ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 3 จากทั้งหมด 10 หน้า แสดงรายการที่ 41 - 60 จากข้อมูลทั้งหมด 194 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
41 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงสาธารณสุข (โครงการศูนย์การแพทย์เพื่อตอบโต้โรคอุบัติใหม่แห่งชาติบำราศนราดูร) | สธ. | 03/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงสาธารณสุข
โดยกรมควบคุมโรคนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป
โครงการศูนย์การแพทย์เพื่อตอบโต้โรคอุบัติใหม่แห่งชาติบำราศนราดูร (National
Center for Emerging and Infectious Diseases : NCEID) วงเงินทั้งสิ้น ๒,๒๒๙,๘๔๓,๐๐๐ บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน
๔๔๕,๙๖๘,๖๐๐ บาท ส่วนที่เหลือจำนวน ๑,๗๘๓,๘๗๔,๔๐๐ บาท
ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๐ ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้กรมควบคุมโรคจัดทำแผนการดำเนินการ
และยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง
สถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ
รวมถึงการดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความประหยัด
ความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มเติมรายละเอียดของกิจกรรมและวงเงินภายใต้แผนการดำเนินการให้ชัดเจน
รวมทั้งควรจัดทำแผนความต้องการครุภัณฑ์เทคโนโลยีทางการแพทย์
และประเภทของบุคลากรเฉพาะทางที่สอดคล้องกับรูปแบบการให้บริการของโครงการที่มุ่งเน้นการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อ
โรคอุบัติใหม่ และโรคติดต่อสำคัญ เพื่อให้สะท้อนถึงภาพรวมความพร้อมและกรอบวงเงินรวมของทั้งโครงการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
42 | กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2567 | นร.11 สศช | 26/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๗ วงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๓๘๐,๖๒๔ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๒๕๘,๙๘๕
ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) กรอบการลงทุนสำหรับงานตามภารกิจปกติและโครงการต่อเนื่อง วงเงินดำเนินการ
จำนวน ๑,๑๘๐,๖๒๔ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน
จำนวน ๒๐๘,๙๘๕ ล้านบาท และ (๒)
กรอบการลงทุนสำหรับการเพิ่มเติมระหว่างปี วงเงินดำเนินการ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๕๐,๐๐๐
ล้านบาท สำหรับโครงการที่ยังไม่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
และการลงทุนที่ใช้เงินงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้ดำเนินการได้เมื่อได้รับอนุมัติตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้
กำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕
ของกรอบวงเงินอนุมัติให้เบิกจ่ายลงทุน เห็นชอบให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ รวมถึงงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม งบกลาง
หรืองบประมาณที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์และวิธีการงบประมาณหรือได้รับความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณแล้ว
และปรับเพิ่มกรอบวงเงินดำเนินการและกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนให้สอดคล้องกับการอนุมัติการลงทุนเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี
เพื่อให้รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการได้ทันทีภายในปีงบประมาณ เห็นชอบให้ สศช.
โดยประธาน สศช. เป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงงบลงทุนระหว่างปีในส่วนงบลงทุน
เพื่อการดำเนินงานปกติและโครงการต่อเนื่องที่การเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว
รวมทั้งเห็นชอบข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ระดับกระทรวง และระดับรัฐวิสาหกิจ
โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดและรัฐวิสาหกิจรับข้อเสนอแนะในส่วนที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการ
และเห็นควรให้รัฐวิสาหกิจรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการลงทุนปี ๒๕๖๗
ให้ สศช. ทราบภายในทุกวันที่ ๕ ของเดือนอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะและความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส
เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง
และรับทราบประมาณการงบทำการประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ ๗๖,๗๕๖ ล้านบาท และประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี ๒๕๖๘-๒๕๗๐
ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้นที่คาดว่าจะมีการลงทุนเฉลี่ยประมาณปีละ ๓๗๖,๓๖๗ ล้านบาท และผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิเฉลี่ยประมาณปีละ ๘๓,๔๔๓ ล้านบาท ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้กระทรวงเจ้าสังกัดที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด พิจารณาแนวทางการบรรเทาปัญหาด้านสภาพคล่องให้แก่การไฟฟ้าทั้ง
๓ แห่ง
และกำกับดูแลการดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงพลังงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน
เพื่อนำไปปรับใช้ในการจัดทำกรอบและงบลงทุนฯ ในระยะต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงเจ้าสังกัดที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจเร่งรัดการดำเนินการเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจทุกแห่งในช่วงไตรมาสที่หนึ่งและไตรมาสที่สองของปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจในช่วงระหว่างการจัดทำ
(ร่าง) พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
รวมทั้งให้กระทรวงการคลังประสานกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจที่อยู่ในแผนฟื้นฟูให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
43 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 | กค. | 26/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ เฉพาะในส่วนที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้ว การบริหารหนี้ที่ครบกำหนด
และการชำระหนี้ ประกอบด้วย (๑) แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงินรวม ๑๙๔,๔๓๔.๕๓ ล้านบาท
(๒) แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงินรวม ๑,๖๒๑,๑๓๕.๒๒ ล้านบาท และ (๓) แผนการชำระหนี้
วงเงินรวม ๓๙๐,๕๓๘.๖๓ ล้านบาท ทั้งนี้ การดำเนินการตามแผนฯ หน่วยงานภายใต้แผนฯ
จะต้องดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔ แห่ง
ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ (กคช.) บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.)
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)
ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ (Debt Service Coverage Ratio : DSCR) ต่ำกว่า
๑ เท่า สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
โดยให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๔ แห่งดังกล่าวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการฯ
เช่น (๑) กคช. ควรเร่งดำเนินการตามแผนการบริหารจัดการทรัพย์สิน (Sunk Cost)
อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
และร่วมมือกับภาครัฐในการจัดทำแผนการใช้ที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การเคหะแห่งชาติ
เพื่อนำที่ดินไปใช้ในการพัฒนาโครงการในอนาคต (๒) ธพส. ควรเร่งรัดการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ
๘๐ พรรษา พื้นที่โซน C ให้มีความก้าวหน้า
ตามแผนการดำเนินงานและแผนการใช้เงิน และบริหารสินทรัพย์และหนี้สินให้มีประสิทธิภาพ
รวมทั้งพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานทั้งในด้านธุรกิจและด้านการเงิน
เพื่อเพิ่มระดับความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นในการระดมทุน (๓) รฟท.
ควรเร่งโอนทรัพย์สินให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ของ รฟท.
ให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด เพื่อให้เกิดรายได้มาชำระคืนหนี้คงค้างที่สะสม
และเร่งรัดดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ และ (๔) ขสมก. ควรเร่งรัดการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการและแผนต่าง
ๆ อย่างครบถ้วน และจัดทำแผนดังกล่าวเป็นตัวชี้วัด (KPI) ของ
ขสมก. และมีการจัดการข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารหนี้สาธารณะที่ถูกต้อง ครบถ้วน
และทันสมัย ไปดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ขอให้ รฟท. และ ขสมก.
เร่งรัดการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการของหน่วยงานเพื่อเพิ่มรายได้ให้เพียงพอสำหรับการชำระหนี้และเพื่อทำให้ฐานะทางการเงินของหน่วยงานดีขึ้นตามข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ
รวมทั้งให้ รฟท. และ ขสมก.
รายงานความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการตามแผนพื้นฟูกิจการของหน่วยงานต่อคณะกรรมการ
ฯ เพื่อทราบต่อไป ๑.๓
อนุมัติการกู้เงินเฉพาะในส่วนที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้ว
ในส่วนของรัฐบาลสำหรับการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
มาตรา ๗
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
(กองทุน Financial Institutions Development Fund :
FIDF) พ.ศ. ๒๕๔๑ และมาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุน
FIDF ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕
รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเฉพาะในส่วนที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้วเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๗ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน
เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกัน
และการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้
หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการกำกับ
ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจทั้ง ๔ แห่ง ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
การเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนด
การให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการจัดเก็บรายได้
การจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระหนี้คืนต้นเงินกู้ให้มากขึ้น และการดำเนินนโยบายการคลังและการบริหารเงินกู้ที่ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังรอบคอบ
รวมทั้งการติดตามการดำเนินงานตามแนวทางการแก้ไขปัญหาขององค์กรหรือแผนพื้นฟูกิจการของรัฐวิสาหกิจที่มีความจำเป็นต้องกู้เงิน
แต่มีผลการดำเนินงานที่ไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ความสามารถในการชำระหนี้ตามระเบียบคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
44 | ปรับปรุงการมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 26/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติปรับปรุงการมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ และการกำกับดูแลการบริหารงบประมาณรายจ่ายบูรณาการประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๑๐ แผนงาน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
45 | รัฐบาลโรมาเนียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งโรมาเนียประจำประเทศไทย (นางดานีเอลา-บรึนดูชา เบอเซอวัน) | กต. | 26/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางดานีเอลา-บรึนดูชา เบอเซอวัน (Mrs. Daniela-Brindusa Bazavan)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งโรมาเนียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายบ็อกดัน บาเดีย (Mr. Bogdan
Badea) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
46 | การบริจาคเงินอุดหนุนตามความสมัครใจให้แก่ศูนย์ทุ่นระเบิดภูมิภาคอาเซียน | กต. | 26/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้ไทยบริจาคเงินอุดหนุนสำหรับศูนย์ทุ่นระเบิดภูมิภาคอาเซียน
(ศูนย์ ARMAC) เป็นเวลา ๓ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวนปีงบประมาณละ ๑๐,๐๐๐
ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๔๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๓๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเบิกจ่ายเงินอุดหนุนดังกล่าว จากงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
47 | รัฐบาลสาธารณรัฐเเห่งสหภาพเมียนมาเสนอขอแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ จังหวัดเชียงใหม่ (นายมีง จอ ลีน) | กต. | 26/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมีง จอ ลีน (Mr. Ming Kyaw Linn)
ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ จังหวัดเชียงใหม่
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน
พะเยา แพร่ และอุตรดิตถ์ สืบแทน นายออง จอ ลีน (Mr. Aung Kyaw Linn) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
48 | ขออนุมัติวงเงินงบประมาณก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณที่ที่หยุดรถบ้านฉิมพลี | อส. | 26/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานอัยการสูงสุดสามารถดำเนินการเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย
บริเวณที่ที่หยุดรถบ้านฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร แปลงที่ ๑
ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๘๑
กำหนดอายุสัญญาเช่าเป็นระยะเวลา ๑๕ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๘๑ วงเงินทั้งสิ้น ๑๑๐,๓๕๔,๗๙๗ บาท ตามนัยมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นกรณีเฉพาะราย
และยกเว้นการปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ กรณีมีเหตุความจำเป็นที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดิน ที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๖,๐๒๖,๖๔๕ บาท ให้ใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ประกาศใช้บังคับ แล้วแต่กรณี ส่วนภาระงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ
ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีให้ครบถ้วนตามวงเงินในสัญญาเช่าที่ดินตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบบประมาณ
และให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการใช้เงินดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
และให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยเคร่งครัด
ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
49 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | คค. | 18/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๔ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ กันยายน ๒๕๖๖)
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.
นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร เจริญศรี) ๒.
นายสรพันธ์ คุณากรวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร เจริญศรี)] ๓. นายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายสุรพงษ์
ปิยะโชติ)
๔. นางสาวณภัทรา กมลรักษา ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
(นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ)]
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
50 | การมอบหมายผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม | คค. | 18/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ๒. นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
51 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายนพดล พลเสน) | ทส. | 18/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายนพดล พลเสน เป็นข้าราชการการเมือง ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ กันยายน ๒๕๖๖) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
52 | การขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจัดสรรให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดที่รับโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อจ่ายเป็นเงินเดือน สวัสดิการ (ค่าเช่าบ้าน ค่าเล่าเรียนบุตร และค่าใช้จ่ายอื่น) ของบุคลากรที่ถ่ายโอนที่รับการจัดสรรไม่เพียงพอ | มท. | 18/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด ในฐานะหน่วยรับงบประมาณ
ดำเนินรายการเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนการถ่ายโอนบุคลากร จำนวน ๔๘ จังหวัด
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔๙๗,๐๖๔,๘๘๓ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ ขอให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด
ในฐานะหน่วยรับงบประมาณปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
53 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการของการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย (Conference on Interaction and Confident Building Measures in Asia: CICA) | กต. | 18/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสาร
จำนวน ๓ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) ร่างมติการประชุมระดับรัฐมนตรี CICA เกี่ยวกับแผนงานการเปลี่ยนผ่านของ CICA (Draft Decision of the
CICA Ministerial Council on a Road Map for CICA Transformation) (๒)
ร่างแผนงานสำหรับการเปลี่ยนผ่านของ CICA (Draft Road Map for CICA
Transformation) และ (๓) ร่างถ้อยแถลงของที่ประชุมระดับรัฐมนตรี CICA
ด้านการส่งเสริมงานอาสาสมัครเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Draft
CICA Ministerial Council Statement on Promoting Volunteerism for Sustainable
Development) และอนุมัติให้ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการของการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย
(Conference on Interaction and Confident Building Measures in Asia :
CICA) ที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๖
ในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๘ ณ นครนิวยอร์ก
สหรัฐอเมริกา ร่วมรับรองร่างเอกสารทั้ง ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
54 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ฯลฯ จำนวน 24 ราย) | มท. | 18/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒๔ ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการปกครอง ๓. นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ๔. นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๕. นายสนั่น พงษ์อักษร ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายชลธี ยังตรง ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา สำนักงานปลัดกระทรวง ๗. นายสุภกิณห์ แวงชิน ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานปลัดกระทรวง ๙. นายทวี เสริมภักดีกุล ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๐. นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๑. นายภาสกร บุญญลักษม์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๒. นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๓. นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๔. นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๕. นายอำพล พงศ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๖. นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๗. นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๘. นายสมนึก พรหมเขียว ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๙. นายศักระ กปิลกาญจน์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๐. นายผล ดำธรรม ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๑. นายบัญชา เชาวรินทร์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๒. นายเจษฎา จิตรัตน์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๓. นายพิริยะ ฉันทดิลก ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๔. นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
55 | การยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและสัญชาติคาซัคสถาน เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว | กต. | 13/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการในการกำหนดให้
“สาธารณรัฐประชาชนจีน” และ “สาธารณรัฐคาซัคสถาน”
เป็นรายชื่อประเทศในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
เพื่อการท่องเที่ยวเป็นกรณีพิเศษ และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินสามสิบวัน
โดยมีเงื่อนไขให้มีผลใช้บังคับชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๖ ถึงวันที่
๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อมิติเศรษฐกิจและการต่างประเทศกับสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐคาซัคสถานในภาพรวม
โดยเฉพาะความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนสองประเทศที่เป็นรากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒
เห็นชอบหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง
ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เพื่อการท่องเที่ยวเป็นกรณีพิเศษ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยแก้ไขรายชื่อร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เป็น
“ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา
และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินสามสิบวันเป็นกรณีพิเศษ” เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับทั่วไปที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรเตรียมความพร้อมในการรองรับเที่ยวบิน
รวมทั้งเจรจาความถี่ของเที่ยวบินจากประเทศกลุ่มเป้าหมายมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวและใช้โอกาสในการยกเว้นการตรวจลงตราผ่านแดนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
และสร้างความสะดวกสบายในการเดินทางของนักท่องเที่ยว
รวมทั้งควนส่งเสริมการดำเนินงานด้านการประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาในประเทศมากขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงมหาดไทย สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมีการประเมินการจัดทำรายได้ภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม
ภายหลังการยกเว้นการตรวจลงตราให้กับนักท่องเที่ยวสัญชาติจีนและสัญชาติคาซัคสถาน
เปรียบเทียบกับรายได้ที่ภาครัฐเคยรับจากการเก็บค่าธรรมเนียมการจัดทำวีซ่า
เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์และความคุ้มค่าในการสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจัดทำวีซ่าของรัฐ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
56 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) | กค. | 13/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยให้ขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มออกไปอีก
๑ ปี โดยตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาฯ
(ฉบับที่ ๖๔๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๐ แห่งประมวลรัษฎากร
โดยให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๓ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) หรือร้อยละ ๗
(รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี
ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินงานทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้
ซึ่งรวมถึงการขยายฐานภาษีให้มีความครอบคลุมมากขึ้นควบคู่ไปกับการทยอยปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจ
เพื่อลดแรงกดดันต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและลดข้อจำกัดต่อการพัฒนาประเทศในระยะถัดไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
57 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน) | กค. | 13/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล
และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน ในบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ประเภทที่ ๐๑.๐๕ รายการน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถัน
และรายการน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
แลให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้เกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
อันเป็นไปตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์
รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนการติดตาม
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
58 | ขออนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการจ่ายเงินงบอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | พม. | 13/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๙๙๘,๔๔๒,๐๐๐ บาท
สำหรับเป็นเงินอุดหนุนเพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดที่จะได้รับเงินต่อเนื่องในเดือนกันยายน
พ.ศ. ๒๕๖๖ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
(กรมกิจการเด็กและเยาวชน) และให้สำนักงบประมาณเร่งดำเนินการจัดสรรงบประมาณให้ต่อไป
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
59 | การรับรองร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียน (ASEAN Villages Network Framework) | มท. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการต่อร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียน (ASEAN Villages Network Framework) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน
มีหนังสือแจ้งความเห็นชอบรับรองร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียนไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียนภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว
โดยร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียนเป็นเอกสารที่รัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนจะให้การรับรองและจะมีการเสนอเป็นวาระเพื่อทราบในการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๔๓ (43rd ASEAN Summit) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่
๔-๗ กันยายน ๒๕๖๖ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เป็นการกำหนดรายละเอียดแนวทางการขับเคลื่อนงานในระดับหมู่บ้านของอาเซียนผ่านกลไกเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ
อาทิ หลักการและสาขาที่ให้ความสำคัญ ผลลัพธ์เชิงยุทธศาสตร์ การใช้ระบบ
และแผนปฏิบัติการระหว่างปี ๒๕๖๖-๒๕๖๘
โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนในภูมิภาคอาเซียนและมีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของพลเมืองอาเซียน
มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านให้มีความเข้มแข็งในลักษณะจากล่างขึ้นบน (bottom-up)
ซึ่งเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพลเมืองจากฐานราก
และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้หญิงและกลุ่มเปราะบางอื่น ๆ รวมทั้งเสริมสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับหุ้นส่วนภายนอก
โดยใช้เวทีการเรียนรู้และความร่วมมือเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดี
ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาเชิงพื้นที่
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียนในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
60 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออกหรือจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 พ.ศ. .... | สธ. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตผลิต
นำเข้า ส่งออกหรือจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท ๓ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตผลิต นำเข้า
ส่งออก หรือจำหน่าย คุณสมบัติของผู้ขออนุญาต การออกใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต การแก้ไขรายการในใบอนุญาต การนำเข้าหรือส่งออกในแต่ละครั้ง
การดำเนินการของผู้รับอนุญาต เพื่อประโยชน์ในการควบคุมกำกับดูแล
การกำหนดหน้าที่เภสัชกร และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๓
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |