ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1225 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 24481 - 24500 จากข้อมูลทั้งหมด 124347 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24481 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี และขอความเห็นชอบในการออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม กรณีการพิจารณาอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานน้ำตาล | อก | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ ๑.๑ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๓๒ (เรื่อง การย้ายสถานที่ตั้งและตั้งโรงงานน้ำตาลทรายใหม่ และการพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรี) ๑.๒ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๔๖ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาราคาอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ) ในส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาวข้อ ๑.๒ (๕) ของหนังสือกระทรวงอุตสาหกรรม ด่วนที่สุด ที่ อก ๐๖๐๒/๑๗๔๐ ลงวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๔๖ กรณีห้ามไม่ให้มีการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานน้ำตาล และกำหนดมาตรการในการจัดการกับกำลังการผลิตส่วนเกินที่ได้รับอนุมัติแล้วแต่ยังไม่ได้ดำเนินการ รวมทั้งกำหนดสถานที่ตั้งของโรงงานน้ำตาลให้เหมาะสมกับพื้นที่เพาะปลูกก่อนที่จะห้ามไม่ให้มีการย้ายและขยายโรงงานอีกต่อไป ๒. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การอนุญาตให้ตั้ง หรือย้าย หรือขยายโรงงานน้ำตาลในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการอนุญาตตั้งโรงงานน้ำตาลออกตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการพิจารณาอนุญาตให้ตั้ง หรือย้าย หรือขยายโรงงานน้ำตาล ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปพิจารณาทบทวนการจดทะเบียนชาวไร่อ้อยโดยดำเนินการให้สอดคล้องกับมติคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การขึ้นทะเบียนชาวไร่อ้อยกับโรงงานน้ำตาลที่ขออนุญาตจะต้องยึดหลักของประสิทธิภาพ และการลดต้นทุนการขนส่งของเกษตรกร รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และกลไกให้โรงงานน้ำตาลที่ตั้งขึ้นใหม่ภายใต้หลักเกณฑ์ตามร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมนี้ต้องดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยแต่ละฤดูการผลิต การให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อเพื่อดำเนินการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในการทำการเกษตร ก่อนอนุมัติให้ตั้งหรือย้าย หรือขยายโรงงานน้ำตาล ทั้งนี้ ให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบถึงผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||
24482 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ 1 บี 1 เอเอ็ม และ 1 บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท เคมีแมน จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑ บี ๑ เอเอ็ม และ ๑ บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท เคมีแมน จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี ตามคำขอประทานบัตรที่ ๑๙/๒๕๕๒ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ และวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องมีมาตรการที่เคร่งครัดในการติดตามให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่เห็นควรนำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการกำหนดมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ร่วมกันตรวจสอบการดำเนินการทำเหมืองแร่ในพื้นที่ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ไปดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
24483 | หนังสือแลกเปลี่ยนเรื่องเอกสิทธิ์ขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration : IOM) | กต | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ประเทศไทยมีหนังสือแลกเปลี่ยนตอบองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration : IOM) โดยสาระสำคัญของหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ฝ่ายไทยสามารถพิจารณาตอบสนองคำร้องขอเอกสิทธิของ IOM ได้ ๒ ข้อ คือ (๑) การยกเว้นภาษีศุลกากรนำเข้ารถยนต์ส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ และ (๒) การยกเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันสำหรับยานพาหนะของ IOM และเจ้าหน้าที่ และอนุมัติในหลักการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในหนังสือดังกล่าว เพื่อให้กระบวนการลงนามหนังสือแลกเปลี่ยนเสร็จสมบูรณ์ ๒. กรณีมีการแก้ไขถ้อยคำหรือประเด็นใดที่มิใช่สาระสำคัญ อนุมัติในหลักการให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงการต่างประเทศ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก |
|||||||||||||||||||||
24484 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสุดยอดเอเชีย - แอฟริกา (Asian-African Summit) การฉลองครบรอบ 60 ปี ของการประชุมเอเชีย - แอฟริกา ปี ค.ศ. 1955 (การประชุมบันดุง) และครบรอบ 10 ปี หุ้นส่วนใหม่ทางยุทธศาสตร์เอเชีย - แอฟริกา | กต | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา (Asian-African Summit) การฉลองครบรอบ ๖๐ ปี ของการประชุมเอเชีย-แอฟริกา ปี ค.ศ. ๑๙๕๕ (การประชุมบันดุง) และครบรอบ ๑๐ ปี หุ้นส่วนใหม่ทางยุทธศาสตร์เอเชีย-แอฟริกา จำนวน ๓ ฉบับ และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ได้แก่ ๑.๑ ร่างข้อความสารบันดุง ปี ค.ศ. ๒๐๑๕ การเสริมสร้างความร่วมมือแบบใต้-ใต้ เพื่อส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของโลก (Bandung Message 2015 Strengthening South-South Cooperation to Promote World Peace and Prosperity) มีสาระสำคัญเพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่จะเสริมสร้างความร่วมมือแบบใต้-ใต้ โดยการสร้างความเชื่อมโยงของภูมิภาคทั้งสองให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น และการยกระดับความร่วมมือระหว่างเอเชียและแอฟริกาทั้งทางด้านการเมืองและความมั่นคงด้านเศรษฐกิจการค้าและด้านสังคมและวัฒนธรรม เพื่อนำไปสู่สันติภาพและความมั่นคง การกำจัดความยากจน และการบรรลุถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน รวมทั้งการจัดการกับความท้าทายข้ามชาติอื่น ๆ ในระดับภูมิภาคและระดับโลก ๑.๒ ร่างปฏิญญาว่าด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่หุ้นส่วนใหม่ทางยุทธศาสตร์เอเชีย-แอฟริกา (Declaration on Reinvigorating the New Asian-African Strategic Partnership) มีสาระสำคัญเพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งของหุ้นส่วนใหม่ทางยุทธศาสตร์เอเชีย-แอฟริกา สำหรับเป็นกลไกในการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเอเชียและแอฟริกา และยืนยันพันธกรณีที่จะทำให้ความร่วมมือที่ดำเนินมาอย่างยาวนานระหว่างเอเชียและแอฟริกามีขอบเขตที่กว้างขวางและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมเจตนารมณ์แห่งบันดุงสำหรับเป็นแนวทางการดำเนินความร่วมมือระหว่างเอเชียและแอฟริกาในอนาคต ๑.๓ ร่างปฏิญญาว่าด้วยปาเลสไตน์ (Declaration on Palestine) มีสาระสำคัญเพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการต่อสู้อย่างถูกต้องของประชาชนปาเลสไตน์เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิที่มิอาจทำให้เป็นอื่นได้ในการกำหนดการปกครองตนเองและการบรรลุความเป็นรัฐปาเลสไตน์ที่มีเอกราชและอำนาจอธิปไตยโดยสมบูรณ์ รวมทั้งย้ำความสำคัญให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือในเชิงลบซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาหรือการบรรลุทางออกโดยสันติ ๒. ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารฯ ทั้ง ๓ ฉบับ |
|||||||||||||||||||||
24485 | การสมัครเข้าเป็นผู้สังเกตการณ์ในคณะกรรมการความตกลงว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐภายใต้องค์การการค้าโลก | กค | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการสมัครเข้าเป็นผู้สังเกตการณ์ในคณะกรรมการความตกลงว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ (Government Procurement Agreement Committee : GPA Committee) ภายใต้องค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ของประเทศไทย เพื่อที่กระทรวงการคลังจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในหน่วยงานของรัฐทุกระดับ โดยเพิ่มการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและประชาชนในการตรวจสอบ ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลในการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นระบบและสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยทั่วไป และควรมีการเตรียมความพร้อมและพัฒนาผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ภายในประเทศให้สามารถแข่งขันได้ รวมทั้งสนับสนุน SMEs ในการเข้าถึงโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
24486 | ขอยกเลิกโครงการที่ได้รับอนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (Structural Adjustment Loan : SAL) | กค | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ยกเลิกโครงการว่าจ้างที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการน้ำเพื่อช่วยในการวิเคราะห์การบริหารและการติดตามประเมินผลโครงการ (Technical Advisory) เพื่อสนับสนุนการจัดเตรียมระบบฐานข้อมูลและระบบงานเพื่อรองรับการบริหารโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตของประเทศ วงเงิน ๓๙ ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕ ๒. ยกเลิกโครงการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลและโครงการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน วงเงินรวม ๗๐๐ ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๓. ยกเลิกคณะกรรมการบริหารและติดตามการดำเนินโครงการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลและโครงการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตามลำดับ |
|||||||||||||||||||||
24487 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF1 และ FIDF3 | กค | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Institution Development Fund : FIDF) (กองทุนฯ ) เข้าบัญชีสะสมเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (บัญชีสะสมฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติม จำนวน ๓๑,๖๒๙ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ ทั้งนี้ เมื่อรวมเงินนำส่งจากกองทุนฯ เพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF1 และ FIDF3 ในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ จะเป็นจำนวนทั้งสิ้น ๕๒,๖๒๙ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24488 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 (ของกรมโยธาธิการและผังเมือง) | มท | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง เปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จังหวัดชุมพร เป็นโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา ในวงเงิน ๕๙,๐๓๘,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๒,๐๗๖,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๔๖,๙๖๒,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในโอกาสต่อไป เห็นควรสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่เป้าหมายก่อนเพื่อมิให้การดำเนินการและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณล่าช้า และควรกำหนดให้มีมาตรการทางผังเมืองที่ช่วยควบคุมและป้องกันปัญหาจราจรเพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองให้มีคุณภาพและมีความปลอดภัย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
24489 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารเรียน | ศธ | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียน จำนวน ๒ หลัง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อาคารเรียน แบบ ๓๑๘ ล./๓๘ พิเศษ โรงเรียนอ่าวลึกประชาสรรค์ จังหวัดกระบี่ จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๑๘,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน จำนวน ๑๘,๗๕๑,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๔,๑๖๐,๐๐๐ บาท ที่ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๔,๕๙๑,๐๐๐ บาท ได้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ไว้แล้ว ๒. อาคารเรียน แบบ ๓๒๔ ล. (ตอกเข็ม) โรงเรียนระยองวิทยาคมปากน้ำ จังหวัดระยอง จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๒๓,๓๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒๔,๔๓๔,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๔,๖๗๔,๕๐๐ บาท ที่ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ส่วนที่ขาดอีกจำนวน ๙,๗๕๙,๕๐๐ บาท ได้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ไว้แล้ว ทั้งนี้ การดำเนินการก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย |
|||||||||||||||||||||
24490 | การกำหนดอัตราค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราวที่ปฏิบัติงานในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มขึ้นของกรมทางหลวง | คค | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราวที่ปฏิบัติงานในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ของกรมทางหลวงเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๒.๐๕ ของอัตราค่าจ้างรายวัน (๓๗๗.๘๕ บาท) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ให้กรมทางหลวงปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กรมทางหลวงเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รับไปพิจารณาอัตราค่าตอบแทนพิเศษแก่ผู้ปฏิบัติงานในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อกำหนดอัตราค่าตอบแทนให้สอดคล้องกับภารกิจและสภาพแวดล้อมต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
24491 | โครงการพุทธอุทยานโลก เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา | มท | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานโครงการพุทธอุทยานโลก และรับเป็นโครงการของรัฐบาล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา โดยวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองสัมพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เพื่อเป็นสถานที่จัดสร้างศาสนสถานและสถานปฏิบัติธรรมจากประเทศนานาชาติ โดยเป็นโครงการขยายต่อจากโครงการศูนย์กลางพุทธโลก ซึ่งตั้งอยู่ ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และเพื่อให้พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนใช้เป็นสถานที่เรียนรู้พุทธศาสนาและปฏิบัติธรรมควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ตามแนวคิด “ พุทธอุทยาน” มีเป้าหมาย เพื่อจัดสร้าง “พุทธอุทยานโลก” โดยก่อสร้างองค์จำลองของศาสนสถานจากทั่วโลก อาทิ สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล สถานที่ปฏิบัติกิจต่าง ๆ ของสงฆ์ อาคารสำนักงาน สถานที่ปฏิบัติธรรมนานาชาติ แผนงานและงบประมาณ ประกอบด้วย ๖ แผนงาน ใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ ๑,๐๑๗ ล้านบาท โดยในส่วนค่าใช้จ่ายของโครงการในชั้นนี้ยังไม่มีภาระผูกพันด้านงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินโครงการพุทธอุทยานโลก โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นรองประธานกรรมการ |
|||||||||||||||||||||
24492 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายสมชาย อินทรศิริพงษ์) | สธ | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมชาย อินทรศิริพงษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24493 | ค่าชดเชยที่ดินและสิ่งก่อสร้างตามโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ | สผ | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการเบิกจ่ายค่าชดเชยตามโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ให้กับกรุงเทพมหานคร จากจำนวน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นจำนวน ๑๔๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐสภากับกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ ซึ่งการเพิ่มเติมค่าชดเชยดังกล่าวไม่กระทบต่อกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการแล้ว ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๒ [เรื่อง ขออนุมัติโครงการและงบประมาณก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บริเวณพื้นที่ราชพัสดุถนนทหาร (เกียกกาย) เขตดุสิต และขออนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าชดเชยในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่] ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า การดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ใช้งบประมาณจำนวนมากและมีความล่าช้าในการดำเนินการค่อนข้างมาก จึงควรเร่งรัดการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จโดยเร็วและพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์ของอาคารรัฐสภาให้เหมาะสม คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ โดยในส่วนของการก่อสร้างสะพานเกียกกายในบริเวณใกล้เคียงกับโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรชะลอการดำเนินการไว้ก่อน ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานความก้าวหน้าโครงการนี้ต่อคณะรัฐมนตรี ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ [เรื่อง รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย)] |
|||||||||||||||||||||
24494 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6) คดีระหว่างนายอำนวย ปราบเสถียร ที่ 1 กับพวกรวม 30 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | อส | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖) คดีระหว่างนายอำนวย ปราบเสถียร ที่ ๑ กับพวกรวม ๓๐ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24495 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6) ในคดีระหว่างนายเจ๊กกี้ อดุลยวิจิตร ที่ 1 กับพวกรวม 21 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการขึ้น - ลงของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการเพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว รวมทั้งร่วมกันชำระค่าเสียหายทางละเมิด | นร05 | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖) ในคดีระหว่างนายเจ๊กกี้ อดุลยวิจิตร ที่ ๑ กับพวกรวม ๒๑ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการขึ้น-ลงของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการเพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว รวมทั้งร่วมกันชำระค่าเสียหายทางละเมิด ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24496 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) ในคดีระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ 1 กับพวกรวม 92 คน ผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย | นร05 | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓) ในคดีระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ ๑ กับพวกรวม ๙๒ คน ผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ ๑ กับพวกรวม ๔ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24497 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6) ในคดีระหว่างนายวีรยุทธ สุกสอน ที่ 1 กับพวกรวม 30 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการขึ้น - ลงของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการเพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว | อส | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖) ในคดีระหว่างนายวีรยุทธ สุกสอน ที่ ๑ กับพวกรวม ๓๐ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการขึ้น-ลงของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการเพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24498 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6) ในคดีระหว่างเด็กชายอาจณรงค์ สวนมาลา หรือจันทร์สา ที่ 1 กับพวกรวม 18 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการขึ้น - ลงของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการเพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว รวมทั้งร่วมกันชำระค่าเสียหายทางละเมิด | นร05 | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖) ในคดีระหว่างเด็กชายอาจณรงค์ สวนมาลา หรือจันทร์สา โดยนางสายทอง ผลจัด ผู้แทนโดยชอบธรรม ที่ ๑ กับพวกรวม ๑๘ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการขึ้น-ลงของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการเพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว รวมทั้งร่วมกันชำระค่าเสียหายทางละเมิด ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24499 | ข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับโทษประหารชีวิตและหลักสิทธิมนุษยชน | สม | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับโทษประหารชีวิตและหลักสิทธิมนุษยชน โดยให้มีการรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจแก่สังคมไทยเกี่ยวกับโทษประหารชีวิต ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กับการช่วยลดหรือป้องปรามการก่ออาชญากรรมอย่างมีนัยสำคัญในทุกกรณี รวมถึงคดีเกี่ยวกับยาเสพติด อีกทั้งยังเป็นการลงโทษที่ละเมิดต่อสิทธิในการดำรงชีวิต อันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน การปรับปรุงระบบและกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ถูกต้อง และมีความน่าเชื่อถือ รวมทั้งปฏิรูประบบเรือนจำให้สามารถรองรับนักโทษประหารชีวิต และมีสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของนักโทษ ตลอดจนปรับปรุงและแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าว และให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
24500 | การป้องกันและระงับอัคคีภัยอันเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน | อก | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบความคืบหน้าของการป้องกันและระงับอัคคีภัยอันเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน ของกระทรวงอุตสาหกรรม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการป้องกันการเกิดอัคคีภัย ๑.๑.๑ ด้านกฎหมาย ได้มีการทบทวนประกาศหลักเกณฑ์ เรื่อง การป้องกันและระงับอัคคีภัยเพื่อให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานได้มีส่วนร่วมเสนอความเห็นและเตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง และได้เพิ่มมาตรการป้องกันอัคคีภัยโดยให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานทำการตรวจประเมินตนเอง รวมทั้งจัดทำรายงานผลการตรวจประเมินความปลอดภัยให้กระทรวงอุตสาหกรรมในช่วงการต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานทุก ๕ ปี เพื่อประกอบการพิจารณาต่ออายุใบอนุญาตดังกล่าว สำหรับโรงงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอัคคีภัยและมีอายุประกอบกิจการมากกว่า ๑๐ ปี จะเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับ ดูแล โดยให้มีการจัดส่งรายงานผลการประเมินและรายงานความปลอดภัยตามกฎหมายต่างๆ ทุก ๒ ปี ๑.๑.๒ ด้านการส่งเสริมความปลอดภัยจากการเกิดอัคคีภัย จัดทำและเผยแพร่คู่มือแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัยภายในสถานประกอบกิจการโรงงาน จัดอบรมให้ความรู้ด้านการป้องกันและระงับอัคคีภัยภายในโรงงานแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ประกอบกิจการโรงงาน ๑.๑.๓ ด้านความร่วมมือกับภาคเอกชน ประสานงานกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจัดทำโครงการความร่วมมือ “พี่ช่วยน้องป้องกันอัคคีภัยในโรงงาน” เพื่อให้โรงงานที่มีความพร้อมมากกว่าช่วยเหลือโรงงานที่มีความพร้อมน้อยกว่า ๑.๑.๔ ด้านการบริหารจัดการ สนับสนุนให้มีโครงการบริหารจัดการเพื่อป้องกันและลดอัคคีภัยในโรงงานอย่างเป็นระบบ โดยใช้ Third Party ที่มีขีดความสามารถ เพื่อประเมินความเสี่ยง การจัดการระบบ การตรวจประเมิน รวมถึงการทดสอบระบบเป็นครั้งคราวเพื่อลดความเสี่ยงหรือความเสียหายจากการเกิดอัคคีภัย ๑.๑.๕ ด้านอื่น ๆ ปรับปรุงฐานข้อมูลสารเคมีในสถานประกอบกิจการโรงงาน เพื่อประโยชน์ในการป้องกัน ควบคุม และลดความเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัย รวมทั้งเป็นข้อมูลประกอบในการระงับอัคคีภัยในกรณีเกิดเหตุ ประสานหน่วยงานที่มีภารกิจในการกำกับดูแลตามกฎหมายการป้องกันและระงับอัคคีภัยอันเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความปลอดภัยในการประกอบกิจการโรงงานสูงสุด ๑.๒ มาตรการระงับภัยในระหว่างเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ ๑.๒.๑ ระหว่างเกิดเหตุอัคคีภัย เจ้าหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรมจะเข้าตรวจสอบในพื้นที่เกิดเหตุและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันดำเนินการให้เหตุการณ์สงบโดยเร็ว พร้อมรายงานข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ให้ผู้บริหารทราบเป็นระยะ ๆ และจะมีการรายงานเข้าระบบ PMOC ของศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรีโดยทันที ๑.๒.๒ เมื่อเหตุการณ์ยุติ พนักงานเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจโรงงานและเครื่องจักรเพื่อตรวจสอบความเสียหายและพิจารณาดำเนินการสั่งการให้ปรับปรุงแก้ไข หรือหยุดประกอบกิจการชั่วคราว โดยแล้วแต่กรณี พร้อมทั้งให้คำปรึกษา แนะนำ และช่วยเหลือผู้ประกอบการในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถประกอบกิจการได้ตามปกติโดยเร็ว ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานงานกับคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าวตามแนวทางของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป
|
.....