ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 6 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 102 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
81 | ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง | ยธ | 06/10/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างกฎหมาย ว่าด้วยการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง โดยสรุปดังนี้ 1.1 ควบุคมการขยายสาขาของห้างค้าปลีกสมัยใหม่ให้หยุดหรือชะลอการขยายสาขา โดยพิจารณา เรื่องท้องที่ จำนวน และเวลาเปิด/ปิดห้างค้าปลีกสมัยใหม่ 1.2 ควรมีกฎหมายควบคุมการขายสินค้าราคาต่ำกว่าทุนและบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่และกฎหมาย อื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ 1.3 การใช้มาตรการทางภาษีโดยให้ห้างค้าปลีกสมัยใหม่แต่ละสาขายื่นชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในท้องถิ่นที่สาขาของห้างค้าปลีกสมัยใหม่นั้นตั้งอยู่โดยไม่ให้ยื่นชำระภาษีรวมกันที่สำนักงานใหญ่ 1.4 ควรให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ทั้งผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งแบบดั้งเดิม ผู้ ประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ผู้ผลิตเข้ามามีส่วนร่วมในการยกร่างกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจค้า ปลีกหรือค้าส่ง รวมทั้งให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามามีบทบาทเพื่อการประสานงานอย่างบูรณาการ 1.5 ให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือพิจารณาอนุญาตให้ประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสมัย ใหม่ในท้องถิ่นของตนเอง 1.6 ให้รัฐเข้ามามีบทบาทกำกับดูแลการค้าให้เสรีและเป็นธรรมอย่างแท้จริง 1.7 พิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม พฤติกรรมผู้บริโภค ธรรมาภิบาลและ ความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบธุรกิจ (Corporate Social Responsibility : CSR) ประกอบการอนุญาต ให้ประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่งสมัยใหม่ 1.8 ให้รัฐให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการประกอบธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม โดยให้ความช่วย เหลือสนับสนุนด้านเงินทุน ความรู้และเทคโนโลยี 2. ให้ส่งความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ฯ พร้อมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะกรรม การคุ้มครองผู้บริโภค กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาด ไทย และกระทรวงวัฒนธรรม ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปประกอบในการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชการ บัญญัติประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. .... ให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อ ไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
82 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การมีส่วนร่วมของประชาชน" | สสป | 06/10/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การมีส่วนร่วมของประชาชน" และรับทราบตามที่สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะดัง กล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. เร่งรัดและผลักดันให้มีพระราชบัญญัติการมีส่วนร่วมของประชาชน พ.ศ. .... 2. สนับสนุนให้องค์กรที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันเป็นศูนย์รวมในการเผยแพร่ให้ความรู้ และกระตุ้นให้เกิด กระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนในสังคมไทย 3. กำหนดระยะเวลาในการออกกฎหมายให้แน่ชัด โดยกฎหมายกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นต้องเป็นไป ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด 4. ให้ประชาชนมีบทบาทในกระบวนการบัญญัติกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายที่ครอบคลุมใน เรื่องที่เกี่ยวกับทรัพยากร การจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุ โทรคมนาคม การจัดการชลประทาน และเก็บข้อมูลจาก ประชาชนที่ถูกผลกระทบก่อนที่จะเสนอร่างกฎหมายในเรื่องดังกล่าว 5. ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนของสังคมยอมรับกฏกติกาของสังคม หากมีปัญหาในการบังคับใช้รัฐธรรม นูญ ให้ใช้วิธีการออกเสียงประชามติ ไม่ยอมรับการล้มล้างรัฐธรรมนูญ 6. ปรับท่าทีเพื่อส่งเสริมให้การใช้สิทธิ หน้าที่ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประเทศ เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ต้งไว้ 7. เสริมสร้างให้เกิดความสมานฉันท์ ความเป็นปึกแผ่น และความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน โดยการ ให้วัดและโรงเรียนเป็นศูนย์กลางในการสร้างความสามัคคี ให้ผู้นำทางศาสนา ปราชญ์ชาวบ้าน ครู และหมอพื้น บ้าน เป็นต้น เป็นกลไกในการเชื่อมประสานความสามัคคี และจัดให้มีเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบ การณ์กันอย่างเท่าเทียม 8 ยกระดับความรู้ความเข้าใจต่อประเด็นสิทธิ หน้าที่ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนา ประเทศ โดยรัฐรับเป็นเจ้าภาพในการดำเนินงานรวมทั้งสนับสนุนให้มีบรรยากาศเอื้อต่อการเป็นสังคมแห่งการ เรียนรู้ 9. ส่งเสริมให้เกิดการปฏิรูปกฎหมายที่มีเนื้อหาสาระที่เอื้อให้ประชาชนได้เข้ามามีสิทธิ หน้าที่ และมี ส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง 10. กำหนดแนวนโยบายการพัฒนาแบบล่างขึ้นบน (Bottom up) 11. ยกระดับให้ประชาชนกินดี อยู่ดี เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนให้ประชาชนได้ตระหนักถึงหน้าที่ที่พึงมีต่อ สังคม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
83 | ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 | ยธ | 29/09/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยว
กับกฎหมายว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ตามมาตรา 190 ของรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 สรุปได้ดังนี้ 1. ควรมีการกำหนดคำนิยามความหมายของ "หนังสือสัญญา" เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า กรณีใดจัด เป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศตามมาตรา 190 และควรนิยามความหมายของ "หนังสือสัญญาที่มีผลกระทบ ต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรือ งบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ" ไว้ให้ชัดเจน เพื่อลดปัญหาการตีความมาตรา 190 วรรคสอง 2. การจัดทำกรอบการเจรจาเพื่อทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ควรมาจากผลการศึกษาวิจัยผล กระทบจากการทำหนังสือสัญญา และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย และให้รัฐสภาสามารถ ทราบถึงวัตถุประสงค์และผลที่คาดว่าจะได้รับจากการทำหนังสือสัญญา โดยกรอบการเจรจาควรประกอบไปด้วย เนื้อหาส่วนที่ว่าด้วยวัตถุประสงค์ของการทำหนังสือสัญญา และระบุสาระสำคัญของหนังสือสัญญาว่าจะเจรจาใน เรื่องใด ประเด็นใด ภายในกรอบระยะเวลาใด 3. ในกรณีที่เนื้อหาหนังสือสัญญาไม่มีความซับซ้อนละเอียดอ่อนมาก หน่วยงานผู้รับผิดชอบสามารถ ทราบถึงผลกระทบของการทำหนังสือสัญญาได้ในการศึกษาวิจัยเพียง 1-2 ครั้ง แต่หากเป็นกรณีที่เนื้อหาของ หน้งสือสัญญามีความซับซ้อนมาก ครอบคลุมภาคเศรษฐกิจจำนวนมาก หน่วยงานผู้รับผิดชอบจำเป็นต้องทำการ ศึกษาวิจัยอย่างน้อยใน 3 ช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ได้แก่ การศึกษาวิจัยในขั้นตอนก่อนการเสนอขอความเห็นชอบ กรอบการเจรจาจากรัฐสภา ขั้นตอนการศึกษาวิจัยภายหลังเมื่อการเจรจาสิ้นสุดลง และได้ร่างหนังสือสัญญาที่มี ความถูกต้องแท้จริงแล้ว ก่อนการให้สัตยาบันเพื่อให้มีความผูกพันตามหนังสือสัญญานั้น และขั้นตอนการศึกษา วิจัยภายหลังจากหนังสือสัญญามีผลบังคับใช้แล้วระยะหนึ่ง เพื่อประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น 4. จัดให้มี "หน่วยงานกลาง" ทำหน้าที่บริหารจัดการการศึกษาวิจัยขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อคัดเลือกผู้ที่มี ความเหมาะสมทำการศึกษาวิจัยในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ควบคุมดูแลผู้ศึกษาวิจัยให้เป็นไปตามบทบัญญัติดังกล่าว 5. ในการศึกษาวิจัยเพื่อประกอบการจัดทำหนังสือสัญญาควรมีการศึกษาวิจัยถึงวัตถุประสงค์ของการ ทำหนังสือสัญญา ผลกระทบด้านดีและด้านเสีย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และผลกระทบต่อกฎหมายภายใน รวมทั้งแนวทางป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบ 6. ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลและจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ตลอดจน สังเคราะห์ความเห็นของประชาชนมาจัดทำเป็นเอกสารรายงานเสนอต่อฝ่ายบริหารหรือฝ่ายนิติบัญญัติ และควร มีการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนใน 2 ช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ได้แก่ ในขั้นตอนก่อนการเสนอกรอบการ เจรจาและระหว่างการเจรจาทำหนังสือสัญญา และในขั้นตอนเมื่อการเจรจาสิ้นสุดลง และได้มีการลงนามรับรอง ความถูกต้องในร่างหนังสือสัญญาแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
84 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย | ยธ | 01/09/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายรายงานผลการปฏิบัติงานตั้งแต่คณะรัฐ
มนตรีเมื่อครั้งพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้งจนถึงปัจจุบัน สรุปได้ดังนี้ 1. จัดทำกฎหมายเพื่อจัดตั้งองค์การเพื่อการปฏิรูปกฎหมายตามมาตรา 81 (3) ประกอบมาตรา 308 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. .... ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร 2. ศึกษาและเสนอแนะการจัดทำร่างกฎหมายที่จำเป็นต้องตราขึ้นเพื่ออนุวัติการตามบทบัญญัติแห่งรัฐ ธรรมนูญ โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน 5 คณะ เพื่อดำเนินการตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายมอบ หมาย 3. การจ้างที่ปรึกษาดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการเวทีความคิดเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติ ธรรม (Criminal Justiec Reform Forum) และโครงการเวทีความคิดเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไทย (Thai Criminal Justice Reform Forum) เป็นต้น 4. การดำเนินกิจกรรมทางวิชาการ เช่น ประชุมติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำกฎหมายที่จำเป็นต้องตราขี้นเพื่ออนุวัติการให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และ การสัมมนาเรื่อง "ทิศทางองค์กรปฏิรูปกฎหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย" เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
85 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "สิทธิ หน้าที่กับบทบาทการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประเทศ" | สสป | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "สิทธิหน้าที่ กับบทบาทการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประเทศ" ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติเสนอ สรุปได้ดังนี้ 1.1 ข้อเสนอด้านกฎหมาย 1.1.1 กำหนดระยะเวลาการออกกฎหมายให้แน่ชัด โดยกฎหมายกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นต้อง เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด 1.1.2 ให้ประชาชนมีบทบาทในกระบวนการบัญญัติกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่ครอบ คลุมเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากร การจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโทรคมนาคม การจัดการชลประทาน และเก็บข้อ มูลจากประชาชนที่ถูกผลกระทบก่อนที่จะเสนอร่างกฎหมายในเรื่องดังกล่าว 1.1.3 ควบคุมให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย 1.1.4 ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนของสังคมยอมรับกฎกติกาของสังคม หากมีปัญหาในการบังคับใช้ รัฐธรรมนูญ ให้ใช้วิธีออกเสียงประชามติ ไม่ยอมรับการล้มล้างรัฐธรรมนูญ 1.1.5 ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนต้องยอมรับและปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด 1.1.6 ส่งเสริมให้เกิดการยอมรับสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ 1.2 ข้อเสนอแนะด้านสิทธิ หน้าที่และการมีส่วนร่วมของประชาชนในเชิงนโยบาย 1.2.1 ปรับท่าทีเพื่อส่งเสริมให้การใช้สิทธิ หน้าที่ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ พัฒนาประเทศเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ และภาครัฐควรให้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศแก่ ประชาชนให้มากที่สุดและไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง 1.2.2 เสริมสร้างความสมานฉันท์ ความเป็นปึกแผ่น และความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน โดยให้ วัดและโรงเรียนเป็นศูนย์กลางในการสร้างความสามัคคี ให้ผู้นำทางศาสนา ปราชญ์ชาวบ้าน ครู และหมอพื้นบ้าน เป็นต้น เป็นกลไกการเชื่อมประสานความสามัคคี และจัดให้มีเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อย่าง เท่าเทียม 1.2.3 ยกระดับความรู้ความเข้าใจต่อประเด็นสิทธิ หน้าที่ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการพัฒนาประเทศโดยรัฐรับเป็นเจ้าภาพในการดำเนินงานและสนับสนุนให้มีบรรยากาศเอื้อต่อการเป็นสังคม แห่งการเรียนรู้ 1.2.4 ส่งเสริมให้เกิดการปฏิรูปกฎหมายที่มีเนื้อหาสาระที่เอื้อให้ประชาชนได้เข้ามามีสิทธิ หน้า ที่ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง 1.2.5 ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการจัดตั้งองค์กรจากภาคประชาชน 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 47 หน่วยงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
86 | ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. .... | นร | 13/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. ให้มีคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายที่ดำเนินการเป็นอิสระ มีหน้าที่หลักในการปรับปรุงและพัฒนากฎ หมายของประเทศให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ สำรวจ ศึกษา และวิเคราะห์ทางวิชาการต่าง ๆ เพื่อวางเป้าหมาย นโยบาย พร้อมทั้งจัดทำแผนโครงการ และมาตรการต่าง ๆ ในการปฏิรูปกฎหมายอย่างเป็นระบบ 2. ให้มีสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นนิติบุคคลและอยู่ภาย ใต้การกำกับดูแลของประธานกรรมการ มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับกิจการทั่วไปของคณะกรรมการ และงานด้าน ธุรการของคณะกรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
87 | ร่างพระราชบัญญัติองค์กรเพื่อการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์กรเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... | นร | 28/01/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรเพื่อการปฏิรูป กฎหมาย พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอ และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์กรเพื่อการปฏิรูป กระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยแยกเป็นแต่ละฉบับเพื่อให้สอดคล้องกับเจตนา รมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ประสงค์ให้แต่ละองค์กรมีอำนาจหน้าที่ที่เป็นอิสระ แล้วเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป หากกระทรวงยุติธรรมมี ความเห็นประการใดให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบโดยเร็ว 2. โดยที่ร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับ ตามข้อ 1. และร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นร่าง กฎหมายซึ่งรัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทย จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งดำเนินการตรวจพิจารณาโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
88 | ร่างพระราชบัญญัติองค์กรเพื่อการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ..... | ยธ | 04/11/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
89 | การรายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการกำกับและติดตามการดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ | นร | 10/06/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการกำกับและติดตามการดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติ
ของรัฐธรรมนูญรายงานผลการประชุมคณะกรรมการกำกับและติดตาม ฯ ครั้งที่ 1/2551 วันที่ 28 เมษายน 2551 ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการกำกับและติดตามการดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ โดยให้ ส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐที่อยู่ในการกำกับของฝ่ายบริหารรายงานผลการดำเนินงานตามแบบรายงานผล การดำเนินงานตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ (กตธ. 001-006) แล้วส่งมาที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ส่วน กรณีที่มีเรื่องที่ต้องจัดทำหรือปรับปรุงกฎหมาย ซึ่งต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแต่ยังไม่มีผู้ดำเนินการในเรื่องดัง กล่าว ให้คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายรับไปพิจารณาเสนอหน่วยงานที่สมควรเป็นผู้รับผิดชอบ และกรณีที่มีความ จำเป็นจะต้องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ฯ ให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำกับและติดตาม ฯ เสนอประธานกรรม การกำกับและติดตาม ฯ แต่งตั้งไปได้ แล้วนำเสนอคณะกรรมการกำกับและติดตาม ฯ ทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
90 | การรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย | ยธ | 13/05/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรม
การ ฯ โดยได้ยกร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งองค์กรเพื่อการปฏิรูปกฎหมาย และเสนอแนะการจัดทำกฎหมายที่จำเป็นต้อง ตราขึ้นเพื่ออนุวัติการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ รวมทั้งยกร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งองค์กรเพื่อการปฏิรูปกฎหมาย เป็นแผนงานที่ 1 การจัดทำกฎหมายที่จำเป็นต้องตราขึ้น เพื่ออนุวัติการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญเป็นแผนงาน ที่ 2 โดยบรรจุเรื่องการพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางอาญา และการจัดตั้งองค์กรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไว้ใน แผนงานที่ 2 กับเห็นชอบกรอบแนวทางเบื้องต้นในการยกร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งองค์กรเพื่อการปฏิรูปกฎหมาย และ ได้ยกร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
91 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง ภารกิจที่รัฐ/ฝ่ายบริหาร ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ 1 | นร | 11/03/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับภารกิจและความก้าวหน้า
การดำเนินการที่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่อยู่ในกำกับฝ่ายบริหาร และหน่วยงานของรัฐที่ไม่อยู่ในกำกับ ของฝ่ายบริหารที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัด ส่งข้อมูลดังกล่าวให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรและคณะกรรมการดังกล่าว และให้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับและติดตามการดำเนิน การให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล) เป็นประธาน ผู้แทน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำหน้า ที่ติดตามดูแลและเร่งรัดการดำเนินการตามภารกิจของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่อยู่ในกำกับฝ่ายบริหาร แล้วรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีเป็นระยะ โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทำหน้าที่ฝ่ายเลขา นุการของคณะกรรมการดังกล่าว และเป็นหน่วยงานประสานการดำเนินการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ ที่อยู่ในกำกับฝ่ายบริหาร และประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานของรัฐที่ไม่อยู่ในกำกับฝ่ายบริหาร เพื่อให้การดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในภาพรวมมีความสอดคล้องและไม่เกิดความซ้ำซ้อน แล้วนำ เสนอคณะรัฐมนตรี ส่วนอัตรากำลังและงบประมาณในการดำเนินภารกิจเรื่องนี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประสานกับสำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับและติดตามการดำเนิน การตามภารกิจที่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่อยู่ในกำกับฝ่ายบริหารต้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามบท บัญญัติของรัฐธรรมนูญ และสอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภาด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
92 | คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย | ยธ | 18/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่ประธานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอให้ นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ
ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม (นักบริหาร 10) ทำหน้าที่เลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย และ ให้สำนักงานกิจการยุติธรรมเป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการ แทนสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำหรับค่า ตอบแทนที่กำหนดเป็นเบี้ยประชุมรายเดือนของคณะกรรมการ ให้คณะกรรมการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน ในอัตราประธานกรรมการเดือนละ 10,000 บาท กรรมการเดือนละ 8,000 บาท ส่วนค่าตอบแทนอนุกรรมการ ให้สำนักงานกิจการยุติธรรมขอกำหนดเบี้ยประชุมรายเดือนกับกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติแห่งพระ ราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมคณะกรรมการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง และ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง เพื่อให้สำนักงานกิจการยุติธรรมเบิกจ่าย งบประมาณแทนกันตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
93 | การแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย | นร | 13/11/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่คณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอแต่งตั้งคณะกรรม
การปฏิรูปกฎหมาย โดยมีศาสตราจารย์ คณิต ณ นคร เป็นประธานกรรมการ นายชูชัย ศุภวงศ์ นายปรีดา เตีย สุวรรณ์ นางสาวรสนา โตสิตระกูล ศาสตราจารย์ วิทิต มันตาภรณ์ ศาสตราจารย์ วิษณุ เครืองาม นายสมชาย หอม ลออ นายสมหมาย ปาริจฉัตต์ นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ศาสตราจารย์ สุรพล นิติไกรพจน์ และศาสตราจารย์ กิตติคุณ อมรา พงศ์ศาพิชญ์ เป็นกรรมการ โดยให้คณะกรรมการ ฯ มีอำนาจหน้าที่ศึกษาและเสนอแนะการจัดทำกฎหมาย ที่จำเป็นต้องตราขึ้นเพื่อขออนุวัติการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญต่อคณะรัฐมนตรี และจัดทำกฎหมายเพื่อจัดตั้ง องค์กรเพื่อการปฏิรูปกฎหมายตามมาตรา 81 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป โดยค่าตอบแทนคณะกรรมการ ฯ ให้ทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง ส่วนงบประมาณสำหรับการดำเนินงานของคณะกรรมการ ฯ ให้เป็นไปตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของสำนัก เลขาธิการคณะรัฐมนตรี แผนงบประมาณบริหารจัดการภาครัฐงบเงินอุดหนุน รายการการจัดทำและตรวจพิจารณา ร่างกฎหมายตามนโยบายรัฐบาล เพื่อปฏิรูปสังคมและการเมือง จำนวน 50 ล้านบาท ซึ่งได้จัดสรรงบประมาณรอง รับไว้แล้ว และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการ ฯ ในวาระเริ่มแรกจนกว่า คณะกรรมการ ฯ จะได้พิจารณาในเรื่องเลขานุการและหน่วยธุรการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
94 | การแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย | นร | 09/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) ประธานคณะทำงาน
พิจารณาเรื่องผลที่มีต่อคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันอันเนื่องมาจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 การแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย โดยมีนายไพบูลย์ วัฒนศิริ ธรรม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ และนายวิจารณ์ พานิช เป็นประธานกรรมการร่วม ในส่วนของ คณะกรรมการ ประกอบด้วย รองศาสตราจารย์ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นาย กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสงขลา วิชัยขัทคะ กรรมการร่างกฎหมายประจำสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา นายโคทม อารียา นางจุรี วิจิตรวาทการ นายกมลชัย รัตนสกาววงศ์ นายเดชอุดม ไกร ฤทธิ์ โดยมีนางโฉมศรี อารยะศิริ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ นายคมสัน โพธิ์คง และนายอำนาจ พัวเวส ผู้อำนวยการกลุ่มวิชาการและพัฒนากฎหมาย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นผู้ช่วย เลขานุการ โดยให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการสรรหาคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย และเสนอแนะ คณะรัฐมนตรีในเรื่องที่เกี่ยวกับคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2550 สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของคณะกรรมการให้เบิกจ่ายจากสำนักเลขาธิการคณะ รัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
95 | การแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายตามมาตรา 308 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญฯ | นร | 11/09/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) ประธานคณะทำงาน
พิจารณาเรื่องผลที่มีต่อคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน อันเนื่องมาจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เสนอขั้นตอนแนวทางการดำเนินการและกรอบเวลาเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ตามมาตรา 308 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายก รัฐมนตรี (รองศาสตราจารย์ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์) เข้าร่วมเป็นคณะทำงานเพิ่มเติมด้วย และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า สมควรพิจารณาให้องค์กรของรัฐที่ดำเนินงานเกี่ยวกับการ ปฏิรูปกฎหมายอยู่แล้ว เช่น คณะกรรมการพัฒนากฎหมายตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. 2522 เป็นต้น เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานเรื่องนี้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
96 | ผลที่มีต่อคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน อันเนื่องมาจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 | นร | 28/08/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้มีการประกาศใช้
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2550 แล้ว นั้น บทบัญญัติของรัฐ ธรรมนูญฉบับใหม่ในบางมาตราอาจมีผลกระทบหรือเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีชุด ปัจจุบัน จึงเห็นควรแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายตามมาตรา 308 ของรัฐธรรมนูญ โดยอาจประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงต่างๆ และผู้ทรงคุณวุฒิจากฝ่ายต่างๆ เป็นกรรมการ โดยมีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นฝ่ายเลขานุการ รวม ทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษา และเสนอแนะเกี่ยวกับเรื่องที่กระทรวงต่าง ๆ จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญนอกเหนือจากการออกกฎหมาย โดยอาจประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธาน ผู้ทรงคุณวุฒิจากฝ่ายต่าง ๆ ผู้แทนจากกระทรวงต่าง ๆ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็น กรรมการ โดยมีสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นฝ่ายเลขานุการ รวมทั้งรับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการ กฤษฎีกาเสนอเพิ่มเติมว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาศึกษาแนวทางการดำเนินการตามรัฐธรรม นูญฉบับใหม่ไว้บางส่วนแล้ว ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) รับไปพิจารณาร่วมกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แล้วนำเสนอ คณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
97 | ผลการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ ช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2549 | พณ | 30/01/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ ช่วงเดือนตุลาคม-
ธันวาคม 2549 ซึ่งมีผลการดำเนินงานสรุปได้ดังนี้ ด้านการส่งเสริมการส่งออกและบริการ ในช่วงไตรมาสสุด ท้ายของปี พ.ศ. 2549 การส่งออกของไทยมีมูลค่า 34,331.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน ของปีก่อนหน้าร้อยละ 19.3 ส่งผลให้ดุลการค้าของไทยตลอดทั้งปี พ.ศ. 2549 เกินดุล เป็นมูลค่า 3,100.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ (เทียบกับปี พ.ศ. 2548 ที่ไทยขาดดุลการค้ามูลค่า 7,236.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ) ด้าน การดูแลตลาดและราคาสินค้าเกษตร ได้กำหนดราคารับจำนำข้าวและมันสำปะหลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้เกษตรกรในการขายผลผลิต จัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ จัดทำโครงการนำร่องสำหรับสินค้ามันสำปะหลัง ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ปรับปรุงกฎระเบียบและแนว ทางปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และส่งเสริมให้ร้านค้าเข้าร่วมโครงการร้านอาหารธงฟ้า โครงการตลาดสดดีเด่น และโครงการรับประกันคุณภาพสินค้า เป็นต้น ด้านการปฏิรูปกฎหมายและกำกับดูแลการค้า ได้ทำการศึกษา ยกร่างแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อน ไข และแนวทางในการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งหรือขยายสาขาธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ และยกร่างพระราช บัญญัติประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. .... เพื่อให้การค้าเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เป็นต้น ด้านการส่งเสริมการ ค้าที่เสรี เป็นธรรม ค่อยเป็นค่อยไป และมีแนวคุ้มกัน ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อรองรับการปรับตัวของอุตสาหกรรม และเกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า และด้านการเสริมสร้างความสามารถในแข่งขัน ได้แก่ การพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs โดยเน้นการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการในภูมิภาคให้มีศักยภาพใน การประกอบธุรกิจในประเทศ และผลักดันสู่สากล สนับสนุนตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชนในภูมิภาคโดยคัดสรรและ วางแผนจัดการด้านการตลาดสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรและชุมชนต่าง ๆ ที่มีศักยภาพด้านการ ตลาดครบทุกจังหวัดเพื่อเป็นฐานข้อมูลในการส่งเสริมด้านการตลาด พัฒนาระบบโลจิสติก์การค้าเพื่ออำนวย ความสะดวกและลดต้นทุนทางการคา และพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์โดยจัดตลาดนัดทรัพย์สิน ปัญญา สำหรับแผนงานสำคัญที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป ได้แก่ การผลักดันการส่งออกให้ขยายตัวได้ ตามเป้าหมายที่วางไว้ พัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า พัฒนาระบบโลจิสติกส์ทางการค้า การวางแนวคิด โครงสร้าง และกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศในสาขาที่นักลงทุนไทยมีศักย ภาพ (outward investment) รวมถึงกำกับดูแลให้ระดับราคาสินค้ามีความเหมาะสมไม่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อระดับ เงินเฟ้อซึ่งได้กำหนดไว้ที่ร้อยละ 2.5-3.5 ในปี พ.ศ. 2550 เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
98 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ สมัยที่ 34 และการประชุมคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 41 | นร | 28/03/2549 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการ
ประชุมคณะกรรมการว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ สมัยที่ 34 ณ สหรัฐอเมริกา และการ ประชุมคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 41 ณ สวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 18-27 มกราคม 2549 โดยในส่วนของผลการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ สมัยที่ 34 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2549 คณะกรรมการ CEDAW ขอให้ไทยเร่งรัดดำเนินการในด้านต่าง ๆ อาทิ ถอน ข้อสงวนข้อ 16 ของอนุสัญญา CEDAW ซึ่งเกี่ยวกับความเสมอภาคในครอบครัวการสมรส แก้ไขกฎหมายภายใน ที่เลือกปฏิบัติทุกฉบับ และนำหลักการในอนุสัญญา CEDAW มาปรับใช้กับระบบกฎหมายภายในประเทศ เร่ง รัดการปฏิรูปกฎหมายครอบครัวที่ยังมีการเลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายที่เกี่ยวกับการหมั้น การแต่ง งาน และการหย่า เป็นต้น ส่วนการประชุมคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ ฯ ประกอบด้วย มาตรการ ทั่วไป หลักการทั่วไป ด้านสิทธิพลเมืองและเสรีภาพ ด้านสภาพแวดล้อมทางครอบครัวและการเลี้ยงดูเด็กในรูป แบบอื่น ด้านสุขภาพอนามัย ด้านการศึกษา และมาตรการปกป้องพิเศษ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
99 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในรอบ 6 เดือน (26 กุมภาพันธ์ - 26 สิงหาคม 2544) | คค | 25/09/2544 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมใน
รอบ 6 เดือน (26 กุมภาพันธ์ - 26 สิงหาคม 2544) ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานที่สนับสนุนนโยบายเร่ง ด่วนของรัฐบาล ได้แก่ การดำเนินโครงการพัฒนาที่พักริมทางหลวง (Rest Area) จัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสารและ อินเตอร์เน็ต การสนับสนุนและเตรียมความพร้อมให้รัฐวิสาหกิจในสังกัดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย รวมทั้งการดำเนินมาตรการตรวจสอบสถานีบริการขนส่งและยานพาหนะทุกประเภท และการส่ง พัสดุไปรษณีย์เพื่อปราบปรามและป้องกันยาเสพติด สำหรับการดำเนินการตามนโยบายด้านคมนาคมได้ส่งเสริม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายคมนาคม ขนส่ง และสื่อสารบนพื้นฐานของการเกื้อหนุนการผลิตการ สร้างงานและสร้างรายได้ ตลอดจนพัฒนาระบบสื่อสารโทรคมนาคมให้ทันสมัยและทั่วถึง ปรับปรุงและพัฒนา ระบบขนส่งมวลชน และเครือข่ายการคมนาคมภายในประเทศให้เชื่อมต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวด เร็ว และปลอดภัย ส่งเสริมความร่วมมือในการสร้างเครือข่ายคมนาคมขนส่งเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อ เป็นศูนย์กลางคมนาคมทางบกในภูมิภาค ส่งเสริมการพัฒนาการพาณิชยนาวีให้เป็นระบบอย่างจริงจัง สร้าง ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อการคุ้มครอง สิทธิ เสรีภาพ และความปลอดภัยของการเดินเรือทั้งทาง น้ำและทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน พัฒนาคุณภาพและปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการขนส่งทางอากาศ และสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายอื่น ๆ ได้แก่ นโยบายด้านการท่องเที่ยว การต่างประเทศ การกระจาย อำนาจ และการปฏิรูปกฎหมาย รวมไปถึงการเตรียมการรองรับเพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากราคา น้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
100 | การรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 และการรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ระยะที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 2543 (เมษายน - กันยายน 2543) ของกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 28/11/2543 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 และการรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ระยะที่ 2 ประจำปีงบ ประมาณ 2543 (เมษายน - กันยายน 2543) ของกระทรวงพาณิชย์ ประกอบด้วยส่วนที่เป็นไปตามแผน ปฏิบัติการของแผนพัฒนา ฯ จำนวน 76 งาน/โครงการ และที่ดำเนินการตอบสนองนโยบายรัฐบาล จำนวน 81 งาน/โครงการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (เกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการปฏิรูปกฎหมายที่จะส่งผลต่อระบบการค้าและขีด ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การเตรียมความพร้อมของบุคลากรในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรอง รับการบังคับใช้กฎหมายใหม่ ๆ การส่งเสริมให้ภาคเอกชนใช้มาตรการต่าง ๆ ที่รัฐสนับสนุนเพื่อขยายสัด ส่วนการส่งออกไปตลาดใหม่ รวมทั้งการดำเนินงานของศูนย์ผลักดันสินค้า ตามโครงการนำร่อง "ผู้ผลักดัน สินค้า" ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องหนังและรองเท้า เพื่อสนับสนุนและผลักดัน การส่งออก ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มสมรรถนะและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ) ไปพิจารณาดำเนินการ ต่อไป
|
.....