ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 684 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 13661 - 13680 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13661 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2561/2562 | อก | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๑/๒๕๖๒ ในอัตราอ้อยตันละ ๗๐๐.๐๐ บาท ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส หรือเท่ากับร้อยละ ๙๗.๒๙ ของประมาณการราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศที่ ๗๑๙.๔๗ บาทต่อตันอ้อย และกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ ๔๒.๐๐ บาท ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิต ปี ๒๕๖๑/๒๕๖๒ เท่ากับ ๓๐๐.๐๐ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งรัดแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะการยกระดับผลิตภาพอ้อยและน้ำตาลทราย รวมทั้งส่งเสริมการนำผลผลิตจากอ้อยและน้ำตาลทรายไปใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่น ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของประเทศ และควรพิจารณาดำเนินการทบทวนระเบียบมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และแนวทางการจัดเก็บรายได้เพื่อให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และพิจารณาถึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยงาน เป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ ฐานะเงินนอกงบประมาณ รายได้หรือเงินอื่นใดที่หน่วยงานของรัฐนั้นมีอยู่หรือสามารถนำมาใช้จ่ายได้ โดยต้องคำนึงถึงความโปร่งใส คุ้มค่า ประหยัด และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย จากปัญหาราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นต่ำกว่าต้นทุนการผลิต โดยให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนการผลิตและการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับพันธกรณีและข้อตกลงภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) รวมทั้งเป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13662 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ศิลาอารี จำกัด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช | อก | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ของบริษัท ศิลาอารี จำกัด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามคำขอประทานบัตรที่ ๖/๒๕๕๗ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) ของโครงการ การจัดการด้านความปลอดภัยตามเทคโนโลยีการทำเหมือง การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม การฟื้นฟูสภาพพื้นที่ภายหลังการทำเหมืองแร่แล้ว และการเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กำกับให้บริษัท ศิลาอารี จำกัด ดำเนินการให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13663 | ขอเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าชายเลนหนองจิก ท้องที่ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี | ศธ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) และเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๔๓ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) เพื่อเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าชายเลนหนองจิก ท้องที่ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จำนวนเนื้อที่ ๙ ไร่ ๒ งาน ๑๒ ตารางวา เพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งโรงเรียนบ้านปากบางตาวา จังหวัดปัตตานี โดยให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนดำเนินการขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติทั้งหมดที่รับผิดชอบให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นอายุการอนุญาต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่า ของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ คิดเป็นเนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๑๙๐ ไร่ ๒ งาน ๔๐ ตารางวา รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ๒,๓๒๓,๔๑๔ บาท ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดำเนินการโดยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13664 | ขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป | ลต | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานในการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ โดยให้มีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13665 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ปช | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) จำนวน ๓,๗๕๐,๕๓๘,๑๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ถือว่าการเสนอคำของบประมาณรายจ่ายดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ พร้อมทั้งให้ยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ดังกล่าว ให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13666 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม | ศย | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำคำของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานศาลยุติธรรม จำนวน ๓๐,๓๐๖,๘๙๑,๗๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ถือว่าการเสนอคำของบประมาณรายจ่ายดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ พร้อมทั้งให้ยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ดังกล่าว ให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13667 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ศร | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน ๖๒๙,๔๘๘,๗๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ถือว่าการเสนอคำของบประมาณรายจ่ายดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ พร้อมทั้งให้ยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ดังกล่าว ให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13668 | การดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนชั่วคราว เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมงทะเลเพิ่มเติม | กษ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา สามารถมายื่นคำขอรับหนังสือคนประจำเรือ เพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและทำงานกับนายจ้างในกิจการประมงทะเล (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คนต่างด้าวซึ่งมีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ที่ถือหนังสือเดินทาง เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือหนังสือรับรองสถานะบุคคล ที่ยังไม่หมดอายุ และเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรก่อนหรือในวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ สามารถยื่นคำขอรับหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง เพื่อรับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และรับอนุญาตให้ทำงานกับนายจ้างในกิจการประมงทะเล ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พร้อมทั้งจัดทำทะเบียนประวัติ หรือบัตรประจำตัวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร ระหว่างวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้พิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดจำนวนเวลาสิ้นสุดการขอหนังสือคนประจำเรือและการจัดทำทะเบียนประวัติออกไปภายหลังจากวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒ ด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาเปิดศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อจัดทำทะเบียนประวัติและออกหนังสือคนประจำเรือ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒ ๓. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมอบอำนาจในการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว (Non-Immigrant) รหัส L-A ให้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในการดำเนินการตรวจลงตราให้กับแรงงานต่างด้าวที่ถือหนังสือเดินทาง เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือหนังสือรับรองสถานะบุคคลที่ได้รับหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงแรงงาน หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ให้แรงงานกลุ่มเป้าหมายรับทราบถึงการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศของกระทรวงมหาดไทยฯ และการขยายระยะเวลาการออกหนังสือคนประจำเรือฯ รวมทั้งผลงานและแนวทางของประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายและปัญหาการค้ามนุษย์ร่วมกับประชาคมโลกผ่านสื่อช่องทางต่าง ๆ ของประเทศกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างภาพลักษณ์และความมั่นใจให้กับแรงงานต่างด้าวในการทำงานด้านการประมงได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ตลอดจนเร่งดำเนินกระบวนการกำกับดูแลและสนับสนุนเพื่อให้การขออนุญาตทำงาน การอนุญาตให้ทำงานของแรงงานต่างด้าวในเรือประมง และการดูแลแรงงานประมงต่างด้าวให้ได้รับสิทธิและการคุ้มครองตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13669 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐเคนยา | สธ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐเคนยา และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านสาธารณสุขและการแลกเปลี่ยนทางวิชาการระหว่างไทยกับเคนยาในประเด็นหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การจัดลำดับความสำคัญของชุดสิทธิประโยชน์ที่ใช้ในหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าโดยผ่านการประเมินเทคโนโลยีด้านสุขภาพ การเสริมสร้างระบบสุขภาพบนพื้นฐานการสาธารณสุขมูลฐาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านสุขภาพ โดยจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในช่วงที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเคนยาเดินทางเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมวิชาการรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ระหว่างวันที่ ๓๐ มกราคม-๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ชัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13670 | ขอความเห็นชอบเอกสาร Comprehensive Framework on Enhancing Trade and Economic Partnership between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the People's Republic of China | พณ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสาร Comprehensive Framework on Enhancing Trade and Economic Partnership between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the People''s Republic of China ซึ่งเป็นผลจากการหารือในระหว่างการเดินทางเยือนจีนของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ระหว่างวันที่ ๑-๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสาขาที่สำคัญที่มีผลต่อการพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยและจีน ใน ๗ สาขา ที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน ได้แก่ การค้า อุตสาหกรรมและการลงทุน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การเงิน รวมทั้งการท่องเที่ยว ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามเอกสารฯ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศและความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่เห็นว่า การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคเกี่ยวข้องกับการดำเนินการและการผลักดันความร่วมมือในสาขาที่หลากหลาย อาทิ การเกษตร อุตสาหกรรม การลงทุน วิทยาศาสตร์ และดิจิทัล จึงเห็นควรพิจารณาเพิ่มกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกไว้ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อให้การดำเนินความร่วมมือในหัวข้อนี้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13671 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (จำนวน 3 ราย 1. นายยงยุทธ สุทธิชื่น ฯลฯ) | นร | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ดังนี้
๑. นายยงยุทธ สุทธิชื่น ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ๒. นางสุมิตรา อติศัพท์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ๓. นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13672 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ด้านการบริหารธุรกิจ) (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) | นร12 | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ด้านการบริหารธุรกิจ) แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มกราคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13673 | การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี | นร | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ โดยปรับองค์ประกอบ ดังนี้ ๑.๑ ส่วนที่ ๑ องค์ประกอบคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ให้รัฐมนตรีที่กำกับ ดูแลสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นประธาน เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นรองประธาน รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๑.๒ สำหรับในส่วนที่ ๒ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ จำนวน ๕ ด้าน คงเดิม ๑.๓ ส่วนที่ ๓ บทบาทและอำนาจหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ทำหน้าที่เป็นสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย (Thai National Mekong Committee Secretariat : TNMCS) โดยให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นเลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย และรองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นรองเลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ๑.๔ ส่วนที่ ๔ องค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยในคณะมนตรี/คณะกรรมการร่วมในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ให้รัฐมนตรีที่กำกับ ดูแล สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นผู้แทนไทยในคณะมนตรีคณะกรรมาธิการแม่น้ำดขง และให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย เป็นผู้แทนถาวรไทยในคณะกรรมการร่วมฯ และรองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รองเลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย เป็นผู้แทนถาวรไทยสำรองในคณะกรรมการร่วมฯ ๒. ให้ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการดังกล่าว ในลำดับที่ ๑๑ จาก “อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ” เป็น “อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ” ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13674 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (จำนวน 5 คน 1. นายจิรชัย มูลทองโร่ย ฯลฯ) | สบร | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ รวม ๕ คน โดยนับวาระใหม่ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มกราคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายจิรชัย มูลทองโร่ย ประธานกรรมการ ๒. นายสุวิชญ โรจนวานิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. รองศาสตราจารย์บุญสนอง รัตนสุนทรากุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายดิสทัต โหตระกิตย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13675 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (นายธานินทร์ ผะเอม) | นร04 | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายธานินทร์ ผะเอม ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ แทน นางรัชนีพร พุคยาภรณ์ ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มกราคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13676 | การปรับปรุงชื่อ องค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี | สธ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงชื่อ องค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยปรับปรุงชื่อ จาก คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี เป็น คณะกรรมการนโยบายการจัดการสารเคมีแห่งชาติ ปรับปรุงองค์ประกอบ จาก ๔๗ หน่วยงาน เป็น ๕๒ หน่วยงาน และปรับปรุงอำนาจหน้าที่คณะกรรมการนโยบายการจัดการสารเคมีแห่งชาติ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13677 | การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสถาบันหรือองค์การอิสระ และบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมืองเป็นกรรมการในคณะกรรมการผังเมือง (จำนวน 13 คน 1. นายปรีชา รณรงค์ ฯลฯ) | มท | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสถาบันหรือองค์การอิสระ และบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมืองเป็นกรรมการในคณะกรรมการผังเมือง รวม ๑๓ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มกราคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๙ คน ๑.๑ นายปรีชา รณรงค์ ด้านการผังเมือง ๑.๒ นายสมชัย ศรีวิบูลย์ ด้านการผังเมือง ๑.๓ นายตรีภพ จันทรประภา ด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ ๑.๔ นายสายสุรีย์ บุนนาค ด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ ๑.๕ นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ ด้านนิติศาสตร์ ๑.๖ นายพิชัย อุทัยเชฏฐ์ ด้านเศรษฐศาสตร์ ๑.๗ นางสาวศิริวรรณ ศิลาพัชรนันท์ ด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการสอนในหลักสูตร เกี่ยวกับการผังเมืองในสถาบันอุดมศึกษา ๑.๘ นายสด แดงเอียด ด้านโบราณคดี ๑.๙ พลเอก เกษม ยุกตวีระ ด้านสังคม ๒. ผู้แทนสถาบันหรือองค์การอิสระ และบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง จำนวน ๔ คน ๒.๑ นายวัฒนา เชาวสกู บุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง ๒.๒ นายสมศักดิ์ จุฑานันท์ บุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง ๒.๓ นายสมศักดิ์ ตั้งทรงศิริศักดิ์ บุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง ๒.๔ นายกมล ตรรกบุตร ผู้แทนสภาวิศวกร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13678 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารหอภาพยนตร์ (จำนวน 8 คน 1. นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล ฯลฯ) | วธ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารหอภาพยนตร์ รวม ๘ คน ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มกราคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล ประธานกรรมการ ๒. หม่อมหลวงวราภา อุกฤษณ์ กรรมการผู้ทรงคณวุฒิด้านศิลปวัฒนธรรม ๓. นายประวิทย์ แต่งอักษร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาพยนตร์ ๔. นายนนทรีย์ นิมิบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาพยนตร์ ๕. หม่อมราชวงศ์ปิยฉัตร ฉัตรชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อสารมวลชน ๖. นายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหาร ๗. นางสาววันเพ็ญ นิโครวนจำรัส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบัญชีและการเงิน ๘. นายมารุต บูรณรัช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13679 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แทนตำแหน่งที่ว่าง (รองศาสตราจารย์เอกชัย กี่สุขพันธ์) | ศธ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง รองศาสตราจารย์เอกชัย กี่สุขพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณด้านการบริหารการศึกษา เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มกราคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13680 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (จำนวน 2 ราย 1. นายประสงค์ ประไพตระกูล ฯลฯ) | กษ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายประสงค์ ประไพตระกูล ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมการข้าว ๒. นายกฤษณพงศ์ ศรีพงษ์พันธุ์กุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
.....