ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 21 - 40 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ครั้งที่ 1/2567 | นร.01 | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๗ ยกเว้นในส่วนของเรื่อง
เห็นชอบการขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการโดยรัฐ ด้านสวัสดิการกลุ่มเปราะบาง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม คณะอนุกรรมการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการดำเนินการใด
ๆ ในพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย กระทรวงยุติธรรม เห็นว่าประเด็นที่ ๑ และประเด็นที่
๒ เห็นพ้องให้คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย คดีความและกระบวนการยุติธรรม
ดำเนินการตามมติของการประชุมคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม (เดิม)
และเห็นควรให้ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมต่อไป ๒ ในส่วนของเรื่อง เห็นชอบการขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการโดยรัฐ
ด้านสวัสดิการกลุ่มเปราะบาง เห็นชอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับไปพิจารณาให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและข้อเสนอนโยบายตามมติคณะรัฐมนตรี
(๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งต่อไป
ตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของของมนุษย์ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
22 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการ "Easy E-Receipt 2.0") | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการ “Easy E-Receipt 2.0”)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในราชอาณาจักรจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้สูงสุดรวม
๕๐,๐๐๐ บาท สำหรับค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการทั่วไป
(รวมค่าซื้อสินค้า OTOP และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคม)
ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ หากเกิน
๓๐,๐๐๐ บาท ให้ลดหย่อนสำหรับค่าซื้อสินค้า OTOP ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจเพื่อสังคมที่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนและกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
ได้อีกตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้
มาตรการดังกล่าวมีผลใช้บังคับได้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๒๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และจะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์
(e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากรเท่านั้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงการคลังสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
23 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายสันติ นันตสุวรรณ ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | รง. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑ .นายสันติ นันตสุวรรณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวกาญจนา พูลแก้ว ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. ว่าที่ร้อยตรี สมศักดิ์ พรหมดำ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24 | รายงานประจำปีเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | มท. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานประจำปีเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการผังเมือง
พ.ศ. ๒๕๖๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกอบด้วย ๑)
สถานการณ์ด้านการผังเมืองของประเทศไทยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ๒)
ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒ ๓)
ธรรมนูญว่าด้วยการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๖๖ ๔)
ผลการดำเนินการและผลสัมฤทธิ์ของการวางและจัดทำผังเมือง ๕)
การดำเนินการจัดทำอนุบัญญัติตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒ ๖) การพัฒนาเมือง
และ ๗) การดำเนินการเพื่อสนับสนุนภารกิจด้านการผังเมืองและการพัฒนาเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2569-2572) | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุน การพัฒนาการแพทย์และการสาธารณสุข) | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
(จะสิ้นสุดในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗) โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒
เท่าของจำนวนเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร
สำหรับการบริจาคเพื่อกิจกรรมหรือโครงการสาธารณกุศลหรือสาธารณประโยชน์ให้แก่หน่วยรับบริจาค
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยให้หักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายบริจาคได้
๒ เท่า สำหรับการบริจาคแก่องค์การหรือสถานสาธารณกุศลด้านสาธารณสุขบางแห่งอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับสถานสาธารณกุศลอีกหลายแห่งซึ่งได้รับสิทธิหักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายบริจาคได้
๑ เท่า ดังนั้น ในระยะต่อไปกระทรวงการคลังควรพิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยอาจพิจารณากำหนดให้บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคให้แก่องค์การหรือสถานสาธารณกุศล
ได้รับสิทธิหักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายบริจาคได้ ๑ เท่า
เพื่อจูงใจให้ประชาชนและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการบริจาคเพื่อการพัฒนาการแพทย์และการสาธารณสุขของประเทศ
โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาความลักลั่นในเชิงนโยบาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
27 | ขออนุมัติผ่อนผันการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ระมาด เพื่อสร้างวัดดอยภูกาล่าง ท้องที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก | พศ. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๔
ไร่ ๓ งาน ๒๑ ตารางวา เพื่อสร้างวัดดอยภูกาล่าง ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าจะต้องกำกับดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง
ๆ ให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะตามมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ
และมาตรการที่นำเสนอไว้ในรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม (EAR) อย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะการอนุรักษ์ดูแลรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำตามวิถีพุทธ การปลูกต้นไม้ทดแทนในบริเวณที่ขออนุญาตและพื้นที่ข้างเคียงที่มีสภาพเสื่อมโทรม
และการปลูกพืชคลุมดินบริเวณที่มีความลาดชัน เป็นต้น
รวมทั้งควรมีมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าไปตัดไม้ทำลายป่าบริเวณใกล้เคียงที่ยังมีสภาพป่าไม้สมบูรณ์
และมาตรการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินตามแนวเส้นทางเข้าสู่โครงการ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28 | มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2567/2568 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง และฝนทิ้งช่วง ปี 2568 | นร.14 | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี
๒๕๖๗/๒๕๖๘
และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง
และฝนทิ้งช่วง ปี ๒๕๖๘ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวแล้วรายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบต่อไป
โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑.๑ มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบการดำเนินการให้หน่วยงานของรัฐอันได้รับการปรับปรุงมาจากการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฤดูแล้ง
ปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗
แต่การดำเนินการของมาตรการส่วนใหญ่ยังคงเดิมและปรับลดมาตรการที่มีความซ้ำซ้อนกัน
ยกเว้นมาตรการที่ ๒ ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากเดิม “ปฏิบัติการเติมน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ”
เป็น
“สร้างความมั่นคงน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตรพร้อมปฏิบัติการเติมน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ”
และเพิ่มกลไกย่อยภายใต้มาตรการเพื่อให้สามารถรองรับพื้นที่ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากปีที่ผ่านมา
รวมทั้งนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้มาตรการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
๑.๒ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงปี
๒๕๖๘ เป็นการกำหนดแนวทางให้หน่วยงานต่าง ๆ
เสนอโครงการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ
ที่มีความสอดคล้องกับมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณ
โดยมีข้อกำหนดในการเสนอแผนงานโครงการ เช่น
ต้องเป็นแผนงานโครงการที่ในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลน้ำต้องระบุที่ตั้งพร้อมพิกัดของโครงการได้ชัดเจน
ต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดและแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี
เป็นต้น ๒. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่และโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อให้สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวได้ตรงตามความต้องการและทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งควรประสานส่วนราชการจังหวัดและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นให้เร่งรัดดำเนินการเตรียมแผนงานโครงการให้มีความพร้อมโดยเร็ว และควรเพิ่มช่องทางในการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายและภาคส่วนต่าง ๆ ให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
29 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ขยายระยะเวลามาตรการการปรับลดอัตราภาษีสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ประเภทที่ 17.01 | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๓๙) พ.ศ.
๒๕๖๗ โดยขยายระยะเวลาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ประเภทที่
๑๗.๐๑ (ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ บาร์ ค็อกเทลเลาจน์
โดยให้หมายความรวมถึงสถานที่ที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์โดยจัดให้มีการแสดงดนตรีหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง
ซึ่งปิดทำการหลังเวลา ๒๔.๐๐ น.) ในอัตราตามมูลค่าร้อยละ ๕ (เดิมร้อยละ ๑๐) ออกไปอีก
๑ ปี (สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗) ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๘
เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศให้ดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นสมควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
30 | รายงานข้อมูลสถานการณ์ด้านความรุนแรงในครอบครัวตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ประจำปี 2565 | พม. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานข้อมูลสถานการณ์ด้านความรุนแรงในครอบครัวตามมาตรา
๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ประจำปี
๒๕๖๕ ซึ่งประกอบด้วย ส่วนที่ ๑ ข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี
และความรุนแรงในครอบครัว ปี ๒๕๖๕ ที่รวบรวมจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ส่วนที่ ๒ ข้อมูลความรุนแรงในครอบครัวตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๐ ส่วนที่ ๓ บทวิเคราะห์สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว
และส่วนที่ ๔ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
31 | การกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี 2568 | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงิน
ประจำปี ๒๕๖๘ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการการเงิน (กนง.)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง
และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๘
ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑ - ๓ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา
๒๘/๘ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕
ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการนโยบายการเงินรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าหากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวอยู่นอกกรอบเป้าหมาย
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นสำหรับการบริโภคและการลงทุน ควรให้ กนง.
เร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวและรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี
รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชนถึงแนวทางในการแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้เข้าสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารกลางถือเป็นภารกิจที่สำคัญเนื่องจากเป็นการสะท้อนถึงความตั้งใจที่จะดำรงเสถียรภาพด้านราคาและเศรษฐกิจ
ธนาคารแห่งประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้เข้าสู่กรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสื่อสารต่อสาธารณชนถึงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้สามารถดำเนินนโยบายการเงินเพื่อรักษาอัตราเงินเฟ้อทั่วไปให้อยู่ภายในกรอบเป้าหมายฯ
ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อไม่ให้ผันผวนจนส่งผลกระทบต่อการลงทุน
การส่งออก และการรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
32 | การแก้ไขข้อขัดข้องให้กับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 และการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว | รง. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
๑.๑ การแก้ไขข้อขัดข้องให้กับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓
ตุลาคม ๒๕๖๖
ที่ดำเนินการครบทุกขั้นตอนแต่ไม่สามารถจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
๑.๒
แนวทางการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
ให้กับคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานตามมติคณะรัฐมนตรี
๑.๓ ให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้นายจ้าง/ผู้ประกอบการ
แรงงานต่างด้าว และผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบข้อมูลการดำเนินการดังกล่าวอย่างทั่วถึง ๒. เห็นชอบร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖
กรณีคนต่างด้าวไม่สามารถจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ....................................
๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ..)
๒.๓ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ..) ๓.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีแนวทางการปรับปรุงกระบวนการที่เกี่ยวข้องสำหรับแรงงานที่ต้องการจะเข้ามาทำงานยังประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
รวมถึงแนวทางความร่วมมือกับประเทศต้นทางในการลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน
เพื่อให้การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวของประเทศมีความยั่งยืนในระยะยาว
และควรพิจารณาจัดทำรายงานสังเกตการณ์/เฝ้าระวัง
สถานการณ์และมาตรการด้านแรงงานของประเทศเพื่อนบ้าน
เพื่อประมาณการและประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
รวมทั้งควรเร่งพัฒนาฐานข้อมูลแรงงานข้ามชาติและผู้ติดตาม
เพื่อนำมาใช้ประกอบการพิจารณาออกมาตรการ
และแนวทางในการบูรณาการกำลังแรงงานข้ามชาติที่มีศักยภาพเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตลาดแรงงานของไทยอย่างเหมาะสมในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
33 | พิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง (First Protocol to Amend ASEAN–Hong Kong, China Free Trade Agreement) | พณ. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดเพชรบุรี เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ พ.ศ. .... | ทส. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดเพชรบุรี
เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตามที่เสนอได้
และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด พ.ศ. .... | มท. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
ในท้องที่ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
แปลง “ตะกาดคลองเจดีย์สาธารณประโยชน์” ในท้องที่ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่
จังหวัดตราด เนื้อที่ประมาณ ๓๖ ไร่ ๑ งาน ๖๑ ตารางวา เพื่อมอบหมายให้องค์การบริหารส่วนตำบลไม้รูดใช้เป็นพื้นที่ดำเนินโครงการระบบจัดการขยะ
เพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงและปุ๋ยอินทรีย์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรจัดเตรียมสถานที่แหล่งรับซื้อเชื้อเพลิงขยะบริเวณใกล้เคียงไว้ด้วย
เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิก Climate Market Club ของประเทศไทย | ทส. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสิทธิรัตน์ ดรงคมาศ และนางสาวสภัทร์พร ธรรมาภรณ์พิลาศ) | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๙
มิถุนายน ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นายสิทธิรัตน์ ดรงคมาศ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง
(เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ๒. นางสาวสภัทร์พร ธรรมาภรณ์พิลาศ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน
(เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
38 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 | นร.07 | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ และรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ณ สิ้นไตรมาสที่ ๔
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
39 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติสำหรับการผลิตเชื้อเห็ดเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. 2560 พ.ศ. .... | กษ. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติ
สำหรับการผลิตเชื้อเห็ดเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกการควบคุมกระบวนการผลิตที่จะทำให้เชื้อเห็ดมีคุณภาพและได้มาตรฐานตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติสำหรับการผลิตเชื้อเห็ดเป็นมาตรฐานบังคับ
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อลดภาระของผู้ผลิตเชื้อเห็ดที่จะต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการและขอรับการตรวจสอบและรับรองจากผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร
พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
40 | ขออนุมัติเป็นหลักการให้จ่ายเงินอุดหนุนสำนักเลขาธิการอาเซียนสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของหน่วยงานสนับสนุนความตกลง RCEP | พณ. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติเป็นหลักการให้จ่ายเงินอุดหนุนแก่สำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการของหน่วยงานสนับสนุนความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
(Regional
Comprehensive Economic Partnership : RCEP) (RCEP Support Unit : RSU) ตั้งแต่ปี ๒๕๖๗ เป็นต้นไป วงเงินปีละ ๓๖,๕๑๑ ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ ๑,๓๘๗,๔๑๘
บาท) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินอุดหนุนสำนักเลขาธิการอาเซียนประจำปี ๒๕๖๗ และประจำปี ๒๕๖๘
รวมจำนวน ๗๓,๐๒๒ ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๒,๗๗๔,๘๓๖ บาท เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์
(กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ)
พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์
(กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนแก่สำนักเลขาธิการอาเซียนให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งควรพิจารณาติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลการดำเนินงานของ
RSU
เพื่อประเมินความคุ้มค่าของการสนับสนุนงบประมาณดังกล่าว
และรายงานต่อคณะรัฐมนตรีให้ทราบเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|