ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 40 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 781 - 800 จากข้อมูลทั้งหมด 1084 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 781 | การดำรงตำแหน่งกรรมการและการมอบหมายให้ทำหน้าที่แทนกรรมการตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 | นร | 05/08/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นของคณะกรรมการ
กฤษฎีกา (คณะที่ 1) ในปัญหาข้อกฎหมาย เรื่อง การดำรงตำแหน่งกรรมการและการมอบหมายให้ทำหน้าที่ แทนกรรมการตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ดังนี้ กรณีสมาชิกวุฒิสภาจะดำรง ตำแหน่งกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้หรือไม่ นั้น คณะกรรมการ ฯ เห็นว่า ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 110 (1) ได้บัญญัติเกี่ยวกับการห้ามดำรงตำแหน่ง หรือมีหน้าที่ใน หน่วยราชการ รวมถึงการดำรงตำแหน่งกรรมการในหน่วยราชการ ยกเว้นเฉพาะเป็นการรับหรือดำรงตำแหน่ง กรรมการที่ได้รับแต่งตั้งในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนั้น สมาชิกวุฒิสภาจึงอาจจะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรม การผู้ทรงคุณวุฒิตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ ส่วนกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณ สุขจะมอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีทำหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ไม่ อาจกระทำได้ เพราะขัดกับอำนาจหน้าที่ของผู้ช่วยรัฐมนตรีตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรม การผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 รวมทั้งกรณีผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นกรรมการ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะมอบให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทน ได้หรือไม่ นั้น ตามพระราช บัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 มาตรา 13 (3) และมาตรา 48 (4) ได้กำหนดให้มีกรรมการ จากผู้แทนองค์กรปกครอง ฯ โดยให้ผู้บริหารองค์กรปกครอง ฯ แต่ละประเภทคัดเลือกกันเอง โดยอาศัยการได้ รับความไว้วางใจ หรือความรู้ความสามารถเป็นการเฉพาะตัว หากกรรมการซึ่งเป็นผู้แทนองค์กรปกครอง ฯ ไม่ สามารถเข้าประชุมได้ ก็ไม่อาจมอบให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทน |
|||||||||||||||
| 782 | ร่างแผนคุ้มครองและส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545 - 2549) | นร | 29/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (คกก.5) ที่
มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอร่างแผนคุ้มครองและส่ง เสริมแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศในช่วงแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549) โดยร่างแผนดังกล่าว ประกอบด้วย 4 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 สถานการณ์ และแนวโน้มการมีงานทำในต่างประเทศ ส่วนที่ 2 วิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์ และเป้าหมาย ส่วนที่ 3 ยุทธศาสตร์การคุ้มครองและส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ และ ส่วนที่ 4 แนวทางการแปลงแผนสู่การปฏิบัติ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนปฏิบัติ การ และสำนักงบประมาณใช้เป็นแนวทางในการจัดสรรงบประมาณประจำปี โดยให้รับความเห็นของ คกก.5 ไป พิจารณาดำเนินการต่อไป โดย คกก.5 เห็นว่า ควรให้ความสำคัญกับ 3 แนวทางในการส่งเสริมแรงงานไทยไปทำ งานต่างประเทศซึ่งเป็นที่ยอมรับกันแล้ว ได้แก่ การส่งเสริมในด้านบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหาร (Restaurant Services) ทั้งในส่วนของผู้บริหาร ผู้ทำงานในครัว และผู้ทำงานในห้องอาหาร การส่งเสริมในด้านธุรกิจบริการ เกี่ยวกับสุขภาพ (Wellness Services) ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการสูงมาก และการส่งเสริมในด้านบริการเกี่ยวกับ การต้อนรับ (Hospitality Services) ทั้งของสายการบินและของโรงแรม โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ถึงการทำให้เกิดผลสำเร็จและเป็นรูปธรรมใน 3 แนวทางดังกล่าวให้มากที่สุด โดยตระหนักถึงปัญหาของแรงงาน ไทยที่สำคัญ คือ การไม่รู้ภาษาอังกฤษ โดยจะมีหลักสูตรหรือวิธีการ (Training Programs) อย่างไร ทั้งในเรื่อง ของการฝึกด้านอาชีพ และความรู้ด้านภาษาอังกฤษ รวมทั้งควรใช้รูปแบบการตลาดแบบใหม่ให้เป็นเชิงรุกมาก ขึ้น โดยสำรวจตลาดแรงงานในต่างประเทศ เช่น ตามโรงแรมต่าง ๆ ซึ่งจะมีทั้งร้านอาหารศูนย์สุขภาพ และ สปา ว่ามีความต้องการแรงงานไทยหรือไม่ และควรใช้วิธีการติดต่อประสานงานแบบสถาบันต่อสถาบัน เพราะ แต่ละประเทศจะมีสถาบันกลางในแต่ละด้านอยู่แล้ว นอกจากนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปประกอบ การพิจารณาดำเนินการด้วยว่า ควรขยายขอบเขต "กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ" ให้สามารถช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่แรงงานที่ถูกหลอกลวงให้ไปทำงานต่างประเทศตามสมควรด้วย |
|||||||||||||||
| 783 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน | รง | 29/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่น
ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระหว่างวันที่ 22-27 กรกฎาคม 2546 สรุปได้ดังนี้ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมการ จัดหางาน กระทรวงแรงงานของไทย กับสมาคมพัฒนาแรงงานระหว่างประเทศของสถานประกอบการขนาดกลาง และขนาดเล็ก (Association for International Manpower Development of Medium and Small Enterprise-IMM) พร้อมทั้งกล่าวปราศรัยต่อผู้เข้าร่วมในพิธีลงนาม เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ของกระทรวงแรงงานที่จะให้การสนับสนุน การดำเนินงานให้เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจที่ได้ลงนามร่วมกัน ส่วนในวันที่ 24 กรกฎาคม 2546 ได้เข้าพบ ปะสนทนากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสุขภาพ แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น โดยได้มีการเสนอให้ฝ่ายญี่ปุ่น พิจารณาในเรื่องการจัดส่งแรงงานที่มีคุณภาพไปทำงานยังประเทศญี่ปุ่นอย่างถูกกฎหมาย เนื่องจากในรอบ 5 ปี ที่ผ่านมาประเทศไทยได้มีการพัฒนาและสร้างมาตรฐานฝีมือแรงงานในแต่ละด้านเพื่อรองรับการลงทุนทั้งของชาว ไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้งมีการบูรณาการหน่วยงานในประเทศมาช่วยกันพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยหากญี่ปุ่น ต้องการแรงงานเหล่านี้ไทยก็มีความพร้อม แต่ควรลดเงื่อนไขการเข้าไปทำงานในญี่ปุ่นในบางประการเพื่อเป็นการ อำนวยความร่วมมือด้านตลาดแรงงานระหว่างกัน พร้อมกันนี้ได้หารือเรื่องคนไทยที่ทำงานหรืออยู่อย่างผิดกฎ หมายในประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก และถือเป็นปัญหาของญี่ปุ่น โดยไทยได้เสนอให้ญี่ปุ่นรับไปพิจารณาจัด ระเบียบผู้ที่อยู่อย่างผิดกฎหมายเหล่านี้ให้สามารถอยู่ได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรง งานและคณะได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปเรื่อง ระบบการประกันการว่างงานของญี่ปุ่น และได้เยี่ยมชมการปฏิบัติ งานจริงของหน่วยงานที่รับผิดชอบการให้บริการแก่ผู้ว่างงาน ณ กรมการจ้างงาน กระทรวงสุขภาพ ฯ ด้วย และ ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2546 ได้เดินทางไปพบปะสนทนากับอธิการบดีและผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัย Polytechnic โดยมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ได้ให้ทุนแก่นักเรียนไทยเข้าศึกษาระดับปริญญาตรี และปริญญาโทสาขาวิศว กรรมศาสตร์ โดยปัจจุบันมีผู้สำเร็จการศึกษาแล้ว 22 คน และทั้งหมดต้องเข้ารับราชการที่กรมพัฒนาฝีมือแรง งาน ในการนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้เสนอให้มีการเพิ่มทุนการศึกษาแก่นักเรียนไทยในระดับปริญญา โทให้มากขึ้น ซึ่งฝ่ายผู้บริหารของมหาวิทยาลัยมีท่าทีตอบรับข้อเสนอดังกล่าวด้วยดี |
|||||||||||||||
| 784 | การสร้างวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานของรัฐ | ทก | 29/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 ที่มีมติ
เห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2543 เกี่ยวกับโครงการสร้างวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูงในหน่วย งานของรัฐ โดยให้หน่วยงานของรัฐดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไปจนถึงเดือนกันยายน 2546 ซึ่งถือเป็นการ สิ้นสุดโครงการ ฯ โดยหน่วยงานไม่จำเป็นต้องสร้างกิจกรรมใหม่ แต่ให้ดำเนินการโดยผ่านกิจกรรมที่ดำเนิน การอยู่เป็นประจำ อาทิ การประชุมเพื่อจัดทำแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศ ไทย (ICT) การประชุมเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศ ไทย การประชุมคณะกรรมการ CIO (Chief Information officer) ประจำหน่วยงาน เป็นต้น กับให้ทุก กระทรวงรวบรวมผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวของหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดส่งให้กระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศ ฯ ภายในเดือนตุลาคม 2546 เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการกำหนดแนวนโยบาย ในเรื่อง การพัฒนาความรู้และทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ของรัฐต่อไป สำหรับกรณีที่หน่วยงานใดเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นในการจัดบรรยาย เนื่องจากผู้บริหารระดับ สูงมีวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมทั้งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ก็อนุโลมให้ไม่ต้อง จัดให้มีการบรรยายในเรื่องดังกล่าวอีก แต่ให้หน่วยงานดำเนินการตามความเหมาะสม เพื่อให้ผู้บริหารระดับ สูง (ระดับ 9-11) ของหน่วยงานทุกคนสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการค้นหาข้อมูลและรับส่งจดหมายอิเล็ก ทรอนิกส์ (e-mail) ในการสื่อสาร หรือติดตามการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ของหน่วยงานในกำกับได้อย่าง รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการผลักดันให้เกิดรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ได้รวดเร็วขึ้น ตามนโยบายของ รัฐบาล และขอให้หน่วยงานจัดทำรายงานผลการดำเนินงานดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ส่งแก่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ ฯ ภายในเดือนตุลาคม 2546 |
|||||||||||||||
| 785 | ผลการเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | นร | 22/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทาง
การของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 12 - 13 พฤษภาคม 2546 ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส และมอบ หมายงานให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการ ประสานและติดตามความร่วมมือให้มีผลเป็นรูปธรรม และให้ทุกกระทรวงดำเนินการตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี โดย เร่งรัดการดำเนินการติดตามผลการเยือนดังกล่าว สำหรับผลการเยือนฝรั่งเศสของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ นายก รัฐมนตรีของไทยได้พบปะหารือกับผู้นำของภาครัฐ และผู้บริหารสูงสุดบริษัทเอกชนของฝรั่งเศส โดยสาระสำคัญ ของการหารือ สรุปได้ว่า ฝรั่งเศสได้เสนอให้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วม (Joint Action Plan) เพื่อสร้างพลวัตร ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม โดยใช้รูปแบบแผนปฏิบัติ การความร่วมมือฝรั่งเศส-ญี่ปุ่น ฉบับปี 2539 มาเป็นแบบอย่างในการจัดทำแผน ฯ และเห็นควรให้มีการส่งเสริม ความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจอย่างจริงจัง โดยฝรั่งเศสพร้อมให้ความร่วมมือในการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์บท บาทและศักยภาพของไทยในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว โดยเสนอให้มีการจัด road show ในจังหวัดต่าง ๆ ในฝรั่งเศส รวมทั้งเห็นควรมีการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวซึ่งทั้งสองประเทศมีศักย ภาพด้านนี้สูง อาทิ health tourism การแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญด้าน spa และได้เสนอให้ประเทศไทยมีบท บาทนำในด้านเผยแพร่พระพุทธศาสนา ซึ่งคาดว่า ในฝรั่งเศสมีผู้สนใจในพระพุทธศาสนาเกือบ 5 ล้านคน ในส่วน ของการเจรจาความตกลงเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนไทย-ฝรั่งเศส ยังมีบางประเด็นที่ยังติดขัด ซึ่งทั้งสอง ฝ่ายจะสามารถเจรจาตกลงกันได้ในโอกาสต่อไป |
|||||||||||||||
| 786 | การติดตามการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี กรณีการติดตั้งระบบควบคุมการจัดเก็บเงินค่าธรรมเนียมผ่านทางด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ | ปช | 22/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 ที่มีมติเห็น
ชอบตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ ให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ขั้นตอน และระยะเวลาในการควบคุมเกี่ยวกับ การปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีให้ชัดเจน เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้ กรณีคณะรัฐมนตรีมีมติให้หน่วยงานใดพิจารณาดำเนินการในเรื่องใด ควรกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นและระยะ เวลาที่สิ้นสุดไว้ในมติให้ชัดเจน และหน่วยงานนั้นจะต้องพิจารณา หรือดำเนินการภายในระยะเวลาดำเนินการดัง กล่าวโดยเคร่งครัด หากหน่วยงานใดคาดว่าจะไม่สามารถ หรือดำเนินการได้ทันตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ให้ เสนอขอผ่อนผันต่อคณะรัฐมนตรีก่อนครบกำหนดเวลาตามมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ หน่วยงานถือปฏิบัติในเรื่องใด หน่วยงานจะต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีโดยเคร่งครัด หากหน่วยงานใดไม่ สามารถปฏิบัติตามมติได้ ให้เสนอขอทบทวน หรือยกเว้นการไม่ปฏิบัติตามมติต่อคณะรัฐมนตรีทันทีก่อนที่จะ มีการไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี หรือทันทีเมื่อเริ่มมีการไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี ส่วนกรณีที่หน่วย งานใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจตั้งคณะกรรมการสอบสวน หรือพิจารณาโทษ ปลัด กระทรวง อธิบดี หรือผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงาน หรือผู้ที่ร่วมรับผิดชอบตามลำดับชั้นที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ตามโดยเคร่งครัด
|
|||||||||||||||
| 787 | การแต่งตั้งผู้บริหารตามโครงสร้างใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการและการเสนอแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของส่วนราชการ | นร | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้ปรับโครงสร้าง
ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยรวมส่วนราชการเดิม 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ ทบวงมหาวิทยาลัย และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เข้าด้วยกัน และแบ่งส่วนราชการในส่วนกลางของกระทรวงใหม่ เป็น 6 หน่วยงานหลัก คือ สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการ การอุดมศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนัก งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา การแต่งตั้งผู้บริหารหน่วยงานใหม่จึงต้องพิจารณาแต่งตั้งบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถเหมาะสมด้วยความละเอียดรอบคอบ ดังนั้น ในระยะนี้จึงขอให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาแต่ง ตั้งผู้รักษาการในตำแหน่งต่างๆ ไปก่อนเท่าที่จำเป็น ส่วนการแต่งตั้งผู้บริหารตามกฎหมาย ให้นำเสนอคณะ รัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้งในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2546 เรื่อง แนวทางการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง (ระดับ 9-11) ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีการ พิจารณาแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (CEO) ของกระทรวงมหาดไทยด้วย ทั้งนี้ ในการพิจารณา แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของส่วนราชการอื่นๆ นอกเหนือจากที่ได้กล่าวมา ให้ส่วนราชการที่ประสงค์ จะแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในระดับที่ต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2546 เป็นต้นไป โดยให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2546 ด้วยเช่นกัน |
|||||||||||||||
| 788 | โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ "การพัฒนาผู้นำการบริหารการเปลี่ยนแปลง" | นร | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน
ก.พ.ร.) เสนอรายละเอียดข้อเสนอโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ "การพัฒนาผู้นำการบริหารการเปลี่ยนแปลง" โดยให้คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการพัฒนาของประเทศ คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และ สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกันเป็นผู้รับผิดชอบบริหารโครงการดังกล่าว สำหรับสาระสำคัญของข้อเสนอ มีดังนี้ (1) ให้มีการพัฒนานักบริหาร โดยใช้วิธีการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง (Action Learning) อย่างเร่งด่วนกับกลุ่มเป้า หมายที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารงาน และสามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ประชาชน ได้ดีที่สุด ตลอดจนรวมถึงกลุ่มที่สามารถประสานความร่วมมือการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดเอกภาพใน การปฏิบัติงานได้ดีที่สุดเช่นกัน คือ กลุ่มปลัดกระทรวง/รองปลัดกระทรวงหัวหน้ากลุ่มภารกิจ และอธิบดีในกลุ่ม ภารกิจ และกลุ่มผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งสอดคล้องตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัดใช้การบริหารงานแบบบูรณาการ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2546 และ (2) ให้กำหนดขั้นตอนการพัฒนา นักบริหารเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 เปิดกระบวนทัศน์ สร้างองค์ความรู้ เตรียมความพร้อม ขั้นตอนที่ 2 จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนา และนำเสนอคณะรัฐมนตรี ขั้นตอนที่ 3 ทำความตกลงว่าด้วยผลงาน และนำ ยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติจริง และขั้นตอนที่ 4 ประเมินผลการเรียนรู้ และประสบการณ์ ให้มีการให้รางวัลแก่ผู้ บริหารระดับสูงที่ผ่านการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการผ่านการประเมินผลสัมฤทธิ์เป็นผู้บริหารด้านการเปลี่ยนแปลง ให้ได้รับรางวัลทั้งในระดับหน่วยงานและระดับบุคคล รวมทั้งให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสนับสนุน การดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ |
|||||||||||||||
| 789 | การรายงานผลประกอบการรายไตรมาสของรัฐวิสาหกิจ | นร | 24/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการรายงานผลประกอบการรายไตรมาสของ
รัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยรูปแบบ การรายงานควรปรับปรุงให้มีรายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้น โดยมีข้อมูลเปรียบเทียบผลประกอบการกับไตรมาสที่ผ่าน มา รวมทั้งกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนย้อนหลัง 1 - 2 ปีด้วย หากข้อมูลที่เปรียบเทียบมีผลเป็นลบก็ให้มีคำชี้แจง ด้วยว่า เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งควรกำหนดเป้าหมายในแต่ละปีให้ชัดเจนว่า ต้อง การให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้นร้อยละเท่าใด และหากผลประกอบการจริงไม่บรรลุผลตามเป้าหมายดังกล่าว ก็ต้อง ชี้แจงด้วยว่าเป็นเพราะเหตุใด เพื่อให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องมีความมุ่งมั่นต่อประสิทธิภาพและประสิทธิ ผลของการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ โดยให้รัฐมนตรีทุกท่านที่มีรัฐวิสาหกิจในการกำกับดูแลชี้แจงทำความ เข้าใจกับผู้บริหารรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง และให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) รับ แนวทางดังกล่าวไปดำเนินการ ตลอดจนประสานและชี้แจงทำความเข้าใจกับรัฐวิสาหกิจทุกแห่งให้ถูกต้องตรงกันเพื่อ ดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||
| 790 | การจัดงานมหัศจรรย์ภูมิปัญญาเมรัยไทย | อก | 24/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานสาระสำคัญของการจัดงาน "มหัศจรรย์
ภูมิปัญญาเมรัยไทย" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-29 มิถุนายน 2546 ณ เมืองทองธานี มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม ให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมาตรฐานเป็นที่ยอม รับในระดับสากลเพื่อการสร้างโอกาสในการเปิดตลาดเมรัยไทยให้แพร่หลาย และเป็นการสนับสนุนเมรัยไทยเพื่อ ทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยกิจกรรมภายในงานได้มีการจัดนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับเมรัยพื้นบ้าน เพื่อแสดงเอกลักษณ์และภูมิปัญญาไทย การจัดแสดงไวน์ต่างประเทศของผู้ที่มีชื่อเสียง การเปิดโอกาสให้ผู้บริโภค พบผู้ผลิตโดยตรง การให้คำปรึกษาแนะนำด้านเทคนิคและวิชาการที่ถูกต้องแก่ผู้ประกอบการและประชาชน และ กิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ในส่วนของผู้เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย เอกอัครราชทูตและผู้แทนจากต่างประเทศ ต่าง ๆ และผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ ผู้บริหารจากธนาคารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศ ไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทั้งนี้ ผลที่คาดว่าจะได้รับการจัดงาน คาดว่า เมรัยพื้นบ้านไทยจะเป็นที่รู้จักและยอมรับจากผู้บริโภคชาวไทยและชาวต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น รวมทั้ง ได้บริโภคเมรัยพื้นบ้านไทยที่ได้มาตรฐาน และเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์พื้นบ้านไทย นอกจากนี้ ผู้ประกอบ การพื้นบ้านมีความรู้ความเข้าใจ และมีความกระตือรือร้นในการพัฒนาคุณภาพเมรัยให้ได้มาตรฐาน สำหรับผู้ ประกอบการพื้นบ้านไทยที่เป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม มีศูนย์จำหน่ายที่ถาวร
|
|||||||||||||||
| 791 | ความร่วมมือระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กับบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ จำกัด | วท | 24/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอผลการเจรจาระหว่างสำนัก
งานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (TMT) เกี่ยวกับกรณีบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ จำกัด (TMC) ประเทศญี่ปุ่น ประสงค์สร้างศูนย์เทคนิคยานยนต์ใน ประเทศไทย เพื่อให้บริการด้านเทคนิคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป็นศูนย์เทคนิคแห่งที่ 3 รองจากประเทศญี่ปุ่นและ สหรัฐอเมริกา ซึ่งจากการหารือระหว่างผู้บริหารของทั้งสองฝ่าย คณะผู้บริหารของบริษัทโตโยต้า ฯ (ประเทศไทย) พิจารณาแล้วเห็นว่า ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ มี ความพร้อมด้านอุปกรณ์เทียบเท่าศูนย์วิจัยในประเทศญี่ปุ่น ประกอบกับมีบุคลากรที่มีคุณภาพในปริมาณที่มากพอ สมควร และยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีความร่วมมือกันในอนาคต นอกจากนี้ จากการที่บริษัท โตโยต้า ฯ (ประเทศ ญี่ปุ่น) สนใจที่จะจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาซอฟต์แวร์ ทางระบบสมองกลฝังตัวในต่างประเทศ โดยประเทศไทยอยู่ ในข่ายการพิจารณา นอกเหนือจากสิงคโปร์ มาเลเซีย อินเดีย และออสเตรเลีย แล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยีได้ให้คณะบริษัทไทยที่มีศักยภาพเสนอผลงานของแต่ละบริษัท พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กับคณะผู้บริหารส่วนวิจัยของบริษัท โตโยต้า ฯ โดยผลการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นดังกล่าวคณะผู้บริหารส่วนวิจัย และพัฒนาของบริษัทโตโยต้า ฯ มีความสนใจอย่างยิ่ง แต่มีประเด็นที่ต้องพิจารณาในเรื่องจำนวนบุคลากรของไทย ว่าจะเพียงพอหรือไม่ รวมทั้งรูปแบบของความร่วมมือและกระบวนการในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งขณะนี้ทางศูนย์ เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ได้ร่วมมือ กับสถาบันการศึกษาเพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนานักพัฒนาซอฟต์แวร์ให้มีจำนวนมากขึ้นเพื่อสร้าง ความเชื่อมั่นให้กับบริษัทโตโยต้า ฯ และภาคเอกชนอื่น ๆ |
|||||||||||||||
| 792 | แนวทางการแก้ไขปัญหาผู้รับเหมาดำเนินโครงการต่างๆ ของทางราชการล่าช้าหรือทิ้งงาน | นร | 17/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาผู้รับเหมาดำเนินโครงการ
ต่าง ๆ ของทางราชการล่าช้าหรือทิ้งงานว่า สมควรพิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการที่เหมาะสม เช่น การขึ้น บัญชีดำบริษัทผู้ประกอบการ โดยให้ครอบคลุมไปถึงผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว และการคิดค่าปรับตามงวดงาน เป็นต้น โดยขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนัก งบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หากเห็นสมควรปรับปรุงข้อกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับประการใด ให้ดำเนินการแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||
| 793 | การขุดลอกคลองชลประทานแพรกเมือง [การขุดลอกครองธรรมชาติต่อจากคลองเอียด (คลองพังการท่อม)] | กษ | 17/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน รายงานผลการ
ตรวจสอบการขุดลอกคลองชลประทานแพรกเมือง สรุปได้ว่า การขุดคลองชลประทานแพรกเมือง ระยะทาง ประมาณ 8 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการขุดลอกคลองธรรมชาติต่อจากคลองเอียด (คลองพังการท่อม) เพื่อเชื่อม โยงไปยังอำเภอระโนดจังหวัดสงขลา สามารถช่วยเหลือเกษตรกรและราษฎรได้อย่างดีและมีความเหมาะสมใน ด้านงบประมาณ ซึ่งกรมชลประทานสามารถดำเนินการได้ และพิจารณาจัดเข้าแผนงานส่งเสริมการผลิตการ เกษตร งานจัดการน้ำปี พ.ศ. 2546 ในวงเงิน 1,830,000 บาท เพื่อดำเนินการช่วยเหลือพื้นที่ดังกล่าวเป็น การเร่งด่วน ส่วนอาคารประกอบถาวรสำนักชลประทานที่ 15 จะได้พิจารณาดำเนินการและออกแบบเพื่อ ดำเนินการปรับปรุงอาคารประกอบถาวรในโอกาสต่อไป และโดยที่โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอัน เนื่องมาจากพระราชดำริเป็นโครงการสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ปัจจุบันการ ดำเนินงานหลายส่วนมีความล่าช้าและไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ เนื่องจากผู้รับเหมาเอกชนทิ้งงาน จึงขอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับไปเร่งรัดติดตามการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ภายใต้ โครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็น ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หารือกับรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ถึงแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมกับผู้รับเหมาเอก ชนที่รับผิดชอบดำเนินงานภายใต้โครงการนี้ แต่ทิ้งงาน หรือมีผลการดำเนินงานล่าช้า ไม่เป็นไปตามกำหนด เช่น การขึ้นบัญชีดำบริษัทผู้ประกอบการ โดยให้ครอบคลุมไปถึงผู้บริหารของบริษัท และการคิดค่าปรับตาม งวดงาน เป็นต้น |
|||||||||||||||
| 794 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ | 10/06/2546 | ||||||||||||
|
รับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้ แทนราษฎรและวุฒิสภา และมอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยสาระสำคัญของข้อสังเกตสรุปได้ดังนี้ (1) คณะกรรมา ธิการวิสามัญ ฯ สภาผู้แทนราษฎร มีข้อสังเกตว่า เพื่อประโยชน์สูงสุดในการบริหารกองทุนพัฒนาน้ำบาดาลตาม พระราชบัญญัติฉบับนี้ คณะผู้บริหารกองทุนต้องไม่นำเงินกองทุนไปลงทุนในการเติมน้ำลงใต้ดิน เพราะนอกจาก จะเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าแล้ว ยังอาจเป็นการส่งเสริมให้มีการใช้น้ำบาดาลมากขึ้น และ (2) คณะกรรมาธิการ วิสามัญ ฯ วุฒิสภา มีข้อสังเกตว่า การบังคับใช้มาตรการตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่อาจแก้ไขปัญหาคุณภาพสิ่งแวด ล้อมในเรื่องวิกฤตการณ์น้ำบาดาลให้บรรลุผลได้ รัฐบาลควรแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาการฝังกลบขยะมูลฝอยที่ไม่ถูกวิธี นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 และร่างพระราช บัญญัติน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไม่มีบทบัญญัติให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการบำรุงรักษาและได้ประโยชน์จาก น้ำบาดาลเนื่องจากพระราชบัญญัติน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไม่ได้แก้ไขบทบัญญัติมาตรา 9 แห่งพระราช บัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 ว่าด้วยเรื่อง "คณะกรรมการน้ำบาดาล" คณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ จึงไม่สามารถ แก้ไขกฎหมายในมาตราดังกล่าวได้ และเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่บัญญัติให้ชุมชนมีสิทธิใช้ ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและถาวร รวมทั้งมีส่วนร่วมในการบำรุงรักษาและได้ ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งน้ำบาดาลก็เป็นทรัพยากรธรรมชาติประเภทหนึ่ง จึงควรกำหนดให้ชุมชนมี ส่วนร่วมในการบำรุงรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ คือ น้ำบาดาลอย่างยั่งยืนและถาวรต่อไป |
|||||||||||||||
| 795 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา | สว | 10/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
เสนอข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้ แทนราษฎรและวุฒิสภา และมอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยสาระสำคัญของข้อสังเกตสรุปได้ดังนี้ (1) คณะกรรมา ธิการวิสามัญ ฯ สภาผู้แทนราษฎร มีข้อสังเกตว่า เพื่อประโยชน์สูงสุดในการบริหารกองทุนพัฒนาน้ำบาดาลตาม พระราชบัญญัติฉบับนี้ คณะผู้บริหารกองทุนต้องไม่นำเงินกองทุนไปลงทุนในการเติมน้ำลงใต้ดิน เพราะนอกจาก จะเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าแล้ว ยังอาจเป็นการส่งเสริมให้มีการใช้น้ำบาดาลมากขึ้น และ (2) คณะกรรมาธิการ วิสามัญ ฯ วุฒิสภา มีข้อสังเกตว่า การบังคับใช้มาตรการตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่อาจแก้ไขปัญหาคุณภาพสิ่งแวด ล้อมในเรื่องวิกฤตการณ์น้ำบาดาลให้บรรลุผลได้ รัฐบาลควรแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาการฝังกลบขยะมูลฝอยที่ไม่ถูกวิธี นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 และร่างพระราช บัญญัติน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไม่มีบทบัญญัติให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการบำรุงรักษาและได้ประโยชน์จาก น้ำบาดาลเนื่องจากพระราชบัญญัติน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไม่ได้แก้ไขบทบัญญัติมาตรา 9 แห่งพระราช บัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 ว่าด้วยเรื่อง "คณะกรรมการน้ำบาดาล" คณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ จึงไม่สามารถ แก้ไขกฎหมายในมาตราดังกล่าวได้ และเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่บัญญัติให้ชุมชนมีสิทธิใช้ ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและถาวร รวมทั้งมีส่วนร่วมในการบำรุงรักษาและได้ ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งน้ำบาดาลก็เป็นทรัพยากรธรรมชาติประเภทหนึ่ง จึงควรกำหนดให้ชุมชนมี ส่วนร่วมในการบำรุงรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ คือ น้ำบาดาลอย่างยั่งยืนและถาวรต่อไป |
|||||||||||||||
| 796 | รายงานผลการศึกษาการดำเนินการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด | นร | 10/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3) ที่มี
มติรับทราบตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอผลการศึกษาการดำเนินการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมภายใต้ แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด และข้อเสนอแนะของสำนักงาน ฯ ที่เห็นควรให้ มีการตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผล ทั้งในระดับนโยบาย แผนงานโครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียและระบบ กำจัดขยะมูลฝอยอย่างจริงจังและต่อเนื่อง และให้นำผลการประเมินมากำหนดแนวทางมาตรการควบคุมการปฏิบัติ งานให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ในกรณีที่ก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียดังกล่าวแล้วเสร็จแต่ไม่สามารถเปิดเดิน ระบบได้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหาแนวทางหรือมาตรการในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้สามารถเปิดเดินระบบ ได้รวมทั้งให้มีระบบติดตามประเมินผลการบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ เช่น การตรวจวัดคุณภาพน้ำที่ผ่านการ บำบัด และผลการดำเนินงานของระบบกำจัดขยะมูลฝอยที่ก่อให้เกิดผลที่พึงปรารถนา เป็นต้น โดยนำข้อมูลที่ได้ เสนอต่อผู้บริหารท้องถิ่น เพื่อดำเนินการแก้ไขปรับปรุงการบริหารจัดการระบบให้สามารถแก้ไขปัญหาคุณภาพสิ่ง แวดล้อมได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อเสนอแนะดังกล่าว ความเห็น ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และความเห็นของ คกก.3 ซึ่งมีความเห็นดังนี้ (1) การจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย ควรให้หน่วยงานที่ผลิตน้ำประปาหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้จัดเก็บ (2) การออกแบบระบบบำบัดน้ำ เสีย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาถึงการศึกษาการออกแบบระบบทางด้านวิชาการ และเทคนิคให้มีความยืด หยุ่น (Flexibility) เหมาะสมกับการใช้งาน โดยคำนึงถึงสภาพพื้นที่ ความพร้อมทางด้านต่าง ๆ และงบประมาณค่า ใช้จ่าย (3) ควรส่งเสริมในเรื่องการสร้างจิตสำนึก หรือจิตวิทยาในชุมชน หรือท้องถิ่นในเรื่องการดูแลรักษาสภาพ แวดล้อม และการมีส่วนร่วมในการบำบัดและกำจัดของเสียภายในท้องถิ่นนั้น ๆ และ (4) ควรมีการติดตามควบคุม ตรวจสอบการบริหารจัดการระบบกำจัดขยะและน้ำเสีย และตรวจสอบควบคุมบริษัทที่ปรึกษาที่จะมารับงานออก แบบและลงทุนในระบบบำบัดน้ำเสีย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ เป็น เจ้าภาพเร่งดำเนินการเพื่อกำหนดมาตรการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียให้เป็นรูปธรรม โดยจัดประชุมหา รือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนท้องถิ่น (จังหวัดนครราชสีมา) ตามข้อเสนอแนะของสำนักงาน ฯ และความเห็นของ คกก.3 โดยด่วน แล้วรายงานให้ คกก.3 ทราบภายใน 30 วัน |
|||||||||||||||
| 797 | การจัดตั้งกองทุนพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Fund) | นร | 03/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่อง การจัดตั้งกองทุนพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond
Fund) ที่ประเทศสมาชิกของที่ประชุมผู้บริหารธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิค (Executive'' s Meeting of East Asia and Pacific Central Banks and Monetary Authorities - EMEAP) รวม 11 ประเทศ ได้ ตกลงในหลักการที่จะลงทุนในกองทุนร่วมกัน มีวงเงินแรกเริ่มจำนวน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ หรือประมาณ 42,000 ล้านบาท โดยวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุน ฯ เพื่อลงทุนในพันธบัตรของรัฐบาลหรือกึ่งรัฐบาลของ ประเทศในเอเชียที่ออกในสกุลดอลลาร์สหรัฐ ฯ แต่ไม่รวมพันธบัตรที่ออกโดยประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิว ซีแลนด์ นอกจากนี้ การจัดตั้งกองทุน ฯ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการหารือนอกรอบระหว่างผู้นำของไทย ฟิลิปปินส์ และฮ่องกงในการประชุมผู้นำสุดยอดเอเปค (APEC Summit ) ครั้งที่ 9 ณ นครเซี่ยงไฮ้ เมื่อปี พ.ศ. 2544 เพื่อ หาแนวทางแก้ไขและป้องกันปัญหาจากวิกฤตเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยการระดมทุนระยะยาวสำหรับเอเชียทดแทน การพึ่งพิงเงินทุนจากภายนอกภูมิภาค ซึ่งจะทำให้ระบบการเงินของโลกมีความสมดุลสอดคล้องกับข้อเท็จจริงมาก ขึ้น เนื่องจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของเอเชียเมื่อรวมกันมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ซึ่ง มากกว่ากึ่งหนึ่งของเงินสำรองระหว่างประเทศรวมกันทั้งโลก แต่เท่าที่ผ่านมามิได้มีการนำเงินทุนสำรองดังกล่าว มาทำประโยชน์ให้แก่ภูมิภาคอย่างแท้จริง จึงขอขอบคุณทุก ๆ ฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรองนายกรัฐมนตรี (นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้ร่วม มือกันผลักดันเรื่องนี้อย่างแข็งขันจนเป็นผลสำเร็จ |
|||||||||||||||
| 798 | การประกันภัยของนักเรียนและผู้ใช้รถ | นร | 03/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่สถานศึกษาหลายแห่งได้จัดให้นักเรียนทำ
ประกันภัย โดยชำระค่าประกันประมาณคนละ 300 บาท/ปี ส่วนผู้ใช้รถยนต์ต้องทำประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และบางรายยังทำประกันภัยตามกฎหมายประกันภัยเพิ่มเติมอีก เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ขึ้นกับนักเรียนและผู้ใช้รถใช้ถนน ส่วนใหญ่จะเข้ารับการรักษาพยาบาลจากสถานพยาบาลต่าง ๆ โดยได้รับการคุ้ม ครองและเบิกจ่ายค่ารักษาจากรัฐตามโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค โดยอาจไม่ได้ใช้สิทธิ เบิกจ่ายตามกรมธรรม์ประกันภัย การทำประกันภัยดังกล่าวจึงน่าจะเป็นการซ้ำซ้อนและไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้เอา ประกัน รวมทั้งเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น จึงมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปประสานและชี้ แจงให้ผู้บริหารสถานศึกษาต่าง ๆ ได้ทราบและระงับการจัดทำประกันภัยนักเรียน เนื่องจากได้รับการประกันตาม โครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าอยู่แล้ว และให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมการประกันภัย) รับไปพิจารณาร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุขกรณีการจัดทำประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ตลอดจนการ ประกันภัยตามกฎหมายประกันภัย เพื่อปรับปรุงเบี้ยประกันให้เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ผู้เอาประกัน โดยเฉพาะ กรณีที่ผู้ประสบอุบัติเหตุมารับการรักษาพยาบาลในโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า |
|||||||||||||||
| 799 | กระทู้ถามที่ 610 ร. เรื่อง การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่ประสบปัญหาขาดทุน | สผ | 03/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 610 ร. เรื่อง การดำเนิน
งานของรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่ประสบปัญหาขาดทุน ของนายนิยมชัย วรปัญญา สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำแผนและนโยบายแก้ไขปัญหาการขาดทุนของรัฐวิสาหกิจในสังกัด โดยเฉพาะกรณีการ ขาดทุนของการประปาส่วนภูมิภาค โดยได้กำหนดแผนและนโยบายการแก้ไขปัญหาการดำเนินงานไว้ในแผนการ เงินและแผนการลงทุน 5 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545-2549) ได้กำหนดวัตถุประสงค์ กลยุทธ์ และแนวทาง การดำเนินการไว้ด้วย สำหรับมาตรการและแนวทางป้องกันมิให้ประชาชนเดือดร้อนจากการบริโภคสินค้าราคา แพง ในการดำเนินงานของแต่ละรัฐวิสาหกิจ ได้วางแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานตลอดมาเพื่อ ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่มีคุณภาพ และอัตราค่าบริการที่เป็นธรรม (2) การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร ผู้จัดการ ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดผลขาดทุน นั้น มิได้เกิดขึ้นกับ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทยแต่อย่างใด (3) การแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่สังกัดกระทรวง มหาดไทยจะเกิดผลดี คือ ลดภาระงบประมาณภาครัฐ ลดภาระการก่อหนี้กับต่างประเทศ เพิ่มงบประมาณรายรับ พัฒนาตลาดทุน ประชาชนได้รับบริการที่ดีขึ้น ลดการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง และประชาชนสามารถตรวจสอบ การลงทุนได้ สำหรับผลเสีย คือ ราคาค่าบริการอาจสูงกว่าเดิม (4) รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่มีผล การดำเนินการขาดทุนในระหว่างปี พ.ศ. 2540-2544 คือ การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการ ประปาส่วนภูมิภาค และ (5) ในปี พ.ศ. 2545 การไฟฟ้านครหลวงคาดว่าจะมีกำไร 4,500.00 ล้านบาท การไฟฟ้า ส่วนภูมิภาคคาดว่าจะมีกำไร 3,077.68 ล้านบาท การประปานครหลวงคาดว่าจะมีกำไร 2,767.00 ล้านบาท การ ประปาส่วนภูมิภาคคาดว่าจะขาดทุน 120.00 ล้านบาท และองค์การตลาดคาดว่าจะมีกำไร 7.603 ล้านบาท |
|||||||||||||||
| 800 | แนวทางการรณรงค์ป้องกันเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด (26 มิถุนายน 2546) | ยธ | 03/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแนวทางการรณรงค์ป้องกันเนื่องใน
วันต่อต้านยาเสพติด วันที่ 26 มิถุนายน 2546 โดยรับทราบมติการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยา เสพติด (ป.ป.ส.) ครั้งที่ 2/2546 และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติการประชุมดังกล่าว โดยเน้นการขอ ความร่วมมือให้ผู้บริหารประเทศ ข้าราชการ บุคลากร เจ้าหน้าที่/พนักงานของหน่วยงาน/องค์กรภาครัฐ รัฐวิสาห กิจ องค์กรส่วนท้องถิ่น และประชาชน สวมเสื้อสีขาวในวันต่อต้านยาเสพติด วันที่ 26 มิถุนายน 2546 เพื่อแสดง ความมุ่งมั่นในการเอาชนะยาเสพติด และเชิญชวนให้ประชาชนแจ้งเบาะแสข้อมูลเกี่ยวกับผู้ค้ายาและผู้เสพ/ผู้ติดยาที่ ยังไม่เข้ารับการบำบัดรักษา ตลอดจนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียงกันตามแนวทางการ รณรงค์ป้องกันเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด |
|||||||||||||||
.....
