ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 25 หน้า แสดงรายการที่ 21 - 40 จากข้อมูลทั้งหมด 486 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ. | 27/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก
หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ผลิต
ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยปรับปรุงข้อมูล
เอกสารหรือหลักฐานการยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับของบุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยและนิติบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย
และกำหนดขนาดหรือลักษณะกิจการฟาร์มไก่ไข่ และปางช้างให้ได้รับยกเว้นใบอนุญาตเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแนวทางการสร้างการรับรู้และแนวปฏิบัติ
โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตทั้งที่ได้และยังไม่ได้มาตรฐานบังคับการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
22 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ในบริบทการป้องกันประเทศ | กห. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ในบริบทการป้องกันประเทศ
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว
ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ณ รัฐปีนัง
ประเทศมาเลเซีย โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ซึ่งมีสาระสำคัญ เช่น ๑)
ตระหนักถึงความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่มีความซับซ้อน และบทบาทเชิงรุกของหน่วยงานด้านการป้องกันประเทศของอาเซียนในการร่วมกันรับมือกับความท้าทายดังกล่าว
๒) ระมัดระวังว่าปัญญาประดิษฐ์ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้งานเพิ่มขึ้นในหลากหลายบทบาทในด้านการป้องกันประเทศ
ซึ่งได้ทำให้เกิดทั้งโอกาสและประโยชน์ เช่น การเพิ่มความถูกต้องและแม่นยำ
ตลอดจนได้สร้างความท้าทายและความเสี่ยง เช่น การแข่งขันสะสมอาวุธ
การประเมินที่ผิดพลาด การพึ่งพาที่มากเกินไป ๓)
การส่งเสริมความร่วมมือในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในบริบทการป้องกันประเทศอย่างรับผิดชอบ
สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ๔)
การส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีของหน่วยงานด้านการป้องกันประเทศ
เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการใช้ปัญญาประดิษฐ์
และลดความต่างที่มีอยู่ของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น
การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดี การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้
การถ่ายทอดเทคโนโลยี การสนับสนุนทางเทคนิค การฝึกอบรมและการวิจัยร่วมกัน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
23 | รายงานผลการดำเนินงาน โครงการแก้ปัญหาการกระจายทันตแพทย์ โดยกำหนดเงื่อนไขการเข้ารับราชการ | สธ. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงาน
โครงการแก้ปัญหาการกระจายทันตแพทย์โดยกำหนดเงื่อนไขการเข้ารับราชการ โดยคณะกรรมการพิจารณาฯ
ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ มีผลการดำเนินงานสรุปได้
ดังนี้ ๑) คณะกรรมการพิจารณาฯ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม
๒๕๖๕ มีมติเห็นชอบแผนความต้องการนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาของส่วนราชการและหน่วยงาน
ระยะ ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกันจัดทำแผนความต้องการนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาระยะ
๕ ปีเพิ่มเติม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๑ - ๒๕๗๕ ต่อไป และ ๒) คณะกรรมการพิจารณาฯ
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๖ มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดสรรและแนวปฏิบัตินักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาเพื่อให้รองรับนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาที่จะสำเร็จการศึกษาในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ (ปีการศึกษา ๒๕๖๖)
และเพื่อให้หน่วยงานสามารถคัดเลือกนักศึกษาทันตแพทย์ไปปฏิบัติงานชดใช้ทุนได้ครบตามแผนความต้องการ
และกำหนดตัวชี้วัดของการดำเนินการ โดยกำหนดให้หน่วยงานต้องคัดเลือกทันตแพทย์คู่สัญญาไปปฏิบัติงานชดใช้ทุนในหน่วยงานได้มากกว่าร้อยละ
๘๐ ของจำนวนความต้องการที่กำหนดในแผนความต้องการนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาของหน่วยงาน
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24 | การแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ | นร.09 | 21/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแก้ไขมาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ๒๔) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยมีผลใช้บังคับในวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๘
ที่แก้ปัญหาความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๗ วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม
ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ ๑๓/๒๕๖๗ และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ
ดำเนินการแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด ข้อบัญญัติ ประกาศ คำสั่ง
มติคณะรัฐมนตรี หรือแนวปฏิบัติในเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับมาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่
๑๓/๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์สำคัญของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ดศ. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล
ครั้งที่ ๕ (The 5th ASEAN Digital Ministers’ Meeting : The 5th
ADGMIN) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๘ ฉบับ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
หรือผู้แทนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าว
ประกอบด้วย (๑) ร่างปฏิญญาดิจิทัลกรุงเทพ (Bangkok Digital Declaration) (๒) ร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมสำหรับการประชุม ADGMIN ครั้งที่
๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (Joint Media Statement) (๓)
ร่างรายงานโครงการศึกษาขั้นตอนการพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital
Identification in ASEAN-Baseline study on how ASEAN leverage the digitalization
of ID) (๔) ร่างเอกสารแผนปฏิบัติการสำหรับกฎระเบียบความเป็นส่วนตัวข้ามพรมแดนระดับสากล
และการรับรองความเป็นส่วนตัวระดับสากลสำหรับผู้ประมวลผลข้อมูล (Operational
Framework for Global Cross-Border Privacy Rules : Global CBPR and Global
Privacy Recognition for Processors : Global PRP) (๕)
ร่างเอกสารเพิ่มเติมแนวปฏิบัติธรรมาภิบาลและจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ของอาเซียนโดยครอบคลุมถึงปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์
(Expanded ASEAN Guide on AI Governance and Ethics-Generative AI) (๖) ร่างรายงานการสำรวจกิจกรรมการหลอกลวงออนไลน์ในอาเซียน (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๖๗) ภายใต้คณะทำงานอาเซียนด้านการป้องกันปัญหาการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์
[Report of the Online Scams Activities in ASEAN (2023-2024) under the ASEAN
Working Group on Anti-Online Scam : WG-AS] (๗)
ร่างเอกสารข้อแนะนำของอาเซียนในการต่อต้านการหลอกลวงออนไลน์ (ASEAN
Recommendations on Anti-Online Scam) และ (๘)
ร่างเอกสารกรอบการบูรณาการบริการรัฐบาลดิจิทัลของอาเซียน (ASEAN Digital
Government Interoperability Framework) ซึ่งเป็นเอกสารแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกอาเซียนในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านดิจิทัลในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
โดยมีเป้าหมายปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัลในระดับภูมิภาค เช่น
การป้องกันปัญหาการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ การประสานงานด้านความมั่นคงไซเบอร์
การส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถด้านทักษะดิจิทัล การผลักดันกลยุทธ์การทำงานร่วมกันของภาครัฐและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแห่งชาติ
การดำเนินการพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล การอำนวยความสะดวกข้อมูลข้ามพรมแดน
รวมถึงนโยบายเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเห็นควรให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่ได้รับจัดสรร รวมถึงเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานที่ดำเนินการในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 และฉบับที่ 98 | รง. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๘๗ และฉบับที่ ๙๘ ซึ่งกระทรวงแรงงานได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
มีผลสรุปในภาพรวม ดังนี้ ๑) การให้สัตยาบันอนุสัญญาทั้ง ๒
ฉบับโดยที่ยังไม่ได้แก้ไขกฎหมายภายในย่อมส่งผลให้รัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติตามพันธกรณีตามอนุสัญญาทั้ง
๒ ฉบับได้อย่างครบถ้วน จึงควรยึดถือแนวปฏิบัติที่ผ่านมาว่า ประเทศไทยควรมีกฎหมายรองรับที่ครบถ้วนก่อนการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาทั้ง
๒ ฉบับ และ ๒) กระทรวงแรงงานได้ยกร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ให้มีหลักการที่สอดคล้องกับอนุสัญญาทั้ง
๒ ฉบับ และได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องผ่านช่องทางต่าง ๆ แล้ว
โดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักการที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
27 | ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการให้คำมั่นอันเป็นหนึ่งเดียวของประเทศสมาชิกอาเซียนในการปกป้องสุขภาพของประชาชนจากการแทรกแซงของอุตสาหกรรมยาสูบ โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในการควบคุมยาสูบ | สธ. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการให้คำมั่นอันเป็นหนึ่งเดียวของประเทศสมาชิกอาเซียนในการปกป้องสุขภาพของประชาชนจากการแทรกแซงของอุตสาหกรรมยาสูบ
โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในการควบคุมยาสูบ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขร่วมรับรองร่างหนังสือแสดงเจตจำนงค์ฯ
โดยสาระสำคัญของร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ เป็นการแสดงเจตจำนงร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในการคุ้มครองนโยบายด้านสาธารณสุขจากการแทรกแซงของอุตสาหกรรมยาสูบ
โดยประเทศสมาชิกอาเซียนจะสนับสนุนให้เกิดการสร้างความร่วมมือและกำหนดมาตรการในการควบคุมยาสูบผ่านการดำเนินการต่างๆ
เช่น (๑)
การกำหนดมาตรการเพื่อจำกัดการติดต่อปฏิสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับอุตสาหกรรมยาสูบ
(๒) การขยายความร่วมมือกับภาคส่วนอื่น ๆ เช่น ภาคส่วนด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการศึกษา
ด้านเศรษฐกิจและสังคม (๓) ติดตามและตรวจสอบการบิดเบือนของข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยาสูบที่สร้างความสับสนแก่ผู้กำหนดนโยบาย
และ (๔) แบ่งปันและแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวปฏิบัติที่ดี (Best
Practices) ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้หินเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 พ.ศ. .... | พณ. | 17/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้หินเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๑ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ กำหนดให้หินเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๑ เนื่องจากเป็นการลดอุปสรรคในการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการ รวมทั้งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะทำงานดำเนินงานโครงการเสริมสร้างความพร้อมด้านการจัดระเบียบบริหารการค้ารองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
(AEC) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์แนวปฏิบัติของการดำเนินการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าวให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
29 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองตูริน สาธารณรัฐอิตาลี และการปรับสถานะสถานทำการทางกงสุลจากสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองตูริน เป็นสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองตูริน (นายเปาโล โปแมะ) | กต. | 11/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. แต่งตั้ง นายเปาโล โปแมะ (Mr.Paolo Pome) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ
เมืองตูริน สาธารณรัฐอิตาลี
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมแคว้นปีเยมอนเตและแคว้นวัลเลดาออสตา สืบแทน นายอาคิเล เบนาซโซ
(Mr. Achille Benazzo) กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองตูริน
สาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่ง ๒. ปรับชื่อเรียกตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์จาก
กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองตูริน เป็น กงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองตูริน
สาธารณรัฐอิตาลี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
30 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร | ยธ. | 29/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยได้ดำเนินการจัดทำร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศ พ.ศ. ....
เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป และเมื่อร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศฯ
มีผลใช้บังคับแล้ว จะได้พิจารณาเสนอแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ให้ใช้ถ้อยคำที่เป็นกลางทางเพศต่อไป
การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์
พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อรองรับการมีบุตรโดยใช้เทคโนโลยี ช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ของคู่สมรสที่มีความหลากหลายทางเพศ
ได้มีการแก้ไขกฎ ระเบียบ และแนวปฏิบัติเพื่อรองรับบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศแล้ว
เช่น แนวทางการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศในสถานที่ควบคุม
และข้อบังคับเนติบัณฑิตยสภาแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๖๖
ให้สมาชิกที่มีอัตลักษณ์ทางเพศ
หรือวิถีเพศไม่ตรงกับเพศโดยกำเนิดมีสิทธิแต่งกายตามเพศสภาพหรืออัตลักษณ์ทางเพศของตน
รวมทั้งได้เตรียมความพร้อมจัดการอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรเกี่ยวกับกฎหมายสมรสเท่าเทียมอย่างต่อเนื่อง
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
31 | การลงนามข้อตกลงอาร์เทมิส (Artemis Accords) ระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศไทย | อว. | 29/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อตกลงอาร์เทมิส (Artemis Accords) ระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศไทย
และมอบหมายให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) เป็นหน่วยงานปฏิบัติ
(Implementor) และหน่วยงานหลักแห่งชาติ (National
Focal Point) ของประเทศไทยในการดำเนินการใด ๆ ในข้อตกลงฯ
และกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือต่อเนื่อง และให้ สทอภ. พิจารณากลั่นกรองโครงการของหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานที่จะดำเนินการในโครงการอาร์เทมิส
(Artemis Program) ในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนา ส่งเสริม
สนับสนุน ค้นคว้า วิจัย และดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้อง
เสนอคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ พิจารณาก่อนการดำเนินการต่อไป โดยข้อตกลงฯ
มีสาระสำคัญเพื่อสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันผ่านชุดหลักการ แนวปฏิบัติ
และแนวทางปฏิบัติ เพื่อยกระดับการกำกับดูแลการสำรวจและการใช้อวกาศโดยพลเรือนด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโปรแกรมอาร์เทมิส
แนวปฏิบัติในการดำเนินกิจกรรมในอวกาศ
และส่งเสริมการใช้อวกาศอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์สำหรับมวลมนุษยชาติ และนำไปใช้กับกิจกรรมด้านอวกาศของพลเรือนที่ดำเนินการโดยองค์กรอวกาศพลเรือนของรัฐผู้ลงนาม
(องค์กรอวกาศพลเรือนของรัฐของประเทศไทย คือ สทอภ.) ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม [สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)] และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นควรให้
สทอภ. ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการฯ เพื่อส่งเสริมการใช้อวกาศอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
32 | รายงานประจำปีผลการดำเนินงานคณะกรรมการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้าน ชุดที่ 4 ปีที่ 2 | รง. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีผลการดำเนินงานคณะกรรมการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้าน
ชุดที่ ๔ ปีที่ ๒ (๔ ตุลาคม ๒๕๖๕ - ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖) โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ ๑)
การประชุมคณะกรรมการฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เช่น
พิจารณาให้สภาเด็กและเยาวชนเป็นกลไกในการขับเคลื่อนกิจกรรมการสร้างรายได้ด้วยการรับงานไปทำที่บ้าน
๒) พัฒนากลไกในการพัฒนาการคุ้มครองงานที่รับไปทำที่บ้าน เช่น แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการฯ
มอบหมาย เช่น คณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้านเพื่อพิจารณาให้ข้อเสนอแนะ
(ร่าง)
แนวปฏิบัติการส่งเสริมและคุ้มครองสตรีมีครรภ์/ให้นมบุตร/หลังคลอดที่เป็นผู้รับงานไปทำที่บ้าน
(สำหรับเจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน) และ ๓)
การส่งเสริมและพัฒนาผู้รับงานไปทำที่บ้าน โดยได้ดำเนินกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ
เช่น ตรวจแรงงานนอกระบบเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานในกลุ่มลูกจ้าง
คัดเลือกบุคคลและเครือข่ายแรงงานนอกระบบดีเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
33 | ขอความเห็นชอบต่อเอกสารผลลัพธ์ด้านแรงงานสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | รง. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อเอกสาร (for notation) ทั้ง ๒ ฉบับ สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๔๔ และ ๔๕ ระหว่างวันที่ ๖ - ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ ณ
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน (ASEAN
Labour Ministers Meeting : ALMM) ครั้งที่ ๒๘ และการประชุมที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่
๒๘ - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้แก่ ๑)
แนวทางอาเซียนว่าด้วยการเชื่อมโยงสิทธิประกันสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติ (ASEAN
Guidelines on Portability of Social Security Benefits for Migrant Workers) มีสาระสำคัญเป็นเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างประเทศอาเซียนเพื่อกำหนดมาตรฐานและแนวทางในการจัดทำความตกลง
ด้านการประกันสังคมระหว่างประเทศ ในรูปแบบทวิภาคีหรือพหุภาคี
ซึ่งหมายรวมถึงสัญญาระหว่างประเทศ (Agreement/Memorandum of Agreements:
MOA) บันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding MOU) และบันทึกความร่วมมือ (Memorandum of Cooperation : MOC) โดยให้ใช้ร่วมกันในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อเป็นพื้นฐานความเข้าใจที่ตรงกัน
เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปรียบเทียบตลอดจนเชื่อมโยงสิทธิประกันสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติที่ย้ายถิ่นฐานภายในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนอันจะเป็นข้อมูลแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนและผู้เชี่ยวชาญจากภูมิภาคอื่น
ๆ และ ๒) แนวทางอาเซียนว่าด้วยการบรรจุงานและการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติในภาคประมง (ASEAN
Guidelines on the Placement and Protection of Migrant Fishers)
มีสาระสำคัญเป็นเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างประเทศอาเซียนในการดูแลและคุ้มครองแรงงานข้ามชาติในเรือประมงให้มีสภาพการทำงานและสภาพความเป็นอยู่ที่เหมาะสม
มีความปลอดภัยในการทำงาน ได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม เข้าถึงความยุติธรรมและการเข้าถึงความคุ้มครองทางสังคม
ซึ่งรวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำหรับแรงงานข้ามชาติในภาคประมงเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินและสถานการณ์ฉุกเฉินบนเรือ
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารผลลัพธ์ด้านแรงงานฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
และให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับการจัดให้มีการระดมความคิดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(หนังสือกระทรวงยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ยธ o๒๐๐๔/๙๕๓๒
ลงวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34 | การปรับปรุงกฎและระเบียบในการปฏิบัติราชการเพื่อให้การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็วทันการณ์ | นร. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. มอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอื่น
ๆ ที่มีรัฐวิสาหกิจในสังกัด และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง
รับไปพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการกำหนดให้รัฐวิสาหกิจออกระเบียบ
หลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติในการบริหารจัดการค่าบริการสาธารณูปโภคในพื้นที่ประสบภัยธรรมชาติไว้ล่วงหน้าเพื่อถือปฏิบัติต่อไป ๒.
มอบหมายให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีหน่วยงานในภูมิภาคพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการมอบอำนาจให้หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ประสบภัยสามารถพิจารณาตัดสินใจในเรื่องใด
ๆ ที่จำเป็นเพื่อการป้องกันและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ต้องประสบกับภัยธรรมชาติให้เท่าทันสถานการณ์
เช่น
กรณีการปิดโรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการและสถาบันการศึกษาของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ๓. มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.
ร่วมกับคณะกรรมการบริหารงานบุคคลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ เช่น
คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารับไปพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการออกกฎ
ระเบียบ และแนวทางปฏิบัติเพื่ออนุญาตให้บุคลากรในสังกัดสามารถเดินทางไปให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติได้ตามความจำเป็นเหมาะสมและความสมัครใจโดยไม่ถือเป็นวันลา ทั้งนี้
ให้พิจารณาดำเนินการดังกล่าวข้างต้นให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรา 165 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2566 | นร.12 | 06/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรา ๑๖๕ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ในช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๖๖ และเห็นชอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงาน ก.พ.ร.
ดำเนินการในระยะต่อไปให้แล้วเสร็จ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดดำเนินการปรับโครงสร้างและอัตรากำลังของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งยกร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อยุบหรือเปลี่ยนแปลงกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้แล้วเสร็จ
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม
จัดทำแนวปฏิบัติการทำงานสำหรับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานภายใต้กรอบกฎหมายว่าด้วยการประมง
และพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่รับโอนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่มเติม
ภายในเดือนเมษายน ๒๕๖๗ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่
และให้สำนักงาน ก.พ.ร. จัดประชุมร่วมกันระหว่างประธาน ก.พ.ร.
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
เพื่อพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดขั้นตอนการถ่ายโอนภารกิจ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร.
เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36 | ขอความเห็นชอบรายละเอียดความร่วมมือ: เพื่อนำไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและวาระการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย - ออสเตรเลีย (เซก้า) | พณ. | 30/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายละเอียดความร่วมมือ
: เพื่อนำไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและวาระการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย
- ออสเตรเลีย (เซก้า) และมอบหมายกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อนำวาระการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย - ออสเตรเลีย
(เซก้า) ดังกล่าว ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป โดยรายละเอียดความร่วมมือฯ เป็นเอกสารที่ระบุสาขาความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันที่จะมีการหารือ/พัฒนา/แลกเปลี่ยนข้อมูล
ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกันในสาขาต่าง ๆ ๘ สาขา ได้แก่ ๑) เกษตรเทคโนโลยี
และระบบอาหารที่ยั่งยืน ๒) การท่องเที่ยว ๓) บริการสุขภาพ ๔) การศึกษา ๕)
การค้าดิจิทัลและเศรษฐกิจดิจิทัล ๖) เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ๗) การลงทุนระหว่างกัน และ
๘) พลังงาน เศรษฐกิจสีเขียว และการลดการปล่อยคาร์บอน และวาระการดำเนินงานฯ
เป็นเอกสารที่ระบุกิจกรรมความร่วมมือตามสาขาที่ได้มีการระบุไว้ในรายละเอียดความร่วมมือฯ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละฝ่าย เช่น สาขาเกษตร
มีการกำหนดกิจกรรมในการแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับระบบอาหารการเกษตรยั่งยืน ส่งเสริมเกษตรอัจฉริยะและแลกเปลี่ยนเงื่อนไขด้านการนำเข้า
โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบของฝ่ายไทย เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
เป็นต้น
สาขาการลงทุนระหว่างกันมีการกำหนดกิจกรรมในการสร้างเครือข่ายภาคธุรกิจด้านการลงทุน
แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการยอมรับทักษะแรงงานระหว่างกัน โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบของฝ่ายไทย
เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า
เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารรายละเอียดความร่วมมือ
: เพื่อนำไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและวาระการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย - ออสเตรเลีย (เซก้า)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37 | การทบทวนแนวปฏิบัติการดำเนินการภายในของไทยในการพิจารณาให้ความเห็นชอบเอกสารในกรอบอาเซียน | กต. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการแนวปฏิบัติการให้ความเห็นชอบเอกสารในกรอบอาเซียน
๒ ประเกท [เอกสารระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอกที่เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามในนามอาเซียนในฐานะองค์การระหว่างประเทศระดับรัฐบาล
และแผนงาน (Work Plan) และแผนดำเนินการ (Plan
of Action) ระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอกที่ไทยต้องร่วมรับรอง]
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องส่งเอกสารดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็นชอบด้วยทุกครั้งก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมรการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าเอกสารที่ประเทศไทยต้องร่วมรับรอง
(Adopt) ที่ไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งให้ก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
ซึ่งไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ นั้น ในส่วนของกระทรวงการคลัง
จะเป็นแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ในระดับรัฐมนตรี ซึ่งทางเจ้าภาพจะยกร่างมาในเวลากระชั้นชิดก่อนการประชุม
การต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการต่างประเทศก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี
และการต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนการรับรองนั้น
ก่อให้เกิดอุปสรรคในการทำงานในระยะเวลาที่จำกัด
จึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาทบทวนขั้นตอนการปฏิบัติด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
38 | ร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงยุติธรรมแห่งสหพันธรัฐเซีย | ยธ. | 25/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงยุติธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย
(Memorandum
of Cooperation between the Ministry of Justice of the Kingdom of
Thailand and the Ministry of Justice of the Russian
Federation) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือฯ
โดยร่างบันทึกความร่วมมือฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมของทั้งสองฝ่ายในด้านต่าง
ๆ เช่น การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติในการบังคับใช้กฎหมาย การแลกเปลี่ยนบุคลากรของรัฐ
การจัดสัมมนาร่วมกัน
การให้ความช่วยเหลือระหว่างกันแก่สถาบันการศึกษาในด้านการจัดตั้งและพัฒนาโครงการและหลักสูตรกฎหมายระหว่างประเทศ
ซึ่งความร่วมมือภายใต้ร่างบันทึกความร่วมมือฯ จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการศึกษาในการพัฒนาสมรรถนะกระบวนการยุติธรรมและขยายขอบเขตองค์ความรู้ด้านนิติศาสตร์ของไทยให้กว้างขวางมากขึ้น
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
39 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงคมนาคมและการเคลื่อนย้ายอย่างยั่งยืนแห่งราชอาณาจักรสเปน ด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม | คค. | 25/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงคมนาคมและการเคลื่อนย้ายอย่างยั่งยืนแห่งราชอาณาจักรสเปน
ด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย สำหรับการลงนามดังกล่าว
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมขนส่งในมิติต่าง ๆ
ได้แก่ ๑) ระบบราง ๒) ถนน และการขนส่งทางบก ๓) ท่าเรือ และการขนส่งทางน้ำ
และ ๔) การบินผ่านการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ และการพัฒนาโครงการนำร่อง
การให้คำปรึกษาคำแนะนำทางเทคนิคและความช่วยเหลือในการจัดทำและดำเนินโครงการ
การวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การจัดประชุม สัมมนา
และการประชุมเชิงปฏิบัติการ รวมถึงการฝึกอบรมและโครงการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทั้งสองประเทศ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
40 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง กฎหมายด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา | อว. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง กฎหมายด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา
โดยรวบรวมผลการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ว่า
ประเด็นการเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองที่ออกตามกฎหมายด้านการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และการออกกฎหมายจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาอุดมศึกษา
ควรเร่งรัดการดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมถึงแจ้งความคืบหน้าหรือสถานะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ส่วนประเด็นการผลักดันการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ละฉบับให้มีความสอดคล้องซึ่งกันและกันนั้น
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ในกำกับดูแลในด้านการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ฯ ได้กำกับดูแลให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการออกกฎหมายลำดับรอง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ฯ ของประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นควรเร่งรัดและผลักดันการออกกฎหมายลำดับรองและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความสอดคล้องซึ่งกันและกัน
และประเด็นการจัดทำประมวลจริยธรรม สถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่งจะต้องดำเนินการจัดทำประมวลจริยธรรมเกี่ยวกับบุคลากรและผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานตนเอง
ซึ่งจะต้องมีมาตรฐานกลางตามที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษากำหนด และให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๒ และพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒
สำหรับการดำเนินการในเรื่องร้องเรียน
สถาบันอุดมศึกษาควรพิจารณาดำเนินการแก้ไขปรับปรุงประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือพระราชบัญญัติการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล
รวมทั้งกำหนดแนวทางในการจัดการปัญหาเรื่องข้อร้องเรียนภายในสถาบันอุดมศึกษา และประกาศให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบด้วย ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|