ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 63 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 1241 - 1260 จากข้อมูลทั้งหมด 1462 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1241 | ร่างพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. สัดส่วนการถือหุ้นของสถาบันการเงินและบุคคลอื่นใน ธ.ก.ส. อำนาจของ ธ.ก.ส. ในการกระทำกิจการ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ธ.ก.ส. และผู้จัดการ) | กค | 04/11/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการ
เกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร พ.ศ. 2509 ในส่วนของสถานที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ การแต่งตั้งสาขาหรือตัวแทนของ ธนาคาร ผู้ถือหุ้น วัตถุประสงค์ของธนาคาร อำนาจของธนาคาร อำนาจของคณะกรรมการในการแต่งตั้งคณะ กรรมการบริหาร และอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการ ทั้งนี้ ให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติ ฯ ให้เป็นไปตาม ความเห็นของคณะรัฐมนตรีดังนี้ สัดส่วนการถือหุ้นของสถาบันการเงินหรือบุคคลอื่นตามร่างมาตรา 4 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมมาตรา 7 ควรกำหนดให้เพิ่มขึ้นได้ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ แต่ต้องไม่เกินร้อยละสี่สิบเก้า เพื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ยังคงมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และต้องยึดหลักการในการช่วยเหลือทาง การเงินแก่เกษตรกร และการพัฒนาชนบทต่อไป สำหรับผู้ถือหุ้นแต่ละรายให้กำหนดให้ถือได้ไม่เกินร้อยละห้า ยกเว้นผู้ถือหุ้นที่มีลักษณะเป็นกองทุนด้านการเกษตร หรือกองทุนของรัฐ เช่น สหกรณ์ สหกรณ์การเกษตร หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เป็นต้น โดยให้ ธ.ก.ส. มีอำนาจในการใช้ดุลพินิจในการขายหุ้นภาย ใต้กรอบสัดส่วนดังกล่าวตามที่เห็นสมควร สำหรับองค์ประกอบของคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ในส่วนของประธาน กรรมการและผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรีที่ร่วมเป็นคณะกรรมการ ธ.ก.ส. และวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. ตาม ร่างมาตรา 6 ซึ่งเพิ่มความเป็น (4) ของมาตรา 9 ให้เป็นไปตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่น กรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 ที่เห็นควรให้ตัดความใน (4) ของร่างมาตรา 6 กรณีการให้ความช่วย เหลือทางการเงินแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นของ ธ.ก.ส. และไม่ ควรกำหนดให้มีผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมเป็นคณะกรรมการ ธ.ก.ส. เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงใน ปัจจุบันที่สำนักนายกรัฐมนตรีมิได้มีหน่วยงานดูแลภาคการเงินและเกษตรกรรม และให้รับความเห็นของส่วน ราชการที่เกี่ยวข้องและข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับร่างมาตรา 3 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 6 บัญญัติให้ตั้งสาขาหรือตัวแทนของ ธ.ก.ส. นอกราชอาณาจักรได้ โดยต้องได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีก่อนการ ตั้งสาขาหรือตัวแทนนอกราชอาณาจักรดังกล่าว อาจไม่สามารถให้บริการหรือช่วยเหลือทางการเงินแก่บุคคล กลุ่มบุคคล ฯลฯ ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรมในประเทศไทยตามวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. ได้ ไปพิจารณา ด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ต่อไป |
|||
1242 | ส่งสำเนาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ | ศร | 04/11/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เสนอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่
32/2546 ลงวันที่ 22 กันยายน 2546 เรื่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอความเห็นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยว่า ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 มาตรา 17 เฉพาะกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในส่วนของเงินอุดหนุนเฉพาะกิจเพื่อพัฒนาองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ และเงินอุดหนุนเฉพาะกิจเพื่อพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวไทย มีการกระทำฝ่าฝืนบทบัญญัติ รัฐธรรมนูญ มาตรา 180 วรรคหก หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้วินิจฉัยชี้ ขาดว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 มาตรา 17 เฉพาะกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในส่วนของเงินอุดหนุนเฉพาะกิจทั้งสองกรณีดังกล่าว ไม่ปรากฏว่ามี การกระทำฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 180 วรรคหก เนื่องจากการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่าย ฯ มาตรา 17 เฉพาะกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในส่วนของเงินอุดหนุนเฉพาะ กิจดังกล่าว ได้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตามที่คณะรัฐมนตรีมอบ หมาย และจัดส่งสำนักงบประมาณเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อประกอบการพิจารณาให้ ความเห็นชอบ และไม่ปรากฏว่า มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราช บัญญัติงบประมาณรายจ่าย ฯ หรืออนุกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นใช้อำนาจหน้าที่เพิ่มเติมรายการ และกระทำด้วยประการใด ๆ ในงบประมาณรายจ่าย ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นอันมีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาหรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว |
|||
1243 | กระทู้ถามที่ 1170 ร. เรื่อง ปัญหาการขนส่งเนื้อสุกรทั้งตัวบนถนนเพชรเกษม | สผ | 04/11/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1170 ร.
เรื่อง ปัญหาการขนส่งเนื้อสุกรทั้งตัวบนถนนเพชรเกษม ของพลตรี ศรชัย มนตริวัต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกาญจนบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า ตามพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 20 ได้กำหนดให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถบรรทุก คน สัตว์ หรือสิ่งของ ต้องจัดให้มีสิ่งป้องกันมิให้คน สัตว์ หรือสิ่งของที่บรรทุกตกหล่น รั่วไหล สิ่งกลิ่น ส่องแสงสะท้อน หรือปลิว ไปจากรถอันอาจก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญ ทำให้ทางสกปรก เปรอะเปื้อน ทำให้เสื่อมเสียสุขภาพอนามัยแก่ ประชาชนหรือก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน ดังนั้น การบรรทุกเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ที่ได้ชำแหละแล้ว นำเข้ามาขายในเขตกรุงเทพมหานคร จึงจำเป็นต้องจัดให้มีสิ่งป้องกันมิให้เนื้อสัตว์ตกหล่น รั่วไหล หรือส่ง กลิ่น รบกวน มิฉะนั้นจะเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 20 สำหรับ แนวทางในการดำเนินการจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องออกตรวจตราและเข้มงวดกวด ขันในการจับกุมผู้ประกอบการขนส่งเนื้อสัตว์ที่ได้กระทำผิดกฎหมายเพื่อมิให้ฝ่าฝืนกฎหมายซึ่งจะทำให้ประชา ชนผู้บริโภคได้บริโภคเนื้อสัตว์ที่ถูกสุขลักษณะและอนามัย และจากสภาพปัญหาการบริโภคอาหารของประชา ชนในปัจจุบันยังไม่ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค ประกอบกับความต้องการบริโภคเนื้อสุกรในกรุงเทพ มหานครและปริมณฑลมีปริมาณมากกว่าวันละ 10,000 ตัว และโรงฆ่าสุกรในกรุงเทพมหานครไม่สามารถฆ่า สุกรได้ตามปริมาณที่ต้องการ จึงต้องสั่งนำเข้าสุกรจากต่างจังหวัดซึ่งมีขบวนการผลิตและการขนส่งยังไม่ถูกสุข ลักษณะความปลอดภัยและไม่เป็นมาตรฐาน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องจึงได้ระดมความคิดร่วมกัน เพื่อกำหนดมาตรฐาน แนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจรเกี่ยวกับ การบริโภคเนื้อสุกรที่ไม่ได้รับความปลอดภัย ส่วนการตรวจติดตามการดำเนินการปรับปรุงโรงฆ่าสัตว์ การ ฆ่าสัตว์ (สุกร) และการขนส่งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาสาสมัคร (ท้องถิ่นนำร่อง 6 จังหวัด) และ ได้ขอความร่วมมือจากกรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ติดตามสอดส่องการดำเนินการ ปรับปรุงโรงฆ่าสัตว์ การฆ่าสัตว์ (สุกร) และการขนส่ง รวมทั้งได้มีส่วนราชการได้ให้ความสนใจในการปรับ ปรุงสภาพการบริโภคเนื้อสุกรให้มีความปลอดภัยมากขึ้น เช่น การใส่สารเร่งเนื้อแดง เป็นต้น และขณะนี้คณะ รัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Safety) โดยมอบให้กระทรวง สาธารณสุข และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับผิดชอบดำเนินการ โดยมีหน่วยงานที่ร่วมรับผิดชอบ จำนวน 11 หน่วยงาน รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้วย |
|||
1244 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | กค | 04/11/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้
จ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ดังนี้ มาตรการเร่งรัดติดตามในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เห็นควรกำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ไว้ในอัตราร้อย ละ 92.0 ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย 1,011,500 ล้านบาท โดยไม่รวมงบกลางที่ตั้งไว้เพื่อใช้จ่ายในงานโครง การเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (16,500 ล้านบาท) และราย จ่ายลงทุนควรกำหนดเป้าหมายไม่น้อยกว่าร้อยละ 72.0 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนของแต่ละส่วนราช การ ส่วนแนวทางการดำเนินงานของส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติ ตามแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณโดยเคร่งครัด และเพื่อเร่งรัดการก่อหนี้ผูกพัน รายจ่ายลงทุน ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีหน่วยงานในภูมิภาคเร่งโอนเงินงบประมาณไปให้หน่วยงานใน ภูมิภาคโดยเร็ว และเร่งดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 กับให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะทำงานขึ้นทำหน้าที่ติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไป ตามเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ และติดตามปัญหาอุปสรรคในการเบิกจ่ายเงินและดำเนินการตามมาตร การและแนวทางที่คณะกรรมการติดตามผลการใช้จ่ายเงินภาครัฐในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 กำหนดต่อไป รวม ทั้งให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจส่งสำเนาแผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตามระบบงบ ประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานที่จัดส่งให้สำนักงบประมาณให้กรมบัญชีกลางทราบ เพื่อประโยชน์ในการติดตามเร่ง รัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ และให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาประสิทธิภาพ ของหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและผู้ว่าราชการจังหวัด ในกรณีที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในส่วนกลางที่ มีอัตราการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนต่ำกว่าร้อยละ 72 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนที่ได้รับ และกรณีที่ส่วนราช การและรัฐวิสาหกิจในส่วนภูมิภาคที่มีอัตราการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนต่ำกว่าร้อยละ 72 ของงบประมาณราย จ่ายลงทุนที่ได้รับ ทั้งนี้ อัตราการเบิกจ่ายที่ต่ำกว่ากำหนดดังกล่าวจะต้องมิได้มีสาเหตุมาจากปัญหาที่เป็นปัจจัย ภายนอก และให้กระทรวงการคลังพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ในการให้รางวัลกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และ ส่วนภูมิภาคที่มีอัตราการเบิกจ่ายที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า สำหรับแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานกลาง มอบหมายให้กรมบัญชีกลางรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ได้แก่ ราย งานภาพรวมการเบิกจ่ายเงินและปัญหาอุปสรรคพร้อมทั้งมาตรการที่ควรดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบ และ รายงานผลการเบิกจ่ายเงินรายส่วนราชการให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบเพื่อประโยชน์ในการเร่งรัดการดำเนินงาน แก้ไขปัญหาอุปสรรคและทำให้การเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด นอกจากนี้ ให้สำนักงาน คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรายงานผลการติดตามการดำเนินงานปัญหา อุปสรรคขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้คณะรัฐมนตรีทราบ |
|||
1245 | กระทู้ถามที่ 1222 ร. เรื่อง เร่งรัดลาดยางถนน | สผ | 28/10/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1222 ร. เรื่อง เร่งรัดลาด
ยางถนน ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อ ไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า กระทรวงคมนาคมโดยกรมทางหลวงชนบทได้ดำเนินการตรวจสอบเส้น ทางสายจากวัดท่าดินดำ-ท่ามะนาว ระยะทาง 2.000 กิโลเมตร พบว่าเป็นทางผิวจราจรลูกรัง ปัจจุบันอยู่ในความ รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี จึงเห็นควรให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรีรับไปพิจารณาถึง ความเหมาะสมในการปรับปรุงถนนลูกรังสายดังกล่าวให้เป็นถนนลาดยาง ส่วนถนนสายโรงเรียนนารายณ์วิทยา -บ้านท่าดินดำ กรมทางหลวงชนบทดำเนินการตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นถนนสายสะพานนิยมชัยศิริ-โรงเรียน นารายณ์วิทยา ก่อสร้างเป็นถนนผิวจราจรลาดยางแล้ว ระยะทาง 1.345 กิโลเมตร คงเหลือยังไม่ได้ก่อสร้าง ระยะ ทาง 0.645 กิโลเมตร กรมทางหลวงชนบทได้พิจารณางบประมาณเพิ่มเติมเพื่อก่อสร้างเป็นถนนลาดยางแล้ว อยู่ ในระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง หากเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะพิจารณามอบโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดูแล บำรุงรักษาเนื่องจากมีลักษณะเป็นถนนสายย่อย ซึ่งเป็นภารกิจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำหรับการรับ เป็นถนนหมายเลขเดี่ยวไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากทางหลวงหมายเลขเดี่ยวเป็นถนนลักษณะเชื่อมระหว่าง ภูมิภาค และสภาพการใช้ประโยชน์ของถนนดังกล่าวมิได้สอดคล้องเป็นถนนเชื่อมระหว่างภูมิภาค |
|||
1246 | กระทู้ถามที่ 1235 ร. เรื่อง การสนับสนุนงบประมาณเพื่อการปรับปรุงและซ่อมแซมถนนในพื้นที่บ้านห้วยน้ำดีและบ้านห้วยน้ำเย็น อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก | สผ | 28/10/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1235 ร. เรื่อง การ
สนับสนุนงบประมาณเพื่อการปรับปรุงและซ่อมแซมถนนในพื้นที่บ้านห้วยน้ำดีและบ้านห้วยน้ำเย็น อำเภอชาติ ตระการ จังหวัดพิษณุโลก ของนายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก และให้ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า กระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้กรมทาง หลวงบทดำเนินการตรวจสอบถนนสายบ้านห้วยน้ำดี ตำบลท่าสะแก และถนนสายบ้านห้วยน้ำเย็น ตำบล บ้านดง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก แล้วปรากฎว่า ถนนสายทั้ง 2 สาย มีสภาพเป็นถนนดินลูกรัง และ อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลตำบลท่าสะแกและองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านดง รวมทั้ง อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ นอกจากนี้ ถนนทั้ง 2 สาย กรมทางหลวงชนบทไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณใน ปีพ.ศ. 2546 เนื่องจากอยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงต้องให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นดำเนินการบำรุงรักษา หรือบูรณะลาดยางตามความจำเป็นเร่งด่วน โดยรัฐบาลได้สนับสนุนท้องถิ่นใน รูปงบประมาณอุดหนุนเป็นประจำทุก ๆ ปี อย่างไรก็ตาม หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีงบประมาณ ในการซ่อมบำรุง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถประสานไปยังสำนักงานทางหลวงชนบทพิษณุโลก เพื่อ ขอความช่วยเหลือซ่อมแซมให้ใช้งานได้เป็นการชั่วคราวก่อน ตามกำลังงบประมาณที่จะสามารถช่วยเหลือเจียด จ่ายให้ เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนในเบื้องต้น |
|||
1247 | การจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจเพื่อพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | นร | 28/10/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง การจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจเพื่อพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยที่เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับการพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งคณะกรรม การการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรพิจารณาก่อน และในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ในวาระที่ 2 และ 3 เมื่อ วันที่ 3-5 กันยายน 2546 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ให้ข้อสังเกตในมาตรา 17 ซึ่งเป็นงบประมาณของกรมส่ง เสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย รายการเงินอุดหนุนเฉพาะกิจเพื่อพัฒนาองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ จำนวน 3,226,543,600 บาท ว่า งบประมาณดังกล่าวมีการ กระจุกตัว และลงในพื้นที่ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2547 จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับเรื่องนี้ไปพิจารณาทบทวน โดยอาจกำหนดกรอบหลักเกณฑ์ในการ พิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจที่เหมาะสม และให้ประสานการดำเนินการกับกระทรวงมหาดไทย (กรมส่ง เสริมการปกครองท้องถิ่น) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปอีกครั้งหนึ่ง |
|||
1248 | การจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 28/10/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ ให้สำนักงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่น) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น โดยให้ขอความเห็นจากคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) และดำเนินการให้สอดคล้องกับมติของ กกถ. ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ก่อนที่จะนำร่างพระ ราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ประธาน กกถ. รับข้อสังเกตของคณะ รัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนี้ การพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ซึ่งมีผลใช้บังคับไปแล้ว สภาผู้แทนราษฎรมีข้อสังเกตว่า งบประมาณที่จัดสรร เป็นเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้แก่ท้องถิ่นในจังหวัดต่าง ๆ ยังมีลักษณะกระจุกตัว ดังนั้น รัฐบาลควรบริหารงบประ มาณให้เหมาะสมต่อไป และการพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่ท้องถิ่น กกถ. ควรประสานการดำเนินการกับ สำนักงบประมาณ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย อย่างใกล้ชิดด้วย สำหรับภารกิจต่างๆ หลายประการในท้องถิ่น ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการแทนหน่วยราชการส่วน กลาง นั้น ในการจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำเป็นจะต้องมีความชัดเจนว่างบประมาณ ส่วนใดเป็นการจัดสรรไปเพื่อการดำเนินการตามภารกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดทำโครงการ/ แผนงานรองรับให้สอดคล้องกันด้วย นอกจากนี้ เพื่อให้การบริหารงบประมาณตลอดจนการควบคุมดูแลการใช้ จ่ายเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรส่งเสริมให้มีการนำระบบ การจัดเก็บข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยมาใช้ และหากในระยะต่อไปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความ พร้อมในด้านต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ก็สามารถพัฒนาปรับปรุงการบริหารงานคลังและงบประมาณให้สมบูรณ์เป็น ระบบเดียวกับระบบการบริหารงานคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) ได้ต่อไป และโดยที่คณะ รัฐมนตรีได้มีมติ เกี่ยวกับแนวการพิจารณาการจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่ท้องถิ่น และการกำหนดงบอุดหนุน เฉพาะกิจไว้โดยเฉพาะ หากมติใดไม่สอดคล้องและเหมาะสมกับแนวทางการดำเนินการเรื่องนี้ในปัจจุบัน และ สมควรปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมายหรือระเบียบใดที่เกี่ยวข้อง ให้ กกถ. รับไปพิจารณาทบทวนเพื่อปรับปรุง แก้ไขหรือขอยกเลิกตามความจำเป็นเหมาะสมและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
|||
1249 | รายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัย | มท | 07/10/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้รายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยในเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่
วันที่ 2 กันยายน 2546 จนถึงปัจจุบัน ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบ โดยใช้ระบบการประชุมทางไกล นั้น คณะ รัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า ความเสียหายจากอุทกภัยในปี พ.ศ. 2546 โดยเฉพาะในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานครมีความ รุนแรงน้อยกว่าทุกปี เนื่องจากมีการบริหารจัดการและเตรียมการล่วงหน้าที่ดีตลอดทั้งปี ส่วนในภาคอื่น ๆ ได้แก่ ภาคใต้ ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันหากมีฝนตกหนัก จึงต้องเน้นการระบายน้ำลงทะเลอย่างรวดเร็ว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงควรดำเนินการขุดลอกคู คลอง และร่องน้ำ เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้โดยสะดวก ภาคเหนือ ลุ่มน้ำใดที่ได้จัดทำแผนเสร็จแล้ว จะต้องเร่งรัดให้มีการบูรณาการในภาพรวม สำหรับการแก้ไขปัญหา อุทกภัยในบางจังหวัดที่ไม่เกี่ยวกับแผนในภาพรวม เช่น เชียงราย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ แล้วเสร็จโดยเร็ว และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งลักษณะของพื้นที่ทำให้น้ำไหลมารวมกันในปริมาณมากที่จังหวัด อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี แนวทางการแก้ไขที่เหมาะสม คือ ต้องเก็บกักน้ำด้านบนไว้พร้อม ๆ กับเร่งระบาย น้ำจากพื้นที่ด้านล่าง แต่ยังมีอุปสรรคสำคัญ คือ แก่งต่าง ๆ โดยเฉพาะแก่งในลำน้ำมูล ขณะนี้มหาวิทยาลัยอุบล ราชธานีอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเสนอแนวทางแก้ไขต่อไป และตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายการแก้ไขปัญหา อุทกภัย ว่าควรแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาว ขณะนี้พบว่า กิจกรรมหลายกิจ กรรมในระยะเร่งด่วน ยังไม่มีความก้าวหน้าเท่าที่ควร หน่วยงานที่รับผิดชอบจึงควรให้ความสำคัญและเร่งรัดการ ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งการดำเนินการแก้ปัญหาอุทกภัย ควรเน้นวิธีการป้องกันมากกว่าการแก้ไข โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัยในช่วงเวลาและบริเวณพื้นที่ที่ซ้ำกันทุกปี เนื่องจากการป้องกันล่วงหน้า จะช่วยลดระดับของผลกระทบและความเสียหาย สามารถประหยัดงบประมาณได้มากกว่าการแก้ไข จึงมอบให้รอง นายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณา |
|||
1250 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร | 30/09/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจำนวน 1,760,880 บาท เพื่อจ้างลูกจ้างชั่วคราวในโครงการจ้างลูกจ้างชั่วคราว เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการปฏิบัติงานต่อไปอีก 1 ปี ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546-30 กันยายน 2547 สำหรับการจ้างลูกจ้างดังกล่าว อย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2549 ให้ขอทำความตกลงกับคณะกรรมการกำหนดเป้าหมาย และนโยบายกำลังคนภาครัฐ ทั้งนี้ เมื่อได้ประกาศใช้ระเบียบว่าด้วยลูกจ้างสัญญาจ้างของส่วนราชการ พ.ศ. .... แล้ว ให้นำมาประกอบการพิจารณาด้วย และให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จำนวน 8,993,100 บาท และผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. 2548 อีกจำนวน 9,006,900 บาท โดยให้นำไปสมทบ กับงบประมาณของกองทุนสนับสนุนการวิจัย เพื่อดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถ ในการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เพื่อดำเนิน โครงการดังกล่าว ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยให้ตกลงใน รายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง |
|||
1251 | การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 23/09/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยรับทราบสรุปผลการประชุมหา
รือเรื่อง การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ และเห็นชอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยว ข้องถือปฏิบัติตามผลการประชุมหารือต่อไป โดยผลการประชุมได้มีการหารือร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรี รอง นายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทย และผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการกระจายอำนาจ ว่าระบบการกระจาย อำนาจควรพิจารณาหรือคิดทบทวนว่าจะทำทีละส่วน หรือจะมองใหม่ทั้งระบบ และแต่ละองค์กรควรมีขอบเขตแค่ ไหน ถ้าไม่เหมาะสมก็ปรับใหม่ทั้งระบบ และการกระจายอำนาจโดยหลักต้องการให้ท้องถิ่นได้บอกความต้องการ ของท้องถิ่นและได้บริหารจัดการกันเอง แต่ส่วนกลางไปคิดแทน จึงมีปัญหาเพราะไม่รู้จริง ซึ่งปัจจุบันจะมีลักษณะ inside-out มาตลอด จึงควรแก้ inside-out ด้วย สำหรับการมีส่วนร่วม (participation) คือ ขอให้ไปสำรวจ ความต้องการของประชาชนและมากำหนดนโยบาย โดยพิจารณาความพร้อมเป็นหลัก ในเรื่องของผู้มีอิทธิพลที่เข้า มาบริหารจัดการเรื่องของท้องถิ่น รัฐบาลต้อง citizen-centered คือ ประชาธิปไตยนั้นเป็น means to an end โดย end ของประชาธิปไตย คือ ความผาสุกของประชาชนถือว่า ประชาธิปไตยนั้นเป็น means ที่ดี ส่วนการแก้ ปัญหาของประเทศไทยตามแนวทางที่รัฐบาลดำเนินการคือใช้ socialism economy จากฐานราก และ capitalism economy จากฐานบนเป็นการผสมผสาน และข้อคิดเห็นในเรื่องความไม่พร้อมของบุคลากรทางการเมืองด้วย นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องของการจัดสรรรายได้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) การปรับ โครงสร้างของ อปท. ที่ยังไม่ชัดเจน ปัญหาการถ่ายโอนภารกิจ การทุจริต การขาดการติดตามตรวจสอบ ประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ บทบาทหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดกับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน รวมถึงเรื่องผู้ว่า CEO กับความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารราชการส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น และการมีกำนัน ผู้ ใหญ่บ้านในอปท. |
|||
1252 | การยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง นโยบายว่าด้วยการอนุญาตประทานบัตรทำเหมืองแร่ในทะเล | อก | 16/09/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง นโยบาย
ว่าด้วยการอนุญาตประทานบัตรทำเหมืองแร่ในทะเล จำนวน 3 ฉบับ คือ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2521 วันที่ 22 สิงหาคม 2521 และวันที่ 10 มิถุนายน 2523 โดยขอให้ยกเลิกหลักเกณฑ์และนโยบาย ว่าด้วยการอนุญาตประทานบัตรทำเหมืองแร่ในทะเลเพื่อให้การกำหนดสัดส่วนการถือหุ้นของคนต่างด้าวในการ ประกอบกิจการทำเหมืองแร่ในทะเล ให้เป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่าง ด้าว พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรให้มีการยกเลิกนโยบายการกำหนด ของคนต่างด้าวในการประกอบกิจการทำเหมือง รวมทั้งสัดส่วนการถือหุ้นแร่ในทะเลตามมติคณะรัฐมนตรีดัง กล่าว อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการส่งเสริมธุรกิจด้านนี้ เห็นสมควรให้กระทรวงอุตสาหกรรม ศึกษาปัญหาและอุปสรรคอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อการเข้าลงทุน พร้อมทั้งเสนอมาตรการหรือแนวทางแก้ไขอีก ทางหนึ่งด้วย และจากข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรมดังกล่าวนั้น ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และพระราชบัญญัติกำหนด แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 มีเจตนารมณ์สอดคล้องกัน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนตำบลมีอำนาจหน้าที่ในการคุ้มครองดูแล ตลอด จนบำรุงรักษา การจัดการและการใช้ประโยชน์จากป่าไม้ ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในเขต พื้นที่ ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการคุ้มครองดูแล บำรุงรักษา การจัดการและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากพิจารณากำหนดนโยบายในเรื่อง นี้ขึ้นใหม่ นอกจากต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 แล้ว ควรกำหนดให้มีการรับฟังความเห็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประกอบการพิจารณาอนุญาตการ ทำเหมืองแร่ไว้ในนโยบายดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ เพื่อให้การอนุญาตประทานบัตรเกิดผลตอบแทนสูงสุดแก่ ประเทศนอกเหนือจากค่าภาคหลวง เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการกำหนดเงื่อนไขใน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยของการลงทุนจากต่างประเทศ และ เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||
1253 | รายงานผลการติดตามการดำเนินงานปัญหา อุปสรรค การใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 09/09/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) รายงาน
ผลการติดตามการดำเนินงานปัญหาอุปสรรคการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยผลการเบิกจ่าย เงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ในส่วนของเงินอุดหนุนทั่วไปที่ไม่มีเงื่อนไขเพื่อ ดำเนินภารกิจตามอำนาจและหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเงินอุดหนุนทั่วไปที่มีเงื่อนไขเพื่อดำเนิน ภารกิจที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการเบิก จ่ายทั้งสิ้น 11,563.1025 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 46.34 ของเงินอุดหนุนทั่วไปทั้งหมด (24,926.997 ล้านบาท) ซึ่งสาเหตุที่เงินอุดหนุนดังกล่าวมีการเบิกจ่ายได้น้อยกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ เนื่องจากการกำหนดให้ใช้ เงินอุดหนุนทั่วไปในลักษณะงบลงทุนทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีความคล่องตัวในการใช้จ่ายงบประมาณ เพราะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งมีความจำเป็นต้องใช้เงินอุดหนุนทั่วไปบางส่วนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการ บริหารงานในลักษณะงบประจำ รวมทั้งการกำหนดให้ต้องเบิกจ่ายในลักษณะงบลงทุน ซึ่งองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นจะเบิกเงินได้เมื่อมีหนี้ และหนี้ถึงกำหนดหรือใกล้ถึงกำหนดครบชำระทำให้ยอดการเบิกจ่ายเงินมีน้อยมาก นอกจากนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่วนใหญ่ต้องเสียเวลาแก้ไขปรับปรุงข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายหรือจัดทำ งบประมาณเพิ่มเติม ซึ่งบางแห่งยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีปัญหากับสภาท้องถิ่น และปัญหาความพร้อม ของโครงการที่มิได้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าทำให้ไม่สามารถใช้จ่ายเงินได้ตามปกติ |
|||
1254 | การจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | นร | 09/09/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการดำเนินงานเรื่อง
การจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 สรุปได้ดังนี้ ตามที่คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2546 รับทราบหลักเกณฑ์การจัดสรรภาษีอากรและค่าธรรมเนียมให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) และหน่วย งานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ที่จะ ปรับลดวงเงินอุดหนุนเฉพาะกิจไปเพิ่มเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปในวงเงิน 3,000 ล้านบาท ไปพิจารณาแล้วนำเสนอ นายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ และให้ดำเนินการต่อไปได้ นั้น ผลการดำเนินงานซึ่งได้มีการประชุมปรึกษาใน เรื่องดังกล่าว ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณยืนยันว่า สำนักงบประมาณไม่สามารถปรับลดเงินอุดหนุนที่ตั้งไว้ สำหรับกรุงเทพมหานคร และยอดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจที่จัดสรรสำหรับโครงการตามยุทธศาสตร์และนโยบาย เร่งด่วนของรัฐบาลตามมติ กกถ. ได้ แต่สามารถปรับเปลี่ยนรายละเอียดการจัดสรรโครงการตามยุทธศาสตร์ ฯ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่งเพื่อมิให้มีการกระจุกตัว และจากกรณีดังกล่าวจึงมีผลกระทบต่อการ จัดสรรภาษีอากรและค่าธรรมเนียมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังนั้น กกถ. จึงมีมติเห็นชอบให้ทบทวน หลักเกณฑ์การจัดสรรภาษีอากรและค่าธรรมเนียมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 รวมทั้งเห็นชอบหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเพื่อลดช่องว่างทางการคลัง ให้แก่ เทศบาล อบจ. และ อบต. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จำนวน 23,855.3829 ล้านบาท และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้ รายงานผลการดำเนินการจัดสรรงบประมาณในส่วนของเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โดยกระทรวงมหาดไทยได้จัดส่ง บัญชีโครงการเงินอุดหนุนเฉพาะกิจเพื่อพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ และแผนงานส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวให้สำนักงบประมาณแล้ว และได้แจ้งให้คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ทราบด้วยแล้ว |
|||
1255 | กระทู้ถามที่ 1031 ร. เรื่อง ขอให้กรมพัฒนาที่ดินเร่งดำเนินการบูรณะ ปรับปรุงพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ทำการเกษตรและอื่น ๆ ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้แก่ราษฎรมีอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับราษฎร | สผ | 02/09/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1031 ร. เรื่อง
ขอให้กรมพัฒนาที่ดินเร่งดำเนินการบูรณะ ปรับปรุง พัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ทำการเกษตรและอื่น ๆ ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้แก่ราษฎรมีอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับราษฎร ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุป ได้ว่า (1) รัฐบาลมีนโยบายและแผนงานบูรณะ ปรับปรุง พัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ทำการเกษตรและที่ดินให้กับ ราษฎรในภาพรวม โดยการบูรณะ ปรับปรุง และพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ทำการเกษตรในกรณีที่เป็นแหล่งน้ำขนาด เล็กทั้งโครงการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และโครงการที่อยู่ในแผนงาน ซึ่งรัฐบาลได้ถ่ายโอนภารกิจให้กับองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมทั้งถ่ายโอนงบประมาณในการดำเนินการผ่านสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อ จัดสรรให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดำเนินการตามที่ต้องการต่อไป สำหรับงานโครงการขนาดกลาง และ ขนาดใหญ่ที่ดำเนินการโดยหน่วยงานต่าง ๆ ได้มอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ใน การพัฒนาที่ดินทำกินให้กับราษฎรได้มีการวางแผนการใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ และจัดการที่ดินที่รกร้างว่าง เปล่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีแผนการพัฒนาและอนุรักษ์ทั้งดินและน้ำ ป้องกันการชะล้างและพังทลายของดิน ฯลฯ (2) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 กรมพัฒนาที่ดินได้จัดสรรงบประมาณเพื่อการดำเนินการแผนงาน/โครง การพัฒนาแหล่งน้ำ เป็นจำนวน 10,275 แห่ง โดยเน้นการกระจายให้แก่ราษฎรอย่างทั่วถึงในพื้นที่ที่มีปัญหาการ ขาดแคลนน้ำ มีศักยภาพที่จะพัฒนาแหล่งน้ำ และเกษตรกรมีความพร้อมในการร่วมพัฒนากับภาครัฐ และพร้อมที่ จะบริหารจัดการการใช้ประโยชน์และบูรณะฟื้นฟูแหล่งน้ำที่สร้างขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การส่งเสริมพื้นที่ทำการ เกษตรและแหล่งน้ำ ประกอบด้วย แผนงาน/โครงการ 4 เรื่องหลัก ได้แก่ การก่อสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อการ เกษตรกรรม การปรับปรุงพื้นที่และจัดทำระบบส่งน้ำในไร่นา การปรับปรุงแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อเป็นแหล่งผลิต ชุมชน และการก่อสร้างแหล่งน้ำในไร่นาของเกษตรกร นอกจากนี้ ในช่วงปี พ.ศ. 2546 - 2549 ยังมีเป้าหมาย ในการอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 15 ล้านไร่ พร้อมทั้งพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรอีกประมาณ 141,100 ไร่ |
|||
1256 | กระทู้ถามที่ 020 ร. เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กับองค์การบริหารส่วนตำบล | สว | 02/09/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 120 ร. เรื่อง การปฏิบัติ
หน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านกับองค์การบริหารส่วนตำบล ของนายจำเจน จิตรธร สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสุโขทัย และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการ ปกครอง และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมีแนวทางในการดำเนินการเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของกำนัน ผู้ ใหญ่บ้านกับองค์การบริหารส่วนตำบล โดยได้ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทอำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่ายที่ กฎหมายกำหนดไว้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงานของแต่ละฝ่าย และเป็นการลดปัญหาความขัดแย้ง ที่อาจเกิดขึ้น กำหนดแนวทางการดำเนินการร่วมกัน และเมื่อถ่ายโอนภารกิจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพิ่มขึ้นแล้ว กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จะต้องลดบทบาทที่เคยได้รับมอบหมายในการทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือราชการ ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค การที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จะเข้าไปมีบทบาทในการประสานงานเพื่อสนับสนุนการ ปฏิบัติงานขององค์การบริหารส่วนตำบล นั้น ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการวางแผนพัฒนาองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2541 กำหนดให้กำนันในเขตพื้นที่ที่เป็นกรรมการพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นการเปิดโอกาสให้เสนอแนะในการวางแผนพัฒนาตำบล ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนได้อย่าง แท้จริง และได้แต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงแก้ไขและกำหนดบทบาทหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้สอดคล้อง กับสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีนโยบายและแผนที่จะปรับปรุงอำนาจหน้าที่ ตลอดจนบทบาทของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านกับองค์การบริหารส่วนตำบล โดยปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธ ศักราช 2457 รวมทั้งกำหนดแนวคิดในการออกระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการบูรณาการการปฏิบัติ ระหว่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้านกับองค์การบริหารส่วนตำบล และกำหนดแนวคิดในการแก้ไขกฎหมายและระเบียบข้อ บังคับของกระทรวงมหาดไทย |
|||
1257 | กระทู้ถามที่ 1172 ร. เรื่อง การก่อสร้างถนนลาดยางเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎร และ กระทู้ถามที่ 1174 ร. เรื่อง ถนนสายบ้านห้วยเหิน - แก่งบัวคำ ตำบลสวนเมี่ยง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก | สผ | 02/09/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1172 ร. เรื่อง การ
ก่อสร้างถนนลาดยางเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎร ของนายกริช กงเพชร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดมหาสารคาม และกระทู้ถามที่ 1174 ร. เรื่อง ถนนสายบ้านห้วยเหิน-แก่งบัวคำ ตำบลสวนเมี่ยง อำเภอ ชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ของนายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก และให้ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบกระทู้ถามที่ 1172 ร. สรุปได้ว่า กระทรวงคมนาคมได้ มอบหมายให้กรมทางหลวงชนบทตรวจสอบถนนสายบ้านมะค่า-บ้านใคร่นุ่น ตำบลมะค่า อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม พบว่า ถนนสายทางดังกล่าวได้ดำเนินการก่อสร้างเป็นทางผิวจราจรลาดยาง ระยะทาง 2.090 กิโลเมตร ส่วนที่เหลือเป็นทางผิวลูกรัง ระยะทาง 4.610 กิโลเมตร เป็นสายทางที่อยู่ในความรับผิดชอบ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณอุดหนุนให้ทุกปีในการก่อสร้างและบำรุงรักษา เพื่อประชาชนสามารถใช้เป็นทางสัญจรได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ กรมทางหลวงไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าองค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะดำเนินการได้เมื่อใด อย่างไรก็ตาม ถนนทุกสายที่กรมทางหลวงชนบทได้ถ่ายโอน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นจะผลักดันให้มีการสนับสนุนงบประมาณเพื่อบำรุงรักษาประจำปี และบูรณะ ซ่อมแซมให้ใช้การได้ดี โดยจะพิจารณาจัดทำแผนประจำปี พ.ศ. 2547 โครงการดังกล่าวให้ท้องถิ่น เพื่อเสนอ หน่วยงานรับผิดชอบให้จัดสรรงบประมาณอุดหนุนต่อไป และกระทู้ถามที่ 1174 ร. สรุปได้ว่า กระทรวง คมนาคม ได้มอบหมายให้กรมทางหลวงชนบทตรวจสอบถนนสาย พล 3046 บ้านแก่งบัวคำ-บ้านห้วยเหิน ตำบลสวนเมี่ยง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก พบว่า ได้ก่อสร้างเป็นทางลาดยาง ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 รวมระยะทาง 9.188 กิโลเมตร สำหรับส่วนที่ยังไม่ได้ก่อสร้างเป็นทางลาดยางอีกระยะทาง 13.820 กิโลเมตร กรมทางหลวง ฯ จะพิจารณาถึงความจำเป็นเร่งด่วน ประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ แล้วจัด ลำดับความสำคัญเพื่อจัดเข้าแผนงานตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาลต่อไป และเพื่อบรรเทาความ เดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ จะมอบหมายให้สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดพิษณุโลกดำเนินการบูรณะ และซ่อมแซมบำรุงรักษาเป็นการชั่วคราว |
|||
1258 | การขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงาน หอกระจายข่าว | ลต | 02/09/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่มี
มติให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย รับข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการการเลือก ตั้ง (สำนักงาน กกต.) เกี่ยวกับแนวทางพัฒนาแบบยั่งยืนให้หอกระจายข่าวเป็นสื่อของชุมชน ไปพิจารณาบูรณาการ ในภาพรวมทั้งในเรื่องการจัดตั้งงบประมาณใช้หอกระจายข่าว และการดูแลและซ่อมบำรุงหอกระจายข่าวให้สามารถ ใช้การได้อยู่เสมอ โดยให้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น เพื่อให้สามารถใช้หอกระจายข่าวและทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์อย่าง เต็มที่ โดยให้รับความเห็นของ คกก.7 เกี่ยวกับปัญหาการบริหารจัดการ งบประมาณในการซ่อมบำรุง การเก็บค่า บริการจากผู้ขอใช้หอกระจายข่าวเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงหอกระจายข่าว รวมทั้งการนำวิทยุชุมชน และเคเบิ้ลทีวีเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมของ กกต. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ให้ส่วนราชการหรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความร่วมมือสำนักงาน กกต. ในการใช้หอกระจายข่าวเพื่อดำเนินการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร หรือให้ความรู้เกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยและการเลือกตั้งแก่ประชาชน และให้กรมประชา สัมพันธ์พิจารณาดำเนินการให้วิทยุชุมชนและเคเบิ้ลทีวีที่เข้ามาอยู่ในระบบแล้ว หรือจะเข้ามาอยู่ในระบบในอนาคต ให้การสนับสนุนสำนักงาน กกต. ในการใช้สื่อดังกล่าวเพื่อดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารหรือการให้ความรู้เกี่ยว กับการปกครองระบอบประชาธิปไตยและการเลือกตั้งแก่ประชาชนด้วย |
|||
1259 | แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 (เพิ่มเติม) | ทส | 02/09/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการสิ่ง
แวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2546 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2546 ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ตกลง ในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการคลังพิจารณาขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินงบ ประมาณเหลื่อมปีให้กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ สำหรับมติของคณะกรรมการ ฯ มีดังนี้ เห็นชอบแผนปฏิบัติ การเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 (เพิ่มเติม) จำนวน 2 โครงการ โดยใช้เงินงบประมาณเหลือจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการถ่ายโอนการสนับสนุนแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระ ดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 รวมวงเงินงบประมาณ 105,908,412 บาทได้แก่ โครงการปรับปรุง ฟื้นฟูระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายใต้แผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวม และบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ รวม 16 พื้นที่ ใน 13 จังหวัด รวม 16 โครงการ วงเงินรวม 37,837,762 บาท และโครงการแก้ไขปัญหาโครงการจัดการน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ ของกรมควบคุม มลพิษ 3 โครงการ วงเงินรวม 68,070,650 บาท โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ เป็นไปตามระเบียบสำนักงบประมาณ และให้สำนักงานนโยบายและแผน ฯ นำแผนปฏิบัติการดังกล่าวเสนอคณะ รัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและอนุมัติงบประมาณดำเนินการ รวมทั้งมอบให้กระทรวงการคลังพิจารณา ระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณเหลื่อมปี ไม่เกินเดือนมีนาคม พ.ศ. 2547 ได้เป็นกรณีพิเศษ |
|||
1260 | แนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในเดือนสิงหาคม 2546 | กค | 26/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถ
ก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในเดือนสิงหาคม 2546 ตามมติของคณะกรรมการติดตามผลการใช้จ่ายเงินภาครัฐ ในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2546 และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติ ดังนี้ (1) ให้ผ่อนผันการก่อหนี้ผูกพันได้จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2546 เฉพาะรายการที่อยู่ในกระบวนการจัด ซื้อจัดจ้างก่อนสิ้นไตรมาสที่ 3 รายการค่าครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้างของหน่วยงานที่มีผลกระทบเนื่องจากการ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม โดยส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในข่ายได้รับการผ่อนผันต้อง รายงานสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2546 ให้กรมบัญชีกลางในฐานะฝ่าย เลขานุการคณะกรรมการ ฯ ทราบ (2) การเบิกจ่ายเงินรายการที่ได้ก่อหนี้ผูกพันแล้ว ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่อ้างถึง ยกเว้นราย การที่อายุสัญญาสิ้นสุดหลังเดือนมีนาคม 2547 ให้ขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินกับกระทรวงการคลัง สำหรับรายการ ค่าครุภัณฑ์ตามข้อ (1) ที่อายุสัญญาสิ้นสุดหลังเดือนตุลาคม 2546 แต่ไม่เกินสิ้นเดือนมีนาคม 2547 ให้เบิกจ่าย เงินได้ถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2547 หากอายุสัญญาสิ้นสุดหลังเดือนมีนาคม 2547 ให้ขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินกับ กระทรวงการคลัง (3) งบกลางรายการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2546 และงบอุดหนุนทั่วไปที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในลักษณะงบ ลงทุน ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง (4) วิธีการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีและการขยายเวลาเบิกจ่ายเงินดังกล่าว ให้ถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง พ.ศ. 2520 และที่แก้ไข เพิ่มเติม |
.....