ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 6 หน้า แสดงรายการที่ 21 - 40 จากข้อมูลทั้งหมด 102 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21 | ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมาย กรณีการขายฝากตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ | สม | 04/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมาย กรณีการขายฝากตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยกระทรวงยุติธรรมได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเสนอแนะของ กสม. สอดคล้องกับหลักการที่กำหนดในแผนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายที่กำหนดให้มีกลไกทางกฎหมายเพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม โดยกำหนดให้มีการพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับธุรกรรมการขายฝาก จึงได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนรับไปประกอบการพิจารณาดำเนินการแล้ว ซึ่งคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. .... เสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว รวมทั้งได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและหน่วยงานของรัฐต่อร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามนัยมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว และจะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้แจ้ง กสม. ทราบต่อไป โดยให้แจ้งเพิ่มเติมไปด้วยว่า คณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. .... เสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลพิจารณาให้ความเห็นชอบ รวมทั้งได้จัดให้มีการรับฟังความเห็นของประชาชนและหน่วยงานของรัฐต่อร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามนัยมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว และจะได้พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
22 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ปัญหาการทอดทิ้งสัตว์ในที่สาธารณะ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาการทอดทิ้งสัตว์ในที่สาธารณะ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 04/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาการทอดทิ้งสัตว์ในที่สาธารณะ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง ปัญหาการทอดทิ้งสัตว์ในที่สาธารณะ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รวบรวมผลการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีความเห็นสอดคล้องและได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการวิสามัญฯ ไปบ้างแล้ว ได้แก่ (๑) การดูแลสัตว์ที่ถูกทอดทิ้งในที่สาธารณะ สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้กำหนดไว้ใน (ร่าง) แผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๓) โดยกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดสถานที่พักพิงให้สัตว์ที่ตกเป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว (๒) การปฏิรูปกฎหมาย เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการเสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ให้มีบทบัญญัติให้เจ้าของสัตว์มีหน้าที่ต้องขึ้นทะเบียนสัตว์ เป็นต้น และ (๓) การจัดการเชิงนโยบาย เช่น การจัดทำมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการของสถานสงเคราะห์สัตว์ที่จดทะเบียนตามกฎหมายให้เป็นรูปธรรม เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
23 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 3/2561 | นร04 | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีความคืบหน้าการติดตามเร่งรัดการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ๓ เรื่อง ตามที่ กขร. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. .... เห็นควรให้คณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนเร่งรัดดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓ เดือน ๒. ร่างพระราชบัญญัติรัฐบาลดิจิทัล พ.ศ. .... เห็นควรให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมกับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เร่งรัดดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๑ เดือน ๓. การแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการปลูกไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์ เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดดำเนินการโดยประสานสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแนวทางการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓ เดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 2/2561 | นร04 | 01/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งผลการประชุมมีความคืบหน้าการติดตามเร่งรัดการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ๕ เรื่อง ตามที่ กขร. เสนอ ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการดำเนินการร่างพระราชบัญญัติฯ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๑ เดือน (เมษายน ๒๕๖๑) ๒. ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการกำกับกิจการสหกรณ์การเงินขนาดใหญ่ พ.ศ. .... ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติฯ และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓ เดือน (มิถุนายน ๒๕๖๑) ๓. การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายประสานการดำเนินการปรับปรุงพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๑ เดือน (เมษายน ๒๕๖๑) ๔. แนวทางการบูรณาการระบบสวัสดิการภาครัฐเพื่อการแก้ไขปัญหาความยากจนมุ่งเป้า ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นเจ้าภาพหลักดำเนินการร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) บูรณาการข้อมูลระบบสวัสดิการภาครัฐเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำให้แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน (กันยายน ๒๕๖๑) โดยประสานเชื่อมโยงกับคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ศูนย์ข้อมูล (Data Center) และคลาวด์คอมพิวติง (Cloud Computing) ด้วย ๕. โครงการเพิ่มศักยภาพกำลังคนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการจัดทำรายละเอียดของโครงการฯ เพิ่มเติม เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๑ เดือน (เมษายน ๒๕๖๑)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน 2 ฉบับ | สลธ.คสช. | 01/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗/๒๕๖๑ เรื่อง การยกเลิกและระงับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สั่ง ณ วันที่ ๒๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกและระงับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ไว้ก่อน และให้กรรมการฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ ยังคงดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่ตามที่จำเป็นไปพลางก่อน รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการกิจการฯ และดำเนินการให้มีการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งดังกล่าวโดยเร็วต่อไป ๑.๒ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๘/๒๕๖๑ เรื่อง ยกเลิกบทบัญญัติบางประการในคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม สั่ง ณ วันที่ ๒๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกบทบัญญัติในคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ ๑๐/๒๕๕๘ ฉบับที่ ๒๔/๒๕๕๘ และฉบับที่ ๔๒/๒๕๕๘ เพื่อมิให้มีความซ้ำซ้อนกับบทบัญญัติที่ได้นำไปกำหนดไว้แล้วในกฎหมายว่าด้วยการประมง เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาในการบังคับใช้และการตีความกฎหมาย และยังเป็นการปฏิรูปกฎหมายของประเทศให้มีเอกภาพ และมีเพียงเท่าที่จำเป็นตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ ๒. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอเพิ่มเติมว่า โดยที่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗/๒๕๖๑ เรื่อง การยกเลิกและระงับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สั่ง ณ วันที่ ๒๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ ข้อ ๓ กำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ดังนั้น เพื่อให้การสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นไปโดยมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบตามข้อ ๓ ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าว โดยให้ประสานเพื่อทราบข้อมูลประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการสรรหาและการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวกับคณะกรรมการสรรหาและสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26 | การเสนอรายงานเกี่ยวกับหลักสูตรผู้บริหารงานด้านกฎหมายภาครัฐระดับสูง รุ่นที่ 6 | นร09 | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานข้อเสนอต่อรัฐบาลหลักสูตรผู้บริหารงานด้านกฎหมายภาครัฐระดับสูง รุ่นที่ ๖ และรายงานสรุปผลการศึกษาการปฏิรูปกฎหมายของประเทศเกาหลีใต้ รวม ๒ ฉบับ โดยรายงานข้อเสนอต่อรัฐบาลฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งได้มีการวิเคราะห์สภาพปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบอนุญาต ระบบคณะกรรมการ การใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และการกำหนดโทษอาญาของประเทศไทย โดยมีข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาองค์ความรู้ทางกฎหมายอันจะเป็นแนวทางในการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายต่อไป ส่วนรายงานสรุปผลการศึกษาฯ เป็นการศึกษาโครงสร้างองค์กรและกระบวนการพัฒนากฎหมายของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งได้ดำเนินการปฏิรูปกฎหมายเพื่อเป็นการควบคุม ตรวจสอบ และพัฒนาคุณภาพของกฎหมาย อันเป็นปัจจัยของความสำเร็จในการปฏิรูปกฎหมายของประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเป็นตัวอย่างนำมาสำหรับการพัฒนาคุณภาพของกฎหมายในประเทศไทยต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาส่งรายงานทั้งสองฉบับดังกล่าวไปยังคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย กระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริงไม่ใช้กฎหมายไปในทางที่จะสร้างความขัดแย้งระหว่างภาครัฐและประชาชน รวมทั้งเพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาองค์ความรู้ทางกฎหมายและเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
27 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ 2/2560 | นร04 | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และเร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานตามเป้าหมายของการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การปฏิรูปกฎหมาย (Regulatory Reform) คณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อกำกับการปฏิรูปกฎหมายได้เสนอการปฏิรูปกฎหมาย ได้แก่ (๑) การปรับปรุงหรือยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคและเป็นภาระต่อการประกอบอาชีพของประชาชน (๒) การจัดทำกฎหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (๓) การเร่งรัดและติดตามการจัดทำกฎหมาย และ (๔) การเข้าถึงกฎหมายได้โดยสะดวกของประชาชน ๒. การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ (Administrative Reform) สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงาน ก.พ. ได้นำเสนอการปฏิรูประบบการบริหารราชการแผ่นดิน เช่น การยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชน การปฏิรูปเพื่อปรับเปลี่ยนสู่รัฐบาลที่คล่องตัว เป็นต้น ๓. การปฏิรูปเชิงระบบและโครงสร้าง (Structural Reform) คณะอนุกรรมการบูรณาการการปฏิรูปเชิงระบบและโครงสร้างได้มีข้อเสนอ รวม ๘ เรื่อง ได้แก่ (๑) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๒) การกระจายถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม (๓) ระบบความมั่นคงทางอาหาร (๔) ระบบภาษี (๕) กระบวนการนิติบัญญัติ (๖) การปรับปรุงและจัดทำกฎหมายเพื่อการปฏิรูปประเทศ (๗) กระบวนการยุติธรรม และ (๘) ระบบการศึกษา ๔. การปฏิรูปเชิงพื้นที่และสังคม (Area Based Reform) คณะอนุกรรมการสานพลังปฏิรูปเพื่อพัฒนาพื้นที่และสังคมได้นำเสนอโครงการ ได้แก่ (๑) โครงการสานพลังเพื่อปฏิรูปพื้นที่และสังคม (๒) Quick Win การสร้างพื้นที่ทางวัฒนธรรมในท้องถิ่น และ (๓) โครงการสานพลังคนรุ่นใหม่ร่วมปฏิรูปเพื่อพัฒนาชุมชน ๔.๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 18/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการสำรวจปริมาณความต้องการใช้ยางพาราภายในหน่วยงาน เพื่อจัดทำแผนสำหรับการเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อยางพารา นั้น ให้หน่วยงานที่แจ้งความจำนงจะใช้ยางพาราในภารกิจของตนเองเร่งดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อกระตุ้นการรับซื้อยางพาราภายในประเทศ สำหรับหน่วยงานใดที่จำเป็นต้องขอใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้ประสานกับสำนักงบประมาณและเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป เพื่อให้สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้ทันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งให้การยางแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพราคายางพาราให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย เพื่อเป็นกลไกกำกับให้ราคายางพาราอยู่ในระดับที่เหมาะสมและมีความยั่งยืนในระยะยาวต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดพันธุ์เอ็มดีทู (MD2) ที่กำลังประสบปัญหาสับปะรดพันธุ์ดังกล่าวล้นตลาดที่มีสาเหตุหลักจากการขาดตลาดรองรับที่ชัดเจน ผลผลิตโดยรวมยังไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน และมีราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง ๑.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากผลผลิตทางการเกษตรชนิดต่าง ๆ เช่น การร่วมมือกับกระทรวงพลังงานเพื่อนำปาล์มน้ำมันไปใช้ในการผลิตไบโอดีเซลและส่งเสริมให้มีการใช้ไบโอดีเซลให้มากยิ่งขึ้น นั้น ให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยให้พิจารณาแนวทางการลดต้นทุนการผลิตไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันให้มีราคาจำหน่ายที่เหมาะสมและแข่งขันได้ ซึ่งจะทำให้เกิดแรงจูงใจให้มีการใช้ไบโอดีเซลมากขึ้นต่อไป ๑.๔ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการตรวจลงตราสำหรับผู้ประกอบการ นักลงทุน และบุคลากรจากต่างชาติ (Tech Visa) ให้ได้รับความสะดวกและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการประกอบการอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย ตอบสนองการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนนโยบายประเทศไทย ๔.๐ ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเร่งพัฒนาปรับปรุงกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง ณ ท่าอากาศยานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้นเพื่อลดระยะเวลารอตรวจและลดความแออัดของผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออกประเทศ โดยให้เร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสม กรณีกำหนดให้ผู้เดินทางเข้า-ออกประเทศ ต้องกรอกเอกสาร ตม. ๖ โดยหากสามารถยกเลิกการใช้เอกสารดังกล่าวได้กับผู้เดินทางเข้า-ออกบางประเภทโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใด ๆ ก็ให้เร่งดำเนินการด้วย เพื่อให้เกิดความสะดวก คล่องตัว และลดภาระแก่ผู้เดินทาง ๒.๒ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนเผชิญเหตุสำหรับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น ภัยพิบัติและภัยธรรมชาติต่าง ๆ (อัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย คลื่นสึนามิ) รวมทั้งเหตุการณ์อื่นที่กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่อื่นทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยดังกล่าว ทั้งนี้ การจัดทำแผนเผชิญเหตุข้างต้นให้กำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน ครบถ้วน ครอบคลุมทั้งในเรื่องข้อมูลพื้นที่จอดเฮลิคอปเตอร์บนอาคารสูง มาตรการปิดล้อมพื้นที่ในกรณีเกิดเหตุการณ์ และบัญชีข้อมูลเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ที่ต้องขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาคเอกชนด้วย แล้วให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย เร่งพิจารณาแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดต่าง ๆ เช่น ยางพารา ข้าวโพด โดยให้พิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการยึดคืนพื้นที่ป่าภายหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิต และไม่ให้มีการบุกรุกเพิ่มเติม ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการเกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ๒.๔ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการระดมกำลังจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการปลูกป่าตามศาสตร์พระราชาในพื้นที่ชุมชนที่มีความเหมาะสมให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการปลูกไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงาและการปลูกต้นไม้บริเวณใกล้แหล่งน้ำของชุมชน ๒.๕ ตามที่คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศได้มีการประชุมเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยมีการพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นการปฏิรูป ๗ ประเด็น เพื่อเตรียมไปสู่การเป็นรัฐบาล ๔.๐ ได้แก่ (๑) การปฏิรูปกฎหมาย (๒) การปฏิรูประบบตัวชี้วัดของภาครัฐ (๓) การปฏิรูปให้รัฐบาลมีความคล่องตัว (๔) การจัดการกำลังคนภาครัฐ (๕) การปฏิรูปงบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (๖) การปรับเปลี่ยนสู่รัฐบาลดิจิทัล และ (๗) การยกระดับการให้บริการภาคประชาชน นั้น ให้ทุกส่วนราชการเร่งพิจารณาทบทวนแผนการดำเนินงานของหน่วยงานว่าจะต้องมีการเตรียมการและดำเนินการในประเด็นใดบ้าง และให้พิจารณาปรับแผนการดำเนินงานของหน่วยงานให้สอดคล้องกับประเด็นการปฏิรูปดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้การเป็นรัฐบาล ๔.๐ เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
29 | ขออนุมัติดำเนินโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) | คค | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้เปลี่ยนชื่อโครงการ จาก “โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟไทย-จีน ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา” เป็น “โครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา)” และให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การลงนามกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการกระชับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕) ในข้อ ๔.๑ เป็น “ให้เสนอผลการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อรับทราบต่อไป” ๒. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามเงื่อนไขที่สำคัญ ดังต่อไปนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งสาขาทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ รวมทั้งการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายสินค้า คน ฐานความรู้ และเงินทุนแบบต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal) ทั้งภายในประเทศและการเชื่อมโยงในระดับภูมิภาคให้ชัดเจน และจัดทำแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย การลำดับความสำคัญของการพัฒนา ภาระด้านการคลัง และกลไกที่จะให้ภาคเอกชนดำเนินการหรือร่วมดำเนินการให้ชัดเจน เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยกำหนดเป็นเป้าหมายสำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติชี้แจงภาพรวมผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์จากการเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งในระดับภูมิภาคผ่านการดำเนินโครงการนี้และโครงการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการเสียโอกาสผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ หากไม่ดำเนินโครงการฯ รวมถึงการจัดทำข้อมูลค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการโครงการเชิงยุทธศาสตร์ทั้งโครงการไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจนด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคมกำหนดให้การจัดซื้อจัดจ้างของโครงการอยู่ภายใต้ระบบข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ ๒.๓ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปฏิรูปกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศที่เน้นการเจริญเติบโตจากเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพและขยายฐานภาคการค้าและบริการ เพื่อสนับสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมโยงภูมิภาค และยกระดับรายได้ของประชาชนในภาคชนบท เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผังเมือง กฎหมายที่เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณ ๒ ข้างทาง ตามแนวเส้นทางการพัฒนาระบบราง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) เป็นต้น ๒.๔ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยของภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการบริหารจัดการงานวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อดำเนินงานพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และพัฒนาบุคลากรทั้งระดับวิศวกรและช่างเทคนิคสำหรับรองรับการพัฒนาระบบขนส่งทางรางต่อไป ๒.๕ ให้กระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาแนวทางการจัดตั้งองค์กรพิเศษที่เป็นอิสระจากการกำกับกิจการของ รฟท. เพื่อกำกับการดำเนินงานโครงการให้มีประสิทธิภาพ โดยให้มีโครงสร้างองค์กรที่มีความคล่องตัวและเหมาะสมสำหรับดำเนินกิจการระบบรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งกำหนดมาตรการหรือแนวทางในการสนับสนุนทั้งด้านงบประมาณและบุคลากรให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ การจัดตั้งองค์กรพิเศษดังกล่าวต้องดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๖ ให้กระทรวงคมนาคมหารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งรัดการศึกษาความเหมาะสม การวิเคราะห์ผลตอบแทนของโครงการ และการเตรียมการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการในช่วงที่เหลือ (ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย) เพื่อให้การดำเนินโครงการในช่วงดังกล่าวมีความพร้อมที่จะดำเนินได้โดยเร็ว โดยคำนึงถึงช่วงเวลาที่สอดรับกับการเปิดให้บริการโครงการรถไฟความเร็วสูงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) รวมทั้งให้ดำเนินการเจรจากับสาธารณรัฐประชาชนจีน และ สปป.ลาว เพื่อหารือถึงแนวทางการเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งทางรางของทั้ง ๓ ประเทศด้วย ๓. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่ได้วางแผนไว้ ๔. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ให้ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ โดยเห็นชอบให้ รฟท. กู้เงินได้ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) ในกรณีที่ใช้เงินกู้ดำเนินการ ๕. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ตลอดจนการฝึกอบรมให้แก่บุคลากรของประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมการขนส่งทางรางและอุตสาหกรรมอื่น เพื่อลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ โดยการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและองค์กรวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
30 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 30 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 31 มีนาคม 2560) | นร04 | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๐ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณี กิจกรรมทางศาสนา และกิจกรรมพัฒนา และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ ได้แก่ การปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้าและร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... การปรับปรุงระบบกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างธรรมาภิบาล ประสิทธิภาพ และการพัฒนาบุคลากรภาครัฐและร่างพระราชบัญญัติการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะ พ.ศ. .... การปฏิรูปแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การบริหารงานภาครัฐที่เปิดเผยข้อมูลและร่างพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารสาธารณะ พ.ศ. ..... การปฏิรูปความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้าและร่างพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. .... การจัดการสินค้าที่ไม่ปลอดภัยและร่างพระราชบัญญัติการแจ้งเตือนภัยและจัดการสินค้าที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค พ.ศ..... การปฏิรูปประสิทธิภาพกระบวนการยุติธรรมทางอาญา และการปฏิรูปทนายความอาสา ทนายความขอแรง และที่ปรึกษากฎหมายของเด็กหรือเยาวชน ในประเด็นการปฏิรูปค่าตอบแทนและสิ่งจูงใจพิเศษเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ การน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของภาครัฐ การบูรณาการระบบการส่งเสริมอาชีพและการมีงานทำของคนพิการ การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การแก้ไขหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน การดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี ๒๕๖๐ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว การจัดงานส่งเสริมด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม การขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) การขับเคลื่อนพัฒนาและส่งเสริม SMEs การส่งเสริมสมุนไพรไทย การขับเคลื่อนแผนส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการจัดงานส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การเสริมสร้างภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และทัศนคติที่ดีต่อไทย การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ญี่ปุ่น และการเปิดตัวแอปพลิเคชัน "Street Food Phuket" "Street Food Chiang Mai-Chiang Rai" และ "Street Food Bangkok" ในรูปแบบภาษาจีน ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การอบรมอาสาสมัครคุมประพฤติเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน การดำเนินโครงการพัฒนาระบบศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนที่มีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล การจัดกิจกรรมในการพัฒนาเครือข่ายการปฏิบัติงานรับเรื่องร้องทุกข์ของส่วนราชการระดับกระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอิสระ และการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
31 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 29 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 28 กุมภาพันธ์ 2560) | นร | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๒๙ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณีกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมพัฒนา และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ ได้แก่ การปฏิรูปการเงินฐานรากและร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงินชุมชน การปฏิรูประบบการให้ความรู้พื้นฐานทางการเงินแก่ประชาชน การเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การปฏิรูปกฎหมายและระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศ ระบบการแพทย์ฉุกเฉินช่วงก่อนถึงโรงพยาบาล การปฏิรูปโครงสร้างองค์กรภาครัฐ การจัดความสัมพันธ์ระหว่างราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น : การปฏิรูปการบริหารจัดการของหน่วยรับผิดชอบงานทาง ธนาคารที่ดินและร่างพระราชบัญญัติธนาคารที่ดิน พ.ศ. .... และการปฏิรูปการดำเนินการด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทยและแนวทางการดำเนินงานไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ การน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และการรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การจัดทำโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น โครงการห้องเรียนกีฬา โครงการโรงเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือและพัฒนาเป็นพิเศษอย่างเร่งด่วน (โรงเรียนไอซียู) การจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา และการยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรแปรรูปยางพาราภายใต้แนวทางพัฒนายางพาราทั้งระบบ การดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังด้วยมาตรการสนับสนุนสินเชื่อ การดำเนินมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปี ๒๕๖๐ เพิ่มเติม การดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้านอาหารไทย ประจำปี ๒๕๖๐ การดูแลผู้บริโภคหลังการปรับราคาจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้ม และการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ ได้พัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงให้มีสมรรถนะและทักษะฝีมือตามมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากลอันจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เข้มแข็งและยั่งยืน รวมถึงเพื่อเป็นการส่งเสริมและผลักดันมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาคและระดับสากล ตลอดจนเพื่อส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมและการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และการปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยไม่เป็นธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
32 | แนวทางการจัดทำและการเสนอร่างกฎหมายตามบทบัญญัติมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร05 | 04/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการจัดทำและการเสนอร่างกฎหมายตามบทบัญญัติมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำขึ้น โดยกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางเกี่ยวกับการร่างกฎหมาย การตรวจพิจารณาร่างกฎหมาย และแนวทางการรับฟังความคิดเห็นประกอบการจัดทำร่างกฎหมาย รวมทั้งการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย และให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดต่อไป ๒. เห็นชอบหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบความจำเป็นในการตราพระราชบัญญัติ (Checklist) ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาปรับปรุงขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการจัดทำและการเสนอร่างกฎหมายตามบทบัญญัติมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามข้อ ๑ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง นโยบายการปฏิรูปกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร) โดยให้เป็นหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบความจำเป็นในการตราพระราชบัญญัติท้ายระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
33 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 27 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 31 ธันวาคม 2559) | นร | 21/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๒๗ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณีกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมพัฒนาต่าง ๆ และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ เช่น การปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้า และร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... การยกร่างแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี การยกร่างยุทธศาสตร์การจัดการคุณภาพน้ำของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ การปฏิรูปกฎหมายและระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน การปฏิรูปการประกันภัยการเกษตร การปฏิรูประบบสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน การปฏิรูประบบงบประมาณและการคลังภาครัฐ เศรษฐกิจผู้สูงวัย การอนุรักษ์พลังงานโดยใช้ข้อบัญญัติเกณฑ์มาตรฐานอาคารด้านพลังงาน (Building Energy Code : BEC) ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันนี้ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ โดยการใช้มาตรการทางกฎหมาย การจัดทำร่างพระราชบัญญัติรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. .... การประชุมหารือด้านการทหารระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมอินเดีย ครั้งที่ ๕ การฝึกผสม COPE TIGER 2017 การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม การดำเนินงานด้านการป้องกันและการแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคมกลุ่มคนพิการและผู้ด้อยโอกาส การจัดงานวันคนพิการสากล ประจำปี ๒๕๕๙ การจัดนิทรรศการในงาน Thailand Friendly Design Expo 2016 : มหกรรมอารยสถาปัตย์ และนวัตกรรมสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ ๑ การมอบสุขภาพดีเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทยทุกคนตรวจสุขภาพฟรี การจัดโปรแกรมตรวจสุขภาพสำหรับกลุ่มผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะฟรี การจัดทำระบบสมุนไพรไทยสำหรับประชาชน Version 1.0 (Mobile Application) ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๕๙ โครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๖๐ ให้แก่ประชาชนผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ การจัดทำมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยขั้นพื้นฐาน 4Q การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลตามนโยบายรัฐบาล การเร่งปั้นผู้ประกอบการรายใหม่สู่การเป็นมืออาชีพ การหารือกรอบความร่วมมือด้านการค้า ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การพัฒนาด่านการค้าชายแดนและโครงข่ายการคมนาคมขนส่งบริเวณประตูการค้าหลักของประเทศ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ไทย-จีน โครงการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ๒ เส้นทาง ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมและการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงความเป็นธรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และการปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34 | การศึกษาเขตพิเศษยุทธศาสตร์คันไซ | นร11 | 14/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการศึกษาเขตพิเศษยุทธศาสตร์คันไซ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ เขตพิเศษฯ คันไซ ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๗ มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ๑๒ แห่ง ในจังหวัดโดยรอบ พัฒนาเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมทางการแพทย์และพลังงาน และใช้เป็นเขตสำหรับทดลองการปฏิรูปกฎหมาย/ระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อภาคธุรกิจ ตลอดจนการส่งเสริมสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชน โดยเฉพาะนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจและใช้ชีวิตในญี่ปุ่นได้สะดวก โดยมีกลไกการบริหารจัดการ ๒ ระดับ ได้แก่ (๑) กลไกระดับชาติ ประกอบด้วย สภาเขตพิเศษยุทธศาสตร์แห่งชาติ (The Council on National Strategic Special Zones) มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และคณะทำงานเขตพิเศษยุทธศาสตร์ (Strategic Special Zones Working Group) ประกอบด้วยนักธุรกิจและนักวิชาการซึ่งเป็นอิสระจากหน่วยงานของรัฐทำหน้าที่เจรจากับหน่วยงานของรัฐในการแก้ไขกฎหมาย และ (๒) กลไกระดับพื้นที่ มีสภาเขตพิเศษ (Zone Council) ประกอบด้วย ผู้แทนจากรัฐบาลกลาง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ทำงานร่วมกันเพื่อจัดเตรียมแผนพัฒนา แผนงาน/โครงการ และขับเคลื่อนการปฏิรูปกฎหมาย ๑.๒ การพัฒนาเขตพิเศษฯ คันไซ มีความใกล้เคียงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนและโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) มากกว่าเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน โดยมีความคล้ายคลึงกันในด้านการออกกฎหมายใหม่เพื่อรองรับเขตพิเศษ กำหนดกิจการเป้าหมายที่เน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยี การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา และการมีกลไกการบริหารจัดการระดับชาติและในระดับท้องถิ่น ๑.๓ การประยุกต์ใช้ (๑) ควรมีกลไกระดับนโยบายที่มีอำนาจหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาและข้อจำกัดด้านกฎหมาย ระเบียบ วิธีและขั้นตอนปฏิบัติของหน่วยงาน (๒) ควรมีกลไกการบริหารจัดการในระดับพื้นที่ (๓) ควรสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนาในส่วนของภาคเอกชนและสถาบันการศึกษามากขึ้น และ (๔) ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนและ EEC ๒. ให้คณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแนวทางของเขตพิเศษยุทธศาสตร์คันไซมาปรับใช้กับ EEC และประยุกต์ใช้กับเรื่องที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35 | กรอบแนวทางในการป้องกันอาชญากรรมที่มีประสิทธิภาพ | ยธ | 24/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบแนวทางในการป้องกันอาชญากรรมที่มีประสิทธิภาพ ทั้ง ๖ ด้าน ประกอบด้วย (๑) การป้องกันอาชญากรรมโดยสภาพแวดล้อม (๒) การป้องกันอาชญากรรมโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน (๓) การป้องกันอาชญากรรมโดยการป้องกันการกระทำผิดซ้ำ (๔) การป้องกันอาชญากรรมโดยการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสจะกระทำความผิด (๕) การป้องกันอาชญากรรมโดยการลดโอกาสการตกเป็นเหยื่อ (๖) การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรในการป้องกันอาชญากรรม ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ตามที่ประธานกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณในการเตรียมความพร้อมทางด้านกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และจัดทำรายละเอียด เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ด้านการปฏิรูปกฎหมายและพัฒนากระบวนการยุติธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับตัวชี้วัดการดำเนินงานทั้งระดับผลผลิตและระดับผลลัพธ์ควรให้ความสำคัญกับการกำหนดเกณฑ์และวิธีการประเมินผล รวมทั้งการจัดเก็บข้อมูลและข้อมูลพื้นฐาน (Baseline Data) ให้ชัดเจนและครอบคลุม และการปรับแก้ไขตัวชี้วัดที่ ๑ จากการวัดสถิติอาชญากรรมพื้นฐานลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑๐ เป็นตัวชี้วัดการลดความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมของประชาชน ให้ประชาชนมีความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมต่ำกว่าร้อยละ ๔๐ ตามเกณฑ์มาตรฐานของ ก.พ.ร. แทน ส่วนตัวชี้วัดที่ ๒ สถิติการกระทำผิดซ้ำในกระบวนการยุติธรรมลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ไม่เห็นควรนำมาเป็นตัวชี้วัดการทำงานของตำรวจเพราะจะเป็นการบังคับไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้กระทำผิดที่มีลักษณะการกระทำผิดซ้ำอันจะเกิดความเสียหายต่อการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในส่วนรวม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 25 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 31 ตุลาคม 2559) | นร | 24/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๒๕ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น การชี้แจงและจัดกิจกรรมผ่านศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูประดับจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น และแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ผ่านศูนย์ดำรงธรรม ๒. การปฏิรูปประเทศ เช่น การบูรณาการสถาบันการพลศึกษาเป็นมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ การปฏิรูปกฎหมายการศึกษาและร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... การบริหารจัดการศึกษาโรงเรียนขนาดเล็ก แผนปฏิรูปเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษาภายในและการประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอก การจัดการศึกษาตลอดชีวิตและร่างพระราชบัญญัติการศึกษาตลอดชีวิต พ.ศ. .... การปฏิรูปการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง การปฏิรูประบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้าและร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... การปฏิรูประบบทรัพย์สินทางปัญญา และการจัดการพื้นที่มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การใช้มาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินการเฝ้าระวังเว็บไซต์ที่เข้าข่ายละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ การจัดตั้งศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์เพื่อติดตามสถานการณ์และเตรียมงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การจัดกิจกรรมเพื่อร่วมแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค การจัดทำร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี การจัดประชุมสุดยอดผู้นำ แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) และการส่งเสริมบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศ ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การบริหารงานเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน การมอบบ้านหลังใหม่ให้ชาวชุมชนริมฝั่งเจ้าพระยากว่า ๖๐ หลังคาเรือน การลงนามข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาบุคลากรด้านช่างไฟฟ้าและส่งเสริมการมีงานทำให้แก่ทหารกองประจำการ การพัฒนาระบบบริหารจัดการที่ดินและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ โดยยึดแนวพระราชดำริให้ประชาชนอยู่ร่วมกับป่าได้ การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านคิดคำนวณและการอ่านออกเขียนได้ และการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภาพยนตร์ของชาติ ประจำปี ๒๕๕๙ ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปี ๒๕๕๙/๖๐ การบริหารจัดการข้าว แผนส่งเสริมเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นการบริโภค การยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี ๒๕๖๐ มาตรการคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๗ ไปจนถึงวันที่ ๓๐กันยายน ๒๕๖๐ การส่งเสริมภาคเศรษฐกิจดิจิทัลและวางรากฐานของเศรษฐกิจดิจิทัล และการส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนและสหภาพยุโรป ครั้งที่ ๒๑ และการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง หรือ ACMECS ครั้งที่ ๗ ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยโดยประกาศราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้แล้ว จำนวน ๑๗๘ ฉบับ และอยู่ระหว่างรอการบังคับใช้ จำนวน ๕ ฉบับ รวมทั้งการจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37 | รายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ประจำปี พ.ศ. 2558 | อื่นๆ | 10/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอ มีผลงานที่สำคัญ ดังนี้
๑. การให้คำปรึกษาและสนับสนุนการดำเนินการเกี่ยวกับการร่างกฎหมายให้แก่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ได้ดำเนินการพิจารณาตามคำขอของประชาชนที่ยื่นเข้ามาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด รวมทั้งสิ้น ๘ เรื่อง ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้แก่ (๑) ร่างพระราชบัญญัติสภาชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎหมายว่าด้วยผังเมือง (๓) ร่างกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม (๔) แนวทางการปฏิรูปกฎหมายข้าวและชาวนา (๕) กรณีขอให้หน่วยงานรัฐยุติการกระทำที่ขัดหลักความยุติธรรมและคืนความเป็นธรรม เยียวยาความเสียหาย และคุ้มครองสิทธิให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ (๖) ร่างพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... (๗) การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมตามพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และ (๘) ร่างพระราชบัญญัติจังหวัดปกครองตนเอง พ.ศ. .... ๒. ผลการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายในฐานะหน่วยงานสนับสนุนคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ได้วางกรอบยุทธศาสตร์การปฏิบัติงานไว้ ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) การปรับปรุงและพัฒนากฎหมาย (๒) การสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน (๓) การพัฒนาองค์ความรู้ และ (๔) การสร้างความพร้อมและพัฒนาองค์กร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
38 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 309/2559, 310/2559, 311/2559, 312/2559 และ 315/2559) | นร04 | 27/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๕ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๐๙/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ๒. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๑๐/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ๓. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๑๑/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ เรื่อง ปรับปรุงการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน ๔. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๑๒/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ๕. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๑๕/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีควบคุมดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเมือง และสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
39 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม 3 ฉบับ | สลธ.คสช. | 20/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๑/๒๕๕๙ เรื่อง การยกเลิกกฎหมายว่าด้วยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กฎหมายว่าด้วยสภาพัฒนาการเมือง และกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย สั่ง ณ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๒/๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ สั่ง ณ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๓. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๓/๒๕๕๙ เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (เพิ่มเติม) สั่ง ณ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
40 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 24 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2558 - 30 กันยายน 2559) | นร | 07/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๒๔ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๓๐ กันยายน ๒๕๕๙) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เสนอ มีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น การชี้แจงและจัดกิจกรรมผ่านศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูประดับจังหวัด/อำเภอ/ท้องถิ่น รวมทั้งคณะกรรมการหมู่บ้านและแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ กขร. ได้ติดตามขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูป เช่น การปฏิรูปกิจการตำรวจ การปฏิรูปกฎหมายและระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศ การพัฒนาด้านการท่องเที่ยว การมีระบบการแพทย์ฉุกเฉินช่วงก่อนถึงโรงพยาบาล การจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ และการปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้า ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การใช้มาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินการเฝ้าระวังเว็บไซต์ที่เข้าข่ายละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ การจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (illegal, Unreported and Unregulated Fishing : IUU Fishing) และการสร้างความเข้าใจ เสริมสร้างภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และทัศนคติที่ดีต่อไทย ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การพัฒนาเด็กในสถานรองรับ “เพชรน้ำหนึ่ง” การประชุมหารือทวิภาคีด้านการบริหารจัดการรายกรณีการส่งกลับและคืนสู่สังคมผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ไทย-เมียนมา ครั้งที่ ๑๘ และการลงนามเอกสารภาคผนวก SOP การจัดงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๘ “ร่วมพลังประชารัฐ ขับเคลื่อนสังคมคุณธรรม” ดำเนินโครงการถนนคนดี เพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุในการจราจร ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น มาตรการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อย เพื่อดูแลช่วยเหลือแก่เกษตรกร ยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกร และส่งเสริมความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจฐานราก มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การแก้ไขปัญหาธุรกิจท่องเที่ยวผิดกฎหมาย “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” การจัดงานวันท่องเที่ยวโลก ๒๕๕๙ “การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลเข้าถึงอย่างเท่าเทียม” การส่งเสริมภาคเศรษฐกิจดิจิทัลและวางรากฐานของเศรษฐกิจดิจิทัล การส่งเสริมการทำการเกษตรแปลงใหญ่โดยการผนึกกำลังนำไปสู่การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการซื้อขายผลผลิตข้าวนาแปลงใหญ่ทั่วประเทศ และการขยายร้านค้า OTOP สู่สนามบิน ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๘-๒๙ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ASEAN-EU High Level Dialogue on Maritime Security Cooperation ครั้งที่ ๓ ร่วมกับสหภาพยุโรป และการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๑๔ ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การให้ความช่วยเหลือเยียวยากรณีบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือโดยสารล่มจังหวัดพระนครศรีอยุธยา การช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงความเป็นธรรม ช่วยเหลือประชาชนตามกฎหมาย และการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา การปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม
|
.....