การแลกเปลี่ยนนักจดหมายเหตุ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวกับการรักษาจดหมายเหตุ และเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดสัมมนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการให้มีขึ้นในประเทศของคู่ภาคี อีกทั้งการส่งครูหรือผู้ฝึกสอนในด้านวัฒนธรรมของประเทศคู่ภาคีไปปฏิบัติงานยังประเทศของอีกฝ่าย รวมทั้งการจัดงานวันวัฒนธรรมไทยในรัสเซียและวัฒนธรรมรัสเซียในไทย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในบันทึกความเข้าใจฯ หากมีความจำเป็นสามารถปรับปรุงถ้อยคำของบันทึกความเข้าใจฯ ได้เท่าที่ไม่ขัดกับหลักการและสาระสำคัญที่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี หรือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาดำเนินการจัดทำความร่วมมือกับกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซียให้ครอบคลุมทุกมิติด้านวัฒนธรรมบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน รวมทั้งให้ประสานงานกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวระหว่างกันในแต่ละด้านของวัฒนธรรม (Cluster) อย่างมีคุณภาพและความปลอดภัย และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการเพิ่มเที่ยวบินระหว่าง ๒ ประเทศให้มากขึ้น ทั้งในลักษณะของเที่ยวบินเหมาลำ (Charter Flight) และเที่ยวบินปกติของสายการบินแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||||||||
24535 | ขอความเห็นชอบต่อร่างหนังสือแลกเปลี่ยน (Exchange of Notes) ของสำนักเลขาธิการอาเซียนในเรื่องการต่ออายุบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลออสเตรเลียกับอาเซียนว่าด้วยโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลีย ระยะที่ 2 | กต | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายอาเซียน (Exchange of Notes) ของสำนักเลขาธิการอาเซียนในเรื่องการต่ออายุบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลออสเตรเลียกับอาเซียนว่าด้วยโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลีย ระยะที่ ๒ (Memorandum of Understanding between the Government of Australia and the Association of Southeast Asian Nations on the Second Phase of the ASEAN Australia Development Cooperation Program : AADCP II) และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก โดยหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายอาเซียนมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การต่ออายุบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลออสเตรเลียกับอาเซียนว่าด้วยโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลีย ระยะที่ ๒ ออกไป ๔ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เป็นวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ (๒) แก้ไขการระบุหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหวางประเทศแห่งออสเตรเลีย (Australian Agency for International Development : AusAID) เป็นกระทรวงการต่างประเทศและการค้า (Department of Foreign Affairs and Trade : DFAT) (๓) แก้ไขการระบุชื่อโครงการ จากโครงการความช่วยเหลือออสเตรเลีย สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งออสเตรเลีย (AusAID Australian Aid Program) เป็นโครงการความช่วยเหลือออสเตรเลีย กระทรวงการต่างประเทศและการค้า (DFAT-Australian Aid Program) ๒. ให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายอาเซียน และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ว่ารัฐบาลไทยให้ความยินยอมแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||
24536 | หนังสือแจ้งเพื่อการมีผลใช้บังคับสำหรับความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งมอนเตเนโกรว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการไทยและมอนเตเนโกร | กต | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายมอนเตเนโกรว่า ฝ่ายไทยได้เสร็จสิ้นการดำเนินการภายในที่จำเป็นเพื่อให้มีผลใช้บังคับความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งมอนเตเนโกรว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการไทยและมอนเตเนโกรแล้ว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออก และพำนักของบุคคลที่ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการไทยและมอนเตเนโกร โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตราเป็นระยะเวลาไม่เกินเก้าสิบวัน หรือดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณากรณีที่การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนว่า ไทยจะมีมาตรการรองรับอย่างไรในการกลั่นกรองทางด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ในกรณีที่มีการเคลื่อนย้ายเสรีของคน สินค้า และทุนในอนาคต |
|||||||||||||||||||||||||||
24537 | ขออนุมัติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม World Irrigation Forum ครั้งที่ 2 และการประชุม International Executive Council Meeting ครั้งที่ 67 ในปี พ.ศ. 2559 | กษ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมชลประทานโลก ครั้งที่ ๒ (The 2nd World Irrigation Forum) และการประชุมมนตรีฝ่ายบริหารประเทศ ครั้งที่ ๖๗ (The 67th IEC Meeting) ระหว่างวันที่ ๖-๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ๑.๒ งบประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับเตรียมการจัดประชุมและดำเนินการจัดประชุมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐ จำนวน ๕๘,๕๑๕,๔๔๐ บาท ๑.๓ แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดการประชุมชลประทานโลก ครั้งที่ ๒ และการประชุมมนตรีฝ่ายบริหารระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๖๗ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ (The 2nd World Irrigation Forum and The 67th IEC Meeting) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานกรรมการ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายสำหรับเตรียมการประชุมและดำเนินการจัดประชุมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้กรมชลประทานดำเนินการภายในกรอบวงเงิน จำนวน ๕๘,๕๑๕,๔๔๐ บาท โดยเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดประชุมหรือการเข้าร่วมประชุมทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศจะต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน สารัตถะเชิงรุกในทุกมิติ และประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ เพื่อมิให้สูญเสียงบประมาณโดยไม่จำเป็น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอประเด็นต่อที่ประชุมเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และการบริหารจัดการเพื่อใช้ประโยชน์แหล่งน้ำร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งผลงานการบริหารจัดการน้ำของไทยในช่วง ๖๐ ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว |
|||||||||||||||||||||||||||
24538 | การเข้าเป็นภาคีความตกลงว่าด้วยไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ ค.ศ. 2006 | ทส | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงว่าด้วยไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ ค.ศ. ๒๐๐๖ (International Tropical Timber Agreement 2006 : ITTA 2006) และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามขั้นตอนการเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงว่าด้วยไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ ค.ศ. ๒๐๐๖ (ITTA 2006) ต่อไป ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นค่าสมาชิกรายปี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบเงินอุดหนุน รายการค่าสมาชิกองค์การไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ จำนวน ๑,๙๕๓,๖๐๐ บาท ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้กรมป่าไม้เสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการไปประชุมในคณะมนตรีองค์การไม้เขตร้อนระหว่างประเทศควรต้องมีการจัดเตรียมประเด็นท่าทีของไทยในการเจรจา กำหนดวัตถุประสงค์และประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ รวมทั้งผลกระทบในการดำเนินการของไทย โดยที่ประเทศไทยไม่เสียเปรียบหรือประเทศอื่นได้เปรียบ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยมักจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการไปเจรจาเนื่องจากไม่มีข้อมูลและไม่ได้มุ่งผลเป็นรูปธรรม ไปประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
24539 | การเพิ่มวงเงินบริจาคโดยสมัครใจให้แก่องค์การเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ (UN Women) | พม | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบเพิ่มจำนวนเงินบริจาคโดยสมัครใจรายปีให้แก่องค์การเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ (UN Women) จำนวนเงินปีละ ๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของสตรีและการพัฒนาศักยภาพของสตรีซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการดำเนินงานต่อไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
24540 | ร่างรายงานการอนุวัติอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ฉบับที่ 6 - 7 (ฉบับรวม) (พ.ศ. 2546 - 2553) | พม | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างรายงานการอนุวัติอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination against Women : CEDAW) ฉบับที่ ๖-๗ (ฉบับรวม) (พ.ศ. ๒๕๔๖-๒๕๕๓) ทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถานภาพสตรีแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบแล้วในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ โดยร่างรายงานฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรายงานความก้าวหน้า และข้อท้าทายในภาพรวมในการดำเนินการตาม CEDAW ได้แก่ มาตรการ นโยบายเพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี การประกันสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน มาตรการพิเศษชั่วคราว บทบาทและเจตคติทางเพศ การค้าหญิงและการแสวงหาประโยชน์จากผู้หญิง การเมืองและราชการ การเป็นผู้แทนและการมีส่วนร่วมในระดับนานาชาติ การปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับสัญชาติ การรายงานเกี่ยวกับการศึกษา การจ้างงาน สุขภาพ เศรษฐกิจและสังคม สตรีในชนบท ความเสมอภาคทางกฎหมาย และสิทธิเกี่ยวกับการสมรสและครอบครัว ๑.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดส่งรายงานฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อเสนอต่อสหประชาชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร่งรัดจัดทำรายงานฉบับต่อไปให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ปรับปรุงข้อมูลในรายงานดังกล่าวให้ชัดเจน ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันเพื่อเสนอต่อสหประชาชาติต่อไป |
.....