ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 80 จากทั้งหมด 84 หน้า แสดงรายการที่ 1581 - 1600 จากข้อมูลทั้งหมด 1664 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1581 | การขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า | สขค | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบวงเงินคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า วงเงินรวม ๔๗๗,๔๓๙,๘๐๐ บาท ทั้งนี้
การขอตั้งงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินงบประมาณ ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามแนวทางการจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้ารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรเร่งรัดการดำเนินงานที่สำคัญสอดคล้องกับทิศทางของร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๔ หมุดหมายที่ ๗ ไทยมี SMEs ที่เข้มแข็ง
มีศักยภาพสูง และสามารถแข่งขันได้ เช่น ดำเนินการติดตามสถานการณ์การแข่งขันของตลาด
ออกกฎหมายลำดับรองภายใต้พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ กำกับดูแลไม่ให้เกิดการผูกขาดตลาดและลดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1582 | การขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไปของกรุงเทพมหานคร | มท. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กรุงเทพมหานครนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๙ โครงการ โดยแบ่งเป็น (๑) รายการที่ได้กำหนดสัดส่วนแหล่งเงินค่าก่อสร้างที่จะดำเนินโครงการ โดยให้กรุงเทพมหานครนำเงินรายได้มาสมทบกับเงินอุดหนุนรัฐบาลแล้ว จำนวน ๕ โครงการ และ (๒) รายการที่ยังไม่ได้กำหนดสัดส่วนแหล่งเงินค่าก่อสร้างที่จะดำเนินโครงการระหว่างเงินอุดหนุนรัฐบาลกับเงินรายได้กรุงเทพมหานคร จำนวน ๔ โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๘,๑๕๘.๗๐๐๐ ล้านบาท เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานครจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการค่าก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม จำเป็น ตามวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1583 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยพิจารณาอนุมัติในหลักการให้กระทรวงยุติธรรมนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๕ โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น
๗,๙๙๕,๙๘๓,๕๖๐
บาท (เจ็ดพันเก้าร้อยเก้าสิบห้าล้านเก้าแสนแปดหมื่นสามพันห้าร้อยหกสิบบาทถ้วน) เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๑,๕๗๕,๑๓๙,๔๒๐ บาท (หนึ่งพันห้าร้อยเจ็ดสิบห้าล้านหนึ่งแสนสามหมื่นเก้าพันสี่ร้อยยี่สิบบาทถ้วน)
ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ - พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๖,๔๒๐,๘๔๔,๑๔๐ บาท
(หกพันสี่ร้อยยี่สิบล้านแปดแสนสี่หมื่นสี่พันหนึ่งร้อยสี่สิบบาทถ้วน) ตามนัยมาตรา
๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ดังนี้ ๑. โครงการก่อสร้างเรือนจำกลางลำปาง
พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๖๑๔,๕๙๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันหกร้อยสิบสี่ล้านห้าแสนเก้าหมื่นหนึ่งพันบาทถ้วน)
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๓๒๒,๙๑๘,๒๐๐ บาท
(สามร้อยยี่สิบสองล้านเก้าแสนหนึ่งหมื่นแปดพันสองร้อยบาทถ้วน)
ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ - พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๑,๒๙๑,๖๗๒,๘๐๐ บาท
(หนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบเอ็ดล้านหกแสนเจ็ดหมื่นสองพันแปดร้อยบาทถ้วน) ๒. โครงการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดชัยนาท
พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๕๗๒,๔๘๖,๔๐๐ บาท
(หนึ่งพันห้าร้อยเจ็ดสิบสองล้านสี่แสนแปดหมื่นหกพันสี่ร้อยบาทถ้วน)
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๓๑๔,๔๙๗,๒๐๐ บาท
(สามร้อยสิบสี่ล้านสี่แสนเก้าหมื่นเจ็ดพันสองร้อยบาทถ้วน)
ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ - พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๑,๒๕๗,๙๘๙,๒๐๐ บาท
(หนึ่งพันสองร้อยห้าสิบเจ็ดล้านเก้าแสนแปดหมื่นเก้าพันสองร้อยบาทถ้วน) ๓. โครงการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดอุตรดิตถ์
พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๖๒๗,๒๘๒,๐๐๐ บาท
(หนึ่งพันหกร้อยยี่สิบเจ็ดล้านสองแสนแปดหมื่นสองพันบาทถ้วน) เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๓๒๕,๔๕๖,๔๐๐ บาท
(สามร้อยยี่สิบห้าล้านสี่แสนห้าหมื่นหกพันสี่ร้อยบาทถ้วน)
ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ - พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน๑,๓๐๑,๘๒๕,๖๐๐ บาท
(หนึ่งพันสามร้อยเอ็ดล้านแปดแสนสองหมื่นห้าพันหกร้อยบาทถ้วน) ๔. โครงการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดยโสธร
พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๕๒๗,๑๙๒,๕๐๐ บาท
(หนึ่งพันห้าร้อยยี่สิบเจ็ดล้านหนึ่งแสนเก้าหมื่นสองพันห้าร้อยบาทถ้วน)
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๓๐๕,๔๓๘,๕๐๐ บาท
(สามร้อยห้าล้านสี่แสนสามหมื่นแปดพันห้าร้อยบาทถ้วน) ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ - พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๑,๒๒๑,๗๕๔,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันสองร้อยยี่สิบเอ็ดล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นสี่พันบาทถ้วน) ๕. โครงการการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวมาใช้เพื่อเป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจำคุก
จำนวน ๖๐,๐๐๐ เครื่อง วงเงินทั้งสิ้น ๑,๖๕๔,๔๓๑,๖๖๐ บาท
(หนึ่งพันหกร้อยห้าสิบสี่ล้านสี่แสนสามหมื่นหนึ่งพันหกร้อยหกสิบบาทถ้วน)
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๓๐๖,๘๒๙,๑๒๐ บาท
(สามร้อยหกล้านแปดแสนสองหมื่นเก้าพันหนึ่งร้อยยี่สิบบาทถ้วน) ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ - พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๑,๓๔๗,๖๐๒,๕๔๐ บาท (หนึ่งพันสามร้อยสี่สิบเจ็ดล้านหกแสนสองพันห้าร้อยสี่สิบบาทถ้วน) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ทั้งนี้
ขอให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการก่อสร้างเรือนจำ
จำนวน ๔ โครงการ ดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง
สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมตามความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ สถานะการเงินการคลังของประเทศ
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ สำหรับโครงการการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวมาใช้เพื่อเป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจำคุก
ขอให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ในการเช่าอุปกรณ์ดังกล่าวตามจำนวนและคุณลักษณะเฉพาะที่เหมาะสม
และจำเป็นกับภารกิจและปริมาณการใช้งานของหน่วยงาน เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการ
ตลอดจนคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัดการพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการก่อสร้างเรือนจำ
และโครงการการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวมาใช้เพื่อเป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจำคุก
ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสมและจำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป โดยให้ปรับแก้ไขชื่อโครงการก่อสร้างให้ถูกต้อง จากเดิม “โครงการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดลำปาง
พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ” เป็น “โครงการก่อสร้างเรือนจำกลางลำปาง
พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ” ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า
ให้กระทรวงยุติธรรมควบคุม ดูแล
และกำกับการดำเนินงานโครงการก่อสร้างเรือนจำตามมาตรการที่กำหนดเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
และโครงการก่อสร้างเรือนจำจังหวัด จำนวน ๔ โครงการ ไม่เข้าข่ายเป็นโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ
ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ
หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมประกาศในราชกิจจานุเบกษา
วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1584 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (แทนผู้ที่ขอถอนตัว) (นายอนุสิษฐ คุณากร) | ดศ. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓ จำนวน ๙ คน และแต่งตั้ง นายอนุสิษฐ คุณากร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
(แทนผู้ที่ขอถอนตัว) รวมจำนวน ๑๐ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑
มกราคม ๒๕๖๕) ในครั้งนี้เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑. นายเธียรชัย ณ นคร ประธานกรรมการ ๒. นายนวนรรน ธีระอัมพรพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) ๓. พันตำรวจโท เธียรรัตน์ วิเชียรสรรค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค) ๔. นายพันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) ๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทศพล ทรรศนกุลพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านสังคมศาสตร์) ๖. ศาสตราจารย์ศุภลักษณ์ พินิจภูวดล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านกฎหมาย) ๗. ศาสตราจารย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านสุขภาพ) ๘. นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเงิน) ๙. นางเมธินี เทพมณี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการบริหารจัดการข้อมูลภาครัฐ) ๑๐. นายอนุสิษฐ คุณากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1585 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา
ตามร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รับเงื่อนไขของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนไปดำเนินการต่อไป
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การกำหนดระเบียบ ข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคล
งบประมาณ การพัสดุ รวมถึงค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘
หรือกฎหมายอื่นใดที่กระทรวงการคลังกำหนด เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ
มีความคุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้ และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ ๑) กรณีจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา
เพื่อพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันอุดมศึกษาและส่งเสริมการผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทางตามความต้องการของประเทศ
จะต้องเป็นไปตามความจำเป็นในการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ
ก่อให้เกิดความเป็นธรรมทางสังคม และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินของกองทุนดังกล่าวจะต้องไม่มีความซ้ำซ้อนกับภารกิจในลักษณะเดียวกับของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
๒) สำหรับแหล่งเงินจากภาครัฐที่จะนำมาใช้จ่ายจะต้องเป็นไปเท่าที่จำเป็น
โดยสถาบันอุดมศึกษาพึงจัดสรรงบประมาณเงินรายได้ทั้งภาครัฐและเอกชน
เพื่อการบริหารจัดการกองทุนเป็นลำดับแรก รวมถึงการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนเป็นสำคัญ
ตลอดจนจะต้องไม่กำหนดวงเงินทุนประเดิมไว้เป็นการเฉพาะในการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว
ทั้งนี้ ควรใช้มาตรการหรือกลไกทางภาษี
และกำหนดให้บุคคลผู้บริจาคทรัพย์ส่งเข้ากองทุนได้รับประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี
อันจะนำไปสู่การแบ่งเบาภาระของภาครัฐในภาพรวมยิ่งขึ้น และ ๓)
ควรจัดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงานของกองทุน
โดยกำหนดรอบการประเมินอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์
โดยคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์สูงสุดที่ภาครัฐและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1586 | รายงานข้อเท็จจริงและการดำเนินการเกี่ยวกับการกำกับดูแลธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ | กค. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเท็จจริงและการดำเนินการเกี่ยวกับการกำกับดูแลธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ได้แก่ การกำกับดูแลการออกแบบและเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัล
และการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1587 | ขอความเห็นชอบการแต่งตั้งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน (นางสาวภัคณัฏฐ์ มากช่วย) | คค. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวภัคณัฏฐ์ มากช่วย
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ
๑๙๐,๐๐๐ บาท
ค่าตอบแทนพิเศษประจำปี รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่ผู้รับจ้างจะได้รับ
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
และให้นางสาวภัคณัฏฐ์ มากช่วย
ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1588 | คำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒสภา จำนวน ๒,๖๗๒,๔๑๕,๘๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1589 | รายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่จะเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 5 รายการ [โครงการ "เช่ารถบรรทุก (ทดแทน) ขนาด 1 ตัน พร้อมอุปกรณ์ ปฏิบัติการสายตรวจ งานปราบปรามอาชญากรรมยาเสพติด และรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนของสถานีตำรวจ จำนวน 2,894 คัน"] | ตช. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๕ รายการ เพื่อเป็นค่าเช่ารถยนต์พร้อมอุปกรณ์ จำนวน ๙,๒๑๕ คัน วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๓,๔๕๔,๖๗๐,๐๐๐ บาท เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๒,๖๙๐,๙๓๔,๒๐๐ บาท และส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๐,๗๖๓,๗๓๕,๘๐๐ บาท ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๐ ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาตามความจำเป็นและวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลัง เนื่องจากการเช่ารถยนต์พร้อมอุปกรณ์ในโครงการเช่ารถยนต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติดังกล่าวเป็นรถยนต์ประเภทพิเศษ ซึ่งแตกต่างไปจากบัญชีราคามาตรฐานครุภัณฑ์ของสำนักงบประมาณและอัตราค่าเช่ารถยนต์ไม่เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด จึงต้องขอความตกลงประเภทรถยนต์ และอัตราค่าเช่ารถยนต์พร้อมอุปกรณ์กับกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๐ วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ และวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1590 | ผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพสมัยที่ 15 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่หนึ่ง ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน | ทส. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่หนึ่ง ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านระบบการประชุมทางไกล
ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย (๑)
การประชุมระดับสูง
โดยไทยได้เน้นย้ำในเรื่องความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟูระบบนิเวศ และนำเสนอการดำเนินงานเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพในเชิงนโยบายของไทย
โดยเฉพาะการดำเนินนโยบาย BCG Model รวมทั้ง ได้มีการรับรองปฏิญญาคุนหมิงในระหว่างการกระชุมระดับรัฐมนตรี
ซึ่งได้มีการปรับปรุงเนื้อหาบางส่วนตามความเห็นของประเทศภาคีอนุสัญญา
โดยไม่กระทบกับสาระสำคัญ (๒) การประชุมระดับเจ้าหน้าที่
ที่ประชุมได้รับทราบรายงานผลการดำเนินงานขององค์กรย่อยและคณะทำงานต่าง ๆ ภายใต้อนุสัญญาฯ
และรับรองกรอบงบประมาณ ปี ค.ศ. ๒๐๒๐ สำหรับการดำเนินงานของอนุสัญญาฯ
และพิธีสารภายใต้อนุสัญญาฯ (๓) จีนมีกำหนดประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่สอง ระหว่างวันที่ ๒๕ เมษายน-๘
พฤษภาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาดำเนินการศึกษา
สำรวจและจัดเก็บข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ของประเทศไทย
โดยอาจบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ
และพิจารณาจ้างงานนักศึกษาที่เพิ่งจบการศึกษาเป็นผู้ดำเนินการสำรวจและเก็บข้อมูลต่าง
ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีงานทำและแก้ปัญหาการว่างงานของบัณฑิตใหม่ในเบื้องต้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1591 | มาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ ฤดูแล้ง ปี 2564 - 2565 | นร.14 | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ
ฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง
ปี ๒๕๖๕ เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำชุมชนให้เหมาะสม
รวมถึงเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่นอกเขตชลประทานให้มีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำในชุมชนตามแนวพระราชดำริ
จึงเห็นสมควรเพิ่มเติมมาตรการเกี่ยวกับการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์จากน้ำและน้ำฝนในพื้นที่นอกเขตชลประทานเป็นมาตรการที่
๑๐ ในเรื่องนี้ด้วย ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา
โสภณพนิช) เสนอ และมอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับไปพิจารณาดำเนินการในรายละเอียดต่อไป ๒. รับทราบและเห็นชอบมาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ ฤดูแล้ง ปี
๒๕๖๔/๒๕๖๕ และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี ๒๕๖๕
และมอบหมายหน่วยงานดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
โดยรายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบ พร้อมทั้งสรุปผลการดำเนินงานรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติติดตามและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการดำเนินการตามมาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ
ฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕
เพื่อให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรให้หน่วยงานดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1592 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง (1. นายชยาวุธ จันทร ฯลฯ รวม 14 คน) | มท. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง รวม ๑๔ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ มกราคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. นายชยาวุธ จันทร ประธานกรรมการ ๒. พลอากาศเอก ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ กรรมการ
(บุคคลในบัญชีรายชื่อฯ) ๓. นายสราวุธ เบญจกุล กรรมการ (บุคคลในบัญชีรายชื่อฯ) ๔. ศาสตราจารย์บุญเสริม กิจศิริกุล กรรมการ
(บุคคลในบัญชีรายชื่อฯ) ๕. นายนิวัติ ลมุนพันธ์ กรรมการ
(บุคคลในบัญชีรายชื่อฯ) (ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคธุรกิจ) ๖. นายเดชบุญ มาประเสริฐ กรรมการ
(บุคคลในบัญชีรายชื่อฯ) (ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคธุรกิจ) ๗. พลเอก ปรัชญา เฉลิมวัฒน์ กรรมการ (บุคคลในบัญชีรายชื่อฯ) ๘. พลตรี ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ กรรมการ (บุคคลในบัญชีรายชื่อฯ) ๙. พันตำรวจโท สัญชัย สุนทรบุระ กรรมการ ๑๐. นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ กรรมการ ๑๑. นายบุญยิ่ง
เจริญฐิติวงศ์ กรรมการ
(ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคธุรกิจ) ๑๒. นายชูรัฐ
เลาหพงศ์ชนะ กรรมการ (ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคธุรกิจ) ๑๓. นายชัยยงค์ พัวพงศกร กรรมการ
(บุคคลในบัญชีรายชื่อฯ) (ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคธุรกิจ) ๑๔. นางชลิดา
พันธ์กระวี กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) (บุคคลในบัญชีรายชื่อฯ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1593 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน ในพื้นที่ศูนย์ราชการบริเวณ หมู่ที่ 6 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี แปลงที่ 21 และแปลงที่ 64 | อส. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน
ในการดำเนินการโครงการก่อสร้างสำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี
พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ พื้นที่ ศูนย์ราชการจังหวัดปัตตานี ตำบลรูสะมิแล
อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี แปลงที่ ๒๑ และแปลงที่ ๖๔ ในพื้นที่ป่าชายเลน ตำบลรูสะมิแล
อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เนื้อที่ ๓.๙๑ ไร่ (๓-๓-๖๔ ไร่) ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ
และให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าการดำเนินโครงการจะต้องคำนึงถึงความคุ้มค่ากับศักยภาพของที่ดินและดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โอนเงินจัดสรร
เปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
แล้วแต่กรณี ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1594 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2564 | นร.11 สศช | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย (๑) อนุมัติให้กรมควบคุมโรค
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ ดังนี้ (๑)
โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย
เพิ่มเติม จำนวน ๒๐,๐๐๑,๑๕๐ โดส (Pfizer) โดยขยายระยะเวลาดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงิน จากเดิม
สิ้นสุดภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็น สิ้นสุดภายในเดือนมกราคม ๒๕๖๕ และ (๒)
โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ (COVID-๑๙) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
เพิ่มเติม จำนวน ๙,๙๙๘,๘๒๐ โดส (Pfizer) โดยขยายระยะเวลาดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงิน จากเดิม
สิ้นสุดภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็น สิ้นสุดภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจรับวัคซีน
และรวบรวมเอกสารสำหรับประกอบการเบิกจ่าย
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้
เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งรัดให้กรมควบคุมโรค เร่งรัดการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามระยะเวลาที่ขอขยายอย่างเคร่งครัด รวมถึงดำเนินการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการฯ
ในระบบ eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการฯ
โดยเร็วต่อไป และ (๒) อนุมัติให้กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ
SMEs โดยปรับปรุงเงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุนตามโครงการฯ ในเดือนธันวาคม
๒๕๖๔-มกราคม ๒๕๖๕
ภายใต้เงื่อนไขการลงทะเบียนและนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์
(ระบบ e-Service)
เพื่อให้กลุ่มนายจ้างเป้าหมายของโครงการฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ ได้รับความช่วยเหลือตามโครงการฯ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
ทั้งนี้ เห็นควรให้กรมการจัดหางานเร่งดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
และเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ แล้ว
ให้กรมการจัดหางานเร่งปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดโครงการฯ ในระบบ eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการฯ โดยเร็ว ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วน
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม
พ.ศ. ๒๕๖๔ เร่งดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
และในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้
เห็นควรให้เร่งเสนอยกเลิกโครงการต่อคณะกรรมการฯ พิจารณาตามขั้นตอนของข้อ ๑๙
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้การบริหารเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1595 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม | ศย. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ของศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม จำนวน ๓๔,๖๑๐,๐๓๒,๒๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1596 | รายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่จะเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 5 รายการ [โครงการ "เช่ารถยนต์ พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) เพื่อใช้ในภารกิจงานสอบสวน ปราบปรามยาเสพติดของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนในสถานีตำรวจทั่วประเทศ จำนวน 2,081 คัน"] | ตช. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๕ รายการ เพื่อเป็นค่าเช่ารถยนต์พร้อมอุปกรณ์
จำนวน ๙,๒๑๕ คัน วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๓,๔๕๔,๖๗๐,๐๐๐ บาท เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ จำนวน ๒,๖๙๐,๙๓๔,๒๐๐
บาท และส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๐,๗๖๓,๗๓๕,๘๐๐
บาท ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๐ ตามนัยมาตรา ๒๖
ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาตามความจำเป็นและวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
เนื่องจากการเช่ารถยนต์พร้อมอุปกรณ์ในโครงการเช่ารถยนต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติดังกล่าวเป็นรถยนต์ประเภทพิเศษ
ซึ่งแตกต่างไปจากบัญชีราคามาตรฐานครุภัณฑ์ของสำนักงบประมาณและอัตราค่าเช่ารถยนต์ไม่เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
จึงต้องขอความตกลงประเภทรถยนต์ และอัตราค่าเช่ารถยนต์พร้อมอุปกรณ์กับกระทรวงการคลัง
(กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๐
วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ และวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1597 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของสำนักงานศาลปกครอง | ศป. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ของสำนักงานศาลปกครอง จำนวน ๓,๗๑๖,๗๐๙,๐๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1598 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการศูนย์คุณธรรม (คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล) | วธ. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการศูนย์คุณธรรม แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑
มกราคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1599 | การคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโดยไม่ใช้วิธีประมูล โครงการบริหารจัดการ ท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อขนถ่ายสินค้าเหลว | อก. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้ใช้วิธีการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโดยไม่ใช้วิธีประมูล
โครงการบริหารจัดการท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อขนถ่ายสินค้าเหลว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวม ทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เช่น ให้การสนับสนุนการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจเพื่อขับเคลื่อนโครงการให้บรรลุความสำเร็จตามเป้าหมายหลักของรัฐบาลในการดำเนินธุรกิจด้านปิโตรเคมีในโครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก
(EEC)
มอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของโครงการร่วมลงทุน
โดยเฉพาะโครงการที่มีระยะเวลาของสัญญาใกล้จะสิ้นสุดลง ปฏิบัติตามขั้นตอนมาตรา ๔๙
แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ อย่างเคร่งครัด
และกำกับการดำเนินการคัดเลือกเอกชนให้แล้วเสร็จ
สอดคล้องกับระยะเวลาของสัญญาฉบับเดิมที่จะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน ๒๕๖๕
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการให้บริการและป้องกันไม่ให้เกิดกรณีที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยอาจจะต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ
ควรคำนึงถึงการเจรจาผลประโยชน์ตอบแทนระหว่างรัฐและเอกชนอย่างเป็นธรรมตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโดยไม่ใช้วิธีประมูลด้วย
ควรดำเนินการตามขั้นตอน กระบวนการ กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพย์สินที่จะต้องโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่รัฐ
โดยคำนึงถึงระยะเวลาในการรื้อถอนทรัพย์สินของผู้รับสัมปทาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม
(การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) พิจารณากำหนดเงื่อนไขในสัญญาร่วมลงทุนให้เอกชนดูแลและบำรุงรักษาถังเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเหลวรวมทั้งอุปกรณ์ต่าง
ๆ ให้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสม ปลอดภัย
เป็นไปตามมาตรฐานสากลและให้นำข้อตกลงคุณธรรมมาใช้กับโครงการนี้
รวมทั้งให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๔/๒๕๖๔เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ ต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1600 | ร่างบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนด้านพลังงานระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น | พน. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนด้านพลังงานระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า
และอุตสาหกรรมประเทศญี่ปุ่น โดยร่างบันทึกความร่วมมือฯ
เป็นเอกสารที่กำหนดทิศทางและกรอบการดำเนินความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างสองประเทศในมิติต่าง
ๆ ให้ชัดเจนและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
(หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน)
เป็นผู้ลงนามในบันทึกความร่วมมือดังกล่าว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนด้านพลังงานระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเศรษฐกิจ
การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|