ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 600 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 11981 - 12000 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11981 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดี) | ศย | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดี เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ที่มีกรณีพิพาทใช้เป็นช่องทางในการยุติข้อพิพาทก่อนที่จะมีการฟ้องคดี ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่า ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นร่างพระราชบัญญัติที่จะตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11982 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 3/2562 | นร | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๒ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุมฯ รับทราบการกำหนดนโยบายการส่งเสริมการลงทุน และมาตรการรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการขยายการลงทุนและรองรับการย้ายฐานการผลิตภายใต้กรอบและแนวทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุน (Thailand Plus Package) ๗ ด้าน และรับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (Mega Projects) ของกระทรวงคมนาคม ๑.๒ ที่ประชุมฯ พิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในประเด็นรูปแบบการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเกี่ยวกับการก่อสร้างงานโยธาโครงการฯ ส่วนตะวันตก และการให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มทั้งส่วนตะวันออกและตะวันตก ซึ่งที่ประชุมฯ ได้มีมติมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย รวมถึงสำนักงบประมาณขอแก้ไขสาระสำคัญที่ได้เสนอความเห็นที่ประชุมฯ ให้ตรงตามข้อเท็จจริงว่า “การให้เอกชนลงทุนค่างานโยธาโครงการฯ ส่วนตะวันตก และรัฐทยอยชำระคืนให้เอกชนเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า ๑๐ ปี พร้อมดอกเบี้ยตามที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเสนอ นั้น เมื่อพิจารณารายละเอียดของวงเงินค่างานโยธา จำนวน ๘๘,๕๖๘ ล้านบาทดังกล่าว ซึ่งได้คำนวณรวมอัตราเงินเฟ้อที่ร้อยละ ๒.๕ ต่อปี ไว้แล้ว ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายที่เป็นงบสำรองที่จัดเตรียมไว้ (Provisional Sum งานโยธา) จำนวน ๔,๐๒๙ ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานโยธา จำนวน ๓,๒๒๓ ล้านบาท ดังนั้น จึงเห็นควรที่รัฐจะชำระคืนเงินร่วมทุนแก่เอกชนตามที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่เกินวงเงินค่างานโยธาของโครงการฯ ส่วนตะวันตก ในกรอบวงเงิน ๙๖,๐๑๒ ล้านบาท เท่านั้น โดยไม่นับรวมอัตราคิดลด” ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป และให้คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ การกำหนดหลักสูตรเพื่อพัฒนาคนที่จะทำงานในอุตสาหกรรม ควรพิจารณาการกำหนดหลักสูตรเพื่อพัฒนาคนในสายงานด้านการบริการที่มีมูลค่าสูง (High value service) เช่น การท่องเที่ยวคุณภาพสูง รวมทั้งควรพิจารณาความต้องการสาขาวิชาชีพในอนาคตประกอบด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11983 | การขอความเห็นชอบต่อร่างหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ (Deed of Grant) เรือลาดตระเวนจากสาธารณรัฐสิงคโปร์ | ยธ | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ (Deed of Grant) เรือลาดตระเวนจากสาธารณรัฐสิงคโปร์ จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ ระหว่างหน่วยงานตำรวจตระเวนชายฝั่งสิงคโปร์ (The Singapore Police Coast Guard of the Singapore Police Force : SPF) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (๒) ร่างหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และสำนักงานคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติด (Central Committee for Drug Abuse Control : CCDAC) สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และ (๓) ร่างหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และสำนักงานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติด (Lao Notional Commission for Drug Control and Supervision : LCDC) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเงื่อนไขในการโอนและการส่งมอบกรรมสิทธิ์ในเรือลาดตระเวนระหว่างผู้โอนและผู้รับโอน โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในฐานะผู้รับโอนเรือลาดตระเวน จำนวน ๓ ลำ จาก SPR จะไม่เรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมจาก SPF และจะรบผิดชอบภาษีและค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์และการจดทะเบียนทั้งหมดตามกฎเกณฑ์ของประเทศไทย ในขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในฐานะผู้โอน จะส่งมอบกรรมสิทธิ์ในเรือลาดตระเวน จำนวน ๒ ลำ ที่ได้รับจาก SPF ให้แก่ CCDAC และ LCDC ผู้รับโอน ตามลำดับ โดย CCDAC และ LCDC จะไม่เรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และจะรับผิดชอบภาษีและค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์และการจดทะเบียนทั้งหมดตามกฎหมายของประเทศดังกล่าว ๑.๒ มอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยลงนามในหนังสือตราสารฯ ทั้งสามฉบับ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สามารถดำเนินการแก้ไขร่างหนังสือตราสารฯ ทั้งสามฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของราชอาณาจักรไทยได้ก่อนการลงนาม (หากมีความจำเป็น ให้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด และ/หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาด้วยว่า ในกรณีเช่นนี้ โดยที่เป็นความร่วมมือในกรอบอาเซียน ไทยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้รับช่วงต่อจากสิงคโปร์ โดยสิงคโปร์สามารถเป็นผู้มอบเรือลาดตระเวนให้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาโดยตรงได้ เนื่องจากต่างก็เป็นมิตรที่ใกล้ชิดกันในประชาคมอาเซียน ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่าที่จำเป็นอย่างประหยัด ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี แล้วแต่กรณี ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11984 | ร่างสุดท้าย (Final Draft) ของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมสินค้าเกษตรและป่าไม้ในกรอบอาเซียน สำหรับปี 2019 - 2024 | กษ | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมสินค้าเกษตรและป่าไม้ในกรอบอาเซียน (MOU on ASEAN Cooperation in Agriculture and Forest Products Promotion Scheme) สำหรับปี ๒๐๑๙-๒๐๒๔ และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มอำนาจการต่อรองในเรื่องการค้าผลิตภัณฑ์เกษตรและป่าไม้ของอาเซียนในตลาดโลก รวมถึงการเสริมความพยายามเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าที่จะนำไปสู่การขยายตลาด การพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยสินค้าและอาหาร เป็นฐานสำหรับการประสานงานระหว่างรัฐสมาชิกอย่างใกล้ชิด และสร้างความมั่นใจว่าจะมีวัตถุดิบในการผลิตที่ยั่งยืน โดยจะมีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ ๔๑ (ASEAN Ministers on Agriculture and Forestry : AMAF) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒-๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ บรูไนดารุสซาลาม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรอาศัยความร่วมมือดังกล่าวในการสร้างความเข้มแข็งและรักษาเสถียรภาพสินค้าเกษตรที่มีปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำในประเทศ เช่น ปาล์มน้ำมัน และมะพร้าว เป็นต้น รวมทั้งควรมีการติดตามและประเมินผลเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสต่อไป สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการภายหลังจากการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีแล้วแต่กรณี ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11985 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติลงนามเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะทำงานสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง ครั้งที่ 3 | พณ | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะทำงานสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๓ มีสาระสำคัญเป็นการหารือเกี่ยวกับกลไกของคณะทำงานฯ เพื่อที่จะเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับการปรับปรุงแผนพัฒนาระยะ ๕ ปี สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจข้ามพรมแดน และแผนสำหรับความร่วมมือในอนาคตระหว่างประเทศสมาชิกของคณะทำงานฯ ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ในการประชุมคณะทำงานสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Joint Working Group on Cross Border Economic Cooperation under Mekong-Lancang Cooperation JWG-CBEC under MLC) ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารผลลัพธ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาถึงประเด็นที่เป็นจุดเน้นหลักของกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนที่สอดคล้องกับกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติสามารถผลักดันขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม และส่งผลให้ไทยใช้ประโยชน์จากกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้างได้อย่างเต็มที่ และควรผลักดันให้จีนในฐานะประเทศผู้ริเริ่มจัดตั้งกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ได้มีบทบาทนำในการแลกเปลี่ยน และถ่ายทอดองค์ความรู้ในสาขาที่จีนมีความเชี่ยวชาญร่วมกับประเทศสมาชิกอื่น ๆ อาทิ การนำใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในกิจกรรมโลจิสติกส์ และการผลิตในอุตสาหกรรมเกษตร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11986 | การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กำหนดจำนวนกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๖๓ คน ประกอบด้วยกรรมาธิการที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ จำนวน ๑๕ คน และที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลือก จำนวน ๔๘ คน ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ ให้ผู้แทนพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลประสานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อแจ้งรายชื่อกรรมาธิการในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีให้สำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11987 | การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติ ครัวเรือนละ 5,000 บาท ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 | มท | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งกำหนดให้ดำเนินการ “ในพื้นที่ ๒๙ จังหวัด ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยให้ธนาคารออมสินเป็นหน่วยรับงบประมาณ และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยดำเนินการ” เป็น “ในพื้นที่ ๓๒ จังหวัด ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยรับงบประมาณและจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยผ่านธนาคารออมสิน” ๑.๒ เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติ ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายและผลการปฏิบัติงานต่อคณะรัฐมนตรีเป็นระยะตามความเหมาะสม ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11988 | ขอความเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการ และรายละเอียดโครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) | มท | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการทบทวนเป้าหมายโครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๒ โครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่อันเนื่องมาจากสาธารณภัย (กรณีอุทกภัย) จากเดิม พื้นที่ดำเนินการ จำนวน ๒๙ จังหวัด ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เป็น พื้นที่ดำเนินการ จำนวน ๓๒ จังหวัด ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ๑.๒ เห็นชอบในหลักการร่างหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการ และรายละเอียดโครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้มีการแก้ไขวิธีการและขั้นตอนการดำเนินการ ข้อ ๗.๖ จาก “กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณาตรวจสอบ ให้ความเห็นชอบดำเนินโครงการ” เป็น “กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณาตรวจสอบ และขอทำความตกลงรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณก่อนแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินโครงการ” ไปดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการฯ ทุกขั้นตอนให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11989 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | กค | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน โดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะในราชการกองทัพอากาศ เนื้อที่ประมาณ ๒๓ ไร่ ๓ งาน ๔๐ ตารางวา เนื่องจากกองทัพอากาศได้เลิกใช้ประโยชน์และไม่ประสงค์จะใช้ประโยชน์อีก เพื่อมอบหมายให้กระทรวงการคลังนำไปดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11990 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางจินตนา จันทร์บำรุง และนางสาวอังคณา ใจกิจสุวรรณ) | พม | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. นายจินตนา จันทร์บำรุง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวอังคณา ใจกิจสุวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11991 | แต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูง (นางพัชรี อาระยะกุล และคณะ) | พม | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. นางพัชรี อาระยะกุล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสุภัชชา สุทธิพล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ๓. นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ๔. นางสาวอุษณี กังวารจิตต์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ๕. นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายสุทธิ จันทรวงษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11992 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายพลวรรธน์ วิทูรกลชิต) | ดศ | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพลวรรธน์ วิทูรกลชิต ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11993 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางปิยนุช วุฒิสอน และคณะ) | ดศ | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้
๑. นางปิยนุช วุฒิสอน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๓. นายภุชพงศ์ โนดไธสง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ๕. นายภูเวียง ประคำมินทร์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11994 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณ และคณะ) | ทส | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายพุฒิพงศ์ สุรพฤกษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายจเรศักดิ์ นันตะวงษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายเฉลิมชัย ปาปะทา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายสุรชัย อจลบุญ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11995 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายประเสริฐ บุญเรือง และคณะ) | ศธ | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายประเสริฐ บุญเรือง ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอำนาจ วิชยานุวัติ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๓. นายณรงค์ แผ้วพลสง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11996 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางดวงตา ตันโช) | นร | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นางดวงตา ตันโช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งผู้ที่เกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11997 | การโอนข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์) | นร | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11998 | การแต่งตั้งประธานร่วมฝ่ายไทยในองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย (นายคุรุจิต นาครทรรพ) | พน | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายคุรุจิต นาครทรรพ ให้ดำรงตำแหน่งประธานร่วมฝ่ายไทยในองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ต่ออีกวาระหนึ่ง โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง ๒ ปี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11999 | การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (จำนวน 6 คน 1. พลเอก อภิชาต แสงรุ่งเรือง ฯลฯ) | รง | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง กรรมการผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวม ๖ คน แทนประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง กรรมการผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งมาครบวาระสามปี ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ ตุลาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.๑ พลเอก อภิชาต แสงรุ่งเรือง ประธานกรรมการ ๑.๒ นายประพันธ์ ปุษยไพบูลย์ กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ๑.๓ นายพิชิต พระปัญญา กรรมการผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ๑.๔ นางสาวสุดธิดา กรุงไกรวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๕ นายนิคม เกษมปุระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๖ นายกฤษฎา ชัยกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง กรรมการผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานในครั้งต่อไปให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12000 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการต่่างประเทศ) | กต | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๕๑ คณะ และยกเลิกคณะกรรมการฯ จำนวน ๒ คณะ ได้แก่ คณะกรรมการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่าง ๆ และคณะกรรมการร่วมด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างไทย-กัมพูชา (ฝ่ายไทย) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ ตุลาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในการขอให้คงอยู่ของคณะกรรมการฯ ตามข้อ ๑ ที่ไม่มีการประชุมเลย หรือที่มีการจัดประชุมเพียง ๑-๒ ครั้ง ในรอบ ๓ ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒) อีกครั้งหนึ่ง และให้แจ้งยืนยันไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อดำเนินการต่อไป
|
.....