ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 23 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 441 - 460 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
441 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายวัธนชัย ทองประเสริฐ) | นร.06 | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวัธนชัย ทองประเสริฐ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก (ผู้อำนวยการสูง) สำนัก ๑ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบงานการข่าว (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา
สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
442 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (ฉบับที่ .) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิขาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาบริหารรัฐกิจ
และสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ เพิ่มระดับชั้นปริญญาโทในสาขาวิชาเทคโนโลยี
รวมถึงกำหนดสีประจำวิทยาลัยการบริหารแห่งรัฐ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
443 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ | นร.04 | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ
จึงรุ่งเรืองกิจ) เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
444 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 | กค. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
เรื่อง โครงการฯ ปี ๒๕๖๕
ในประเด็นแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรฯ (Exclusion Error) จากเดิม “การแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรฯ
จะเปิดรับลงทะเบียนตามโครงการฯ อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง” เป็น “การแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรฯ
จะเปิดรับลงทะเบียนตามโครงการฯ ครั้งต่อไปในระยะเวลาภายใน ๒ ปี นับจากวันที่เริ่มใช้สิทธิครั้งแรกในโครงการที่เปิดรับลงทะเบียนครั้งล่าสุด”
ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
และให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมและกระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับผู้มีรายได้น้อยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
พร้อมทั้งจัดให้มีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เป็นระยะ
ๆ อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
445 | การเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2568 ขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย | พน. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี
๒๕๖๘ ขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๔๗ เมื่อวันที่ ๒๒
มิถุนายน ๒๕๖๗ โดยงบประมาณประจำปี ๒๕๖๘ ขององค์กรร่วมฯ ประกอบด้วย (๑)
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จำนวน ๕,๖๗๐,๒๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ และ (๒) ค่าใช้จ่ายที่เป็นทุน
จำนวน ๕๒,๖๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่างบประมาณประจำปี ๒๕๖๗ ที่ได้รับอนุมัติร้อยละ ๖.๕ (จำนวน ๓๔๗,๘๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ) โดยงบประมาณดังกล่าวองค์กรร่วมฯ ได้เสนอขอใช้เงินที่ได้รับจากการขายปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไรในไตรมาสสุดท้ายของปี
๒๕๖๗ จำนวน ๕,๖๐๙,๓๑๘ ดอลลาร์สหรัฐ
และจากงบประมาณเหลือจ่ายของปี ๒๕๖๖ จำนวน ๑๑๓,๔๘๒
ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
446 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายอิสระ ละอองสกุล) | นร.52 | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอิสระ ละอองสกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง (ผู้อำนวยการสูง) กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการบูรณาการการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่วันที่
๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
447 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกประจำประเทศไทย (นายฟร็องซัว อึนกูนา บาลูมูเอเน) | กต. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฟร็องซัว
อึนกูนา บาลูมูเอเน (Mr. Francois Nkuna Balumuene)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกประจำประเทศไทยคนแรก
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
448 | ร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - ฟิลิปปินส์ ครั้งที่ 6 | กต. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย
- ฟิลิปปินส์ ครั้งที่ ๖ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองร่างบันทึกการประชุมฯ
ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ โดยร่างบันทึกการประชุมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมของทั้งสองประเทศที่จะเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีร่วมกันในทุกมิติ
เช่น การเสริมสร้างความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคง
การส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน
การพัฒนาศักยภาพรวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือทางการศึกษา สังคม วัฒนธรรม และกีฬา
รวมทั้งการดูแลแรงงานไทยและฟิลิปปินส์ในประเทศ นอกจากนี้
ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในระดับภูมิภาคโดยเฉพาะการรวมตัวทางเศรษฐกิจและเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายและอาชญากรรมไซเบอร์ภายใต้กรอบอาเซียน
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักข่าวกรองแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรบูรณาการประเด็นความร่วมมือตามกรอบทวิภาคีนี้ร่วมกับกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศอื่นที่เกี่ยวข้อง
และควรติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด
รวมทั้งสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับ และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ตามความเหมาะสม
โดยให้รวบรวมผลการปรับแก้ร่างบันทึกการประชุมฯ
ดังกล่าวกับผลการปรับแก้เอกสารความตกลงระหว่างประเทศของกรอบความร่วมมืออื่น ๆ
พร้อมทั้งผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง รายงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบในคราวเดียวกัน สำนักข่าวกรองแห่งชาติ เห็นว่าเนื้อหาโดยรวมของร่างบันทึกการประชุมฯ
ครอบคลุมวัตถุประสงค์ในการแสดงเจตนารมณ์ร่วมของทั้งสองประเทศที่จะกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมืออย่างรอบด้าน
แต่อาจพิจารณาปรับถ้อยคำบางส่วนเพื่อให้เนื้อหามีความครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ได้แก่ ข้อ ๘ “ฝ่ายไทยชื่นชมรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่ใช้มาตรการเข้มงวดรับมือกับการกระทำผิดกฎหมายจากธุรกิจพนันออนไลน์
(POGOs)” เป็น “ฝ่ายไทยชื่นชมรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่ใช้มาตรการเข้มงวดในการปราบปรามเครือข่ายหลอกลวงทางออนไลน์
นำไปสู่คำสั่งยกเลิกธุรกิจพนันออนไลน์ (POGOs) ภายในปี ๒๕๖๗”
และข้อ ๑๒ “ฝ่ายฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพการหารือประจำปีระหว่าง NIA และ NICA เมื่อวันที่ ๑ - ๕ มีนาคม ๒๕๖๒
ที่เมืองเซบู” เป็น “ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพการหารือประจำปีระหว่าง NIA และ NICA เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม - ๑ กันยายน ๒๕๖๕
ที่กรุงเทพมหานคร” ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกการประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
449 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ) | สทนช. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
รัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประธานกรรมการ ๒. เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รองประธานกรรมการ ๓. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ ๔. ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการ ๕. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรรมการ ๖. เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กรรมการ ๗. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ ๘. เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการ ๙. ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรรมการ ๑๐. อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรรมการ ๑๑. อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรรมการ ๑๒. อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กรรมการ ๑๓. อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กรรมการ ๑๔. อธิบดีกรมชลประทาน กรรมการ ๑๕. อธิบดีกรมเจ้าท่า กรรมการ ๑๖. อธิบดีกรมประมง กรรมการ ๑๗. อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กรรมการ ๑๘. อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กรรมการ ๑๙. อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กรรมการ ๒๐. อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรรมการ ๒๑. เลขาธิการสำนักงานนโยบาย กรรมการ และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒๒. ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการ ๒๓. ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ กรรมการ ๒๔. เจ้ากรมอุทกศาสตร์ กรรมการ ๒๕. อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กรรมการ ๒๖. นายชัยยุทธ สุขศรี กรรมการ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการน้ำ) ๒๗. นายวิจารย์ สิมาฉายา กรรมการ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน) ๒๘. รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ ๒๙. ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๓๐. ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
450 | การโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 4/2550/80 แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G6/48 | พน. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ Valeura Energy (Gulf of Thailand) Ltd. และบริษัท
เอ็มพี จี6 (ประเทศไทย) จำกัด โอนสิทธิ ประโยชน์
และพันธะซึ่งบริษัททั้งสองต่างถืออยู่ทั้งหมดร้อยละ ๓๐ ในสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่
๔/๒๕๕๐/๘๐ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G6/48 ให้แก่ Northern
Gulf Petroleum Pte. Ltd. โดยอาศัยความตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม
พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานโดยคำแนะนำของคณะกรรมการปิโตรเลียมและต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามมาตรา
๒๒ (๗) แห่งพระราชบัญญัติบิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้
กระทรวงพลังงานจะได้ออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕)
ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๔/๒๕๕๐/๘๐ ตามแบบ ชธ/ป๓/๑
ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแบบสัมปทานปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย ที่เห็นควรให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
451 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำกรุงบันจูล สาธารณรัฐแกมเบีย และการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำกรุงบันจูล สาธารณรัฐแกมเบีย เป็นการถาวร | กต. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่ของ นายอาลิเยอ อับดูลี โมโมดู
อึมโบเก (Mr. Alieu Abdoulie Momodou MBoge) กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำกรุงบันจูล
สาธารณรัฐแกมเบีย ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๔๗ เนื่องจากขอลาออกจากตำแหน่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
452 | การขอความเห็นชอบร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิค (Contract for Technical Assistance) โครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย (Thailand Integrated Logistics and Intermodal Transport Development Plan) ภายใต้ความช่วยเหลือทางวิชาการจากองค์การการค้าและการพัฒนาของสหรัฐอเมริกา (U.S. Trade and Development Agency) | คค. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิค โครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย
ภายใต้ความช่วยเหลือทางวิชาการจากองค์การการค้าและการพัฒนาของสหรัฐอเมริกา และมอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเป็นผู้ลงนามในร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิคฯ
ดังกล่าว โดยร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิคฯ
มีสาระสำคัญ เช่น ๑) สัญญาจะมีผลบังคับใช้เมื่อคู่สัญญาทั้ง ๒ ฝ่ายลงนาม ๒) USTDA จะเป็นผู้จ่ายค่าจ้างให้แก่บริษัทฯ โดยตรง โดยจะจ่ายค่าจ้างเมื่อบริษัทฯ
ดำเนินการตามเป้าหมายผลการดำเนินงานที่กำหนด และ ๓) การแก้ไขข้อพิพาทภายใต้สัญญานี้จะใช้บังคับตามกฎหมายของไทย
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิคฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
453 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 29 (ASEAN Joint Statement on Climate Change to UNFCCC COP 29) | ทส. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
454 | หนังสือสัญญาการรับทุนพัฒนางานด้านภูมิอากาศจากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit: GIZ) | ดศ. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
455 | มาตรการป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้บริการรถขนส่งสาธารณะ | นร. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากเหตุการณ์เพลิงไหม้รถโดยสารสาธารณะที่นำนักเรียนของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม
จังหวัดอุทัยธานี ไปทัศนศึกษา เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา
จนเป็นเหตุให้มีอาจารย์และนักเรียนเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก นั้น
เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นในทำนองเดียวกันอีก
รวมทั้งเพื่อให้รถขนส่งสาธารณะทุกประเภท โดยเฉพาะรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงมีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น
จึงขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้คณะทำงานของกระทรวงคมนาคม
(คณะกรรมการพิจารณามาตรการเชิงป้องกันสำหรับการให้บริการขนส่งด้วยรถโดยสารสาธารณะ)
ร่วมกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)
เร่งพิจารณากำหนดมาตรการลดปัญหาอุบัติภัยและสร้างความปลอดภัยแก่การขนส่งสาธารณะทั้งทางบก
ทางน้ำ และทางอากาศให้ชัดเจน เป็นรูปธรรม ให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วัน
แล้วให้ดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็วต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก)
พิจารณากำหนดให้รถขนส่งสาธารณะทุกประเภทที่ใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติอัด
(Compressed Natural Gas : CNG) หรือก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (Natural
Gas for Vehicles : NGV) หยุดให้บริการชั่วคราวเพื่อตรวจสภาพรถให้ถูกต้อง
เหมาะสม ให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน
โดยให้ดำเนินการตรวจสภาพรถขนส่งสาธารณะที่ใช้สำหรับรับส่งเด็กนักเรียนก่อนเป็นลำดับแรก ๓. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ
และหน่วยงานอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการโดยสารและการขนส่งให้มีความเหมาะสม
ทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
456 | การประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 16 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ทส. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
457 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเตเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเตประจำประเทศไทย (นายฟรังซิชกู ติลมัง ซือเปดา) | กต. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฟรังซิชกู ติลมัง ซือเปดา (Mr. Francisco Tilman Cepeda) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเตประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายจูเว็งซียู ดือ จือซุช มาร์ติงช์ (Mr. Juvencio de Jesus Martins) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
458 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.01 | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนในไตรมาสที่
๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น
และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.
สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนฯ
ที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ รวมทั้งสิ้น ๓๐,๘๓๓ ครั้ง (๑๔,๘๗๑ เรื่อง)
สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ ๑๑,๒๓๙ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ
๗๕.๕๘ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการประสานเรื่องร้องทุกข์ฯ มากที่สุด (๑,๔๘๗ เรื่อง) ๒. การประมวลผลและวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นฯ
มีสถิติเรื่องร้องทุกข์ ๑๔,๘๗๑ เรื่อง มากกว่าไตรมาสที่ ๒
ของปีงบประมาณ ๒๕๖๖ จำนวน ๔๒๒ เรื่อง (มีเรื่องร้องทุกข์ ๑๔,๔๔๙
เรื่อง) โดยประเด็นที่ประชาชนยื่นเรื่องร้องทุกข์มากที่สุดคือ
เสียงรบกวน/สั่นสะเทือน (๑,๖๕๓ เรื่อง
ซึ่งดำเนินการจนได้ข้อยุติแล้ว ๑,๕๐๖ เรื่อง) ๓.
ปัญหาและความต้องการของประชาชนที่ร้องทุกข์/หน่วยรับการประสานเรื่องร้องทุกข์ เช่น
ปัญหาด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเป็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์เป็นจำนวนมาก
ซึ่งหากหน่วยงานมีการสำรวจและประเมินความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างละเอียดและครอบคลุม
จะสามารถนำข้อมูลไปวางแผนแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ๔.
ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน เช่น
หน่วยงานที่รับผิดชอบงานด้านสาธารณูปโภค โดยเฉพาะ อปท.
ควรสำรวจความต้องการและสภาพปัญหาของประชาชนในพื้นที่ และดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ตรงตามความต้องการ ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงวัฒนธรรม
รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรสร้างความรู้ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สภาพดิน และการลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ ควรสร้างทางเลือกให้กับประชาชน
ในการกำจัด/แปรสภาพวัสดุที่เหลือจากการเกษตร การทำไร่/นา รวมทั้งปัญหากลิ่นจากการประกอบกิจการฟาร์มเลี้ยงสัตว์
โดยการสรรหาเครื่องมือหรือวิธีการตรวจสอบ หรือกำกับแหล่งกำเนิดกลิ่นมลพิษต่าง ๆ จากฟาร์มสุกร
และฟาร์มไก่ ให้เพียงพออย่างเหมาะสม และจัดทำทางเลือกให้กับประชาชนในการกำจัด/แปรสภาพวัสดุที่เหลือใช้ทางการเกษตร
การทำไร่/นา ภายใต้โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
459 | ขอความเห็นชอบเพื่อลงนามเอกสารข้อตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับกองทุนระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาการเกษตรว่าด้วยการจัดตั้งสำนักงาน IFAD ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย และเอกสารที่เกี่ยวข้อง | กษ. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
460 | ขอความเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีพิธีสาร ค.ศ. 1988 ของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. 1974 (Protocol of 1988 relating to the International Convention for the Safety of Life at Sea, 1974) และพิธีสาร ค.ศ. 1988 ของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยแนวน้ำบรรทุก ค.ศ. 1966 (Protocol of 1988 relating to the International Convention on Load Lines, 1966) | คค. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีพิธีสาร ค.ศ. ๑๙๘๘
ของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. ๑๙๗๔ [Protocol of 1988 relating to
the International Convention for the Safety of Life at Sea
(SOLAS), 1974] และพิธีสาร ค.ศ. ๑๙๘๘
ของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยแนวน้ำบรรทุก ค.ศ. ๑๙๖๖ (Protocol of 1988 relating to the International Convention on Load
Lines, 1966) และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำภาคยานุวัติสาร
(Instrument of Accession) เพื่อเข้าเป็นภาคีพิธีสารทั้ง ๒
ฉบับดังกล่าว ยื่นต่อเลขาธิการองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ต่อไป โดยร่างอนุสัญญา SOLAS 1974
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับการต่อเรือ อุปกรณ์
และการทำงานของเรือให้มีความปลอดภัย และอนุสัญญา Load Lines 1966
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการคำนวณหาความสามารถในการบรรทุกสูงสุดของเรือแต่ละประเภท/แต่ละลำ
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|