ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 18/07/2560 | ||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการสำรวจปริมาณความต้องการใช้ยางพาราภายในหน่วยงาน เพื่อจัดทำแผนสำหรับการเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อยางพารา นั้น ให้หน่วยงานที่แจ้งความจำนงจะใช้ยางพาราในภารกิจของตนเองเร่งดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อกระตุ้นการรับซื้อยางพาราภายในประเทศ สำหรับหน่วยงานใดที่จำเป็นต้องขอใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้ประสานกับสำนักงบประมาณและเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป เพื่อให้สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้ทันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งให้การยางแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพราคายางพาราให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย เพื่อเป็นกลไกกำกับให้ราคายางพาราอยู่ในระดับที่เหมาะสมและมีความยั่งยืนในระยะยาวต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดพันธุ์เอ็มดีทู (MD2) ที่กำลังประสบปัญหาสับปะรดพันธุ์ดังกล่าวล้นตลาดที่มีสาเหตุหลักจากการขาดตลาดรองรับที่ชัดเจน ผลผลิตโดยรวมยังไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน และมีราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง ๑.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากผลผลิตทางการเกษตรชนิดต่าง ๆ เช่น การร่วมมือกับกระทรวงพลังงานเพื่อนำปาล์มน้ำมันไปใช้ในการผลิตไบโอดีเซลและส่งเสริมให้มีการใช้ไบโอดีเซลให้มากยิ่งขึ้น นั้น ให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยให้พิจารณาแนวทางการลดต้นทุนการผลิตไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันให้มีราคาจำหน่ายที่เหมาะสมและแข่งขันได้ ซึ่งจะทำให้เกิดแรงจูงใจให้มีการใช้ไบโอดีเซลมากขึ้นต่อไป ๑.๔ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการตรวจลงตราสำหรับผู้ประกอบการ นักลงทุน และบุคลากรจากต่างชาติ (Tech Visa) ให้ได้รับความสะดวกและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการประกอบการอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย ตอบสนองการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนนโยบายประเทศไทย ๔.๐ ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเร่งพัฒนาปรับปรุงกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง ณ ท่าอากาศยานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้นเพื่อลดระยะเวลารอตรวจและลดความแออัดของผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออกประเทศ โดยให้เร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสม กรณีกำหนดให้ผู้เดินทางเข้า-ออกประเทศ ต้องกรอกเอกสาร ตม. ๖ โดยหากสามารถยกเลิกการใช้เอกสารดังกล่าวได้กับผู้เดินทางเข้า-ออกบางประเภทโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใด ๆ ก็ให้เร่งดำเนินการด้วย เพื่อให้เกิดความสะดวก คล่องตัว และลดภาระแก่ผู้เดินทาง ๒.๒ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนเผชิญเหตุสำหรับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น ภัยพิบัติและภัยธรรมชาติต่าง ๆ (อัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย คลื่นสึนามิ) รวมทั้งเหตุการณ์อื่นที่กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่อื่นทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยดังกล่าว ทั้งนี้ การจัดทำแผนเผชิญเหตุข้างต้นให้กำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน ครบถ้วน ครอบคลุมทั้งในเรื่องข้อมูลพื้นที่จอดเฮลิคอปเตอร์บนอาคารสูง มาตรการปิดล้อมพื้นที่ในกรณีเกิดเหตุการณ์ และบัญชีข้อมูลเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ที่ต้องขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาคเอกชนด้วย แล้วให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย เร่งพิจารณาแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดต่าง ๆ เช่น ยางพารา ข้าวโพด โดยให้พิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการยึดคืนพื้นที่ป่าภายหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิต และไม่ให้มีการบุกรุกเพิ่มเติม ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการเกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ๒.๔ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการระดมกำลังจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการปลูกป่าตามศาสตร์พระราชาในพื้นที่ชุมชนที่มีความเหมาะสมให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการปลูกไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงาและการปลูกต้นไม้บริเวณใกล้แหล่งน้ำของชุมชน ๒.๕ ตามที่คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศได้มีการประชุมเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยมีการพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นการปฏิรูป ๗ ประเด็น เพื่อเตรียมไปสู่การเป็นรัฐบาล ๔.๐ ได้แก่ (๑) การปฏิรูปกฎหมาย (๒) การปฏิรูประบบตัวชี้วัดของภาครัฐ (๓) การปฏิรูปให้รัฐบาลมีความคล่องตัว (๔) การจัดการกำลังคนภาครัฐ (๕) การปฏิรูปงบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (๖) การปรับเปลี่ยนสู่รัฐบาลดิจิทัล และ (๗) การยกระดับการให้บริการภาคประชาชน นั้น ให้ทุกส่วนราชการเร่งพิจารณาทบทวนแผนการดำเนินงานของหน่วยงานว่าจะต้องมีการเตรียมการและดำเนินการในประเด็นใดบ้าง และให้พิจารณาปรับแผนการดำเนินงานของหน่วยงานให้สอดคล้องกับประเด็นการปฏิรูปดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้การเป็นรัฐบาล ๔.๐ เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมต่อไป
|
.....