ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 4 จากทั้งหมด 66 หน้า แสดงรายการที่ 61 - 80 จากข้อมูลทั้งหมด 1313 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
61 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่
และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่
และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจ่ายเงินค่าตอบแทนให้แก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานยาเสพติดกรณียึดได้แต่ยาเสพติด
และระยะเวลาการยื่นคำขอรับเงินค่าตอบแทนในกรณีดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่าเงื่อนไขการจ่ายเงินค่าตอบแทนดังกล่าวอาจซ้ำซ้อนกับการจ่ายเงินตามร่างข้อ
๑๘ (๒) คดีที่จับกุมได้ทั้งผู้ต้องหาและยาเสพติดของกลาง
อีกทั้งการกำหนดเงื่อนในลักษณะดังกล่าวไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจ่ายค่าตอบแทนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
ที่มุ่งหมายในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
มิใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
62 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒
เกี่ยวกับองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
63 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อสำหรับเด็กและเยาวชน ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อสำหรับเด็กและเยาวชน
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส
วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม
และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปได้ว่า
กรมกิจการเด็กและเยาวชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งเสริมให้มีการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้โดยจัดทำรายงานการสำรวจสถานการณ์เด็กกับภัยออนไลน์ประจำปีจัดทำชุดความรู้เกี่ยวกับแนวทางปกป้องคุ้มครองเด็กจากภัยออนไลน์
การพนันออนไลน์ อีสปอร์ต ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์
เพื่อขับเคลื่อนงานเชิงนโยบายภายใต้การบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ดำเนินโครงการการพัฒนาเครือข่ายอาสาสมัครดิจิทัลเพื่อนำมาพัฒนาสมรรถนะด้านดิจิทัล
และพัฒนาให้เป็นอาสาสมัครดิจิทัลประจำหมู่บ้านในการทำหน้าที่เป็นแกนกลางส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ดิจิทัลให้แก่ประชาชนในทุกกลุ่ม
ทุกวัย ในทุกชุมชน/หมู่บ้านทั่วประเทศ
รวมทั้งได้จัดทำร่างระเบียบคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติว่าด้วยการคุ้มครองเด็กที่ถูกทารุณกรรมจากการสื่อออนไลน์เพื่อกำกับดูแลการใช้สื่อออนไลน์ให้มีประสทธิภาพ
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
64 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | กค. | 05/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยเพิ่มข้อความนัยข้อ ๒๗ วรรคหก แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็น “การประชุมของคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง
อาจประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ทั้งนี้
ให้เป็นไปตามแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้แก้ไขชื่อและร่างข้อ ๑ โดยระบุเป็น (ฉบับที่ ..)
แก้ไขเพิ่มเติมคำปรารภของร่างระเบียบกระทรวงการคลัง จากเดิมที่กำหนดไว้ว่า
“โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุง...” แก้ไขเป็น “โดยที่สมควรแก้ไขเพิ่มเติม....”
และแก้ไขบทอาศัยอำนาจในการออกระเบียบกระทรวงการคลังให้เป็นไปตามมาตรา ๖๘ มาตรา ๗๘
มาตรา ๙๒ และมาตรา ๑๐๕ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
65 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างภาคผนวก 6 หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติในการรับส่งและเก็บรักษาข้อมูลข่าวสารและหนังสือราชการด้วยระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ และร่างภาคผนวก 7 หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติในการรับส่งและเก็บรักษาข้อมูลข่าวสารและหนังสือราชการโดยไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ | นร.01 | 05/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างภาคผนวก ๖
หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติในการรับส่งและเก็บรักษาข้อมูลข่าวสารและหนังสือราชการด้วยระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์
และร่างภาคผนวก ๗
หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติในการรับส่งและเก็บรักษาข้อมูลข่าวสารและหนังสือราชการโดยไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ
พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยกำหนดให้ส่วนราชการต้องปฏิบัติงานสารบรรณด้วยระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก
และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับการปฏิบัติงานสารบรรณด้วยระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์และโดยไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
เพื่อรองรับและสนับสนุนการปฏิบัติงานสารบรรณทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มีมาตรฐานที่ชัดเจนและสอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
เพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว และความมั่นคงปลอดภัยในการดำเนินงานของภาครัฐ
รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการติดต่อกับส่วนราชการ
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
66 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 2/2563 และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 2 ฉบับ | นร.11 | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
(กบส.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี
(นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) เป็นประธาน มีผลการประชุมที่สำคัญ เช่น รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติการประชุม
กบส. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เกี่ยวกับการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ซึ่งเป็นไปตามข้อ ๕ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่กำหนดให้ กบส. กำกับดูแลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์และแผนแม่บท
และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ เป็นต้น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติ
กบส. และรายงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อนำเสนอ กบส.
ตามขั้นตอนต่อไป ตามที่ กบส. เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำเข้า
การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบ
อำนาจและหน้าที่ของ กบส. ให้ครอบคลุมถึงการกำกับดูแลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
ณ จุดเดียว และเป็นการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐมีอำนาจในการออกระเบียบ ประกาศ
หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับใบอนุญาต/ใบรับรองในการนำเข้าส่งออกสินค้า รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อมูลรายการสินค้าที่เป็นเหตุให้ต้องมีการแก้ไขปรับปรุงระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการพัฒนานโยบายและกำกับดูแลระบบ National
Single Window (NSW) ตามที่ กบส. เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ร่างข้อ ๓ และร่างข้อ ๕ ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารฯ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะบทนิยาม “สำนักงาน”
และเพิ่มอำนาจหน้าที่ของ กบส. รูปแบบของการแก้ไขเพิ่มเติม
จึงอาจใช้วิธีการแก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะบทนิยามคำดังกล่าว และเพิ่มอำนาจหน้าที่ของ
กบส. โดยไม่จำเป็นต้องยกเลิกทั้งข้อ
และการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการพัฒนานโยบายและกำกับดูแลระบบ
National Single Window (NSW) ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลฯ อาจเป็นการเพิ่มขั้นตอน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้ กบส.
รายงานผลการดำเนินการตามมติ กบส. ในเรื่องนี้ต่อคณะรัฐมนตรีภายในหนึ่งเดือน
และรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ
เพื่อให้การพัฒนาระบบการนำเข้า การส่งออก การนำผ่านและโลจิสติกส์ของประเทศไทยมีประสิทธิภาพ
เป็นไปตามมาตรฐาน มีความเป็นเอกภาพและสอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ
และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
67 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการสนับสนุนการปฏิบัติงานติดตามคนหาย พิสูจน์คนนิรนามและศพนิรนาม พ.ศ. .... | ยธ. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการสนับสนุนการปฏิบัติงานติดตามคนหาย พิสูจน์คนนิรนามและศพนิรนาม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการสนับสนุนการปฏิบัติงานติดตามคนหายและพิสูจน์ศพนิรนาม พ.ศ. ๒๕๕๘
โดยปรับปรุงให้ครอบคลุมการปฏิบัติงานด้านคนนิรนาม
เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
อันจะเป็นการขยายโอกาสในการติดตามคนหายได้มากยิ่งขึ้น
รวมทั้งปรับปรุงชื่อและองค์ประกอบคณะกรรมการพัฒนาระบบการติดตามคนหายพิสูจน์คนนิรนามและศพนิรนามให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นด้วย
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เห็นว่า
ยังมีคนนิรนามอีกประเภทหนึ่ง คือ ผู้ป่วยที่สิ้นสุดการรักษาจากโรงพยาบาล
แต่ไม่สามารถติดตามครอบครัวได้
และอยู่ในการดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ซึ่งบุคคลดังกล่าวนี้ ควรได้รับการดูแลและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
68 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. .... | ทส. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยเพิ่มพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ จากเดิม ๓ บริเวณ เป็น ๔
บริเวณ โดยเพิ่มบริเวณที่ ๔ ได้แก่ พื้นที่ต่อเนื่องบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก
แก้ไขชื่อหน่วยงานและหัวหน้าหน่วยงานในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า ให้เป็นปัจจุบัน ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๖๔ เห็นควรใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร หรือใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ การบูรณาการของหน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป และเห็นควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการใช้กรอบแนวทางการบริหารจัดการการอนุรักษ์และพัฒนาร่วมกับแนวทางการพัฒนาเมือง รวมทั้งภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
69 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่
๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
70 | ผลการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 | นร. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๔๖
บัญญัติให้สิทธิของผู้บริโภคย่อมได้รับความคุ้มครอง
บุคคลย่อมมีสิทธิรวมกันจัดตั้งองค์กรของผู้บริโภคเพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคและองค์กรของผู้บริโภคดังกล่าวมีสิทธิรวมกันจัดตั้งเป็นองค์กรที่มีความเป็นอิสระเพื่อให้เกิดพลังในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐ
จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒
ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยมีองค์กรต่าง ๆ ยื่นแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภคต่อนายทะเบียนกลางแล้ว
๖๖๖ องค์กร และนายทะเบียนกลางได้ประกาศรายชื่อแล้วรวม ๑๗๐ องค์กร ทั้งนี้
เมื่อนายทะเบียนกลางพิจารณาความถูกต้องครบถ้วนแล้วต้องดำเนินการประกาศการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคในราชกิจจานุเบกษา
และทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน
นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือวันที่รวบรวมองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคครบถ้วน ๒. เมื่อวันที่ ๘
ตุลาคม ๒๕๖๓ กลุ่มตัวแทนองค์กรผู้บริโภค ๑๕๑ องค์กร
ได้ยื่นเป็นผู้เริ่มก่อการพร้อมกับแจ้งหลักฐานการยินยอมเข้าร่วมขององค์กรของผู้บริโภคต่อผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ในการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคแล้ว พบว่าเอกสารองค์กรของผู้บริโภค ๗
องค์กรยังมีข้อบกพร่อง ทำให้ยังไม่อาจเริ่มนับระยะเวลา ๓๐ วัน
เพื่อประกาศจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคจนกว่าจะได้แก้ไขให้ถูกต้องครบถ้วน ๓.
พระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๑๙
บัญญัติให้รัฐบาลจัดสรรเงินอุดหนุนไว้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการจ่ายขาด
เพื่อเป็นทุนประเดิมเบื้องต้นให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภคที่จัดตั้งขึ้นจำนวนไม่น้อยกว่า
๓๕๐ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการดำเนินการให้เกิดการรวมตัวกันขององค์กรของผู้บริโภคอย่างแท้จริงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันประกาศจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค โดยให้การจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภคให้เป็นไปตามระเบียบที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนด
ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการยกร่างระเบียบสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจ่ายเงินอุดหนุนแก่สภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. .... ไว้เรียบร้อยแล้ว
และได้หารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นการจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อเป็นทุนประเดิมเบื้องต้นให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค
จำนวน ๓๕๐ ล้านบาท ว่าจะต้องจัดสรรให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภคสภาแรกสภาเดียวหรือไม่
อย่างไร [เรื่องนี้คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑๑) ได้พิจารณาข้อหารือดังกล่าว
โดยมีผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
สำนักงบประมาณ และผู้แทนกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริง
มีความเห็นว่า การจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อเป็นทุนประเดิมเบื้องต้นให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค
ตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒
จะต้องพิจารณาจ่ายให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภคที่นายทะเบียนกลางได้มีการประกาศจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค
ตามมาตรา ๙ วรรคสี่ เป็นครั้งแรกหลังจากวันที่พระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค
พ.ศ. ๒๕๖๒ ใช้บังคับเพียงสภาเดียวเท่านั้น]
ซึ่งในการขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นเงินอุดหนุนจ่ายขาดให้กับสภาองค์กรของผู้บริโภค
เพื่อเป็นทุนประเดิมเบื้องต้น
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะได้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
71 | ร่างระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ตำแหน่งด้านพัสดุ พ.ศ. .... | ศธ. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ
ตำแหน่งด้านพัสดุ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข
และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
รวมทั้งตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา ๓๘ ค. (๒)
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานพัสดุ
และตำแหน่งนักวิชาการพัสดุ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นว่า
ในทางปฏิบัติอาจมีผู้ดำรงตำแหน่งอื่นที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุเช่นเดียวกับผู้ดำรงตำแหน่งนักวิชาการพัสดุและตำแหน่งเจ้าพนักงานพัสดุด้วย
ซึ่งร่างระเบียบในเรื่องนี้ยังไม่ครอบคลุมถึงกรณีดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณที่เห็นว่า
ในการกำหนดอัตราเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ
กระทรวงศึกษาธิการควรพิจารณาเปรียบเทียบกับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของหน่วยงานของรัฐประเภทเดียวกัน
สำหรับภาระเงินเพิ่มที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของหน่วยงานภายใต้แผนงานบุคลากรภาครัฐ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
72 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. .... | วธ. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดตั้งวัดคาทอลิกและการขอให้รับรองวัดคาทอลิก
โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคำขอจัดตั้งวัดคาทอลิกมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับร่างระเบียบในเรื่องนี้ในประเด็นการกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาคำขอจัดตั้งวัดคาทอลิกหรือให้การรับรองวัดคาทอลิกของพนักงานเจ้าหน้าที่
ระยะเวลาการแก้ไขเอกสารของมิซซังและระยะเวลาในการให้มิซซังร้องขอให้รับรองวัดคาทอลิก
ความสอดคล้องของร่างระเบียบนี้กับพระราชบัญญัติว่าด้วยลักษณ ฐานะของวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิกในกรุงสยาม
ตามกฎหมาย ร.ศ. ๑๒๘
และสิทธิของมิซซังหลังการจัดตั้งวัดคาทอลิกหรือได้รับการรับรองวัดคาทอลิก
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทยตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอในประเด็นจำนวนบาทหลวงที่ต้องพำนักอยู่ที่วัดคาทอลิก
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลังในประเด็นด้านภาระภาษีและสิทธิประโยชน์ทางภาษี
และความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
73 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ. .... | มท. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕
ที่ให้โอนบรรดากิจการและอำนาจหน้าที่ของสำนักนายกรัฐมนตรีในส่วนของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ
(สำนักงาน กปอ.) ไปเป็นของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
(๑) คำนิยาม “อุบัติภัย”
เห็นควรพิจารณาให้มีความชัดเจนว่าครอบคลุมถึงอุบัติเหตุจากการจราจรทางรางหรือไม่
หรืออุบัติเหตุขบวนรถไฟชนยานพาหนะด้วยหรือไม่ (๒) ควรตัดถ้อยคำปรารภคำว่า
“สำนักนายกรัฐมนตรี” และ “พ.ศ. ๒๕๓๘” ออก และเห็นควรแก้ไขคำว่า “อำนาจหน้าที่”
ในร่างข้อ ๙ ของร่างระเบียบฯ (๓) ร่างข้อ ๕ ต้องพิจารณาการกำหนดองค์ประกอบของ
สำนักงาน กปอ. ไว้เท่าที่จำเป็น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างคล่องตัว
และไม่เป็นการสร้างภาระงานที่ไม่จำเป็น
โดยในชั้นนี้ขอเสนอให้ตัดเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาออก เพราะสามารถเชิญให้ไปชี้แจงเป็นครั้งคราวได้อยู่แล้ว
ร่างข้อ ๘ เมื่อได้พิจารณากำหนดองค์ประกอบของ สำนักงาน กปอ.
ให้มีเพียงเท่าที่จำเป็นแล้ว ควรกำหนดองค์ประชุมเป็นไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด
และหน้าที่ตามร่างข้อ ๙ (๕) (๖) และ (๗) เป็นภารกิจปกติของ ปภ. อยู่แล้ว
สมควรตัดออก และ (๔) นิยามคำว่า “สาธารณภัย”
ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ ครอบคลุมถึงนิยามคำว่า
“อุบัติภัย” ของร่างระเบียบฯ แล้ว
เห็นควรพิจารณากำหนดกลไกที่ใช้ในการขับเคลื่อนผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
จึงเห็นควรพิจารณากำหนดให้ สำนักงาน กปอ.
มีหน้าที่ในการจัดทำแผนหลักด้านการป้องกันอุบัติภัยของประเทศ
โดยอาจจะกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้จัดทำแผนระดับ ๓
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ แล้วจัดให้ สำนักงาน กปอ.
ใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผน
รวมทั้งเห็นควรให้มีการพิจารณากำหนดกลไกการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่เพิ่มเติม
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามร่างระเบียบฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เห็นควรให้
ปภ. ใช้จ่ายตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ส่วนภาระค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อไป
ขอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
74 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | กค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน
การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน
และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยกำหนดให้หน่วยงานผู้เบิกสามารถเปิดบัญชีกับธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่งได้ด้วย
นอกเหนือจากธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบดังกล่าวให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
75 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก. | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อขอขยายระยะเวลาการนำส่งเงินของโรงงานเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายสำหรับฤดูการผลิตปี
๒๕๖๐/๒๕๖๑ และฤดูการผลิตปี ๒๕๖๑/๒๕๖๒
โดยให้โรงงานน้ำตาลทรายต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายภายใน ๑๘๐ วัน
นับตั้งแต่วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรเร่งรัดกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ และปี ๒๕๖๑/๒๕๖๒
เพื่อให้การบังคับใช้ร่างระเบียบดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
76 | ผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ 1/2563 | กษ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบและเห็นชอบตามมติการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง
(กปส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีมติรับทราบ จำนวน ๗
เรื่อง เช่น การแก้ไขปัญหาการใช้พื้นที่ตามแนวทางการดำเนินงานของโครงการหลวง
และการจัดประชุมวิชาการนานาชาติ ด้านการพัฒนาเกษตรที่สูงอย่างยั่งยืนตามพระราชปณิธานสืบสาน
รักษา และต่อยอดงานโครงการหลวง เป็นต้น และเรื่องพิจารณา จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่
การปรับแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง พ.ศ. ๒๕๕๐
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบของ กปส. เพื่อให้สอดคล้องกับระบบการบริหารงานและการดำเนินงานของมูลนิธิโครงการหลวงในปัจจุบัน
การขอสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับการสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง
และกรอบคำของบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ
ที่สนับสนุนงานโครงการหลวงและโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่ กปส. เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
โดยระเบียบดังกล่าวเป็นการปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบของ กปส. โดยเพิ่ม ๕ ตำแหน่ง และปรับออก ๒ ตำแหน่ง
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
สำหรับการขอรับสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับการก่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวงจากรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ผ่านสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑๐๕,๗๐๐,๐๐๐ บาท
เห็นควรให้มูลนิธิโครงการหลวงจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ตามแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน และการบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พร้อมรายละเอียด
ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามความจำเป็นและความเหมาะสม ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
77 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2560 พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร.12 | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ
พ.ศ. ๒๕๕๑ และนำสาระสำคัญของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. .... มารวมไว้ในร่างพระราชกฤษฎีกาฯ
รวมถึงกำหนดให้ยุบรวมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ
(ก.น.จ.) ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการฯ
และคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการฯ
มาจัดตั้งเป็นคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ (ก.บ.บ.)
และกำหนดให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับผิดชอบงานเลขานุการของ
ก.บ.บ. ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. โดยคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยสำนักงบประมาณเห็นว่า (๑) ร่างมาตรา ๗ (๖)
ที่กำหนดให้การบริหารงบประมาณของจังหวัดให้เป็นไปตามวิธีการบริหารงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ
ตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติตามที่ ก.บ.บ. กำหนดตามข้อเสนอแนะของสำนักงบประมาณ นั้น
กรณีตามร่างมาตรา ๗ (๖) อาจเป็นการเพิ่มขั้นตอนและเป็นภาระในการดำเนินงานเกินความจำเป็น
เห็นควรที่จะมีการทบทวนกรณีดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง (๒) ร่างมาตรา ๙ (๔)
ที่กำหนดหน้าที่และอำนาจของ ก.บ.บ. ในการพิจารณา กลั่นกรอง
และให้ความเห็นชอบตามแผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนพัฒนาภาค แผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด
แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด งบประมาณจังหวัดและงบประมาณกลุ่มจังหวัด
ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ นั้น
การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นกรณีที่กำหนดขึ้นโดยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ จึงควรตัดข้อความ “ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ” ออก และ (๓)
ร่างมาตรา ๓๕ วรรคสอง
กำหนดว่าในกรณีที่สำนักงบประมาณกำหนดให้จังหวัดจัดทำรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณตามแบบที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกำหนด
เมื่อจังหวัดได้จัดส่งสำเนาให้สำนักงบประมาณตามวรรคหนึ่งแล้ว
ให้ถือว่าจังหวัดได้จัดทำรายงานดังกล่าวแล้ว เห็นว่าข้อความดังกล่าวไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ จึงเห็นควรตัดข้อความในวรรคสองออก ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ.
๒๕๖๐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๖๐
เนื่องจากถูกนำไปรวมไว้เป็นส่วนหนี่งของร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ
พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. โดยคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
78 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... | กค. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการติดตาม
ประเมินผล
และรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการติดตาม
ประเมินผล
และการรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงการคลังจะต้องรายงานผลสัมฤทธิ์ที่รัฐบาลได้รับจากการใช้จ่ายเงินกู้ตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ด้วยอยู่แล้ว
จึงไม่จำเป็นต้องกำหนดให้รายงานสรุปผลดังกล่าวเพิ่มเติมแต่อย่างใด เป็นต้น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการติดตามและประเมินผลและรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงาน/โครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
79 | รายงานการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 | ทส. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งมีกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
จำนวน ๙ ฉบับ โดยยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑)
ร่างระเบียบกรมป่าไม้
ว่าด้วยการกำหนดค่าทดแทนสำหรับบุคคลที่ได้เสียสิทธิหรือเสื่อมประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ศ. .... เนื่องจากการกำหนดค่าทดแทนต้องมีการจำแนกหลักเกณฑ์และการพิจารณาที่เหมาะสม
ซึ่งกรมป่าไม้ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน
ทำให้ใช้เวลานานเพื่อให้การกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดค่าทดแทนเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหน่วยงานอื่น
ๆ (๒) ร่างระเบียบกรมป่าไม้ ว่าด้วยการเก็บค่าบริการหรือค่าตอบแทนสำหรับการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ให้บริการหรือให้ความสะดวกต่าง
ๆ แก่ประชาชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... และ (๓) ร่างระเบียบกรมป่าไม้
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเก็บ การรักษา และการใช้จ่ายเงิน
ค่าบริการหรือค่าตอบแทนเพื่อบำรุงรักษาป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ....
โดยที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กรมป่าไม้กำหนดขึ้นใหม่ และอาจมีผลกระทบต่อประชาชน
จึงต้องพิจารณาโดยรอบคอบ ทำให้ใช้เวลานานในการพิจารณา
เพื่อให้ได้อัตราค่าบริการหรือค่าตอบแทนที่เหมาะสม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาตามที่มาตรา ๒๒ วรรคสอง
ประกอบกับมาตรา ๓๙ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนด ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง
การดำเนินการเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
80 | ร่างระเบียบว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการให้สิทธิประโยชน์อื่นแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งปฏิบัติหน้าที่ภายในพื้นที่ที่มีการประกาศภาวะไม่ปกติ พ.ศ. .... และร่างหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการชดเชยค่าเสียหายให้แก่ประชาชนผู้สุจริตซึ่งได้รับความเสียหายจากการใช้อำนาจของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวม 2 ฉบับ | นร.54 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการให้สิทธิประโยชน์อื่นแก่พนักงานเจ้าหน้าที่
หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งปฏิบัติหน้าที่ภายในพื้นที่ที่มีการประกาศภาวะไม่ปกติ พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพื่อให้ความช่วยเหลือพนักงานเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ภายในพื้นที่ที่มีการประกาศภาวะไม่ปกติ
และร่างหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการชดเชยค่าเสียหายให้แก่ประชาชนผู้สุจริตซึ่งได้รับความเสียหายจากการใช้อำนาจของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการชดเชยค่าเสียหายให้แก่ประชาชนผู้สุจริตซึ่งได้รับความเสียหายจากการใช้อำนาจของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
รวม ๒ ฉบับ ตามที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น
เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |