ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 10 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 194 จากข้อมูลทั้งหมด 194 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
181 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม | ศย. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ของศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม
จำนวน ๓๕,๒๔๙,๓๓๕,๒๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
182 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการปฏิบัติการตามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศ พ.ศ. 2560 รวม 2 ฉบับ | กค. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขให้ผู้มีหน้าที่รายงานรวบรวม
และนำส่งข้อมูลที่ต้องการรายงานให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหน้าที่ของผู้มีหน้าที่รายงานในการรวบรวมข้อมูลที่ต้องรายงานและนำส่งข้อมูลดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ
ตลอดจนหน้าที่ในการจัดเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ๑.๒
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับการขอหนังสือรับรองสถานะว่าเป็นหรือไม่เป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
พ.ศ. ..... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นขอหนังสือรับรองสถานะของการเป็นหรือไม่เป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
กรอบระยะเวลาในการยื่นคำขอ ช่องทางการดำเนินการ ตลอดจนขั้นตอนการพิจารณารับรองสถานะของผู้มีหน้าที่รายงาน รวม ๒ ฉบับ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรปรับแก้ข้อ
๒ ของร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขให้ผู้มีหน้าที่รายงานรวบรวมและนำส่งข้อมูลที่ต้องการรายงานให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ
พ.ศ. .... เป็น “ข้อ ๒
ให้ผู้มีหน้าที่รายงานมีหน้าที่ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลบัญชีสหรัฐที่ต้องรายงานทุกประเภทบัญชี
โดยแต่ละบัญชีต้องมีรายการครบถ้วนตามข้อ ๒ อนุวรรค ๒ ก) ของความตกลง...” เพื่อให้สอดคล้องกับความตกลง FATCA ฉบับภาษาอังกฤษ และควรมีการประสานกับผู้มีหน้าที่รายงานเพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมของกฎหมายและการนำไปใช้ในทางปฏิบัติ
เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าควรมีการประสานกับผู้มีหน้าที่รายงานเพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมของกฎหมายและการนำไปใช้ในทางปฏิบัติ
เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
183 | ผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 29 และการประชุมระหว่างคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กับกลุ่มหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ 27 | นร.14 | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
184 | ผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ปัญหาที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจากเขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ของคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
185 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2557 | ทส. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม
ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย
อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๗ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม
ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้
ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๗
ต่อไปอีกสองปีนับตั้งแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้การกำหนดพื้นที่ห้ามทำการประมงด้วยเครื่องมือดังกล่าวจาก
“ภายในระยะ ๓,๐๐๐ เมตร จากแนวชายฝั่งทะเล” เป็น
“ภายใต้เขตทะเลชายฝั่งตามกฎหมายว่าด้วยการประมง” ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ และควรเร่งดำเนินการยกร่างประกาศกระทรวงฯ
ฉบับใหม่และนำมาใช้บังคับโดยเร็ว เพื่อให้มีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
186 | แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข และคณะอนุกรรมการพิจารณาพื้นที่พิเศษสำหรับค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายสำหรับกำลังคนด้านสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในพื้นที่พิเศษ พ.ศ. 2548 | สธ. | 17/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข
และคณะอนุกรรมการพิจารณาพื้นที่พิเศษสำหรับค่าตอบแทน เบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย
ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย
สำหรับกำลังคนด้านสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในพื้นที่พิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๘
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ มกราคม
๒๕๖๖) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
(โรงพยาบาลตำรวจ) รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่าการกำหนดค่าตอบแทนฯ
ในพื้นที่พิเศษดังกล่าว
ควรเทียบเคียงกับเงินเพิ่มพิเศษรายดือนสำหรับข้าราชการประเภทอื่นที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เดียวกันด้วย
เพื่อมิให้เกิดความลักลั่นของระบบค่าตอบแทนภาครัฐในภาพรวม นอกจากนี้
มีข้อเสนอแนะให้โรงพยาบาลตำรวจนำเทคโนโลยีแพทย์ทางไกล (Telemedicine)
มาใช้พัฒนาระบบให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทางไกลให้แก่โรงพยาบาลยะลาสิริรัตนรักษ์ควบคู่ไปกับการสร้างแรงจูงใจเรื่องค่าตอบแทนบุคลากรด้านสุขภาพ
อันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
187 | การขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปีเป็นการจ่ายขาดให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค (งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567) | นร.01 | 17/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินการขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปีเป็นการจ่ายขาดให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามนัยมาตรา๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดตั้งองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒
ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาตามความจำเป็นและวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตลอดจนศักยภาพและความสามารถในการใช้จ่ายงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้สภาองค์กรของผู้บริโภคและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภครับความเห็นของกระทรวงการคลังและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ต่าง ๆ
ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ
ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
โดยให้สภาองค์กรของผู้บริโภคใช้จ่ายเงินอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และประหยัด
ควรมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการที่สภาองค์กรของผู้บริโภคดำเนินการทั้ง
๘ ด้าน อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทยที่เป็นด้านการเงินและธนาคาร
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ
เพื่อร่วมในการช่วยเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข้อมูล ตลอดจนควรมีการสื่อสารข้อมูลจากผู้บริโภคย้อนกลับไปในหน่วยงานต่าง
ๆเพื่อช่วยในการยกระดับประสิทธิภาพในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ที่จะทำให้เกิดการตระหนักถึงสิทธิของผู้บริโภค
และมีความเท่าทันต่อผู้ประกอบการหรือผู้ไม่หวังดี
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
188 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิตและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิตและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิตและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ
พ.ศ. ๒๕๖๓
เพื่อกำหนดลักษณะและรูปแบบของแสตมป์สุราสำหรับสุราแช่และสุรากลั่นให้สอดคล้องกับถ้อยคำในกฎกระทรวงการผลิตสุรา
พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยปรับเปลี่ยนถ้อยคำในข้อ ๘ (๒) ของกฎกระทรวงกำหนดชนิด
และลักษณะของแสตมป์สรรพสามิตและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๖๓
จากเดิมที่ใช้คำว่า “แสตมป์สุราสำหรับสุราแช่หรือสุรากลั่นที่ผลิตในชุมชน”
เปลี่ยนเป็น
“แสตมป์สุราสำหรับสุราแช่หรือสุรากลั่นที่ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรมสุราขนาดเล็กที่ใช้เครื่องจักร
และโรงงานอุตสาหกรรมสุราขนาดกลางที่ใช้เครื่องจักร...” (ในส่วนของลักษณะและรูปแบบของแสตมป์สุรายังคงเป็นไปตามเดิม)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
189 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล) | สธ. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์
(นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
190 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวอลินี ธนะวัฒน์สัจจะเสรี และนางสาววราภรณ์ ตั้งตระกูล) | นร.10 | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวอลินี
ธนะวัฒน์สัจจะเสรี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระบบราชการ (นักทรัพยากร บุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ. ตั้งแต่วันที่
๒๘ กันยายน ๒๕๖๕
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
191 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช) | กก. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีการท่องเที่ยว
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
192 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สภาผู้แทนราษฎร
มีข้อสังเกตว่าเนื่องจากสถานะขององค์กรอัยการเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีความสำคัญในกระบวนการยุติธรรมเมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ควรมีการพิจารณาให้องค์กรอัยการบัญญัติไว้เช่นเดียวกับมาตรา ๑๘๐ หรือมาตรา ๑๙๐
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา
มีข้อสังเกตว่าเห็นควรแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
และสำนักงานอัยการสูงสุดควรมีการทบทวนพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๕๕ วรรคสาม รวมทั้งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ วรรคสาม
ว่ายังคงมีความจำเป็นและเหมาะสมที่ต้องให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบตามหลักการของกฎหมายเดิม
หรือไม่ ตลอดจนรัฐบาลควรมีนโยบายให้ส่วนราชการต่าง ๆ พิจารณาทบทวนบทบัญญัติของกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพ้นจากตำแหน่งของข้าราชการระดับสูงว่ากฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันสอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา
๑๘๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ ๒.
ให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องใดได้หรือไม่ ประการใด
แล้วให้ส่งสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
193 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนพฤศจิกายน 2565 | นร.11 สศช | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
ณ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑)
ความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติและการขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๒)
ความก้าวหน้าการปฏิรูปประเทศ (๓) การติดตาม การตรวจสอบ
และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ และ (๔)
ประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
194 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สว. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สภาผู้แทนราษฎร
มีข้อสังเกตว่าเนื่องจากสถานะขององค์กรอัยการเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีความสำคัญในกระบวนการยุติธรรมเมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ควรมีการพิจารณาให้องค์กรอัยการบัญญัติไว้เช่นเดียวกับมาตรา ๑๘๐ หรือมาตรา ๑๙๐
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา
มีข้อสังเกตว่าเห็นควรแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
และสำนักงานอัยการสูงสุดควรมีการทบทวนพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๕๕ วรรคสาม รวมทั้งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ วรรคสาม
ว่ายังคงมีความจำเป็นและเหมาะสมที่ต้องให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบตามหลักการของกฎหมายเดิม
หรือไม่ ตลอดจนรัฐบาลควรมีนโยบายให้ส่วนราชการต่าง ๆ พิจารณาทบทวนบทบัญญัติของกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพ้นจากตำแหน่งของข้าราชการระดับสูงว่ากฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันสอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา
๑๘๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ของวุฒิสภาเป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓.
ให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของวุฒิสภา ในเรื่องใดได้หรือไม่ ประการใด
แล้วให้ส่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง ๔.
ให้สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
|