ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 689 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 13761 - 13780 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13761 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ [เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561)] | นร | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ เรื่อง ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ [เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13762 | การรายงานผลการดำเนินงานการส่งเสริมเกียรติภูมิ ภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลกด้วยมิติทางวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | วธ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานการส่งเสริมเกียรติภูมิ ภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลกด้วยมิติทางวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยกระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในต่างประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้มีการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมเพื่อนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์อันดีในระดับประชาชน ระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินงานรวม ๑๘๔ กิจกรรม ใน ๔๔ ประเทศ เช่น การถวายคัมภีร์พระมาลัยฉบับปริวรรตแล้วแด่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขสูงสุดแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก การจัดงานศิลปะการแสดงพื้นบ้าน “สานสัมพันธ์ไทย-จีน” ณ มณฑลไหหลำ สาธารณรัฐประชาชนจีน และโครงการเผยแพร่ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน (ลิเก) ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และการจัดโครงการวัฒนธรรมสัญจรสำหรับคณะทูตานุทูต เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งมรดกวัฒนธรรมและศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13763 | รายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรี ครั้งที่ 3 ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และคณะ | พม | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรี ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และคณะ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้าร่วมพิธีเปิดและการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรี ครั้งที่ ๓ โดยมีผู้นำจากประเทศสมาชิกอาเซียน ๑๐ ประเทศ เข้าร่วมการประชุม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้กล่าวถ้อยแถลงในนามของรัฐบาลไทยในหัวข้อ “การคุ้มครองทางสังคมแก่สตรีและเด็กหญิง” โดยนำเสนอผลการดำเนินงานด้านการคุ้มครองสวัสดิภาพบุคคลในประเทศไทยซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เด็ก สตรี ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม รวมทั้งนำเสนอความก้าวหน้าในการคุ้มครองทางสังคมแก่ผู้หญิงและเด็กหญิงในทุกช่วงวัย โดยการผลักดันกฎหมาย และการกำหนดมาตรการเพื่อช่วย นอกจากนี้ รัฐมนตรีและหัวหน้าคณะจากทุกประเทศได้มีการรับรองถ้อยแถลงร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรี ครั้งที่ ๓ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหัวหน้าคณะผู้แทนจาก ๑๐ ประเทศอาเซียน เดินทางไปยังสภาแห่งชาติเวียดนาม เพื่อเข้าพบประธานสภาแห่งชาติเวียดนามและรับฟังการนำเสนอเกี่ยวกับบทบาทสตรีทางการเมืองของเวียดนาม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้พบปะเยี่ยมเยียนตัวแทนผู้หญิงไทยที่พำนักอยู่ในเวียดนาม โดยได้สอบถามเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ การรวมกลุ่มและการติดต่อสื่อสารระหว่างกันเพื่อช่วยเหลือกันของชาวไทย รวมถึงปัญหาการใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนของชาวไทยในเวียดนามและช่องทางการขอรับความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูต และช่องทางการช่วยเหลืออื่น ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13764 | ความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางบริหารในเรื่องทางศุลกากร | กค | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแก้ไขร่างความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางบริหารในเรื่องทางศุลกากร ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างความตกลงฯ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ โดยกระทรวงการคลังและฝ่ายเนเธอร์แลนด์ได้เห็นชอบร่วมกันเพื่อปรับปรุงถ้อยคำของร่างความตกลงฯ ก่อนการลงนาม และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ ได้แก่ (๑) แก้ไขการอ้างถึงเดือนของข้อมติเรื่อง ความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกของห่วงโซ่อุปทานทางการค้าระหว่างประเทศขององค์การศุลกากรโลกในส่วนของอารัมภบท จาก “เดือนกรกฎาคม ค.ศ. ๒๐๐๐ และเดือนกรกฎาคม ค.ศ. ๒๐๐๒” เป็น “เดือนมิถุนายน ค.ศ. ๒๐๐๐ และเดือนมิถุนายน ค.ศ. ๒๐๐๒” และ (๒) ปรับตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและคำร้องของเนเธอร์แลนด์เพื่อให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับส่วนอื่น ๆ ของร่างความตกลงฯ ทั้งนี้ ความตกลงฯ จะมีผลใช้บังคับภายหลังจากที่ภาคีคู่สัญญาได้แจ้งแต่ละฝ่ายทราบเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางการทูตว่าได้ดำเนินการตามกฎหมายภายใน เพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับเรียบร้อยแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13765 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2561 | ทส | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๗ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การดำเนินคดีหมายเลขดำที่ อ.๖๐๔/๒๕๕๖ ระหว่างสมาคมสมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ที่ ๑ กับพวก รวม ๓ คน ผู้ฟ้องคดีกับคณะรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๔ คน ผู้ถูกฟ้องคดี กรณีใช้อำนาจไม่ถูกต้องในการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ ๒. การทบทวนมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติกรณีรายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ๓. ร่างกฎกระทรวงการขอ และการออกใบอนุญาต เป็นผู้มีสิทธิทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม [กฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามมาตรา ๕๑/๔] ๔. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การแต่งตั้ง การพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ การประชุมและวิธีพิจารณาของคณะกรรมการเปรียบเทียบความผิด [กฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามมาตรา ๑๑๐/๑] ๕. แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๖. กลไกการปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ ๗. ร่างมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM25 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13766 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 36 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง [36th ASEAN Ministers on Energy Meeting (36th AMEM) and its Associated Meetings] ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ | พน | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๓๖ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง [36th ASEAN Ministers on Energy Meeting (36th AMEM) and its Associated Meetings] ระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์เป็นประธานการประชุม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไทยเป็นรองประธาน ซึ่งผลการประชุม 36th AMEM ประกอบด้วยประเด็นในด้านนโยบายและแผนพลังงาน ด้านประสิทธิภาพและการอนุรักษ์พลังงาน ด้านพลังงานทดแทน ด้านพลังงานนิวเคลียร์เพื่อประชาชน ด้านเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ด้านโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และด้านโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน สำหรับการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีอาเซียน+๓ ด้านพลังงาน ครั้งที่ ๑๕ (15th AMEM+3) การประชุมรัฐมนตรีเอเชียตะวันออกด้านพลังงาน ครั้งที่ ๑๒ [12th East Asia Summit Energy Ministers Meeting (12th EAS EMM)] และการหารือทวิภาคี เช่น การประชุมหารือทวิภาคีกับทบวงพลังงานระหว่างประเทศ (The International Energy Agency : IEA) การประชุมหารือทวิภาคีกับทบวงพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (The International Renewable Energy Agency : IRENA) การประชุมหารือทวิภาคีกับสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียตะวันออก (Economic Research Institute for ASEAN and East Asia : ERIA) และการประชุมหารือพหุภาคีระหว่าง ๓ ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และไทย เป็นต้น ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13767 | รายงานสรุปผลการเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุม Green Industry Conference (GIC) ครั้งที่ 5 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรมจากการเยือนประเทศไทยของผู้อำนวยการใหญ่ UNIDO | อก | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุม Green Industry Conference (GIC) ครั้งที่ ๕ ภายใต้หัวข้อ “อุตสาหกรรมสีเขียวเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรมจากการเยือนประเทศไทยของผู้อำนวยการใหญ่องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization : UNIDO) ระหว่างวันที่ ๓-๕ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร โดยกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในช่วงพิธีเปิดการประชุมฯ ได้แก่ การกล่าวปาฐกถาเปิดการประชุม การแลกเปลี่ยนแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) ว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและ UNIDO และการเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามในประกาศเจตนารมณ์ร่วม (Joint Declaration) ระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและ UNIDO นอกจากนี้ ยังมีการหารือทวิภาคีระหว่างผู้อำนวยการใหญ่ UNIDO กับผู้บริหารระดับสูงของไทย เช่น การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่ง UNIDO แสดงความสนใจที่จะร่วมมือเกี่ยวกับการริเริ่มโครงการ Inno-space network และความร่วมมือเพื่อเชื่อมโยงไปสู่อนุภูมิภาคเพื่อพัฒนา SMEs ผ่านการยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดย UNIDO มีนโยบายสนับสนุนความร่วมมือแบบใต้-ใต้ และยินดีแบ่งปันความชำนาญกับไทยในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่ง UNIDO ประสงค์จะริเริ่มความร่วมมือใหม่ ๆ ด้านการส่งเสริมและพัฒนาโรงงานผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กในพื้นที่ชนบท และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น รวมทั้งการเข้าเยี่ยมชมศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม (ITC) สาขากรุงเทพฯ ของผู้อำนวยการใหญ่ UNIDO และคณะ ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอข้อริเริ่มความร่วมมือกับ UNIDO เช่น ให้ UNIDO รวบรวมแนวทางการดำเนินงานด้านอุตสาหกรรม ๔.๐ จากประเทศต่าง ๆ ที่น่าสนใจสำหรับเป็นแนวทางปฏิบัติให้ประเทศสมาชิก และการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการออกแบบแนวทางการดำเนินการด้านอุตสาหกรรม ๔.๐ ในบริบทของไทย เป็นต้น ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13768 | รายงานสรุปผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 20 [20th ASEAN Socio - Cultural Community (ASCC) Council Meeting] ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะ | พม | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๐ [20th ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council Meeting] ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และคณะ ระหว่างวันที่ ๒-๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยที่ประชุม ASCC รับทราบรายงานของประธานการประชุมคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสสำหรับคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๕ (25th Senior Officials Committee for the ASCC : SOCA) เกี่ยวกับผลการดำเนินงานในปี ๒๕๖๑ เช่น การพิจารณาทบทวนความถี่ของการจัดประชุม ASCC การรับรองสถานะเครือข่ายผู้ใจบุญแห่งเอเชีย [Asia Philanthropy Circle (APC)] การผลักดันปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยวัฒนธรรมการป้องกันเพื่อมุ่งไปสู่สังคมแบบสันติ ครอบคลุม เข้มแข็ง และกลมเกลียว การกำหนดรูปแบบใหม่ของการจัดประชุมประสานงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (Coordinating Conference on the ASCC : SOC-COM) การจัดส่งเจ้าหน้าที่ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนไปประจำการ ณ สำนักงานคณะผู้แทนถาวรประจำอาเซียน และการประชุม ASCC อย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับแผนแม่บทอาเซียน ๒๐๒๕ เพื่อบูรณาการสิทธิคนพิการ เป็นต้น รวมทั้งรับทราบความก้าวหน้าของเอกสารผลลัพธ์สำคัญที่จะเสนอต่อผู้นำอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ ๓๓ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ซึ่งจะมีเอกสารที่เสนอเพื่อรับรอง จำนวน ๖ ฉบับ เช่น ปฏิญญาอาเซียนเกี่ยวกับการส่งเสริมงานสีเขียวเพื่อความเท่าเทียมและการเติบโตแบบมีส่วนร่วมของประชาคมอาเซียน และปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการรับรองวันเยาวชนอาเซียนเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ เป็นต้น สำหรับการประชุม ASCC .ในครั้งต่อไป (ครั้งที่ ๒๑) จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑-๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ที่ประเทศไทย และการประชุม ASCC ครั้งที่ ๒๒ จะพิจารณาจัดต่อเนื่องกับการประชุมสุดยอดอาเซียนในปลายปี ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13769 | ข้อสังเกตของกรรมาธิการเต็มสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. .... | สว | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการเต็มสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. .... ซึ่งเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการเร่งรัดกระบวนการให้เปิดสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทยในกรุงเทพมหานคร เห็นควรแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการตรากฎหมายฉบับนี้ อีกทั้งทำความเข้าใจกับเขตบริหารพิเศษฮ่องกงถึงการที่ประเทศไทยจะเร่งรัดการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรและตราอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายให้สอดคล้องและครอบคลุมเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... ที่จะมีการประกาศใช้ รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศหามาตรการรองรับในทางปฏิบัติเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประเทศไทยในช่วงแรกก่อนที่จะมีการแก้ไขและจัดทำพระราชบัญญัติและอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนควรเร่งรัดการจัดทำคู่มือการกำหนดหลักเกณฑ์ รูปแบบ และคำแปลศัพท์ภาษาต่างประเทศสำหรับใช้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันตามข้อสังเกตในการให้ความเห็นชอบพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13770 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และกำหนดสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และกำหนดสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเลื่อนวันใช้บังคับของประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และกำหนดสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ จากเดิมที่กำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เป็นให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ปรับแก้ไขร่างประกาศดังกล่าวให้เป็นไปตามรูปแบบที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ ตรวจพิจารณา และตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13771 | ผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำเสียในคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ | สว | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำเสียในคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปแล้วบางส่วน ได้แก่ (๑) การแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำเฉพาะหน้าในช่วงที่มีการร้องเรียน เช่น ขุดลอกคลองแม่ข่า กำจัดวัชพืชและผักตบชวาในพื้นที่เทศบาลนครเชียงใหม่ และองค์การบริหารส่วนตำบลสบแม่ข่า (๒) แผนการปรับปรุงการบำบัดน้ำเสียและการระบายน้ำ เช่น ศึกษาปรับปรุงแนวท่อรวบรวมน้ำเสียเดิม และขยายพื้นที่รวบรวมน้ำเสียให้ครอบคลุมพื้นที่เทศบาล (๓) การจัดทำรายงานแหล่งกำเนิดมลพิษขนาดใหญ่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น จัดทำรายงานสรุปผลการจัดส่งแบบรายงานสรุป (ทส.๒) ของแหล่งกำเนิดมลพิษขนาดใหญ่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ (๔) การควบคุมการทำงานเพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เช่น แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาและแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ และคณะทำงานสนับสนุนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่าให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ จังหวัดเชียงใหม่รับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ และผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการเพิ่มมากขึ้นในอนาคต รวมทั้งยินดีให้คณะอนุกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชนเมืองเป็นที่ปรึกษา กำกับ และติดตามในภาพรวม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13772 | การเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สำหรับรายการงบประมาณ ที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป | นร07 | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป) ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเร่งรัดการเสนอเรื่องขอรับการจัดสรรงบประมาณรายการที่มีวงเงินตั้งแต่หนี่งพันล้านบาทขึ้นไปไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วน เพื่อจะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติได้ทันภายในวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ นั้น เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นมีระยะเวลาในการพิจารณาดำเนินการเรื่องดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น จึงเห็นควรให้ขยายระยะเวลา จากเดิม ที่กำหนดให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ทันภายในวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ เป็น ให้ส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13773 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันอังคารที่ 11 ธันวาคม 2561)] | นร | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันอังคารที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๑ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13774 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันอังคารที่ 11 ธันวาคม 2561)] | นร | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันอังคารที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13775 | แผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ (ปีพุทธศักราช 2562) ให้แก่ประชาชน | กห | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ (ปีพุทธศักราช ๒๕๖๒) ให้แก่ประชาชน ภายใต้การดำเนินโครงการ “เติมความสุข ให้คนไทย จากใจทหาร” ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑-๒ มกราคม ๒๕๖๒ โดยแบ่งเป็น ๓ กลุ่มงานหลัก ได้แก่ งานสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน งานการช่วยเหลือประชาชน และงานให้บริการและอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13776 | รัฐบาลราชรัฐลักเซมเบิร์กเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายฌ็อง-ปอล เซนนิงเกอร์) | กต | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฌ็อง-ปอล เซนนิงเกอร์ (Mr. Jean-Paul Senninger) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายรอแบร์ เลาแอร์ (Mr. Robert Lauer) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13777 | ร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การเทียบตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าอธิบดี พ.ศ. .... | นร10 | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การเทียบตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าอธิบดี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์กลางสำหรับการพิจารณาเทียบตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าอธิบดี เพื่อให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลตามกฎหมายของแต่ละส่วนราชการมีกรอบแนวทางในการพิจารณากำหนดระเบียบเกี่ยวกับการเทียบตำแหน่งสำหรับใช้ในส่วนราชการของตน และกำหนดให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการเทียบตำแหน่ง มีหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการเทียบตำแหน่งและกำหนดหลักเกณฑ์กลางสำหรับเป็นแนวทางโดยไม่ขัดต่อร่างพระราชบัญญัตินี้ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับร่างมาตรา ๑๑ ที่กำหนดให้ประธานกรรมการและกรรมการได้รับเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ ว่า เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการเทียบตำแหน่งไว้อย่างชัดเจนแล้ว ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการดังกล่าวจึงมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมกรรมการตามนัยพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยไม่ต้องกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ จึงเห็นควรตัดความนัยมาตรา ๑๑ ของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว นอกจากนี้ หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการดังกล่าวควรรวมถึงการเทียบตำแหน่งของ “หัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่ากรม” ตามมาตรา ๒๒๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระเบี้ยประชุมของประธานกรรมการและกรรมการที่จะเกิดขึ้น ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับการจัดสรรเป็นลำดับแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไปให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13778 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ วางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน เพื่อการสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการฝายบ้านวังจิก จังหวัดพิจิตร ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13779 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. .... | มท | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดจำนวนคนต่างด้าวที่มีสัญชาติของแต่ละประเทศซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้ประเทศละจำนวนไม่เกิน ๑๐๐ คนต่อปี และคนต่างด้าวไร้สัญชาติ จำนวนไม่เกิน ๕๐ คนต่อปี เพื่อให้คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยสามารถยื่นคำขอมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยต่อไป อันเป็นการส่งเสริมให้คนต่างด้าวเข้ามาลงทุนและทำงานในประเทศไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรมีการตรวจสอบและพิจารณาประเมินพฤติกรรมความเป็นอยู่ของคนต่างด้าวที่ได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13780 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ยกเว้นค่าธรรมเนียมในช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่ เวลา 00.01 นาฬิกา ของวันที่ 27 ธันวาคม 2561 ถึงเวลา 24.00 นาฬิกาของวันที่ 3 มกราคม 2562) | คค | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมในช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๒ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมเร่งประชาสัมพันธ์ช่วงเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางดังกล่าวให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง รวมทั้งเห็นควรให้กรมทางหลวงบูรณาการการทำงานร่วมกับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เพื่อป้องกันและลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางถนนตามแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
.....