ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 3 จากทั้งหมด 6 หน้า แสดงรายการที่ 41 - 60 จากข้อมูลทั้งหมด 102 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
41 | แผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ 1 ปี (พฤศจิกายน 2558 - ตุลาคม 2559) และแผนการเสนอกฎหมายของหน่วยงานตามกรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินและการปฏิรูปประเทศของคณะรัฐมนตรี | นร | 03/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนการเสนอกฎหมายของหน่วยงานตามกรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดิน และการปฏิรูปประเทศของคณะรัฐมนตรี (ตุลาคม ๒๕๕๘-กรกฎาคม ๒๕๖๐) และเห็นชอบแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (พฤศจิกายน ๒๕๕๘-ตุลาคม ๒๕๕๙) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะรองประธานกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๓ (คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านระบบราชการ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และสร้างความปรองดองสมานฉันท์) เสนอ และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ ให้ส่งแผนดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบเพื่อเป็นข้อมูลด้วย ๒. เห็นชอบนโยบายการปฏิรูปกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ และให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ในการเสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรีต้องมีการตรวจสอบ “ความจำเป็นในการตราพระราชบัญญัติ” (Checklist) รวม ๑๐ ประการ อย่างเคร่งครัดด้วย รวมทั้งต้องเสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลา และบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดของเนื้อหาให้ได้ความชัดเจนและให้ได้ข้อยุติในหลักการก่อนนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี และกรณีที่ต้องมีการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลจะต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเพื่อประโยชน์ของประชาชนและของประเทศเป็นสำคัญเท่านั้น ตลอดจนต้องพิจารณาความเร่งด่วนตาม Function (ภารกิจพื้นฐาน) Agenda (ภารกิจยุทธศาสตร์ นโยบายเร่งด่วน แนวทางปฏิรูปภาครัฐ งบประมาณบูรณาการ) ที่มีผลต่อการปฏิรูปประเทศ และมีความทันสมัยและเป็นสากล รวมทั้งพิจารณาความจำเป็นในการคงอยู่ของคณะกรรมการต่าง ๆ เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายปฏิรูปที่สำคัญมีความต่อเนื่อง และการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วย ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำแนวปฏิบัติในเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติตามนโยบายการปฏิรูปกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับฝ่ายบริหารอย่างเคร่งครัดต่อไป กรณีร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรี ที่ไม่ได้เป็นไปตามแนวปฏิบัตินี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องให้ส่วนราชการไปพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติในเรื่องนี้ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้ส่วนราชการเร่งรัดดำเนินการตรากฎหมายลำดับรองทั้งในส่วนที่ต้องออกตามพระราชบัญญัติที่มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว และเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้กฎหมายลำดับรองที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างส่วนราชการพิจารณายืนยันให้ความเห็นชอบ มีผลใช้บังคับโดยเร็ว ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งดำเนินการตรวจพิจารณาร่างกฎหมาย รวม ๓ ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (การใช้ประโยชน์ที่ดินที่เหลือจากการใช้ตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืน เช่น พื้นที่สองข้างรถไฟฟ้า) และร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์พื้นที่แนวเขตทางด่วน เพื่อเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
42 | นโยบายการปฏิรูปกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร | นร | 03/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนการเสนอกฎหมายของหน่วยงานตามกรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดิน และการปฏิรูปประเทศของคณะรัฐมนตรี (ตุลาคม ๒๕๕๘-กรกฎาคม ๒๕๖๐) และเห็นชอบแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (พฤศจิกายน ๒๕๕๘-ตุลาคม ๒๕๕๙) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะรองประธานกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๓ (คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านระบบราชการ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และสร้างความปรองดองสมานฉันท์) เสนอ และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ ให้ส่งแผนดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบเพื่อเป็นข้อมูลด้วย ๒. เห็นชอบนโยบายการปฏิรูปกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ และให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ในการเสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรีต้องมีการตรวจสอบ “ความจำเป็นในการตราพระราชบัญญัติ” (Checklist) รวม ๑๐ ประการ อย่างเคร่งครัดด้วย รวมทั้งต้องเสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลา และบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดของเนื้อหาให้ได้ความชัดเจนและให้ได้ข้อยุติในหลักการก่อนนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี และกรณีที่ต้องมีการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลจะต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเพื่อประโยชน์ของประชาชนและของประเทศเป็นสำคัญเท่านั้น ตลอดจนต้องพิจารณาความเร่งด่วนตาม Function (ภารกิจพื้นฐาน) Agenda (ภารกิจยุทธศาสตร์ นโยบายเร่งด่วน แนวทางปฏิรูปภาครัฐ งบประมาณบูรณาการ) ที่มีผลต่อการปฏิรูปประเทศ และมีความทันสมัยและเป็นสากล รวมทั้งพิจารณาความจำเป็นในการคงอยู่ของคณะกรรมการต่าง ๆ เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายปฏิรูปที่สำคัญมีความต่อเนื่อง และการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วย ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำแนวปฏิบัติในเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติตามนโยบายการปฏิรูปกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับฝ่ายบริหารอย่างเคร่งครัดต่อไป กรณีร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรี ที่ไม่ได้เป็นไปตามแนวปฏิบัตินี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องให้ส่วนราชการไปพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติในเรื่องนี้ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้ส่วนราชการเร่งรัดดำเนินการตรากฎหมายลำดับรองทั้งในส่วนที่ต้องออกตามพระราชบัญญัติที่มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว และเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้กฎหมายลำดับรองที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างส่วนราชการพิจารณายืนยันให้ความเห็นชอบ มีผลใช้บังคับโดยเร็ว ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งดำเนินการตรวจพิจารณาร่างกฎหมาย รวม ๓ ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (การใช้ประโยชน์ที่ดินที่เหลือจากการใช้ตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืน เช่น พื้นที่สองข้างรถไฟฟ้า) และร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์พื้นที่แนวเขตทางด่วน เพื่อเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
43 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ระบบพลังงาน) | พน | 05/01/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง ระบบพลังงาน) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามที่กระทรวงพลังงาน และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงพลังงานให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปฯ มีดังนี้
๑. ระบบราคาเชื้อเพลิงที่มีการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม ๒. บทบาท หน้าที่ และการใช้ประโยชน์กองทุนน้ำมันเชื่อเพลิง ๓. การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการกำหนดนโยบายและการกำกับกิจการพลังงาน ๔. การพัฒนาศูนย์ข้อมูลกลางด้านพลังงาน (NEIA) ๕. การกำกับกิจการพลังงานทุกประเภทที่มีลักษณะผูกขาดโดยธรรมชาติหรือมีอำนาจเหนือตลาด ๖. การจัดตั้งกองทุนพลังงานเพื่อสังคม ๗. การจัดทำค่าพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้า ๘. การจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) ๙. การผลิตและซื้อไฟฟ้าเสรี ๑๐. การบริหารกิจการสายส่งและศูนย์ควบคุมระบบโครงข่ายไฟฟ้า (System Operator) และตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้าภายในแผน PDP 2015-2036 ๑๑. โครงข่ายระบบสายส่งไฟฟ้าในกลุ่มประชาคมอาเซียนและภูมิภาคข้างเคียง ๑๒. กองทุนพัฒนาไฟฟ้า ๑๓. การปฏิรูปการอนุรักษ์พลังงานในอาคารภาครัฐและเอกชนในระบบ ESCO และ BBC ๑๔. การปฏิรูปกฎหมายด้านพลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียน ๑๕. การปฏิรูปพลังงานชีวภาพ ๑๖. การแยกกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานออกเป็นกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และกรมอนุรักษ์พลังงาน ๑๗. ส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรี ๑๘. โครงการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||
44 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง การปฏิรูปกฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุขและร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สธ | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ [เรื่อง การปฏิรูปกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งเห็นด้วยในหลักการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุขโดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ความผิด แต่ไม่เห็นด้วยในการจัดตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข เนื่องจากที่มาของเงินกองทุนไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุนประกันสังคม กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และการจ่ายเงินอุดหนุนของรัฐบาลที่จัดสรรไว้สำหรับสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ อาจส่งผลกระทบต่อการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณและเป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดินในระยะยาว ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงหลักการการคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุขจากระบบการเยียวยาเบื้องต้นเป็นระบบการชดเชยความเสียหายมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาและสร้างระบบกรชดเชยความเสียหายให้มีประสิทธิภาพและความครอบคลุมสิทธิต่าง ๆ รวมทั้งต้องครอบคลุมสิทธิของข้าราชการ นอกจากนี้ มีข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการขยายอายุความในการฟ้องคดีแพ่งตามมาตรา ๒๗ วรรคสองแห่งร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ว่า การกำหนดกรณีดังกล่าวควรต้องพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมประกอบด้วย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงสาธารณสุขให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
45 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 12 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 30 กันยายน 2558) | นร | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๑๒ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๐ กันยายน ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ซึ่งมีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน โครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ โดยศูนย์ดำรงธรรม ๒. การปฏิรูปประเทศ ในห้วง ๑ ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการที่ถือว่าเป็นการปฏิรูปงานที่สำคัญ ได้แก่ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ การปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูปเพื่อการลดความเหลื่อมล้ำ การปฏิรูปด้านเศรษฐกิจ การเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการบริหารงานภาครัฐ การปฏิรูประบบงบประมาณ การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน การปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมและการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และการดำเนินการอื่น ๆ ได้แก่ แต่งตั้ง “Mister ปฏิรูป” ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูป และจัดทำเว็บไซต์ “การปฏิรูปประเทศไทย” ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน การบริหารเศรษฐกิจ การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
|
||||||||||||||||||||||||
46 | รายงานสรุปผลการรับฟังข้อพิจารณาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) | พณ | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสรุปผลการรับฟังข้อพิจารณาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยกับหลักการในการปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้า และร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ แต่มีข้อสังเกตในประเด็น (๑) การกำหนดให้รัฐวิสาหกิจอยู่ใต้ภายใต้บังคับของกฎหมาย และ (๒) ความเป็นอิสระในการบังคับใช้กฎหมายและความมีประสิทธิภาพในการใช้กฎหมาย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งรายงานสรุปผลการรับฟังข้อพิจารณาและข้อเสนอแนะดังกล่าวตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
47 | ขออนุมัตินโยบายเร่งด่วนภายใต้แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2558 - 2561 และร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2559 - 2562 | ยธ | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนภายใต้แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ รวม ๖ ด้าน ได้แก่ การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้แก่ประชาชน การบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ การพัฒนางานให้บริการของหน่วยงานของรัฐให้มีประสิทธิภาพ การแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิดและการช่วยเหลือดูแลผู้พ้นโทษ การพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางเลือก และการป้องกันอาชญากรรมให้มีประสิทธิภาพ ๑.๒ ร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ เพื่อใช้เป็นกรอบกำหนดนโยบาย จัดทำแผนยุทธศาสตร์ แนวทางการดำเนินงาน รวมทั้งแผนงาน โครงการ และงบประมาณของแต่ละหน่วยงานให้มีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ๒. หากมีภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นเพื่อดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนและแผนแม่บทดังกล่าว ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ไปพิจารณาในประเด็นความซ้ำซ้อนของอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติที่เสนอขอแก้ไขกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการด้านกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓ และคณะกรรมการพัฒนากฎหมายตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นต้น แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
48 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ (แผนปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม)] | สผ | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานเรื่อง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ (แผนปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยมีสาระสำคัญเพื่อให้การปฏิรูปกฎหมายและการจัดทำกฎหมายสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพเป็นไปตามเจตนารมณ์ มีความยุติธรรม และเป็นที่ยอมรับ การทำงานขององค์กรที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมสามารถดำเนินการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนได้อย่างมาตรฐานสากล นโยบายของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีความสอดคล้องกับสภาพสังคมในปัจจุบัน กระบวนการบำบัด ฟื้นฟู ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด ตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการบำบัดฟื้นฟูอย่างแท้จริง และการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเป็นไปอย่างเด็ดขาดและมีประสิทธิภาพ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. แจ้งข้อเสนอแนะตามรายงานเรื่อง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ (แผนปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม) ดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและสำนักงานอัยการสูงสุดทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
49 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ข้อเสนอการปฏิรูปพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553) | สผ | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเรื่อง การปฏิรูปพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เกี่ยวกับการปฏิรูปกฎหมายกำกับดูแลสื่อ (พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓) โดยเน้นปฏิรูปการกำกับดูแลให้สอดคล้องกับพัฒนาการของเทคโนโลยีและภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมุ่งเปลี่ยนแปลงองค์กรกำกับที่มีอยู่เดิมในลักษณะปฏิรูปตัวองค์กรเชิงโครงสร้าง และเปลี่ยนแปลงวิธีใช้กฎหมายและการทำงานขององค์กร โดยยึดประโยชน์สาธารณะและประชาชนเป็นศูนย์กลาง และมอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
50 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ระบบพลังงาน) | สผ | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง ระบบพลังงาน ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอการปฏิรูป ดังนี้
๑. ระบบราคาเชื้อเพลิงที่มีการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม ๒. บทบาท หน้าที่ และการใช้ประโยชน์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ๓. การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการกำหนดนโยบาย และการกำกับกิจการพลังงาน ๔. การพัฒนาศูนย์ข้อมูลกลางด้านพลังงาน (NEIA) ๕. การกำกับกิจการพลังงานทุกประเภทที่มีลักษณะผูกขาดโดยธรรมชาติหรือมีอำนาจเหนือตลาด ๖. การจัดตั้งกองทุนพลังงานเพื่อสังคม ๗. การจัดทำค่าพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้า ๘. การจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) ๙. การผลิตและซื้อขายไฟฟ้าเสรี ๑๐. การบริหารกิจการสายส่งและศูนย์ควบคุมระบบโครงข่ายไฟฟ้า (System Operator) และตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้าภายในแผน PDP 2015-2036 ๑๑. โครงข่ายระบบสายส่งไฟฟ้าในกลุ่มประชาคมอาเซียน และภูมิภาคข้างเคียง ๑๒. กองทุนพัฒนาไฟฟ้า ๑๓. การปฏิรูปการอนุรักษ์พลังงานในอาคารภาครัฐและเอกชนในระบบ ESCO และ BEC ๑๔. การปฏิรูปกฎหมายด้านพลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียน ๑๕. การปฏิรูปพลังงานชีวภาพ ๑๖. การแยกกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานออกเป็นกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และกรมอนุรักษ์พลังงาน ๑๗. โครงการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรี ๑๘. โครงการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||
51 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชนด้วยแนวคิด เมืองนิเวศ) | สผ | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชนด้วยแนวคิดเมืองนิเวศ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. ประเด็นหลัก คือ การปฏิรูปเมืองอุตสาหกรรมในประเทศไทยให้เป็นเมืองนิเวศอุตสาหกรรม (หรือเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ : Eco-industrial town) ๒. ประเด็นรอง คือ การปฏิรูปการวางผังเมืองในเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การปฏิรูปองค์กรรับผิดชอบเมืองนิเวศอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการบริหารจัดการ และการปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
|
||||||||||||||||||||||||
52 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง การปฏิรูปกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุขและร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สผ | 15/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง การปฏิรูปกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุขและร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... มีขึ้นเพื่อให้การแก้ไขเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการรับบริการสาธารณสุขมีความรวดเร็วและมีความเป็นธรรม โดยการจัดตั้งกองทุนเพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อการพัฒนาระบบความปลอดภัยและป้องกันผลกระทบจากการรับบริการสาธารณสุข เพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบที่จะเกิดจากการบริการสาธารณสุขให้น้อยที่สุด และให้ศาลสามารถใช้ดุลพินิจในการบรรเทาโทษหรือไม่ลงโทษผู้ให้บริการสาธารณสุขในกรณีที่ถูกฟ้องคดีอาญาข้อหาการกระทำโดยประมาท ๒. ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีขึ้นเพื่อไม่ให้ภารกิจในการจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุขซ้ำซ้อนกับภารกิจในการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ และพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติมการจัดสรรเงินเพื่อส่งให้กองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข และยกเลิกภารกิจเกี่ยวกับการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น
|
||||||||||||||||||||||||
53 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้า และร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ....) | สผ | 08/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอเรื่อง การปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้า และร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะเพื่อปฏิรูป ๔ องค์ประกอบ ที่จำเป็นต่อการบังคับใช้กฎหมาย สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สาระของกฎหมาย โดยปรับปรุงหรือกำหนดบทนิยาม หลักเกณฑ์ ระเบียบ และแนวปฏิบัติให้ชัดเจน ครบถ้วน มีสภาพบังคับตามกฎหมายและยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพการประกอบธุรกิจในอนาคต ๑.๒ ขอบเขตการบังคับใช้กฎหมาย ให้มีความเสมอภาคกับผู้ประกอบธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชน และขยายขอบเขตให้ครอบคลุมการกระทำผิดนอกประเทศที่ส่งผลต่อภาวการณ์แข่งขันภายในประเทศ ๑.๓ ผู้บังคับใช้กฎหมาย โดยการปรับโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า รวมทั้งกำหนดระเบียบปฏิบัติหรือหลักเกณฑ์การดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ๑.๔ การสืบสวนการดำเนินคดีและบทลงดทษโดยการใช้อำนาจคณะกรรมการในการกำหนดโทษปรับและ/หรือให้ฟ้องคดีอาญาและค่าสเยหายต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากมีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านธุรกิจทางการค้า และปรับบทลงโทษให้เหมาะสม ๒. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประะทศ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
54 | รายงานผลการปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ประจำปี พ.ศ. 2557 | สว | 25/08/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (สำนักงาน คปก.) รายงานผลการปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓ การติดตามการดำเนินงานของ คปก. รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคบางประการในการดำเนินการตามภารกิจของ คปก. ในรอบปีที่ผ่านมา และข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑. หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลและจัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการยกร่างกฎหมาย รวมทั้งเนื้อหาร่างกฎหมายที่จะนำไปสู่การพิจารณาในกระบวนการนิติบัญญัติ โดยเฉพาะสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมตลอดถึงกระทรวง หน่วยงานรัฐต่าง ๆ เป็นต้น ๒. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับความเห็นและข้อเสนอแนะของ คปก. โดยนำความเห็นและข้อเสนอแนะของ คปก. ไปประกอบในการพิจารณาร่างกฎหมาย ๓. กระบวนการนิติบัญญัติต้องให้ความสำคัญกับร่างกฎหมายเข้าชื่อของประชาชนเป็นลำดับต้น ๆ ในการพิจารณาร่างกฎหมายเพื่อออกเป็นกฎหมายต่อไป และในกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายควรรับฟังเสียงประชาชนที่มีส่วนได้เสียหรือที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณาด้วย ๔. ปรับเปลี่ยนฐานคิดวิธีการจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับภารกิจของ คปก. เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามอำนาจหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||
55 | สรุปผลการเข้าร่วมการประชุม Saint Petersburg International Legal Forum ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 27 - 30 พฤษภาคม 2558 ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย | ยธ | 21/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเข้าร่วมการประชุม Saint Petersburg International Legal Forum ครั้งที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๒๗-๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย โดยมีพลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุมแบบเต็มคณะ เป็นการประชุมที่มุ่งเน้นให้มีการพัฒนาโครงสร้างกฎหมายใหม่ ๆ เพื่อที่จะสนับสนุนให้มีระบบกฎหมายที่ดีในการปฏิบัติงาน รวมทั้งปรับเปลี่ยนแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยเหมาะกับยุคปัจจุบัน โดยคงไว้ซึ่งข้อบังคับและเงื่อนไขทั่วไป โดยรัสเซียให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดจากอินเทอร์เน็ต และเห็นว่าการแก้ปัญหาไม่สามารถลุล่วงได้ หากขาดซึ่งความร่วมมือระหว่างประเทศ จึงได้ขอความร่วมมือจากรัฐบาลทุกประเทศให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการใช้อินเทอร์เน็ต และจัดให้มีกฎระเบียบในการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ รัสเซียยังวางแผนที่จะพัฒนาความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ รวมทั้งจีน โดยการผสมผสานรวมกลุ่มเศรษฐกิจยูเรเซียกับแนวเขตเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมซึ่งจะนำไปสู่การทบทวนความสัมพันธ์กับประเทศในสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ต่อไป ๒. การประชุมแบบกลุ่มย่อย ผู้แทนกระทรวงยุติธรรมได้นำเสนอความก้าวหน้าในการปฏิรูปกฎหมายไทย โดยมุ่งชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของยาเสพติดต่อระบบยุติธรรมทางอาญาของไทย และมีความจำเป็นที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน จึงได้มีการปรับแก้กฎหมาย จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับยาเสพติด และร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์เพื่อมุ่งแก้ปัญหาปริมาณนักโทษที่เพิ่มขึ้นในเรือนจำ ซึ่งร้อยละ ๖๙ เป็นผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๒๒ ๓. การหารือทวิภาคี ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรัสเซีย เพื่อสอบถามความประสงค์ในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกัน รวมทั้งติดตามความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ติดค้างระหว่างกัน อาทิ ความตกลงว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมไทยและรัสเซีย ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติดวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและสารตั้งต้น เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
56 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 20/2558 เรื่อง ระงับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อเสนอชื่อเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมาย | สลธ.คสช. | 21/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๐/๒๕๕๘ เรื่อง ระงับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อเสนอชื่อเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ให้ระงับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อเสนอชื่อเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมายตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓ ไปจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ๒. ให้กรรมการปฏิรูปกฎหมายที่อยู่ในตำแหน่งจนครบวาระไปแล้ว แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓ พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับ ๓. ในระหว่างที่ยังไม่มีคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ให้สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||
57 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 6 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 31 มีนาคม 2558) | นร | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๖ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน โครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เป็นต้น และจากการประเมินผลสำเร็จในการดำเนินงาน ขณะนี้ไม่มีปัญหาความขัดแย้งรุนแรงถึงแม้ว่าได้มีการยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกไปแล้ว แต่ยังมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ควบคุมการชุมนุมอยู่ ๒. การปฏิรูปประเทศ สภาปฏิรูปแห่งชาติได้พิจารณาเรื่องที่สำคัญและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนในหลายเรื่อง เช่น การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย การปฏิรูประบบผังเมืองและการใช้พื้นที่เพื่อรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แนวทางการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเห็นควรให้กำหนดเป็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ แนวทางการแก้ไขและข้อเสนอในการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างเป็นรูปธรรม การปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม โดยการปรับปรุงแนวทางบริหารองค์กรก่อนชั้นศาลให้เหมาะสม รวมถึงกรอบแนวคิดในการปฏิรูประบบสาธารณสุข และกรอบแนวคิดในการปฏิรูประบบภาษีอากร ซึ่งรัฐบาลควรจะต้องให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสุนนการดำเนินการที่ผ่านการพิจารณาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เป็นต้น ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่ (๑) การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ (๒) การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ (๓) การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม (๔) การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม (๕) การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน (๖) การบริหารเศรษฐกิจ (๗) การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน (๘) การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ (๙) การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน (๑๐) การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และ (๑๑) การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
|
||||||||||||||||||||||||
58 | รายงานผลการปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ประจำปี พ.ศ. 2556 | อื่นๆ | 14/10/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๑ การสำรวจ ศึกษา และวิเคราะห์ทางวิชาการ วิจัยและสนับสนุนการวิจัย จำนวน ๙ เรื่อง ประกอบด้วย โครงการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสถานภาพสตรี จำนวน ๓ เรื่อง โครงการจ้างเหมาผู้เชี่ยวชาญ จำนวน ๒ เรื่อง โครงการศึกษาตามแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของ คปก. จำนวน ๒ เรื่อง และโครงการการศึกษาเกี่ยวกับแรงงานอาเซียน จำนวน ๒ เรื่อง ๑.๒ การเสนอความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะ ต่อคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา เกี่ยวกับแผนการให้มีกฎหมายการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ร่างกฎหมาย โดยพิจารณาจากการศึกษาวิจัยทางวิชาการ ภาพรวมของกฎหมาย บริบทของสังคมและประเทศ ความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสำคัญ จำนวนรวมทั้งสิ้น ๒๕ เรื่อง เป็นความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติ/พระราชบัญญัติ จำนวน ๑๘ เรื่อง ความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน ๓ เรื่อง เป็นความเห็นต่อกฎหมายรอง จำนวน ๒ เรื่อง และความเห็นต่อกลุ่มของกฎหมายในเรื่องนั้น ๆ จำนวน ๒ เรื่อง ๑.๓ การให้คำปรึกษาและสนับสนุนการดำเนินการในการร่างกฎหมายของประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีการดำเนินการเกี่ยวกับร่างกฎหมายของภาคประชาชนและสนับสนุนการร่างกฎหมายของภาคประชาชน จำนวน ๒๙ ฉบับ อยู่ในขั้นรอลงมติในสภาผู้แทนราษฎร จำนวน ๑ ฉบับ อยู่ในกระบวนการของสภาผู้แทนราษฎร จำนวน ๗ ฉบับ อยู่ระหว่างรอนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้คำรับรอง จำนวน ๑๒ ฉบับ และอยู่ในกระบวนการตรวจสอบเอกสาร จำนวน ๙ ฉบับ ๑.๔ การออกระเบียบและประกาศ คปก. เกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน ฯลฯ จำนวนรวม ๑๐ ฉบับ ๒. การติดตามการดำเนินงานและประเมินผลการดำเนินการของ คปก. ๒.๑ ตามเป้าหมาย นโยบาย และแผนโครงการและมาตรการ กำหนดตัวชี้วัด คือ ร่างกฎหมายที่มีการเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแผนการให้มีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย จำนวน ๑๘ เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๒๔ เรื่อง เกินกว่าเป้าหมายตามตัวชี้วัดที่วางไว้ ๒.๒ การติดตามสถานภาพของร่างกฎหมายที่ คปก. ได้ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะทั้งต่อร่างกฎหมาย/แนวทางการพัฒนากฎหมาย/กฎหมายที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย จำนวน ๕๘ เรื่อง เสนอในปี ๒๕๕๕ จำนวน ๓๓ เรื่อง และเสนอในปี ๒๕๕๖ จำนวน ๒๕ เรื่อง ๒.๓ ผลการดำเนินการจากความเห็นและข้อเสนอแนะฯ ที่ คปก. ได้ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา พบว่า ๒.๓.๑ มีการตราเป็นกฎหมายโดยการประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จำนวนทั้งสิ้น ๑๑ ฉบับ เป็นพระราชบัญญัติ จำนวน ๑๐ ฉบับ เป็นระเบียบ จำนวน ๑ ฉบับ โดยนำเอาความเห็นและข้อเสนอแนะของ คปก. ไปใช้ในบางมาตราในบางฉบับ ๒.๓.๒ มีการชะลอการออกกฎกระทรวง จำนวน ๑ ฉบับ ซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอแนะของ คปก. ๒.๓.๓ ร่างกฎหมายที่ผ่านกระบวนการทางนิติบัญญัติ/อยู่ในกระบวนการนิติบัญญัติ แต่ในที่สุดไม่มีการตราเป็นกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ได้ จำนวน ๕ ฉบับ เป็นร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๓ ฉบับ และเป็นร่างรัฐธรรมนูญ (แก้ไขมาตรา ...) จำนวน ๒ ฉบับ อันสอดคล้องกับความเห็นของ คปก. ที่ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาสาระของกฎหมายดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
59 | การจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายพัฒนากฎหมายเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน | ยธ | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายพัฒนากฎหมายเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ ๑.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำกรอบแนวทางการพัฒนากฎหมาย ๓ ด้าน ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ได้แก่ กรอบที่ ๑ การพัฒนากฎหมายที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานในการประกอบธุรกิจเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันอันเป็นการทั่วไป กรอบที่ ๒ การพัฒนากฎหมายเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มธุรกิจ/อุตสาหกรรมเป้าหมาย และกรอบที่ ๓ การพัฒนาองคาพยพ/ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ไปใช้เป็นแนวทางการปฏิรูปกฎหมายในกรอบยุทธศาสตร์ประเทศ (Country Strategy) ๑.๓ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาจัดช่องทางพิเศษสำหรับการพิจารณาและผลักดันร่างกฎหมายทั้งในกรอบของรัฐบาลและกรอบของรัฐสภา โดยในกรอบของรัฐบาลควรจัดช่องทางพิเศษสำหรับร่างกฎหมายที่จะได้รับการตรวจพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และขอความร่วมมือให้มีการพิจารณาโดยคณะพิเศษของคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้ร่างกฎหมายผ่านไปตามวัตถุประสงค์และทันตามระยะเวลาที่กำหนด และพิจารณาแนวทางร่วมมือเพื่อให้รัฐสภากำหนดเป็นวาระเร่งด่วน และจัดกลไกเฉพาะในการดูแลให้ความเห็นชอบต่อร่างกฎหมายตามแผนงานโดยเร็ว ๒. ให้ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายพัฒนากฎหมายเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยเพิ่มอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นกรรมการ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และกำหนดให้มีเฉพาะหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. |
||||||||||||||||||||||||
60 | รายงานสรุปผลการประชุมประจำปี 2556 เรื่อง เส้นทางประเทศไทย....สู่ประชาคมอาเซียน | นร11 | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมประจำปี ๒๕๕๖ เรื่อง เส้นทางประเทศไทย...สู่ประชาคมอาเซียน เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๖ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อติดตามความก้าวหน้า ปัญหา และอุปสรรคของการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในมิติต่าง ๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปความคิดเห็นของวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๑ การพัฒนาการศึกษาที่ต้องส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง และการปรับเปลี่ยนระบบการประเมินคุณภาพจากการประเมินเฉพาะด้านวิชาการอย่างเดียว เป็นการประเมินที่ครบทั้งการพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ๑.๒ การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาให้มากขึ้นเพื่อใช้ประกอบการดำเนินงานในกิจการภาครัฐ สร้างนวัตกรรม และพัฒนาสินค้าและบริการให้มีมูลค่าสูงขึ้น ๑.๓ การสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย ๑.๔ การพัฒนาคนทั้งด้านองค์ความรู้และทักษะการทำงานควบคู่ไปกับการเร่งสร้างความปรองดองของคนในชาติ ๒. สรุปความเห็นร่วมกันจากการประชุมกลุ่มย่อย ๒.๑ กลุ่มที่ ๑ : การเตรียมความพร้อมด้านการเงิน การคลัง และการค้าการลงทุนเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ได้แก่ การวางบทบาทหรือตำแหน่ง (Positioning) ของประเทศ และการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาที่มีความเชื่อมโยงระหว่างท้องถิ่น ประเทศ และโลก การปรับปรุงกฎ ระเบียบ และโครงสร้างภาษีที่เป็นอุปสรรคต่อการค้า การผลิต และการลงทุนให้เหมาะสมและเอื้อต่อการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว การให้ความสำคัญกับการค้าชายแดน และการอำนวยความสะดวกทางการค้า การกำหนดนโยบายการส่งเสริมการลงทุนของไทยในต่างประเทศเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีศักยภาพ การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรทั้งในภาครัฐ ภาคการผลิต และภาคบริการ อย่างเหมาะสมและตรงตามความต้องการ การเฝ้าระวังและติดตามผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งเตรียมมาตรการเพื่อรองรับและบริหารจัดการผลกระทบ และการสร้างความร่วมมือกับประเทศนอกกลุ่มอาเซียนในการพัฒนาประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางทางด้านการเงินและการบริการในอนุภูมิภาค ๒.๒ กลุ่มที่ ๒ : สร้างสังคมผู้ประกอบการไทยก้าวอย่างมั่นใจสู่ประชาคมอาเซียน ได้แก่ การเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการ โดยคำนึงถึงการปรับแบบแผนธุรกิจด้วยการปรับปรุงผลิตภาพและลดต้นทุน หรือปรับปรุงกระบวนการผลิตโดยเลือกผลิตสินค้าและบริการที่มีความเชี่ยวชาญ การเร่งพัฒนาทักษะและความรู้ที่หลากหลายเพื่อยกระดับศักยภาพและสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ การสนับสนุนผู้ประกอบการโดยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทั้งระบบ และการพัฒนาต่อยอดด้านการศึกษาเพื่อให้เป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ และการส่งเสริมสินค้าไทยที่มีศักยภาพการแข่งขันสูงอยู่แล้ว ต้องมีการปรับตัวโดยนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แข่งขันได้ ๒.๓ กลุ่มที่ ๓ : สร้างสรรค์สังคมไทยสู่ประชาคมอาเซียน ได้แก่ การกระตุ้นให้สังคมไทยตื่นตัวและสร้างภูมิคุ้มกันให้สามารถเผชิญการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดเสรีด้านต่าง ๆ ทั้งเงินทุน สินค้า บริการ และแรงงาน เพื่อมิให้คนไทยตกเป็นเหยื่อของภัยคุกคามที่มากับกระแสการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว การให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับการลงทุนระยะยาวเพื่อพัฒนาคุณภาพคน โดยต้องปฏิรูปวิธีเรียนการสอนให้นักเรียนรู้จักคิด วิเคราะห์และสังเคราะห์ มีความต้องการใฝ่เรียนรู้ที่จะนำไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต การสร้างจิตสำนึกที่ดี เป็นคนดีมีคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งเป็นพื้นฐานการสร้างสังคมที่ดีและสร้างภูมิคุ้มกันให้สังคม การเน้นให้สมาชิกอาเซียนสร้างค่านิยมร่วม การเห็นประโยชน์ส่วนรวมและการเปิดใจกว้างยอมรับคนอื่นเพื่อลดความแตกแยกของสังคม และการมีระบบคุ้มครองทางสังคมให้กับคนไทยและประชาชนอาเซียนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ๒.๔ กลุ่มที่ ๔ : การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานสู่อาเซียน ได้แก่ การเร่งรัดการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบเพื่อการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและบริการให้สามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานได้เต็มศักยภาพ การพัฒนาเชิงพื้นที่รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งในเมืองหลักและเมืองชายแดน การส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดความต้องการพลังงานในอนาคตบางส่วนที่ต้องจัดหาแหล่งพลังงานจากต่างประเทศและสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และการสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งภายในประเทศและในประเทศเพื่อนบ้าน ๒.๕ กลุ่มที่ ๕ : การเตรียมความพร้อมระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเพื่อรองรับประชาคมอาเซียน ได้แก่ บทบาทการพัฒนาเป็นศูนย์กลางการบริการหลัก บทบาทการพัฒนาตามแนวระเบียงเศรษฐกิจ บทบาทการพัฒนาเมืองชายแดนในแต่ละภูมิภาคที่มีเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน บทบาทการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และบทบาทการพัฒนาเป็นเครือข่ายสนับสนุนเชื่อมโยงกับเมือง ๒.๖ กลุ่มที่ ๖ : สู่ประชาคมอาเซียน : บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างไรให้ยั่งยืน ได้แก่ การปฏิรูปกฎหมายและกฎ ระเบียบต่าง ๆ ในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีการปรับประสานกฎ ระเบียบ และกฎหมายการป้องกันคุณภาพสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน การนำเสนอปัญหาด้านการท่องเที่ยวให้เป็นวาระแห่งชาติ และการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและการบริโภคอย่างยั่งยืนให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง การสร้างกลไกภาคประชาชน ประชาสังคม และนักวิชาการให้เข้ามามีส่วนร่วมในการติดตาม ตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบสารสนเทศฐานข้อมูลและเทคโนโลยีการติดตามตรวจสอบที่ทันสมัย และภาครัฐควรเป็นผู้นำในการสนับสนุน การสร้างจิตสำนึกด้านการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศสมาชิกอาเซียน
|
.....