ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 75 จากทั้งหมด 84 หน้า แสดงรายการที่ 1481 - 1500 จากข้อมูลทั้งหมด 1664 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1481 | มติคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 | มท. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๗
มกราคม ๒๕๖๕ ซึ่งเห็นชอบมาตรการอุบัติเหตุทางถนนจากกรณีรถจักรยานยนต์ชนคนเดินข้ามถนน
ดังนี้ ๑) มาตรการด้านกฎหมาย ๒) มาตรการด้านถนน ๓) มาตรการด้านผู้ใช้รถใช้ถนน และ
๔) ให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนมอบหมายคณะอนุกรรมการด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกและความตระหนักในการใช้รถใช้ถนน
เร่งดำเนินการสร้างกระแสการรับรู้และความตระหนักด้านความปลอดภัยทางถนน
โดยเฉพาะผู้ขับขี่ให้มีจิตสำนึกและตระหนักถึงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น
จากการขับขี่ที่ไม่มีวินัยและไม่ปฏิบัติตามกฎหมายกำหนด ตามที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1482 | ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | สปสช. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ภายในวงเงิน ๒๐๔,๑๔๐,๐๒๗,๘๐๐ บาท ประกอบด้วย ค่าบริการทางการแพทย์ เหมาจ่ายรายหัว
ค่าบริการสุขภาพผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ค่าบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง
ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน
ค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เป็นต้น สำหรับงบประมาณบริหารงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
วงเงิน ๑,๙๕๐,๘๓๘,๙๐๐ บาท นั้น
เห็นควรให้คณะรัฐมนตรีจะมอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ให้ตามความจำเป็นเหมาะสม
ประหยัดและสอดคล้องกับภารกิจการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข
(มติคณะกรรมการควบคุมคุณภาพฯ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๕
พฤศจิกายน ๒๕๖๔) และข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรเร่งประชาสัมพันธ์การให้บริการดังกล่าวให้แก่ประชากรไทยทุกคน
โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลของหน่วยงานอื่น เพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคได้อย่างทั่วถึง
และควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของวงเงินที่เสนอขอ
โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการงบประมาณให้มีความคุ้มค่าและคำนึงถึงความจำเป็นของการใช้จ่ายงบประมาณ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1483 | ขออนุมัติจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา | กษ. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติจ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ
จำนวน ๓๕๐ แปลง เนื้อที่ ๗๗๐-๑-๕๙ ไร่ในอัตราไร่ละ ๔๕,๐๐๐
บาท เป็นเงิน ๓๔.๖๗ ล้านบาท ให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ
ที่ผ่านการตรวจสอบและเห็นชอบโดยคณะอนุกรรมการทั้ง ๒ คณะ (คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ
และคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ
เฉพาะกลุ่มโนนสัง กลุ่มราษีไศล และกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน) โดยในส่วนของงบประมาณ กรมชลประทานจะปรับแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ มาดำเนินการในเรื่องดังกล่าว และอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงินค่าทดแทน
จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการจ่ายเงินและจำนวนเงินค่าทดแทนให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายละเอียดผลการตรวจสอบร่องรอยการทำประโยชน์ที่ดินที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา
อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอกันทรารมย์ และอำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ รวม ๒๑ ราย
โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธาน
เพื่อกำกับการจ่ายเงินและจำนวนเงินค่าทดแทนให้ถูกต้องครบถ้วน ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนาเสนอ และให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนาและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น
กรมชลประทานควรเร่งรัดดำเนินการจ่ายค่าทดแทน
กำหนดแผนงานและกรอบระยะเวลาสำหรับการสำรวจพื้นที่และบุคคลที่ได้รับผลกระทบให้มีความชัดเจน
เพื่อให้ทราบงบประมาณที่ต้องนำมาใช้ในการจ่ายค่าทดแทนที่แน่นอน
และให้กรมชลประทานปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ ๒๕๖๕
แล้วขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนาเร่งรัดสำรวจพื้นที่และจำนวนราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนาทั้งหมด
เพื่อให้สามารถจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ราษฎรได้ถูกต้องครบถ้วนโดยเร็วต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการกำหนดหลักเกณฑ์กลางในการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการชลประทานของรัฐในกรณีต่าง
ๆ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง
ขออนุมัติจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา)
ให้แล้วเสร็จและนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1484 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการจ้างเหมาพนักงานปฏิบัติงานของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | ทส. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการจ้างเหมาพนักงานปฏิบัติงานของกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑ โครงการ วงเงินงบประมาณ
๒๕๑,๙๓๗,๐๐๐ บาท โดยมีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
เป็นหน่วยงานดำเนินการ และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงิน ๒๕๑,๙๓๗,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจ้างเหมาพนักงานปฏิบัติงานของกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑ โครงการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงาน
ก.พ. ที่ควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล โครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และควรจัดเตรียมแผนการบริหารจัดการรองรับสถานการณ์ด้านงบประมาณที่อาจเกิดขึ้นในระยะต่อไป
เพื่อให้การปฏิบัติงานด้านการจัดการทรัพยากรในพื้นที่ป่าอนุรักษ์มีความต่อเนื่องและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1485 | รายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของส่วนราชการ (จำนวน 13 ราย) | นร 05 | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
(ปคร.) ของส่วนราชการ จำนวน ๑๓ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ๒. นายพาสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์ รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ๓. นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๔. นายกีรติ รัชโน รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ๕. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ๖. นายปรีดี ภูสีน้ำ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ๗. นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๘. นางอุดมพร เอกเอี่ยม รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ๙. นายยุทธา สาโยชนกร รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ๑๐. นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ๑๑. นายปวัตร์ นวะมะรัตน รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงาน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๑๒. พลตำรวจโท
ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่นายตำรวจประสานงานรัฐสภา)
๑๓. นางรวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1486 | ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152 | สผ. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย
กับคณะ รวม ๑๗๓ คน
ได้เข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๕๒ นั้น
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีความพร้อมจะไปแถลงหรือชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เป็นต้นไป
จึงได้ลงมติมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย)
รับไปประสานสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับกำหนดวันที่คณะรัฐมนตรีจะไปแถลงหรือชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1487 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อส. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานอัยการสูงสุดถอนร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตามที่เสนอได้
และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1488 | ขอความเห็นชอบเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก 2022 (WAMSB World Championship 2022) | วธ. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก
๒๐๒๒ (WAMSB World Championship 2022) มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ณ กรุงเทพมหานคร โดยวงเงินงบประมาณสำหรับการจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก
๒๐๒๒ (WAMSB World Championship 2022)
เป็นเงินทั้งสิ้น ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมส่งเสริมวัฒนธรรม)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เช่น
ให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล การใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ภายใต้มาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ มาถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
และควรมีการเตรียมความพร้อมด้านการบริหารจัดการการแข่งขันในรูปแบบอื่น ๆ
ภายใต้วิถีปกติใหม่ อาทิ รูปแบบออนไลน์ เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลทำให้ไม่สามารถดำเนินการจัดกิจกรรมในรูปแบบปกติได้ในช่วงเวลาดังกล่าว
รวมทั้งให้การจัดประกวดดังกล่าวดำเนินการตามมาตรการและแนวปฏิบัติในการบริหารจัดการที่เหมาะสมและสอดคล้องกับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19
ที่ภาครัฐกำหนด รวมถึง ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรควิด-19 ในประเทศไทย
โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการจัดประกวดอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1489 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ได้รับคืนเงินภาษีอากร | กค. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ได้รับคืนเงินภาษีอากร
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ได้รับคืนเงินภาษีอากร
สำหรับกรณีคืนเงินภาษีอากรที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่าย
เพิ่มเติมหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ได้รับคืนเงินภาษีอากรกรณีที่ดำเนินการตามข้อบทว่าด้วยวิธีการเพื่อความตกลงร่วมกันของสัญญาหรือข้อผูกพันว่าด้วยการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ
หรือที่สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยทำไว้กับสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์
ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1490 | ผลการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ 27 | ดศ. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ (Universal Postal Union : UPU) สมัยที่ ๒๗ เมื่อวันที่ ๙-๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ ณ กรุงอาบีจาน สาธารณรัฐโกตดิวัวร์
ผ่านระบการประชุมทางไกล สรุปได้ ดังนี้ (๑) การประชุมเต็มคณะ มีมติเรื่องที่สำคัญ
เช่น การแก้ไขกฎในการเข้าร่วมประชุมใหญ่ UPU เป็นระบบทางไกลและลงมติผ่านการลงคะแนน e-Voting
ผลการเลือกตั้งตำแหน่งต่าง ๆ และการพิจารณาข้อเสนอการแก้ไข/เพิ่มเติมรายละเอียดในเอกสารสำคัญต่าง
ๆ (๒) การประชุมคณะกรรมการภายใต้ UPU จำนวน ๖ คณะ มีมติเรื่องที่สำคัญ เช่น
การแต่งตั้งคณะผู้ทำการแทนของประเทศสมาชิก ๔๕ ประเทศ แผนยุทธศาสตร์อาบีจาน ๔ ปี
รายงานการเงินและงบประมาณประจำปีของ UPU นโยบายทั่วไปและการบริหารจัดการ UPU
และการกำหนดระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1491 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สผ. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ
[ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งนายวิรัช พันธุมะผล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับคณะ
เป็นผู้เสนอ] มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเกี่ยวกับสิทธิการประกันตัวผู้ต้องหา
เพื่อคุ้มครองเสรีภาพของผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาที่ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ให้ได้รับการประกันตัวด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ในการประกันตัว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒.
ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายวิรัช พันธุมะผล กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภาผู้แทนราษฎรภายในกำหนดเวลา
พร้อมแจ้งข้อสังเกตดังกล่าวไปเพื่อประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1492 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา
และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ
เพื่อเป็นหลักประกันกับผู้รับบำเหน็จชราภาพ
ในกรณีผู้รับเงินบำนาญชราภาพเสียชีวิตภายใน ๖๐
เดือนนับแต่เดือนที่มีสิทธิรับเงินบำนาญชราภาพ ให้ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพมากขึ้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่ควรคำนึงถึงความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ และควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับ
คำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
รวมถึงภาระการเงินการคลังที่อาจเกิดขึ้นแก่รัฐในอนาคต
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1493 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกำแพงดิน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางระกำ และตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กษ. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลกำแพงดิน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร พ.ศ. ....
และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางระกำ
และตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับดังกล่าว
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1494 | แนวทางการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) จำนวน 15 กรณีปัญหา | นร.01 | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
(ขปส.) จำนวน ๑๕ กรณีปัญหา ซึ่งประเด็นปัญหาส่วนใหญ่ได้มีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการ
และคณะทำงาน ภายใต้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นแล้ว โดยมีหลายกรณีเป็นเรื่องที่ต้อง พิจารณาดำเนินการในระดับ
นโยบาย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบประกอบการนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาตามหน้าที่และอำนาจ
โดยละเอียดรอบคอบและเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีความจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวม
ข้อมูล ข้อเท็จจริงในการแก้ปัญหา
ยังมีอีกหลายกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขปัญหาของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องโดยประเด็นปัญหาความเดือดร้อนของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินมีจำนวนที่สูงขึ้น
และนำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย
เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
และกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องด้วยความเรียบร้อย
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนอย่างต่อเนื่องตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมเสนอ ๒.
ให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1495 | โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 | กค. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีเห็นชอบการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี
๒๕๖๕ และร่างประกาศคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ
มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการระบุตัวผู้มีรายได้น้อย
และมีข้อมูลเป็นปัจจุบัน
ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรสวัสดิการสังคมของภาครัฐ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
เป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบกำหนดหลักเกณฑ์รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการฯ
ได้แก่ การกำหนดแบบฟอร์มการลงทะเบียน การจัดทำข้อตกลงความร่วมมือ
ข้อบังคับที่เกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ การกำหนดวัน เวลา ในการตรวจสอบคุณสมบัติ
หรือกำหนดหน่วยตรวจสอบคุณสมบัติเพิ่มเติม การกำหนดระยะเวลาต่าง ๆ
ในการดำเนินโครงการฯ การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ในการดำเนินโครงการฯ ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ และให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
สำนักงบประมาณและข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรเพิ่มกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เป็นหน่วยงานตรวจสอบข้อมูลประกอบการลงทะเบียนของผู้งทะเบียนด้วย คณะกรรมการฯ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์และสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการฯ
ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1496 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-แคนาดา ครั้งที่ 10 | พณ. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-แคนาดา
ครั้งที่ ๑๐ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
(นายสินิตย์ เลิศไกร) เข้าร่วมประชุม ซึ่งเนการาบรูไนดารุสซาลาม ในฐานะประธานอาเซียน
ปี ๒๕๖๔ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม สรุปได้ ดังนี้ (๑) การแลกเปลี่ยนแนวทางแก้ไขผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
เพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับการเปิดตลาดการค้าและการลงทุน ทั้งนี้
ไทยได้เน้นย้ำความสำคัญของระบบการค้าที่เปิดกว้างและสนับสนุนบทบาทขององค์การการค้าโลก
เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับวัคซีนและยาที่จำเป็น (๒)
รับทราบข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของสภาธุรกิจแคนาดา-อาเซียน ที่ให้ความสำคัญกับการเปิดเสรีทางการค้า
โดยเฉพาะการจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา
การเปิดพรมแดนให้นักธุรกิจสามารถเดินทางระหว่างกัน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน
การส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้าดิจิทัล
และการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (๓) เห็นชอบการเปิดเจรจาการจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา
โดยกำหนดเป้าหมายให้สรุปผลการเจรจาภายใน ๒ ปี
และเห็นชอบเอกสารขอบเขตสาระที่จะเจรจาในการจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา
(๔) กระทรวงพาณิชย์คาดว่าอาเซียนและแคนาดาจะสามารถสรุปแผนงานเจรจาและเริ่มการเจรจารอบแรกในช่วงไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๕ ทั้งนี้
ได้จัดทำขอบเขตสาระเบื้องต้นที่จะเจรจาในการจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา โดยมีประเด็นที่สำคัญ เช่น
ภาพรวมการเจรจา มาตรการป้องกันและเยียวยาทางการค้า และนโยบายแข่งขันทางการค้า และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเตรียมการเจรจาในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยให้คำนึงถึงประโยชน์และผลกระทบต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
และเตรียมมาตรการบรรเทาผลกระทบในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนยึดท่าทีตามกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดาของประเทศไทย
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงวัฒนธรรม
ที่ควรคำนึงถึงหลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่าง
ซึ่งแต่ละประเทศต่างดำเนินการตามพหุภาคีด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้าร่วมเป็นภาคี
โดยคำนึงถึงขีดความสามารถของแต่ละประเทศ
และไม่ควรใช้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมเป็นเครื่องมืดกีดกันทางการค้าต่อไปในอนาคต
ควรคำนึงถึงข้อดีและผลกระทบทางสังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนผลประโยชน์ที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1497 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เห็นว่าเหตุผลตามบันทึกประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ
นี้ ยังมีขอบเขตแคบเกินไป
โดยยังไม่ครอบคลุมถึงเรื่องการกำกับดูแลงานอันมีลิขสิทธิ์
จึงเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลตามบันทึกประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ
เพื่อให้การคุ้มครองงานอันมีสิขสิทธิ์มีประสิทธิภาพและทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและสภาพสังคมในปัจจุบัน
รวมทั้งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการพัฒนาระบบฐานข้อมูลลิขสิทธิ์
โดยควรสนับสนุนให้เกิดการนำทรัพย์สินทางปัญญาอื่นที่จะหมดอายุการคุ้มครองมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทย
การกำหนดแนวทางหรือแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินคดีการละเมิดลิขสิทธิ์ การพิจารณาแก้ไขอัตราโทษขั้นต่ำในบทกำหนดโทษเรื่องอื่น
ๆ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อให้กฎหมายมีความสอดคล้องกันทั้งฉบับต่อไปในอนาคต การแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติ
เกี่ยวกับการคุ้มครองของสิทธินักแสดงให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน การส่งเสริมให้เจ้าของลิขสิทธิ์เลือกใช้มาตรการทางเทคโนโลยีที่ไม่เป็นการปิดกั้นการใช้เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการในการเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์
และการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัตินี้ ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร ไปพิจารณาหากเห็นควรปรับแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ
ให้ส่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติฯ
ที่ปรับแก้ไขตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1498 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางชะนี และตำบลไทรน้อย อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... | กษ. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบางชะนี และตำบลไทรน้อย อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ.
.... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1499 | ขออนุมัติปรับกรอบวงเงินลงทุนและจัดหาแหล่งเงินเพิ่มเติม กรณีภาษีมูลค่าเพิ่มจากการใช้แหล่งเงินกู้ ECP กรณีภาษีมูลค่าเพิ่มงวด 27 ถึง 29 กรณีความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และกรณีค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม และอากรจากการนำเข้า (Import VAT & Import Duty) พร้อมทั้งขออนุมัติจัดหาแหล่งเงินรองรับโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต และช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน | คค. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) ปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) (โครงการฯ
สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน จำนวน ๒,๙๑๗,๗๕๒,๑๓๗.๙๕ บาท และอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในประเทศเพื่อให้ รฟท. กู้ต่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการฯ
ช่วงบางซื่อ-รังสิต ภายใต้กรอบวงเงิน ๗,๐๗๘,๘๙๓,๙๑๑.๐๙ บาท
เพื่อชำระค่าภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรจากการนำเข้าต่าง ๆ ให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด
จำนวน ๒,๐๑๑,๔๖๓,๙๒๒.๗๐
บาท จ่ายค่างานโยธา งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมจัดหาตู้รถไฟฟ้า และค่าที่ปรึกษา
เนื่องจากความผันผวนของอัตราการแลกเปลี่ยน จำนวน ๔,๔๐๖,๗๔๑,๓๒๑.๑๙ บาท และชำระค่าอากรจากการนำเข้า จำนวน ๖๖๐,๖๘๘,๖๖๗.๒๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๕,๐๖๗,๔๒๙,๙๘๘.๓๙ บาท รวมทั้งอนุมัติให้ รฟท.
กู้เงินในประเทศและให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นที่ต้องชำระผู้รับจ้างในส่วนที่เป็นเงินเยนจากความผันผวนของอัตราการแลกเปลี่ยนเนื่องจากเงินบาทแข็งค่ามากกว่าที่ประมาณการไว้
และค่าภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าของระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมจัดหารถตู้ไฟฟ้า
ของโครงการฯ ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน จำนวน ๙๐๖,๒๘๘,๒๑๕.๒๕ บาท โดยให้ รฟท. รับภาระเงินต้น ดอกเบี้ย
และค่าใช้จ่ายอื่นในการกู้เงิน และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน
วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ
ของการกู้เงินตามความเหมาะสมและจำเป็น ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร
๐๗๒๐/๑๖๒๐ ลงวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๔)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ นร ๑๑๐๖/๕๙๒๙ ลงวันที่ ๘
ตุลาคม ๒๕๖๔) รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง ที่ควรเร่งตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงงานเพิ่ม
(Variation Order) และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการจ้างที่ปรึกษาในโครงการฯ
ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว ให้ความสำคัญกับการติดตามการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
และพิจารณาแนวทางการลงทุนในส่วนต่อขยายให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมหารือกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารโครงการลงทุนขนาดใหญ่อย่างเป็นระบบ
ครอบคลุมประเด็นการบริหารจัดการปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการลงทุนดังกล่าว
อาทิ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1500 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 เรื่อง การเลื่อนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) | กก. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ เรื่อง
การเลื่อนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์
ครั้งที่ ๖ ค.ศ. ๒๐๒๑ จากเดิม
เห็นชอบการเลื่อนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์
ครั้งที่ ๖ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ (ค.ศ. ๒๐๒๒) เป็น ปี พ.ศ. ๒๕๖๖ (ค.ศ. ๒๐๒๓) และเห็นชอบหลักการในการดำเนินงานการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์
ครั้งที่ ๖ หากจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาจัดการแข่งขันฯ เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19)
หรือสถานการณ์ที่ไม่กระทบกับด้านงบประมาณ และกรอบดำเนินงานการจัดแข่งขันฯ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
สามารถดำเนินการตามขั้นตอน และแจ้งคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษกิจและสังคมแห่งชาติและศูนย์ปฏิบัติการ
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่ควรพิจารณาทบทวนการจัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ต้องใช้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันใหม่ให้ชัดเจน
รวมทั้งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการแข่งขัน
และให้มีการพิจารณาติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ในห้วงปี พ.ศ. ๒๕๖๖
อีกครั้งหนึ่ง
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและกำหนดมาตรการที่เหมาะสมสำหรับการจัดการแข่งขันต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาทบทวนและปรับปรุงแผนบริหารความต่อเนื่องของการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์
ครั้งที่ ๖ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ (ค.ศ. ๒๐๒๒)
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ให้เหมาะสม
โดยให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคทั้งในและต่างประเทศในทุกมิติด้วย
|