ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 690 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 13781 - 13800 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13781 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่ประสบปัญหาทางการเงิน นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้พิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่ได้รับผลกระทบทางการเงินจากปัญหาดังกล่าวด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งรัดกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลภาวะ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืนต่อไป นั้น มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) กำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหามลภาวะดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและในจังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน (PM 2.5) เกินมาตรฐาน ทั้งนี้ ในการกำหนดมาตรการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักปฏิบัติสากล โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน รวมทั้งผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13782 | รายงานผลการเยือนสาธารณรัฐเกาหลีและเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์) (เขตบริหารพิเศษฮ่องกง) | พณ | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเยือนสาธารณรัฐเกาหลี และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการเยือนสาธารณรัฐเกาหลี เมื่อวันที่ ๒๑-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ได้แก่ (๑) การจัดกิจกรรม “Thailand-Korea Business Partnership 2018” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เน้นย้ำความพร้อมของไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและการเป็นสะพานเชื่อมสู่อนุภูมิภาคต่าง ๆ ของเอเชีย และได้มอบใบประกาศเกียรติคุณแก่บริษัทผู้นำเข้าเกาหลี รวมทั้งมอบเกียรติบัตรร้านอาหารไทยที่ได้มาตรฐาน (๒) การหารือกับผู้บริหารและเยี่ยมชมบริษัท Coupang (บริษัทอีคอมเมิร์ซใหญ่ที่สุดในเกาหลี) กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ขยายความร่วมมือกับบริษัทฯ ในการสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับจำหน่ายสินค้าไทยบนเว็บไซต์ และ (๓) การหารือกับประธานสมาคมผู้นำเข้าเกาหลี (KOIMA) เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศให้เกิดการขยายการค้าสินค้าและบริการระหว่างไทยและเกาหลี ๒. ผลการเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เมื่อวันที่ ๒๗-๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ได้แก่ (๑) การต่อยอดความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนในการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์สองภูมิภาค โดยใช้ประโยชน์จากการเป็นประตูการค้าซึ่งกันและกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้มีการหารือกับบุคคลสำคัญต่าง ๆ เพื่อเน้นย้ำศักยภาพและความพร้อมของไทยในการรองรับการค้าการลงทุนจากจีน การจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย และการจัดให้มีความตกลงเสรีการค้าอาเซียน-ฮ่องกง (๒) การขยายตลาดข้าวไทยในฮ่องกง ได้มีการพบกับผู้บริหารสมาคมผู้ค้าข้าวฮ่องกงเพื่อหารือแนวทางผลักดันการนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้บริหารสมาคมฯ มีความสนใจที่จะทำ Co-Branding กับผู้ประกอบการท้องถิ่นในจังหวัดต่าง ๆ ของไทย และ (๓) การเชิญบริษัท Tom Group เยือนไทยเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการลงทุนยกระดับร้านค้าปลีกดั้งเดิมของไทยเป็นร้านค้าขายผ่านระบบออนไลน์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13783 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก กองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก กรุงเทพมหานคร และกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็กจังหวัด | กค | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก เนื่องจากกองทุนฯ เป็นการขยายวัตถุประสงค์เพิ่มเติมจากกองทุนคุ้มครองเด็กที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยคณะกรรมการนโยบายฯ มีข้อสังเกตเพิ่มเติม เช่น ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายและหลักเกณฑ์วิธีการให้ชัดเจน เป็นต้น ๑.๒ เห็นควรไม่ให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร และกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็กจังหวัด เนื่องจากกองทุนฯ มีรายได้หลักจากเงินงบประมาณและดำเนินงานในลักษณะจ่ายขาด โดยไม่มีรายได้กลับเข้ามาสมทบเป็นรายรับของกองทุนฯ ประกอบกับการกำหนดวัตถุประสงค์ ลักษณะ ขอบเขต และเป้าหมายในการดำเนินงานยังขาดความชัดเจนและมีความซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งไว้แล้ว รวมทั้งการดำเนินการขอจัดตั้งกองทุนฯ ไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน รับข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายฯ ในส่วนของกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก ไปประกอบการพิจารณาเสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. .... ต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13784 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม | กค | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีมติเห็นควรไม่ให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม เนื่องจากกองทุนฯ มีรายได้หลักจากเงินงบประมาณและดำเนินงานในลักษณะจ่ายขาด โดยไม่มีรายได้กลับเข้ามาสมทบเป็นรายรับของกองทุนฯ ประกอบกับการกำหนดวัตถุประสงค์ ลักษณะ ขอบเขต และเป้าหมายในการดำเนินงานยังขาดความชัดเจนและมีความซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งไว้แล้ว รวมทั้งการดำเนินการขอจัดตั้งกองทุนฯ ไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เกี่ยวกับการพิจารณาเพิ่มวงเงินกองทุนที่เกี่ยวข้อง เช่น กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กองทุนคุ้มครองเด็ก กองทุนผู้สูงอายุ เป็นต้น โดยให้ภาคประชาสังคมจัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อขอรับสนับสนุนเงินกองทุนต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13785 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 14 มกราคม 2562) (แนวทางการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ภายหลังวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. เป็นร่างกฎหมายที่มีความจำเป็นเร่งด่วนซึ่งต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เช่น ร่างกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำหรือสร้างความเป็นธรรมในสังคม ๒. เป็นร่างกฎหมายที่ต้องตราตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือแผนการปฏิรูปประเทศ ๓. เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และร่างกฎหมายที่จะต้องออกเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13786 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (จำนวน 3 ราย 1. นายจิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ ฯลฯ) | กต | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายจิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวภัทรัตน์ หงษ์ทอง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ๓. นายวิชชุ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13787 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ [เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ .) พ.ศ. ....] [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 14 มกราคม 2562)] | นร | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๒ เรื่อง ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ [เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] และให้กระทรวงอุตสาหกรรมสนับสนุนการจัดรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยในประเด็นที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13788 | ข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่ง | ปช | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่ง สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนว่าข้าราชการบางหน่วยงานซึ่งมิได้ดำรงตำแหน่งที่ราชการจัดรถประจำตำแหน่งให้ ได้นำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่งและเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากทางราชการ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้แจ้งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รักษาการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๒๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้ควบคุมและตรวจสอบกรณีดังกล่าว ซึ่งต่อมาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้แจ้งข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่อยู่ในบังคับของระเบียบฯ ทราบและถือปฏิบัติตามระเบียบฯ อย่างเคร่งครัดแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระเบียบฯ ไม่ครอบคลุมถึงรัฐวิสาหกิจ อปท. และองค์การมหาชน ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานดังกล่าวปฏิบัติกำกับ ควบคุม ดูแล และตรวจสอบว่าผู้ใดที่มิได้ดำรงตำแหน่งที่มีรถประจำตำแหน่งจะนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนรถประจำตำแหน่งมิได้ และผู้ใดกระทำการดังกล่าวให้ถือว่ามีความผิดวินัยร้ายแรงด้วย ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน ก.พ.ร. รับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การใช้รถยนต์ส่วนกลางของรัฐวิสาหกิจ อปท. และองค์การมหาชนเป็นไปตามข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในเรื่องนี้ต่อไป โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดนำรถส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่งให้ถือว่ามีความผิดวินัยร้ายแรง นั้น สมควรให้เป็นดุลยพินิจของหน่วยงานแต่ละแห่งในการพิจารณาปรับปรุงระเบียบของหน่วยงานโดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลงโทษทางวินัยของหน่วยงานนั้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13789 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ ครั้งที่ 8 และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา ณ เมืองยอกยาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย | วธ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13790 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 | รง | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเงินทดแทนสำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้แล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13791 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 3 - 7 พฤศจิกายน 2561 | พณ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบผลการเดินทางเยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ระหว่างวันที่ ๓-๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) การเข้าร่วมพิธีเปิดงานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติ ครั้งที่ ๑ ซึ่งงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการนำเข้าและลดการขาดดุลของประเทศคู่ค้าตามนโยบายเปิดเสรีการค้ากับทั่วโลก มีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า ๓,๖๐๐ บริษัท จาก ๑๗๒ ประเทศ โดยมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม ๖๓ บริษัท (๒) การกล่าวปาฐกถาในเวที The Trade and Investment ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ซึ่งได้กล่าวแสดงความยินดีกับจีนในวาระครบรอบ ๔๐ ปี ของการปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศ และย้ำความพร้อมของไทยที่จะเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และเป็นสะพานเชื่อมอนุภูมิภาคต่าง ๆ ของเอเชีย (๓) การเยี่ยมคารวะรองนายกรัฐมนตรีคนที่ ๑ (นายหาน เจิ้ง) และมนตรีแห่งรัฐ (นายหวัง หย่ง) โดยทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับการยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย-จีน โดยจีนพร้อมสนับสนุนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างอนุภูมิภาคกับมณฑลของจีน โดยมีไทยเป็นตัวเชื่อม ตลอดจนสนับสนุนบทบาทของไทยในฐานะประธานอาเซียนในปี ๒๕๖๒ และร่วมผลักดันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคให้มีข้อสรุปโดยเร็ว (๔) การหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของเอกชนรายสำคัญของจีน เช่น บริษัทอาลีบาบา ซึ่งยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับไทยในการพัฒนาด้านการส่งเสริมสินค้าเกษตรไทยในตลาดจีน ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้านการพัฒนาศักยภาพและร่วมพัฒนารูปแบบธุรกิจแก่ผู้ประกอบการ ตลอดจนเสนอให้ไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันโครงการการค้าระหว่างประเทศผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดปัญหาความยากจนของประชาคมโลก โดยให้การค้าออนไลน์และเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญ เป็นต้น และมอบหมายให้ส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13792 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง และเป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๕ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๔ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๗๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างจัดทำ จำนวน ๔๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๗ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย มีจำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ มีทั้งหมด จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13793 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2561 | นร02 | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑ และมอบหมายให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวและชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. นโยบายปฏิรูปการเกษตร มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ โดยทางสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ๗๗๖ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๑,๐๐๓,๐๑๔ คน จำนวนการกดไลค์ ๕๐,๔๘๐ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๔,๕๘๙ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๔๓๖ ครั้ง เป็นความคิดเห็นเชิงบวก ร้อยละ ๗๘ และความคิดเห็นเชิงลบ ร้อยละ ๒๒ โดยความคิดเห็นเชิงลบที่เป็นประเด็นสำคัญ เช่น รัฐบาลควรกำหนดมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาภาคการเกษตรอย่างเป็นระบบและยั่งยืน เป็นต้น ๒. มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ โดยทางสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ๙๖๔ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๑,๑๒๓,๗๐๐ คน จำนวนการกดไลค์ ๒๐,๖๓๑ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๑๖,๑๒๓ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๑,๘๙๗ ครั้ง ซึ่งเป็นความคิดเห็นเชิงบวก ร้อยละ ๑๐๐ ๓. ความคืบหน้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ โดยทางสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ๖๘๔ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๑,๒๓๗,๕๙๘ คน จำนวนการกดไลค์ ๓๒,๖๑๕ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๑,๔๘๑ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๓๒๑ ครั้ง ซึ่งเป็นความคิดเห็นเชิงบวก ร้อยละ ๑๐๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13794 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการทำงานที่ไม่ก่อให้เกิดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในการคัดเลือกรายที่จะตรวจสอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและภาระของประชนชนในการเตรียมเอกสารหลักฐานกรณีถูกตรวจสอบ เพื่อให้ประชาชนที่เสียภาษีถูกต้องแล้วได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13795 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 18 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ดศ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๘ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๕-๖ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ เมืองอูบุด สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยที่ประชุมฯ ได้มีการหารือภายใต้แนวคิด “มุ่งสู่ระบบนิเวศทางดิจิทัลในอนาคตเพื่อความมั่งคั่งของอาเซียน” และเห็นชอบข้อเสนอของประเทศไทยภายใต้แนวคิด ASEAN Digital Agility 2019 เพื่อผลักดันประเด็นการพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลที่สำคัญของอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรมในปี ๒๕๖๒ และสนับสนุนประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับรัฐมนตรีด้านดิจิทัลอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Digital Ministers Retreat) ในปี ๒๕๖๒ นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้อนุมัติงบประมาณ จำนวน ๔๔๑,๔๙๐ ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ดำเนินโครงการและกิจกรรมสำหรับปี ๒๕๖๒ จากกองทุน ASEAN ICT Fund โดยมีโครงการและกิจกรรมในส่วนของประเทศไทย จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการ “Study to evaluate current status and develop recommendations to narrow the gaps between demand and supply in ICT Human Resource in ASEAN” ที่ได้รับงบประมาณสนับสนุน ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ และโครงการ “Study to identify priority and facilitate alignment of standards in the digital sectors across AMS” ที่ได้รับงบประมาณสนับสนุน ๑๘,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งได้พิจารณาและเห็นชอบกับเอกสารปฏิญญาอูบุดว่าด้วยการมุ่งสู่ระบบนิเวศทางดิจิทัลในอนาคตเพื่อความมั่งคั่งของอาเซียน ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13796 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน | ผผ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และรายงานฐานะเงินงบประมาณรายจ่ายปีปัจจุบันและปีก่อน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินดังกล่าวแล้วเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ และขอความร่วมมือให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเร่งรัดการเสนอรายงานต่อคณะรัฐมนตรีในปีต่อ ๆ ไป ให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13797 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสุดธิดา หมีทอง) | สธ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสุดธิดา หมีทอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (เคมี) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13798 | ผลการประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็ม ปี ค.ศ. 2018 ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ | ดศ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็ม ปี ค.ศ. ๒๐๑๘ (Plenipotentiary Conference 2018 หรือ PP-18) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ ๒๙ ตุลาคม-๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ได้มีการเลือกตั้งตำแหน่งผู้บริหารของ ITU วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๙-๒๐๒๒ โดยไทยได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาบริหาร ITU ภูมิภาคอี เป็นสมัยที่ ๑๐ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ (ไทยได้คะแนน ๑๖๔ คะแนน เป็นลำดับที่ ๔ รองจากจีน ญี่ปุ่น และอินเดีย ตามลำดับ) เพื่อทำหน้าที่พิจารณากำหนดนโยบายและวางแผนงานด้านโทรคมนาคม สำหรับผลการประชุมฯ ได้มีการพิจารณาใน ๓ ประเด็นหลัก ได้แก่ (๑) ด้านนโยบายและกฎหมายเพื่อจัดทำแผนงานสำหรับสำนักงานเลขาธิการ และสำนักงานทั้ง ๓ ภาคของ ITU (ภาคการพัฒนาโทรคมนาคม ภาคมาตรฐานโทรคมนาคม และภาควิทยุคมนาคม) รวมทั้งเรื่องกฎระเบียบโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ไม่มีการแก้ไขธรรมนูญและอนุสัญญา ITU (๒) ด้านการบริหารและการจัดการ ที่ประชุมฯ เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ รายงานและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ และพิจารณาข้อเสนอเกี่ยวกับการบริหารจัดการ ITU ในด้านการเงินและการบริหารทรัพยากรบุคคล รวมถึงการจัดกิจกรรมของ ITU ๒๐๒๐-๒๐๒๓ และ (๓) นโยบายสาธารณะและเรื่องทั่วไป ประกอบด้วย ประเด็นเรื่องอินเทอร์เน็ตและความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ การดำเนินงานของ ITU ตามผลการประชุมการสร้างสังคมสารสนเทศโลก (World Summit on the Information Society) วาระ ๒๐๒๐ (Connect 2020) และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๒๐๓๐ และบทบาทของ ITU ในประเด็นท้าทายใหม่ ๆ เช่น IoTs AI นวัตกรรมการให้บริการ Over-The-Top หรือ OTTs (การส่งเนื้อหาภาพยนตร์หรือรายการทีวีผ่านระบบอินเทอร์เน็ตโดยผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินค่าสมาชิกให้กับบริการนั้น ๆ) นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้รับรองข้อมติในเรื่อง OTTs, AI, IoTs และการลงนามในกรรมสารสุดท้าย (Final Acts) เพื่อรับรองผลการประชุม ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13799 | สรุปผลการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในออสเตรเลียและผลการดำเนินงานของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย-ออสเตรเลียว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติด การฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ (Taskforce Storm) | ยธ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ ๖-๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร และผลการดำเนินงานของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย-ออสเตรเลียว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติด การฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ (Taskforce Storm) ซึ่งผลการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในออสเตรเลียในครั้งนี้ ช่วยเสริมสร้างความร่วมมือที่สำคัญระหว่างไทยและออสเตรเลียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความมั่นคง อาทิ การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ และการต่อต้านการค้ามนุษย์ รวมทั้งการหารือดังกล่าวยังนำไปสู่การผลักดันประเด็นต่าง ๆ ที่มีผลประโยชน์ร่วมได้ต่อไปในอนาคต สำหรับการดำเนินงานของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย-ออสเตรเลียว่าด้วยความร่วมมือว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติด การฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ (Taskforce Storm) สรุปได้ว่า การจัดตั้ง Taskforce Storm ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สามารถทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการและบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (Australian Federal Police : AFP) ของออสเตรเลียร่วมสนับสนุนทั้งในเรื่องการข่าวและเทคโนโลยีในการสืบสวน ส่งผลให้การปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13800 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายภานุวัฒน์ ณ นครพนม) | กษ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายภานุวัฒน์ ณ นครพนม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสหกรณ์ (นักวิชาการสหกรณ์ทรงคุณวุฒิ) กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
.....