ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 24 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 461 - 480 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
461 | เรื่องสืบเนื่องจากการเข้าร่วมการประชุม ACD ของนายกรัฐมนตรี | นร. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
สืบเนื่องจากการเดินทางไปร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๒ - ๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์
ซึ่งกรอบความร่วมมือ ACD เป็นเวทีหารือระดับนโยบายระหว่างประเทศในเอเชีย
เพื่อส่งเสริมความเข้าใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และผลประโยชน์ร่วมกันในเอเชีย รวมถึงเพื่อหาทางออกสำหรับปัญหาและความท้าทายระดับโลกร่วมกัน
ซึ่งในห้วงการประชุมดังกล่าวยังได้มีโอกาสหารือระดับทวิภาคีกับผู้นำหลายประเทศ
ได้แก่ รัฐกาตาร์ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน รัฐคูเวต และสาธารณรัฐทาจิกิสถาน โดยผู้นำทุกประเทศดังกล่าวแสดงความพร้อมที่จะขยายความสัมพันธ์กับประเทศไทยในด้านต่าง
ๆ ทั้งด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และบริการทางการแพทย์
ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประเทศมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้
ประเทศไทยกำหนดจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ACD อีกครั้งหนึ่งในปี
๒๕๖๘ จึงขอมอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเตรียมความพร้อมในการเป็นประธานกรอบความร่วมมือเอเชีย
(Asia Cooperation Dialogue : ACD) รวมทั้งการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ACD ในปี ๒๕๖๘ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุด
รวมทั้งสร้างความประทับใจให้ผู้เข้าร่วมประชุมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
462 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ ฟร. 9/2563 คดีหมายเลขแดงที่ ฟร. 4/2566 ระหว่าง นายไกลก้อง ไวทยการ ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน ผู้ฟ้องคดีคณะรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา | อส. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอน
มาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา
และกรรมาธิการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้มีผลนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา (๒๖
ธันวาคม ๒๕๖๖) ในคดีหมายเลขดำที่ ฟร. ๙/๒๕๖๓ ระหว่าง นายไกลก้อง ไวทยการ ที่ ๑
กับพวกรวม ๒ คน ผู้ฟ้องคดีคณะรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๓ คน ผู้ถูกฟ้องคดี
เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ฟร. ๔/๒๕๖๖ และคดีถึงที่สุดแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
463 | การจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Centre for Climate Change : ACCC) | ทส. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างความตกลงการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และการร่วมลงนามในความตกลงการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และมอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนลงนามในความตกลงการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ลงนามในความตกลงการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนการประสานงานและความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระหว่างประเทศสมาชิกและองค์การระหว่างประเทศ
รวมถึงจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้กับประเทศสมาชิก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
หากการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องมีการขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในอนาคตก็ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย
รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
464 | ร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะว่าด้วยหลักเกณฑ์การกู้เงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | กค. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะว่าด้วยหลักเกณฑ์การกู้เงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะว่าด้วยหลักเกณฑ์การกู้เงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์การกู้เงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ให้มีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์การบริหารหนี้ การกำกับดูแล และการรายงานข้อมูลหนี้ของ
อปท. เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้ของ อปท.
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้การกำกับดูแลที่เหมาะสม ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
465 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบุกรุกที่ชลประทานโดยมิชอบ กรณีศึกษาประเด็นขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ | ปช. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบุกรุกที่ชลประทานโดยมิชอบกรณีศึกษาประเด็นขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
466 | การปรับเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตในภูมิภาคแอฟริกาและที่ดูแลประเทศในภูมิภาคแอฟริกา | กต. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติปรับเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตในภูมิภาคแอฟริกาและที่ดูแลประเทศในภูมิภาคแอฟริกา
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน
๒๕๒๖ (เรื่อง การขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตไปประจำประเทศแอลจีเรีย)
โดยปรับให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย
แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๒. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๙
(เรื่อง ความคืบหน้าของการเปิดสำนักงานในต่างประเทศ) โดยปรับให้สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงมาปูโต สาธารณรัฐโมซัมบิก มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐมาลาวี
สาธารณรัฐแซมเบีย และสาธารณรัฐแองโกลา แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย
สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ๓. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การปรับและกำหนดเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตและกำหนดเขตกงสุลของสถานกงสุลใหญ่ในต่างประเทศ)
โดยปรับให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูจา สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย
มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐไนเจอร์ แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ สาธารณรัฐเซเนกัล
และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ มีเขตอาณาครอบคลุมรัฐลิเบีย
แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
467 | รายงานตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 | สม. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย
ปี ๒๕๖๖ และรายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงาน ก.พ. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษารับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่ปรากฏในรายงานผลการประเมินสถานการณ์ฯ
ไปพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรยืนยันความเห็นเดิมของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๗
เนื่องด้วยข้อเสนอรายงานตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๐ ในครั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ได้มีการเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่ขัดต่อความเห็นที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอไว้ในคราวก่อนหน้า กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เห็นควรสนับสนุนให้เกิดการจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่นอย่างมีคุณภาพภายใต้แผนพัฒนาระบบหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษา
เพื่อเป็นทางเลือกของผู้เรียนในการพัฒนาตนเองตามศักยภาพและบริบทข้อจำกัดของแต่ละบุคคล ๒. ให้ส่งความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม
กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน
ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
สำนักงานอัยการสูงสุด กรุงเทพมหานคร กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ซึ่งได้แจ้งเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อเสนอแนะในรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนที่สามารถดำเนินการได้
ไม่อาจดำเนินการได้
หรือต้องใช้เวลาในการดำเนินการให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อทราบและประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติประสงค์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญต่อการดำเนินการตามข้อเสนอแนะในเรื่องใดเป็นการเร่งด่วน
และให้หน่วยงานแจ้งผลการดำเนินการให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบในกรณีที่ไม่อาจดำเนินการได้หรือต้องใช้เวลาในการดำเนินการ
ขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติส่งข้อเสนอแนะดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงอีกทางหนึ่งด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
468 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ ฯลฯ รวม 6 ราย) (จำนวน 5 ราย) | รง. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง รวม ๖ ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน และทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑. นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) ตำแหน่งเลขที่ ๙ สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ๒. นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารสูง) กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ๓. นางสาวบุปผา เรืองสุด ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ๔. เรือเอก สาโรจน์ คมคาย ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารสูง) กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ๕. นางมารศรี ใจรังษี ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ (นักบริหารสูง) สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ๖. นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
469 | รายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 | คค. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว เห็นว่างบการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานรายงานทางการเงิน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
470 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรา 165 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2567 | นร.12 | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรา ๑๖๕ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ในช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน ๒๕๖๗ และเห็นชอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการในระยะต่อไปให้แล้วเสร็จ โดยมอบหมายให้หน่วยงานดำเนินการ
เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรเร่งรัดการปรับโครงสร้างและอัตรากำลังของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(บก.ปทส.) โดยเกลี่ยอัตรากำลังพลไปปฏิบัติงานในภารกิจที่ขาดแคลนและมีความจำเป็นเร่งด่วนและยกร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อยุบหรือเปลี่ยนแปลง
บก.ปทส. ให้สอดคล้องกัน
พร้อมทั้งร่วมดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนเพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมในการรับโอนภารกิจด้านการสอบสวนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติในระยะต่อไป
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
471 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 การช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า ประปา และการเร่งรัดดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ | สคทช | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในการผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๘
เมษายน ๒๕๔๖ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่าง
ๆ เช่น ไฟฟ้า ประปา เป็นต้น ในพื้นที่นำร่องจังหวัดกาญจนบุรีและแม่ฮ่องสอน
โดยมีกลุ่มเป้าหมาย แบ่งเป็น กลุ่มเป้าหมายที่ ๑
ประชาชนที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ
ซึ่งอยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิในที่ดิน หรือ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๖
พฤศจิกายน ๒๕๖๑ กลุ่มนี้ควรจะได้รับการพิจารณาผ่อนผันก่อนเป็นลำดับแรก และกลุ่มเป้าหมายที่ ๒
ประชาชนที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐประเภทอื่น ๆ ควรจะพิจารณาผ่อนผันตามเหตุผลและความจำเป็น
เป็นรายกรณี โดยไม่ขัดหรือแย้งกับมาตรการการบุกรุกที่ดินของรัฐ มาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกิน
และการใช้ประโยชน์ตามภารกิจของหน่วยงานของรัฐนั้น ๆ และให้คณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐจังหวัด
(คพร.จังหวัด) กาญจนบุรีและแม่ฮ่องสอน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ
รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อเร่งรัดการพิสูจน์สิทธิในที่ดินให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี
หากมีเหตุผลความจำเป็นให้ สคทช.
ประสานกำหนดแผนการดำเนินการเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อเสนอแนะของกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหน่วยงานที่เข้าไปดำเนินการติดตั้งสาธารณูปโภคในพื้นที่
ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด กระทรวงมหาดไทย ควรสนับสนุนการวางโครงสร้างสำหรับการเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่าง
ๆ เช่น ไฟฟ้าและประปา ควรมีการผ่อนผันการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
(ทุกประเภท) สำหรับการวางท่อส่งน้ำและท่อจ่ายน้ำประปา
รวมทั้งการขยายเขตระบบไฟฟ้า ทั้งนี้ การพิจารณาผ่อนผันให้ประชาชนอยู่อาศัยหรือเข้าทำประโยชน์ในเขตที่ดินของรัฐ
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและสอดคล้องกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยให้ความสำคัญกับการรักษาไว้ซึ่งพื้นที่สีเขียวและสภาพธรรมชาติของพื้นที่เพื่อป้องกันปัญหาการเสื่อมโทรมของพื้นที่ป่าอันเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาโลกร้อนและภัยธรรมชาติต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
472 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายวิเชียร สุขสร้อย) | วธ. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
473 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายคุณากร ปรีชาชนะชัย และนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์) | พณ. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ(๘ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
ดังนี้ ๑. นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ๒. นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
474 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ ฯลฯ รวม 6 ราย) (จำนวน 1 ราย) | รง. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
รวม ๖ ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน และทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑. นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง)
ตำแหน่งเลขที่ ๙ สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ๒. นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารสูง) กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ๓. นางสาวบุปผา เรืองสุด ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง)
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ๔. เรือเอก สาโรจน์ คมคาย ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารสูง)
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ๕. นางมารศรี ใจรังษี ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ (นักบริหารสูง)
สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ๖. นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง)
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
475 | ร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมระดับผู้นำกลุ่มพันธมิตรเอเชียเพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ครั้งที่ 2 [The 2nd Asia Zero Emission Community (AZEC) Leaders Meeting] | พน. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
476 | รายงานสรุปคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี | อส. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี
ที่สำนักงานอัยการสูงสุดจัดทำขึ้น มีสาระสำคัญเป็นการรายงานผลการพิจารณาชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง และการดำเนินคดี ในรอบระยะเวลา ๖ เดือน
(ตั้งแต่กันยายน ๒๕๖๖ ถึงเมษายน ๒๕๖๗) รวม ๒๖ เรื่อง ตามที่คณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
477 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลเอก ไตรศักดิ์ อินทรรัสมี) | กห. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พลเอก ไตรศักดิ์
อินทรรัสมี เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
478 | ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... | คค. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ.
.... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางรางของประเทศเพื่อควบคุมและกำกับดูแลกิจการขนส่งทางรางให้สามารถยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมขนส่งทางรางและการบริหารจัดการการขนส่งทางรางอย่างเป็นระบบ
สอดคล้องกับการพัฒนาการขนส่งรูปแบบอื่น ๆ ให้เป็นโครงข่ายเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายในการบังคับใช้กฎหมายที่จะเกิดขึ้นในระยะ
๓ ปีแรก จำนวน ๔๒๗,๘๘๓,๔๒๘ บาท ซึ่งอาจส่งผลต่อภาระงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ควรให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางรางเตรียมความพร้อมให้ครบถ้วนในทุกมิติ
โดยคำนึงถึงภารกิจความจำเป็น ความสามารถในการดำเนินงาน ความคุ้มค่าของค่าใช้จ่าย
ความครอบคลุมของแหล่งเงินอื่นนอกเหนือจากงบประมาณ และจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นอย่างประหยัดในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากำหนดแนวทางการบูรณาการยุทธศาสตร์/แนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก
ตลอดจนการกำกับดูแลกิจการที่เกี่ยวกับการขนส่งทั้งทางถนน ทางอากาศ ทางราง
และทางน้ำ เพื่อให้เกิดการขนส่งเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ และให้กรมการขนส่งทางรางพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายลำดับรอง
โดยในเบื้องต้นควรเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มบทบาทของเอกชนในกิจการระบบขนส่งทางรางเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกระบบรางได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
479 | สรุปผลการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมการเข้าถึงการพัฒนาและการดูแลเด็กปฐมวัยอย่างเท่าเทียมในภูมิภาคอาเซียน ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | ศธ. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมการเข้าถึงการพัฒนาและการดูแลเด็กปฐมวัยอย่างเท่าเทียมในภูมิภาคอาเซียน
ระหว่างวันที่ ๑๔ - ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
สรุปได้ ดังนี้ ๑)
การหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาและดูแลเด็กปฐมวัย ๔ ประเด็น
ได้แก่ (๑) การเปลี่ยนแปลงจากการศึกษาปฐมวัยสู่การศึกษาระดับประถมศึกษา (๒)
ผู้ดูแลครู และผู้ปกครอง (๓) งบฯ สำหรับการดูแลและการจัดการการศึกษาปฐมวัย และ (๔)
การดูแลและการจัดการเด็กปฐมวัยกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยไทยเห็นว่ารัฐบาลควรร่วมกำหนดนโยบายที่สนับสนุนความยืดหยุ่นด้านการศึกษาปฐมวัยรวมถึงการจัดสวัสดิการและบริการอื่น
ๆ ๒) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้นำเสนอนโยบาย ๓ เร่ง ๓ ลด ๓ เพิ่ม เช่น
เร่งให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ปกครอง ครู ผู้ดูแลเด็ก ลดการใช้สื่อหน้าจอในเด็กปฐมวัยก่อนวัย
๒ ขวบ เพิ่มกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ผ่านการเล่นที่หลากหลาย และ ๓)
ที่ประชุมฯ ได้รับรองร่างแถลงการณ์เวียงจันทน์ ว่าด้วยความเสมอภาค การเข้าถึง
และสิ่งแวดล้อม : การพัฒนาความสามารถในการปรับตัวรับกับสภาพภูมิอากาศของเด็กปฐมวัยในอาเซียน
ซึ่งให้ความสำคัญกับการสนับสนุนนโยบายที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการปรับตัวเพื่อรับสภาพภูมิอากาศ
การวางแผนรับมือกับความเสี่ยงด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย เป็นต้น และเห็นชอบมอบหมายกระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทยดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
480 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชง พ.ศ. .... | สธ. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต
นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕
เฉพาะสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชง พ.ศ. .... .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย
หรือมีไว้ในครอบครอง กำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาต การออกใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต การแก้ไขรายการในใบอนุญาต
การดำเนินการของผู้รับอนุญาตเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแล
และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชง
เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ เชิงพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรม
การวิเคราะห์หรือศึกษาวิจัยทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์
รวมทั้งเพื่อประโยชน์ของทางราชการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น สำนักงาน ก.พ.ร.
เห็นว่าการกำหนดระยะเวลาการแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตตามร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๑๘ ควรกำหนดให้สอดคล้องตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เห็นว่าในกลุ่มสินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชาหรือกัญชงจัดเป็นสินค้าที่มีส่วนผสมของยาเสพติดให้โทษในประเภท
๕ ที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ ครอบครัว อุบัติเหตุและอาชญากรรม และอาจลุกลามก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมส่วนรวม
จึงควรมีหลักเกณฑ์ควบคุมการประกอบธุรกิจดังกล่าว โดยจำกัดสิทธิบางประการของผู้ประกอบธุรกิจและ/หรือผู้รับอนุญาตผลิต
นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองและควรมีบทกำหนดโทษที่ชัดเจนสำหรับผู้ประกอบธุรกิจและ/หรือผู้รับอนุญาตฯ
ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ทางการค้าเพื่อลดปัญหาผลกระทบทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ
ตลอดจนป้องกันเด็กและเยาวชนเข้าถึงสินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชาหรือกัญชงและประสงค์ที่จะนำไปใช้อย่างผิดวิธีได้โดยง่าย ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานอัยการสูงสุด
และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น |