ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 67 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 1321 - 1340 จากข้อมูลทั้งหมด 1462 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1321 | ความก้าวหน้าในการถ่ายโอนภารกิจ | นร | 11/03/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานความก้าวหน้าในการ
ถ่ายโอนภารกิจไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สรุปได้ว่า การถ่ายโอนภารกิจในปี พ.ศ. 2545-2546 มี ส่วนราชการ จำนวน 57 กรม ต้องถ่ายโอนภารกิจรวม 238 ภารกิจ ไปให้แก่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะนี้ได้ถ่ายโอนภารกิจไปแล้ว จำนวน 119 ภารกิจ คงเหลือภารกิจที่ยังไม่ได้ถ่ายโอน จำนวน 119 ภารกิจ (ส่วนใหญ่เป็นภารกิจของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ) ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การจะ ถ่ายโอนภารกิจใดไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือไม่เพียงใด ต้องพิจารณาประโยชน์สูงสุดที่ประชาชน จะพึงได้รับเป็นสำคัญ ดังนั้น ต้องพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม ข้อเท็จจริง ตลอดจนศักยภาพความพร้อม ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจด้านการสาธารณสุขและการศึกษา ซึ่งกระทบต่อ ประชาชนจำนวนมาก จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับความเห็นดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาในการถ่ายโอนภาร กิจ แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย |
|||||||||||||||
1322 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 แก่การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2546 | ลต | 04/03/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอผลการหารือการเตรียม
ความพร้อมและภาระด้านงบประมาณเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นตามพระ ราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 แก่การ เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2546 ในส่วนของ ความจำเป็นในการกำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ควบคุมการเลือกตั้งขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นทุกประเภท ด้านการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ และด้านงบประมาณ และมอบให้สำนัก งบประมาณดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป โดยสรุปคือ กรณีที่องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดมีเงินไม่เพียงพอเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง และหากคณะกรรมการการ เลือกตั้งต้องเข้ามาดำเนินการในขณะนี้การใช้จ่ายเงินงบประมาณก็จะเป็นการใช้จ่ายเงินในจำนวนเดียวกัน ฉะนั้น เพื่อให้สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกานี้ คณะรัฐมนตรีจึงอาจอนุมัติในหลักการ ที่จะให้เงินอุดหนุนเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง โดยให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณดัง กล่าวต่อไป |
|||||||||||||||
1323 | รายงานผลการปฏิบัติงานการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด (ระหว่างวันที่ 1 - 28 กุมภาพันธ์ 2546) | มท | 04/03/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการปฏิบัติงานการต่อสู้เพื่อเอาชนะ
ยาเสพติด ระหว่างวันที่ 1-28 กุมภาพันธ์ 2546 สรุปได้ดังนี้ (1) การดำเนินการด้านจับกุมปราบปราม ของ จังหวัดต่าง ๆ ยกเว้นกรุงเทพมหานคร สามารถจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้าได้ 18,613 คน จากเป้าหมายรวม 43,456 คน คิดเป็นร้อยละ 42.83 (2) การดำเนินการต่อผู้มาแสดงตน มีผู้ผลิต/ผู้ค้า มาแสดงตนต่อทางราชการ 40,380 คน และผู้ติด/ผู้เสพ มาแสดงตน 226,048 คน (3) การดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประกอบด้วย กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน ได้ลงโทษทางวินัย ให้ออก ปลดออก ไล่ออก 28 คน สั่งพักหน้าที่ 27 คน ลาออกจาก ตำแหน่ง 14 คน อยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริงและตรวจสอบพฤติการณ์ 119 คน ซึ่งทั้งหมดนี้กำลังพิจารณา ดำเนินการทางอาญาต่อไป และกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพ ติด 121 คน แยกเป็นผู้บริหารท้องถิ่น 23 คน สมาชิกสภาท้องถิ่น 95 คน และลูกจ้าง 3 คน ซึ่งได้สั่งให้พ้น จากตำแหน่ง 21 คน อยู่ระหว่างการสอบสวน 72 คน ลาออก 20 คน เสียชีวิต 6 คน จำคุก 1 คน และถูกจับ กุม 1 คน และให้พิจารณาดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่พ้นตำแหน่ง และลาออกด้วย (4) การดำเนินการเกี่ยว กับการยึดทรัพย์ผู้กระทำผิด ได้มีการอบรมผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 75 จังหวัด ผ่านการประชุมวีดีทัศน์ทางไกล เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และดำเนิน การออกบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง (5) การเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อเอาชนะยาเสพติด ได้กำหนดขั้นตอนรวม 6 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นที่ 1 การเตรียมองค์กร/บุคลากร ขั้นที่ 2 การเตรียมหมู่บ้าน/ชุมชน ขั้นที่ 3 การประชุมประชาคมหมู่บ้าน ขั้นที่ 4 การสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติด ขั้นที่ 5 การทำให้หมู่บ้าน/ชุมชนเข้มแข็งเอาชนะยาเสพติด และขั้นที่ 6 การพัฒนาให้หมู่บ้าน/ชุมชนเข้มแข็ง เอาชนะยาเสพติดอย่างยั่งยืน โดยกำหนดเป้าหมายในการดำเนินการไว้ 2 ระยะ ระยะแรก ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 30 เมษายน 2546 และระยะที่สอง ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2546 - 31 กรกฎาคม 2547 |
|||||||||||||||
1324 | กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตอบในราชกิจจานุเบกษา (กระทู้ถามที่ 900 ร. เรื่อง การมีส่วนร่วมในการกำหนดการใช้ และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของท้องถิ่น) | สผ | 04/03/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 900 ร.
เรื่อง การมีส่วนร่วมในการกำหนดการใช้และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของท้องถิ่น ของนายเปรมศักดิ์ เพีย ยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญ ของคำตอบสรุปได้ว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม มี มาตรการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนในท้องถิ่นเกิดความเข้าใจ และลดการต่อต้านการเข้าไปใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ ประกอบด้วย มาตรการป้องกันปัญหาความขัดแย้ง มาตรการส่งเสริมและ สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน และมาตรการแก้ไขและไกล่เกลี่ยปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธี และมี แผนงานหรือการดำเนินการที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีหน้า ที่พิทักษ์ปกป้องและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติได้เข้ามามีส่วนร่วม ในการเสนอความคิดเห็นและตัดสินใจร่วมกับส่วนราชการหรือภาครัฐด้วย |
|||||||||||||||
1325 | ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจทางการเงิน การคลัง และงบประมาณ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร่างแผนปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 18/02/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (คกก.6) ที่
มีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอน การกระจายอำนาจทางการเงิน การคลัง และงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร่างแผนปฏิบัติ การถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้ดำเนินการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอเพิ่มเติมว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2545 ได้มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) รับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการ ในการดำเนินการและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งในด้านบุคลา กร งาน งบประมาณ สัดส่วนการจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการโอนสำนักงาน คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไป สังกัดกระทรวงมหาดไทย (กรมการส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) รวมทั้งการดำเนินการตามมติ คกก.6 ที่มอบ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของ คกก.6 เกี่ยวกับ การแก้ไขปัญหาการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในด้านบุคลากร งาน งบประมาณและสัด ส่วนการจัดสรรงบประมาณ ไปพิจารณา และให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) รับความเห็น ดังกล่าวไปพิจารณาในด้านการพัฒนาระบบราชการสำหรับราชการภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นด้วย นั้น เป็นเรื่อง เกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นผู้รับผิดชอบกำกับดูแลมาตั้งแต่ต้นและตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 41/2546 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2546 รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ก็ได้รับมอบหมายและมอบอำนาจให้ปฏิบัติหน้าที่ประธาน กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่แล้ว ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเรื่องนี้เป็น ไปอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นสมควรมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนิน การตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว และมติ คกก.6 แทนรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) ส่วนมติ คกก.6 ที่มอบหมายให้ ก.พ.ร. ดำเนินการคงเป็นไปตามเดิม |
|||||||||||||||
1326 | การถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 04/02/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความก้าวหน้าการถ่ายโอนบุคลากรตาม
พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 สรุปได้ ว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามมติที่ประชุมคณะกรรม การการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครั้งที่ 8/2545 วันที่ 28 ตุลาคม 2545 ที่มอบหมาย ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานในการจัดสรรบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในจังหวัด โดย กระทรวงมหาดไทยและสำนักงาน ก.พ. ได้ดำเนินการตามแผนดำเนินการถ่ายโอนบุคลากร โดยในส่วนของสำนัก งาน ก.พ. ได้จัดสัมมนาแนวทางปฏิบัติของศูนย์ปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรจังหวัด เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2545 และจัดปฐมนิเทศให้กับข้าราชการที่จะถ่ายโอนไปสู่ท้องถิ่น เมื่อวันที่ 11 - 12 ธันวาคม 2545 สำหรับกระทรวง มหาดไทยได้จัดประชุมชี้แจงแผนปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่หัวหน้าส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดเมื่อ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2545 และแจ้งศูนย์ปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรทุกจังหวัดจัดประชุมผู้บริหารองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น และข้าราชการลูกจ้างประจำที่ถ่ายโอนเพื่อจัดสรรบุคลากร เมื่อวันที่ 20 และ 22 พฤศจิกายน 2545 โดยให้เสนอคณะกรรมการข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่นระดับจังหวัดมีมติเห็นชอบการรับโอนให้ เสร็จภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2545 ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรจังหวัดได้ดำเนินการถ่ายโอนบุคลากร รวม 2 ครั้ง และได้รายงานผลการแต่งตั้งรับโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว รวม 75 จังหวัด โอนได้ 3,618 ราย คงเหลือที่โอนไม่ได้ 484 ราย |
|||||||||||||||
1327 | รายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้นำชุมชน และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | สปศ | 21/01/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปฏิรูปการศึกษารายงานผลการติดตามและประเมินผล
การดำเนินงานโครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้นำชุมชน และผู้นำองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น สรุปได้ว่า จากที่คณะกรรมการประสานงานโครงการ ฯ ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิจาก กระทรวง ทบวง กรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางการศึกษา ได้กำหนดหลักสูตรการฝึกอบรม และจัดทำชุด ฝึกอบรมต้นแบบ เพื่อมอบให้หน่วยงานต้นสังกัดนำไปขยายผล พร้อมทั้งได้ติดตามและประเมินผลการดำเนิน งานโครงการในภาพรวม พบว่า มีโครงการพัฒนาบุคลากรเข้าสู่การปฏิรูปการศึกษาที่ดำเนินการโดยหน่วย งานต่าง ๆ จำนวนมาก โดยมีเนื้อหาของหลักสูตรการฝึกอบรมที่สอดคล้องและใกล้เคียงกับเนื้อหาของชุดฝึก อบรมที่คณะกรรมการประสานงานโครงการ ฯ พัฒนาขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มเป้าหมายทั้งผู้บริหาร ครู และ ผู้นำชุมชน ก็ยังได้รับการเตรียมความพร้อมค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะในเชิงคุณภาพ สำหรับในด้านประสิทธิ ภาพและประสิทธิผลของชุดฝึกอบรมต้นแบบ เห็นว่า การพัฒนาชุดฝึกอบรมมีขั้นตอนของการพัฒนาชุดฝึก อบรมค่อนข้างล่าช้า ส่งผลต่อการนำไปเผยแพร่แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายผล ทำให้บางหน่วยงาน ยังไม่มีการนำไปใช้หรือมีการใช้เพียงบางส่วนเท่านั้น ยกเว้นกรณีสำนักบริหารการศึกษาท้องถิ่น กรมการ ปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่มีการนำไปใช้อยู่ในขั้นมาก ทั้งนี้ กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิได้มีข้อเสนอแนะต่อทิศ ทางการพัฒนาบุคลากรในอนาคต ได้แก่ (1) การพัฒนาโดยใช้สื่อชุดฝึกอบรม เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนะของ บุคลากรทางการศึกษาซึ่งมักมองว่าชุดฝึกอบรมจะต้องมีความสมบูรณ์ นำไปสู่การปฏิบัติได้ทันที ให้เป็นการ มองว่าชุดฝึกอบรมเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (2) การพัฒนาทักษะวิธีคิดที่เป็นระบบและ ฉันทะในการเรียนรู้ให้กับบุคลากรทางการศึกษา และ (3) การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานข้ามกรม กอง และภาวะความเป็นตัวตนระหว่างหน่วยงาน รวมทั้งภาวะในระดับนโยบายของการปฏิรูปเป็นเหตุให้ไม่ เกิดการยอมรับแนวคิดบางประการสู่การปฏิบัติ |
|||||||||||||||
1328 | การจัดทำแผนแม่บทแห่งชาติเพื่อกำหนดกรอบรูปแบบการบริหารจัดการปัญหามูลฝอยและสิ่งปฏิกูล | มท | 21/01/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการจัดทำแผนแม่บทแห่งชาติเพื่อกำหนด
กรอบรูปแบบการบริหารจัดการปัญหามูลฝอยและสิ่งปฏิกูล โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำแผนแม่บทดังกล่าว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดทำแผนแม่บท ฯ ให้กระทรวงมหาด ไทยเป็นหน่วยประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดทำแผนปฏิบัติ โดยให้ความสำคัญกับการจัด การที่ต้นเหตุหรือแหล่งกำเนิดมูลฝอย การลดปริมาณมูลฝอย การใช้ซ้ำ การหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ การ พัฒนาระบบบริหารจัดการ การสร้างกลไกทางเศรษฐศาสตร์และการตลาด การประยุกต์ใช้หลักผู้ก่อมลพิษ เป็นผู้จ่าย การพัฒนาและเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับขีดความสามารถของท้องถิ่น และการยอมรับของ ประชาชน รวมทั้งให้พิจารณาครอบคลุมถึงแนวทางการจัดการมูลฝอยติดเชื้อ และของเสียอันตรายจากชุมชน และอุตสาหกรรมด้วย ทั้งนี้ ประสานงานอย่างใกล้ชิดในเรื่องดังกล่าวกับหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อกำหนด รูปแบบการบริหารจัดการ มาตรการในการควบคุม และกำกับดูแลได้ครบถ้วนสมบูรณ์ในภาพรวมทั้งระบบ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย และให้นำระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) มาประกอบในการจัดทำแผน ด้วย |
|||||||||||||||
1329 | การถ่ายโอนภารกิจการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปเป็นภารกิจของกรุงเทพมหานคร | มท | 21/01/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานความคืบหน้าการถ่ายโอนภารกิจการ
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปเป็นภารกิจของกรุงเทพมหานคร สรุปได้ว่า การถ่ายโอนภารกิจดังกล่าว จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้แก่กรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทยได้มี หนังสือถึงประธานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อขอทบทวนแผน ปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ซึ่งกำหนดให้ มีการถ่ายโอนภารกิจการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้แก่กรุงเทพมหา นคร ให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 และเมื่อคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอแผนปฏิบัติการ ฯ ที่ได้มีการทบทวน ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ แล้วก็จะนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเสนอรัฐสภาเพื่อทราบ เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้ว การถ่ายโอนภารกิจก็สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า โดยหลักการเมื่อมีการถ่ายโอน ภารกิจแล้ว ก็สมควรให้โอนทั้งอัตรากำลัง อาคารสถานที่ วัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะ และหนี้สิน ซึ่งใช้เพื่อ ภารกิจนั้นโดยตรงไปทั้งหมดก่อน ยกเว้นอาคารสถานที่ที่เดิมใช้ร่วมกันและสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมี ความจำเป็นต้องใช้ สำหรับบุคลากรเมื่อโอนไปทั้งหมดแล้ว การจะรับกลับสังกัดเดิมก็ยังสามารถดำเนิน การได้ภายหลัง ในส่วนอาคารสถานที่ควรมีข้อกำหนดให้ชัดเจนด้วยว่า เมื่อรับโอนไปแล้วจะต้องนำไปใช้ เพื่อภารกิจนั้นเท่านั้น
|
|||||||||||||||
1330 | สมควรยกย่องชมเชยอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ | นร | 14/01/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการสมควรยกย่องชมเชย
อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายสุจริต นันทมนตรี โดยปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ซึ่งสมัยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษได้ริเริ่มนำนโยบายการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยระบบ หักบัญชีของนายกรัฐมนตรีที่ใช้กับต่างประเทศมาใช้กับจังหวัดศรีสะเกษอย่างได้ผลดี จนจังหวัดอื่นนำแบบอย่าง ไปปฏิบัติ รวมทั้งการบริหารงานในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดที่อยู่ในโครงการจังหวัดทดลองแบบบูรณาการเพื่อ การพัฒนา สามารถทำให้ประชาชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้าราชการมีความพึงพอใจต่อการ บริหารงาน และต่อภาวะผู้นำทั้งทางด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาความยากจน และปัญหาการให้บริการของรัฐ ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับทราบและเห็นชอบให้มีการกล่าวชมเชยอดีตผู้ว่า ราชการจังหวัดศรีสะเกษในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ส่วนการมอบรางวัลโล่เกียรติยศให้ดำเนินการในโอกาสอื่น เพื่อที่จะได้เผยแพร่ข่าวการยกย่องให้กำลังใจคนดีให้สื่อมวลชนและประชาชนรับทราบ เพื่อเป็นแบบอย่างในการ ปฏิบัติตนให้ดีต่อไป |
|||||||||||||||
1331 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำนมดิบและการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) | กษ | 24/12/2545 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง การดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำนมดิบและการบริหารจัดการโครงการ
อาหารเสริม (นม) ว่า โดยที่เรื่องนี้มีความเร่งด่วน เกี่ยวข้อง และกระทบกับหลายฝ่ายทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ผู้ประกอบการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเด็กนักเรียนผู้บริโภคนม เพื่อความรอบคอบ จึงมอบให้รอง นายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) ประธานคณะกรรมการนโยบายนมแห่งชาติ รับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วม กับรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวง มหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรี ทราบด้วย
|
|||||||||||||||
1332 | ส่งรายงานประจำปี 2544 (คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | นร | 17/12/2545 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานประจำปี พ.ศ. 2544 ของคณะ
กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะอนุกรรมการในคณะกรรมการ ฯ รวม 6 คณะ และสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (สกถ.) โดยผลงาน ในส่วนของคณะกรรมการ ฯ และคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ ได้แก่ การจัดทำแผนการกระจายอำนาจ การจัด สรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การออกประกาศคณะกรรมการ ฯ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ การจัดสรรเงินรายได้ การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรรายได้ การให้ความเห็นเสนอแนะข้อกฎหมายที่เกี่ยว ข้องกับการกระจายอำนาจ การติดตามประเมินผลการดำเนินงานโครงการถ่ายโอนภารกิจบริการสาธารณะ และการรายงานผลการศึกษาการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดโดยตรงจากประชาชน ส่วนผล การปฏิบัติงานของ สกถ. ได้แก่ การจัดทำ Webpage ของ สกถ. ที่ www.dloc.net การพัฒนาศักยภาพ สกถ. ภายใต้โครงการความช่วยเหลือของธนาคารโลก และการจัดสัมมนาเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระยอง สงขลา อุดรธานี และเชียงใหม่ สำหรับผลการถ่าย โอนงาน/กิจกรรมบริการสาธารณะต่าง ๆ จากส่วนราชการรวม 22 หน่วยงาน ให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น งบประมาณทั้งสิ้น 32,476 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2544 มีการเบิกจ่ายเงิน 20,935 ล้าน บาท โดยส่วนราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการมีการดำเนินงานตามโครงการ ฯ แล้วเสร็จมากที่สุดและ เบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณ และจากการดำเนินงานพบปัญหาอุปสรรค ได้แก่ ปัญหาการขาดความ รู้ความเข้าใจในหลักการของการกระจายอำนาจ ปัญหาด้านการเตรียมความพร้อมในการถ่ายโอนภารกิจ ปัญหาด้านกฎ/ระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง ปัญหาด้านการขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการปฏิบัติงาน รวมทั้ง ปัญหาด้านการประสานงาน |
|||||||||||||||
1333 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 26/11/2545 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัย
แห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) โดยตำแหน่งกรรมการและเลขานุการ เปลี่ยนจาก "รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี" เป็น "อธิบดีกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย") ตามที่ กปอ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า การกำหนดให้อธิบดีกรมทางหลวงชนบทร่วมเป็นคณะ กรรมการ กปอ. ตามร่างข้อ 5 นั้น โดยที่พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 บัญญัติ เป็นบทเฉพาะกาลให้โอนงานของกรมทางหลวงชนบทไปเป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในห้าปี จึง ควรกำหนดให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการดังกล่าวด้วย แล้วดำเนินการ ต่อไปได้ |
|||||||||||||||
1334 | การดำเนินการเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 19/11/2545 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประเด็นปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขในการดำเนินการเกี่ยวกับ
การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การดำเนินการเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังมีปัญหา และอุปสรรคในด้านต่าง ๆ อยู่มาก ทั้งในด้านบุคลากร งาน และงบประมาณ โดยมีการโอนงานและ งบประมาณไปยังองค์กรปกครอง ฯ แล้ว แต่บุคลากรส่วนใหญ่ยังไม่ยอมไป นอกจากนี้ งบประมาณที่จัด สรรให้แก่องค์กรปกครอง ฯ กฎหมายกำหนดไว้ในสัดส่วนค่อนข้างสูงต้องมีการทบทวนหลักการและเหตุผล ประกอบกับการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวยังมิได้มีการศึกษาวิจัย และประเมินผลในทางวิชาการ และสำนัก งานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ของกระทรวงมหาดไทยต้องทบทวนบทบาทและภารกิจให้เหมาะสมกับ การพัฒนาท้องถิ่นทั้งในด้านบุคลากรและงบประมาณ จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจ ยุทธ) รับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทาง และมาตรการในการ ดำเนินการและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ ให้พิจารณาด้วยว่าสัดส่วนการจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปก ครอง ฯ ตามที่กฎหมายกำหนดมีความเหมาะสมหรือไม่เพียงใด รวมทั้งหากมีการโอนสำนักงานคณะกรรม การกระจายอำนาจ ฯ ไปสังกัดกระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) และจะดำเนินการ โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกาได้หรือไม่ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||
1335 | การสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ | นร | 29/10/2545 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ
สรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 300/2545 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2545 โดยมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ ตามมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ในคณะกรรมการดังกล่าว รวม 10 คน โดยเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ต้องทำงานเต็มเวลา 3 คน ได้แก่ นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร นางสาว อรพินท์ สพโชคชัย และนายธรรมรักษ์ การพิศิษฐ์ ตามที่คณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะ กรรมการ ก.พ.ร. เสนอ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2545 เป็นต้นไป |
|||||||||||||||
1336 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกันยายน 2545 | กค | 15/10/2545 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐตั้งแต่ต้นปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2545 จนถึงวันที่ 15 กันยายน 2545 โดยผลการเบิกจ่ายเงินในภาพรวมมีจำนวน 829,388 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.07 ของวงเงินงบประมาณ จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ 659,361 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 87.52 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน 170,027 ล้านบาท หรือร้อยละ 63.07 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน โดยกระทรวงที่มีการเบิกจ่ายสูงสุดใน 2 สัปดาห์แรกของเดือน ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ ส่วนผลการเบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีจนถึงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน หน่วยงานอิสระตาม รัฐธรรมนูญมีอัตราการเบิกจ่ายสูงสุด ผลการเบิกจ่ายเงินงบลงทุนแยกเป็นส่วนกลางและส่วนภูมิภาคมีการ เบิกจ่ายจำนวน 226,672 ล้านบาท แยกเป็นส่วนกลาง 85,772 ล้านบาท และส่วนภูมิภาค 140,900 ล้าน บาท สำหรับการเบิกจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน 58,000 ล้านบาท คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการเป็นเงิน 36,388 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ว 12,899 ล้านบาท หรือร้อยละ 35.45 ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติโครงการ การเบิกจ่ายเงินงบประมาณโครงการถ่ายโอน/กิจกรรมสาธารณะ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการเบิกจ่ายเงินจากคลัง 24,093 ล้านบาท หรือร้อยละ 89.02 ของ วงเงินงบประมาณ ผลการเบิกจ่ายเงินนอกงบประมาณของกองทุนและเงินทุนหมุนเวียน มีการเบิกจ่ายเงิน จำนวน 92 กองทุน เป็นเงิน 111,746 ล้านบาท หรือร้อยละ 73.82 ของแผนการใช้จ่ายเงิน นอกจากนี้ ผล การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ มีการเบิกจ่าย 41,861 ล้านบาท หรือร้อยละ 72.02 ของแผนการใช้จ่ายเงิน กู้ต่างประเทศ และผลการเบิกจ่ายเงินของรัฐวิสาหกิจ มีการเบิกจ่าย 1,226,543 ล้านบาท หรือร้อยละ 88.97 ของแผนการใช้จ่ายเงิน ทั้งนี้ ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ เงินนอกงบประมาณ เงินกู้ต่างประเทศ และเงินของรัฐวิสาหกิจ เมื่อหักรายการซ้ำซ้อนจำนวน 106,368 ล้านบาทแล้ว ทำให้การเบิกจ่ายมีจำนวน ทั้งสิ้น 2,103,170 ล้านบาท หรือร้อยละ 88.77 ของแผนการใช้จ่ายเงินภาครัฐ |
|||||||||||||||
1337 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐประจำเดือนสิงหาคม 2545 | กค | 01/10/2545 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2545 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2545 โดยผลการเบิกจ่ายเงินในภาพรวม กรณีไม่ รวมงบกลางรายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (58,000 ล้านบาท) มีการเบิกจ่าย 800,611 ล้าน บาท หรือร้อยละ 82.96 ของวงเงินงบประมาณ (965,000 ล้านบาท) และกรณีรวมงบกลางรายการค่าใช้จ่าย สำรอง ฯ มีการเบิกจ่ายเงิน 812,904 ล้านบาท หรือร้อยละ 79.46 ของวงเงินงบประมาณ (1,023,000 ล้าน บาท) จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ 649,342 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 163,562 ล้านบาท สำหรับการเบิก จ่ายงบลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 26 แห่ง มีการเบิกจ่าย จำนวน 117,303 ล้านบาท หรือร้อยละ 72.66 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้ การเบิกจ่ายเงิน งบประมาณโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรมสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีจำนวน 23,674 ล้าน บาท คิดเป็นร้อยละ 87.47 ของวงเงินงบประมาณโครงการถ่ายโอน ฯ รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ งบ กลางรายการค่าใช้จ่ายสำรองกระตุ้นเศรษฐกิจมีจำนวน 12,293 ล้านบาท หรือร้อยละ 33.78 ของวงเงินงบ ประมาณที่ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ส่วนการเบิกจ่ายเงินนอกงบประมาณในส่วนของกองทุนและเงิน ทุนหมุนเวียนมีการเบิกจ่ายเงินจำนวน 92 กองทุน เป็นเงิน 108,707 ล้านบาท หรือร้อยละ 78.92 ของแผน การใช้จ่ายเงินจำนวน 137,738 ล้านบาท เงินกู้ต่างประเทศมีการเบิกจ่าย 41,286 ล้านบาท หรือร้อยละ 76.66 ของแผนการใช้จ่ายเงินกู้ต่างประเทศจำนวน 53,859 ล้านบาท และเงินของรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่าย 1,219,775 ล้านบาท แบ่งเป็นงบทำการ 1,123,650 ล้านบาท และงบลงทุน 96,125 ล้านบาท โดยในส่วน ของงบลงทุนเป็นการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 29 แห่ง (ไม่รวมรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน) ทั้งนี้ ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ เงินนอกงบประมาณ เงินกู้ต่างประเทศ และเงินของรัฐวิสาหกิจ เมื่อหักราย การซ้ำซ้อนจำนวน 105,196 ล้านบาทแล้ว ทำให้การเบิกจ่ายเงินภาครัฐมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 2,077,476 ล้านบาท หรือร้อยละ 87.68 วงเงินภาครัฐจำนวน 2,369,327 ล้านบาท |
|||||||||||||||
1338 | ขอความเห็นชอบแผนการปรับปรุงฟื้นฟูและบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียรวม | วว | 01/10/2545 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3)
ที่มีมติเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (องค์การจัดการน้ำเสีย) เข้า ดำเนินการเพื่อปรับปรุงฟื้นฟูและบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียที่ก่อสร้างแล้วเฉพาะที่องค์การ ฯ ได้รับการ จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 ไปแล้ว จำนวน 9 พื้นที่ ได้แก่ เทศบาลเมือง ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เทศบาลเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร เทศบาลเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี เทศ บาลเมืองชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ เทศบาลตำบลหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เทศบาลตำบลบ้านเพ จังหวัดระยอง เทศบาลตำบลป่าตอง จังหวัดภูเก็ต เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมือง พัทยา จังหวัดชลบุรี และให้รับประเด็นอภิปรายของ คกก.3 (เกี่ยวกับการปรับปรุงฟื้นฟูและบริหารจัดการ ระบบบำบัดน้ำเสียที่ก่อสร้างแล้วใน 9 พื้นที่ดังกล่าว สำหรับพื้นที่แห่งอื่น ๆ ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประสงค์จะให้องค์การ ฯ เข้าไปดำเนินการ ให้จัดทำรายละเอียดแผนปรับปรุงฟื้นฟู ฯ แผนการจัดเก็บค่า บริการ โดยมีหลักเกณฑ์ว่า ผู้ก่อให้เกิดมลพิษเป็นผู้จ่าย และเมื่อพื้นที่ใดพร้อม ก็ให้นำเสนอขอความเห็นชอบ จากคณะรัฐมนตรีเป็นรายกรณี ๆ ไป) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย รวมทั้งให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ ราย งานผลการดำเนินงานให้ คกก.3 ทราบด้วย และให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้องค์การ ฯ ปรับ ปรุงคุณภาพของบุคลากรและขีดความสามารถขององค์กรให้รองรับภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปดำเนิน การด้วย |
|||||||||||||||
1339 | แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย พ.ศ. 2545 - 2549 | นร | 25/09/2545 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย
พ.ศ. 2545-2549 รวมทั้งข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจากคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ ตามที่รอง นายกรัฐมนตรี (นายกร ทัพพะรังสี) รองประธานคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติเสนอ โดย ให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม และรัฐวิสาหกิจทุกหน่วยงานจัดทำ และ/หรือปรับแผนแม่บทของหน่วยงานตน ให้สอดคล้องกับแผนแม่บท ฯ ระดับประเทศ ทั้งในด้านสารัตถะและกรอบระยะเวลาการดำเนินงาน และให้ สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการ ฯ พิจารณาร่วมกับกระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผน ปฏิบัติของทุกส่วนราชการและหน่วยงาน รวมไปถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องตรงตามแผน แม่บท ฯ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน 60 วัน และให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ซึ่งมีแผนหรือกำลังเตรียมการจัดทำบัตรประจำตัวและบัตร Smart Card ให้แก่ประชาชน จัดส่งข้อมูล/แผน งานในเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ เพื่อเป็นศูนย์ กลางรวบรวม และบูรณาการให้มีความสอดคล้องในทางปฏิบัติ มาตรฐานข้อมูล และมาตรฐานกลางของ ระบบการอ่านที่สามารถใช้บัตรเดียวเก็บข้อมูลร่วมกันได้หลายหน่วยงาน กับให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักดำเนินงานเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการเก็บข้อมูลสำรวจที่ลงไปถึงท้องถิ่น สำหรับการ จัดตั้งสำนักงานส่งเสริมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำนักงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสารสน เทศและการสื่อสาร และกรมสำรวจและทำแผนที่พลเรือน ขึ้นในกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร มอบให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติจัดทำร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อ สามารถเสนอให้รัฐมนตรีกระทรวงใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นพิจารณาได้อย่างรวดเร็วต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมี ความเห็นเพิ่มเติมว่าร่างแผนแม่บทดังกล่าวควรให้ความสำคัญต่อการจัดการศึกษาซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ เทคโนโลยีสารสนเทศโดยตรง ตามที่ปรากฏในยุทธศาสตร์ โดยระบุไว้ในพันธกิจให้ชัดเจน และให้แก้ไข ชื่อของกระทรวงศึกษาธิการให้ถูกต้องตรงตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ฉบับใหม่ ด้วย นอกจากนี้ การบริหารและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ควรมีกฎหมายเกี่ยวกับ เรื่องนี้ให้น้อยที่สุด เพื่อให้มีความคล่องตัวและเป็นการเปิดกว้างทางเทคโนโลยี เพราะเทคโนโลยีด้านนี้ มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว |
|||||||||||||||
1340 | ผลการสำรวจความรู้ความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น พ.ศ. 2545 | นร | 25/09/2545 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานสรุปผลการสำรวจความรู้ความเข้าใจ
ของประชาชนเกี่ยวกับการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น สรุปได้ว่า ประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่ประมาณ 4 ใน 5 หรือร้อยละ 79.6 เคยได้ยินหรือทราบเรื่องการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดย ร้อยละ 20.4 ไม่เคยได้ยินหรือไม่ทราบ ทั้งนี้ ร้อยละ 88.4 เห็นด้วยกับการที่จะมีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ไม่เห็นด้วยร้อยละ 11.6 โดยร้อยละ 55.2 เห็นว่าควรกระจายอำนาจไปในทุกจังหวัดและทุกพื้นที่พร้อมกัน และ ประมาณร้อยละ 42.4 เห็นว่าควรกระจายอำนาจไปในจังหวัดที่สามารถบริหารจัดการด้วยตนเองได้ สำหรับ แหล่งงบประมาณที่จะใช้ในการบริหารงาน ร้อยละ 71.3 เห็นว่าควรเป็นงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจาก รัฐบาล ร้อยละ 47.1 เห็นควรเป็นงบประมาณจากภาษีอากรของท้องถิ่น ร้อยละ 42.7 เป็นงบประมาณของ ท้องถิ่น และร้อยละ 24.2 เป็นงบประมาณที่ได้จากผลประโยชน์/ทรัพยากรของท้องถิ่น นอกจากนี้ ร้อยละ 56.2 เห็นว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความพร้อมในการบริหารงานส่วนท้องถิ่น และร้อยละ 19.8 เห็นว่า ยังไม่พร้อม และประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป เกือบ 3 ใน 4 หรือร้อยละ 72.4 มีความพอใจต่อการบริหารงาน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปัจจุบัน โดยมีผู้ที่ไม่พอใจร้อยละ 27.6 |
.....