ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 593 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 11841 - 11860 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11841 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม การแต่งตั้ง การพ้นจากตำแหน่งของประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และการทำบัญชีสำรองเพื่อเลื่อนขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระในคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา พ.ศ. .... | อว | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม การแต่งตั้ง การพ้นจากตำแหน่งของประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และการทำบัญชีสำรองเพื่อเลื่อนขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระในคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม การแต่งตั้ง การพ้นจากตำแหน่งของประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และการทำบัญชีสำรองเพื่อเลื่อนขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่ก่อนครบวาระในคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษาเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนประธานกรรมการอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน และการกำหนดให้คณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษาประกอบด้วยกรรมการเท่าที่มีอยู่เมื่อประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ อาจเป็นการกำหนดเกินกว่าที่มาตรา ๒๕ วรรคเจ็ด แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ บัญญัติไว้ เนื่องจากบทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้ให้อำนาจในการออกกฎกระทรวงกำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง หรือกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการไว้แต่อย่างใด นอกจากนี้ การกำหนดให้ในกรณีที่ประธานกรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้กรรมการที่เหลือเลือกผู้ที่ทำหน้าที่ประธานกรรมการเป็นการชั่วคราว อาจไม่สอดคล้องกับมาตรา ๒๕ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งจะนำไปพิจารณาในชั้นการตรวจพิจารณา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิควรต้องให้ความสำคัญกับผู้เชี่ยวชาญภาคเอกชนที่สามารถสะท้อนข้อมูลสมรรถนะที่ต้องการในฐานะที่เป็นผู้รับบัณฑิตเข้าทำงาน รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนามาตรฐานอาชีพและมาตรฐานฝีมือแรงงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11842 | แผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (แผนพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) ปีงบประมาณ 2563 | พณ | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (แผนพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) ปีงบประมาณ ๒๕๖๓ มีจำนวน ๒๐๕ โครงการ วงเงินทั้งสิ้น ๙๕๔.๘๑ ล้านบาท เป็นโครงการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวม ๑๐ หน่วยงาน ประกอบด้วย (๑) ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ จำนวน ๔๓ โครงการ วงเงินรวม ๖๖๗.๔๖ ล้านบาท (๒) ยุทธศาสตร์การเจรจาเชิงรุกเพื่อเปิดตลาด จำนวน ๑๔๘ โครงการ วงเงินรวม ๒๘.๔๔ ล้านบาท (๓) ยุทธศาสตร์การเร่งรัดทำการตลาดเชิงกลยุทธ์ จำนวน ๑๓ โครงการ วงเงินรวม ๒๓๘.๙๑ ล้านบาท และ (๔) แผนงานตามนโยบายและมาตรการเร่งด่วน (โครงการเร่งด่วนที่สำคัญที่เกิดขึ้นระหว่างปี) จำนวน ๑ โครงการ วงเงินรวม ๒๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11843 | รายงานผลการพิจารณาแผนระดับที่ 3 (ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562) | นร11 | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาแผนระดับที่ ๓ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒ โดยมีหน่วยงานส่งแผนระดับที่ ๓ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น ๗๓ แผน (จาก ๒๗ กระทรวง/หน่วยงาน) แบ่งเป็น (๑) แผนที่ผ่านกระบวนการพิจารณาและรายงานให้คณะรัฐมนตรีรับทราบแล้ว จำนวน ๔๔ แผน (๒) แผนที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองและเห็นสมควรทบทวนหรือปรับปรุงแผนให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นก่อนนำเสนอตามขั้นตอนต่อไป จำนวน ๑๔ แผน และ (๓) แผนที่ผ่านกระบวนการพิจารณา ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒ จำนวน ๒ แผน ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11844 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. 2562 รวม 3 ฉบับ | กค | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดราคาประเมิน การจัดทำบัญชีราคาประเมินที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง และแผนที่ประกอบการประเมินราคาที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการกำหนดราคาประเมิน การจัดทำบัญชีราคาประเมินที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง และแผนที่ประกอบการประเมินราคาที่ดิน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดราคาประเมินห้องชุดและการจัดทำบัญชีราคาประเมินห้องชุด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดราคาประเมินห้องชุดและการจัดทำบัญชีราคาประเมินห้องชุด ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการปรับปรุงราคาประเมินทรัพย์สิน ในกรณีที่ราคาซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด แตกต่างจากราคาประเมินในบัญชีราคาประเมินทรัพย์สิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงราคาประเมินทรัพย์สิน ในกรณีที่ราคาซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด แตกต่างจากราคาประเมินในบัญชีราคาประเมินทรัพย์สิน ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการประชาสัมพันธ์และชี้แจงหลักเกณฑ์ข้อกำหนดตลอดจนกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประเมินมูลค่าทรัพย์สินแก่สาธารณชนให้มีความชัดเจน เพื่อป้องกันความสับสนที่อาจเกิดขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11845 | รายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | กค | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการตรวจสอบการเงินและบัญชี การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง และการตรวจสอบการดำเนินงาน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11846 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๔ คณะ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ (คปป.) ๑.๒ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ระดับประเทศ (ฝ่ายไทย) ๑.๓ คณะกรรมการร่วม (Joint Committee) ฝ่ายไทย ๑.๔ คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในการขอให้คงอยู่ของคณะกรรมการฯ ตามข้อ ๑ ที่ไม่มีการประชุมเลย หรือที่มีการจัดประชุมพียง ๑-๒ ครั้ง ในรอบ ๓ ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒) อีกครั้งหนึ่ง และให้แจ้งยืนยันไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11847 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | นร12 | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดดั้งองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติต่าง ๆ ในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงวัตถุประสงค์และอำนายหน้าที่ของศูนย์นานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจในปัจจุบัน และแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๓ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติในพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจในปัจจุบัน และแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติต่าง ๆ ในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11848 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร02 | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยคณะอนุกรรมการทบทวนนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ได้ดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐกำหนดและจัดทำรายละเอียดของเรื่องสื่อสารประจำปีที่สำคัญ เช่น การบริหารจัดการมลพิษทั้งระบบ ระบบการทำงานของภาครัฐ การยกระดับบริการสาธารณสุข การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกและเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น และได้ประเมินผลการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน พบว่า ประชาชนมีการรับรู้ข่าวสารและให้ความสนใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำและภัยพิบัติ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เมืองอัจฉริยะ คลินิกครอบครัว รถไฟทางคู่ เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกและเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยประชาชนได้มีข้อเสนอต่อการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐในภาพรวม เช่น ให้กรมควบคุมมลพิษช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่เกิดปัญหามลพิษอย่างเร่งด่วนให้ทันต่อสถานการณ์ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบของแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าของการก่อสร้างและการเปิดใช้รถไฟทางคู่ให้มากขึ้น เป็นต้น ๑.๒ เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอของประชาชนไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) รับความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเกี่ยวกับการให้ความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ในการจัดทำเอกสารหรือสื่อต่าง ๆ ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์หรือเพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจัดส่งเอกสารหรือสื่อดังกล่าวให้กระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการนำไปถ่ายทอดหรือเผยแพร่ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ และสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบให้ถูกต้อง รวดเร็ว และทั่วถึง โดยให้พิจารณาใช้ช่องทางการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ตามความเหมาะในแต่ละกรณีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11849 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 4/2562 | นร11 | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุมฯ เห็นชอบในหลักการของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวระยะสั้น และระยะกลาง-ยาว เพื่อสนับสนุนและขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวของไทยในปี ๒๕๖๒ (รวม ๑๗ กิจกรรม) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยมอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการดำเนินมาตรการกระตุ้นและส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ สำหรับมาตรการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณหรือมาตรการที่ก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ของหน่วยงานรัฐ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ๑.๒ ที่ประชุมรับทราบเรื่องสำคัญ ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒) (๒) สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๒ และ (๓) สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในมุมมองของภาคเอกชนและข้อเสนอแนะ ซึ่งที่ประชุมฯ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๖๒ และปี ๒๕๖๓ (ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน) รวมถึงการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจด้วย และมอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งดำเนินมาตรการกระตุ้นและส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมาย ๒. มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวระยะสั้น และระยะกลาง-ยาวดังกล่าว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป โดยดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักในการประสานกับหน่วยงานความมั่นคงเพื่อประเมินและมีมาตรการรองรับผลกระทบด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11850 | สรุปผลการประชุมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ปี 2563 | ทส | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบสรุปผลการประชุมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ปี ๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน และได้มอบนโยบายการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ปี ๒๕๖๒ แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อำนวยการสั่งการ (Single command) โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ติดตามสถานการณ์และบูรณาการสั่งการป้องกันและควบคุมการเผาในจังหวัดอย่างเคร่งครัด จัดระเบียบการเผาอย่างเป็นระบบ สนับสนุนการลาดตระเวนและดับไฟ กวดขันไม่ให้มีการเผาพื้นที่ริมทางหลวงโดยเด็ดขาด เป็นต้น ๑.๒ มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันปัญหาหมอกควันภาคเหนือของ ๙ จังหวัดภาคเหนือ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณจังหวัดละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท นั้น ในส่วนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดได้เสนอตั้งงบประมาณไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบกับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดได้รับจัดสรรค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา จึงเห็นควรให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดขอรับการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแก้ไขตามแผนปฏิบัติการด้านการเผาและลดหมอกควันเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการตั้งแต่เริ่มฤดูแล้ง ตามความจำเป็น เหมาะสม ในโอกาสแรก หากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องขอรับการจัดสรรเพิ่มเติมจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอน และเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศใช้บังคับแล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหักงบประมาณที่ได้รับในโครงการหรือรายการที่มีวัตถุประสงค์ลักษณะเดียวกันตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากมีกรณีที่เกิดภัยพิบัติจากสถานการณ์หมอกควันขึ้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ อย่างเคร่งครัด และควรให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควัน ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในทุกกลุ่มเป้าหมาย สร้างเครือข่ายภาคีในพื้นที่ให้เพิ่มขึ้น และเพิ่มศักยภาพของภาคีให้มีความเข้มแข็งในการดำเนินงาน เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11851 | รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | สว | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้รับจัดสรรงบประมาณภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ ยุทธศาสตร์ที่ ๖ ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ จำนวน ๑,๘๒๙,๑๖๔,๗๐๐ บาท และได้จัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามหลักเกณฑ์การวัดของตัวชี้วัดตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามที่ได้ตกลงกับสำนักงบประมาณ โดยมีผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ จำนวน ๑,๖๕๔,๖๑๗,๗๑๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๙๐.๔๖ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11852 | รายงานการดำเนินการตามโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบเฉพาะฤดูการผลิต 2561/2562 | กค | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบเฉพาะฤดูการผลิต ๒๕๖๑/๒๕๖๒ โดยคณะกรรมการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบได้ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ได้รับสิทธิ์ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ และวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยสำนักงบประมาณได้อนุมัติเงินงบประมาณ จำนวน ๑๕๙,๕๙๐,๐๐๐.๐๐ บาท มีเกษตรกรได้รับสิทธิตามหลักเกณฑ์ในโครงการฯ จำนวน ๑๕,๐๕๖ ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๓๓,๐๖๐,๐๓๓.๔๔ บาท ประกอบด้วย (๑) ผู้บ่มอิสระ จำนวน ๔๓ ราย (๒) เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบพันธุ์เวอร์ยิเนีย (ขายใบยาสด) จำนวน ๒,๓๑๘ ราย (๓) เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบพันธุ์เวอร์ยิเนีย จำนวน ๒,๓๖๒ ราย (๔) เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบพันธุ์เบอร์เลย์ จำนวน ๖,๖๖๕ ราย และ (๕) เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบพันธุ์เตอร์กิช จำนวน ๓,๖๖๘ ราย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11853 | รายงานการโอนงบประมาณรายจ่าย ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 51 รายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 และรายงานการโอนงบประมาณรายจ่าย ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 51 รายจ่ายบูรณาการ/รายจ่ายบุคลากร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำนวน 2 ฉบับ (รายงานการโอนงบประมาณรายจ่าย ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 51 รายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562) | นร07 | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการโอนงบประมาณรายจ่าย ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๑ รายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และรายงานการโอนงบประมาณรายจ่าย ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๑ รายจ่ายบูรณาการ/รายจ่ายบุคลากร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๒ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) รายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายงบกลางระหว่างรายการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๔ รายการ วงเงินรวม ๓,๗๐๐ ล้านบาท (๒) รายการการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ไม่มีการโอนงบประมาณ และ (๓) รายการการโอนงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ มีการโอนงบประมาณ จำนวน ๒๑ กระทรวง ๑๗๐ หน่วยงาน ได้แก่ รายการโอนออก จำนวน ๒๑ กระทรวง ๗๒ หน่วยงาน วงเงิน ๕,๐๘๑.๒๒๔๔ ล้านบาท และรายการรับโอน จำนวน ๒๑ กระทรวง ๙๘ หน่วยงาน วงเงิน ๕,๐๘๐.๖๙๗๕ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้รายงานต่อรัฐสภาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11854 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา 12 (1) ประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... | ตช | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทนักท่องเที่ยวชนิดใช้ได้ครั้งเดียว สำหรับคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราว เพื่อการท่องเที่ยวไม่เกิน ๑๕ วัน ต่อไปอีก ๖ เดือน จนถึงหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรพิจารณาศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของมาตรการขยายระยะเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว อย่างจริงจัง หลังจากที่ได้มีการใช้มาตรการลักษณะนี้มาแล้วกว่า ๑๑ เดือน แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยรวมมิได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด และควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีกำลังซื้อสูง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11855 | การเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ 2 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก | นร08 | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ ๒ ๑.๒ การดำเนินการใด ๆ บริเวณจุดผ่านแดนจะต้องระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อความมั่นคง และให้ส่วนราชการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๒ [เรื่อง ผลกระทบจากการก่อสร้างถนนเลียบแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย บริเวณอำเภอเบตง จังหวัดยะลา (แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนหรือกระทำกิจการใด ๆ ตามบริเวณชายแดน)] และเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ (เรื่อง การระงับการก่อสร้างถนนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จังหวัดสุรินทร์) อย่างเคร่งครัด ๑.๓ มอบหมายกระทรวงมหาดไทยดำเนินการและประสานจังหวัดตากกำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์และการบริหารจัดการพื้นที่ โดยกำหนดให้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ ๒ ใช้สำหรับเดินทางเข้า-ออกของบุคคล รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถโดยสาร และรถบรรทุกขนาดใหญ่ และดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมตามมติที่ประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร บำรุงรักษา และการใช้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ ๒ (ร่วมไทย-เมียนมา) ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่รับทราบเกี่ยวกับข้อกำหนดและแนวทางปฏิบัติการใช้สะพานแห่งที่ ๒ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาจัดแผนบูรณาการและมาตรการเตรียมการเพื่อป้องกันผลกระทบอันเกิดจากการเปิดจุดผ่านแดนถาวรฯ เช่น การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การบุกรุกพื้นที่ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของชุมชน และผลกระทบจากปริมาณรถยนต์และรถบรรทุกที่ส่งผลต่อประชาชนในพื้นที่ ทั้งในด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11856 | บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือ | กห | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือ (Memorandum of Understanding between the Ministry of Defence of the Ministry of Defence of the Russian Federation on Cooperation in the Naval Field) เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซียในระดับกองทัพเรือ โดยมีขอบเขตความร่วมมือและรูปแบบกิจกรรมที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบและเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ๑.๒ ให้ผู้บัญชาการทหารเรือหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในโอกาสที่ผู้บัญชาการทหารเรือสหพันธรัฐรัสเซียเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกองทัพเรือ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11857 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารสุดท้ายของการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (NAM Summit) ครั้งที่ 18 และร่างปฏิญญากรุงบากู | กต | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างเอกสารสุดท้ายของการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (The XVIII Summit of Heads of State or Government of the Non-Aligned Movement : NAM Summit) ครั้งที่ ๑๘ มีสาระสำคัญเป็นการรายงานผลการประชุมซึ่งสะท้อนท่าทีของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดต่อปัญหาและความเคลื่อนไหวในประเด็นระหว่างประเทศต่าง ๆ อย่างครอบคลุม เช่น ด้านระหว่างประเทศ ด้านการเมืองภูมิภาคและอนุภูมิภาค และด้านการพัฒนาสังคมและสิทธิมนุษยชน และ (๒) ร่างปฏิญญากรุงบากู (Baku Declaration) มีสาระสำคัญเป็นการย้ำหลักการต่าง ๆ ที่กลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดให้ความสำคัญ เช่น การสร้างเสริมความเข้มแข็งและการฟื้นฟูกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด การส่งเสริมระบอบพหุภาคี การรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ การพัฒนาที่ยั่งยืน และการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ ให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยร่วมรับรองเอกสารดังกล่าวในการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ครั้งที่ ๑๘ (18th NAM Summit) ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน ๑.๒ หากถ้อยคำเรื่องทะเลจีนใต้ในเอกสารสุดท้ายไม่สอดคล้องกับท่าทีร่วมของอาเซียนในเรื่องนี้ ขออนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมลงนามในหนังสือแจ้งข้อสงวน (reservation) หรือหนังสืออื่น ๆ ที่เป็นการแจ้งท่าทีของอาเซียนต่อถ้อยคำในเอกสารสุดท้ายเช่นเดียวกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอื่น ๆ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนต่อเอกสารสุดท้ายของการประชุม NAM Summit ครั้งที่ ๑๗ ณ เกาะมาร์การิตา สาธารณรัฐโบลีวาร์แห่งเวเนซุเอลา เมื่อปี ๒๕๕๙ ๑.๓ หากปรากฏว่า เนื้อหาหรือถ้อยคำของเอกสารสุดท้ายและปฏิญญากรุงบากูที่ได้รับรองในที่ประชุม NAM Summit ครั้งที่ ๑๘ ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์และท่าทีของไทยในสาระสำคัญ แสดงท่าทีเชิงลบ หรือมีถ้อยคำรุนแรงประมาฌประเทศอื่นใด ขออนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือข้อสงวน (reservation) หรือแสดงท่าทีที่อธิบายอย่างระมัดระวังถึงเหตุผลของไทยซึ่งทำให้ไม่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือถ้อยคำดังกล่าวได้ ซึ่งการแจ้งข้อสงวนเป็นแนวทางที่ไทยปฏิบัติมาโดยตลอด ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11858 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2562 ระยะที่ 2 | กค | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี ๒๕๖๑ ระยะที่ ๒ จำนวน ๔ มาตรการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศผ่านระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพในการเดินทางไปท่องเที่ยวและใช้จ่าย โดยจะขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ และดำเนินมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” หลังคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ๑.๒ มาตรการลดภาระภาษีเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงนัก เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน จากเดิมร้อยละ ๒ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ และลดค่าจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิมร้อยละ ๑ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ เฉพาะการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ในราคาไม่เกิน ๓ ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยมีผลบังคับใช้ จนถึงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๓ ๑.๓ มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงนัก เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม โดย ธอส. จะสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษและเงื่อนไขผ่อนปรนให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาซื้อขายไม่เกิน ๓ ล้านบาทต่อหน่วย วงเงินสินเชื่อรวม ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท เริ่มโครงการตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยรัฐบาลชดเชยส่วนต่างดอกเบี้ยให้แก่ ธอส. วงเงิน ๑,๑๘๒.๑๘ ล้านบาท และให้ ธอส. ทำความตกลงในการเบิกจ่ายงบประมาณตามภาระที่เกิดขึ้นจริงกับสำนักงบประมาณต่อไป ๑.๔ มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม สัมมนา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน (Front Load) โดยเร่งรัดให้หน่วยรับงบประมาณเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายสำหรับวงเงินที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ เพื่อให้มีเม็ดเงินสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม สัมมนา ลงสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-เดือนธันวาคม ๒๕๖๒ (๒ เดือน) ๒. สำหรับภาระงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น ควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวในภาพรวมว่าสามารถช่วยเพิ่มการใช้จ่ายของระบบเศรษฐกิจในประเทศตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ และพิจารณาเป้าหมายการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง ๒ ที่กำหนดเป้าหมายผู้ลงทะเบียนเติมเงินสำหรับใช้จ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าที่พัก รวมถึงบริการต่าง ๆ จากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการดังกล่าว ตลอดจนแสวงหาทางเลือกอื่นที่สามารถผลักดันเศรษฐกิจให้บรรลุเป้าหมายตามมาตรการดังกล่าว และให้นำผลการประเมินมาพิจารณากำหนดมาตรการให้ครบถ้วนยิ่งขึ้นตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบรายละเอียดและเงื่อนไขในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่างชัดเจน ถูกต้อง และทั่วถึงด้วย ๓. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการจัดทำกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ และ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ที่เสนอในครั้งนี้ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11859 | แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณใช้เป็นแนวทางประกอบการวางแผนการดำเนินงานและกำหนดแผนการปฏิบัติงาน ให้สอดคล้องกับกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11860 | ราชอาณาจักรเบลเยียมขอปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดลำปาง และขอเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดเชียงใหม่ และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดเชียงใหม่ (นายณรงค์ ตนานุวัฒน์) | กต | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดลำปาง ๒. การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน พะเยา แพร่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ ลำปาง ลำพูน และตาก ๓. การแต่งตั้ง นายณรงค์ ตนานุวัฒน์ ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดเชียงใหม่
|
.....