ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 575 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 11481 - 11500 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11481 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (เช่าที่ดินเพื่อเป็นที่ตั้งหน่วยงานของกรมประมง ระยะเวลา 20 ปี) | กษ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมประมงดำเนินการเช่าที่ดินของศาสนสมบัติกลาง ลออ บางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสุมทรปราการ เพื่อเป็นที่ตั้งหน่วยงานของกรมประมง ระยะเวลา ๒๐ ปี ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๗๖ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๖,๐๘๕,๔๐๗ บาท ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย และยกเว้นการปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ กรณีที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประกอบด้วย ค่าเช่าค้างจ่าย ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๒ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จำนวน ๑๓,๑๐๕,๐๓๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๒,๙๘๐,๓๗๗ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๗๖ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจนถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้กรมประมงปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามขั้นตอนของกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางของพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศที่ออกตามความในพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11482 | รายงานการขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC Labour Administration Centre) | รง | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC Labour Administration Centre) ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานในรอบ ๑๒ เดือน (๑ ตุลาคม ๒๕๖๑-๓๐ กันยายน ๒๕๖๒) เช่น จัดหางานให้กลุ่มอุตสาหกรรมปัจจุบัน ๒๙,๒๖๒ คน ส่งเสริมสถานประกอบการยกระดับทักษะแรงงาน ๖๖๘,๐๐๐ คน และขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน ๑๕๐,๑๕๕ คน เป็นต้น ส่วนแผนการดำเนินงาน ปี ๒๕๖๓ (๑ ตุลาคม ๒๕๖๒-๓๐ กันยายน ๒๕๖๓) ได้กำหนดเป้าหมาย เช่น จัดหางานให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะเปิดรับในอนาคต ๙๒,๖๑๘ คน และส่งเสริมสถานประกอบการยกระดับทักษะแรงงาน ๖๐๐,๐๐๐ คน เป็นต้น ๒. กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้จัดตั้งสถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีอัตโนมัติและหุ่นยนต์ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ๓ ชลบุรี จังหวัดชลบุรี เพื่อยกระดับฝีมือแรงงานไทยให้เป็นแรงงานฝีมือชั้นสูงรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ EEC โดยแบ่งแผนการดำเนินการออกเป็น ๓ ระยะ ได้แก่ ระยะที่ ๑ (ปี ๒๕๖๓) สร้างหลักสูตรและครูต้นแบบ ระยะที่ ๒ (ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕) สร้างเครือข่ายฝีมือแรงงานและพัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน และระยะที่ ๓ (ปี ๒๕๖๖-๒๕๖๗) พัฒนาระบบทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11483 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี 2562 | นร11 | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี ๒๕๖๒ ผู้มีงานทำลดลงร้อยละ ๒.๑ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยภาคเกษตรมีการจ้างงานลดลงร้อยละ ๑.๘ และการจ้างงานภาคนอกเกษตรลดลงร้อยละ ๒.๓ สถานการณ์หนี้ครัวเรือนมีมูลค่า ๑๓.๐๘ ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๕.๘ ชะลอลงเมื่อเทียบกับร้อยละ ๖.๓ ในไตรมาสก่อน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๗๘.๗ ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังโดยรวมลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๖๑ ร้อยละ ๕.๒ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ขยายตัวร้อยละ ๓.๑ โดยปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขยายตัวร้อยละ ๓.๐ ขณะที่การบริโภคบุหรี่ขยายตัวร้อยละ ๒.๙ คดีอาญารวมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๗.๗ จากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๖๑ เป็นคดียาเสพติดเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๒.๘ และคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์เพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๖ รวมทั้งสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๖๑ ร้อยละ ๑๑.๑ ผู้เสียชีวิตและมูลค่าความเสียหายลดลงร้อยละ ๐.๙ และ ๒.๑ ตามลำดับ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11484 | รายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | กค | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑-๓๐ กันยาย ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอต่อรัฐสภาต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. รายรับประเภทรายได้แผ่นดินมีการประมาณการจัดเก็บรายได้ทั้งสิ้น ๒.๕๕๐ ล้านล้านบาท ซึ่งมีการจัดเก็บรายรับจริงเข้าคงคลัง ๒.๕๓๗ ล้านล้านบาท อย่างไรก็ดี รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้จากรัฐพาณิชย์และรายได้อื่นสูงกว่าประมาณการ จึงทำให้รายรับที่มาจากรายได้แผ่นดินต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ๐.๐๑๓ ล้านล้านบาท สำหรับรายรับประเภทเงินกู้ที่ได้ประมาณการไว้ที่ ๐.๔๕๐ ล้านล้านบาท แต่มีการกู้เงินจริง ๐.๓๖๓ ล้านล้านบาท ๒. รายจ่าย มีการประมาณการประเภทรายจ่ายงบประมาณไว้ ๒.๙๒๒ ล้านล้านบาท แต่มีการเบิกจ่ายจริงและกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ๒.๙๑๒ ล้านล้านบาท ทั้งนี้ งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไม่มีรายการรายจ่ายตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง ๓. ดุลของงบประมาณประจำปี เมื่อเปรียบเทียบรายได้แผ่นดินที่นำส่งคลังกับยอดรวมรายจ่ายประจำปี พบว่า รายได้แผ่นดินต่ำกว่ารายจ่ายตามงบประมาณ ๐.๒๔๖ ล้านล้านบาท (ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ๐.๐๑๑ ล้านล้านบาท) และยอดรวมของรายรับต่ำกว่ารายจ่ายตามงบประมาณ ๐.๐๗๖ ล้านล้านบาท ๔. ดุลการรับ-จ่ายเงิน เมื่อเปรียบเทียบประมาณการรายรับและประมาณการรายจ่ายทั้งสิ้นกับรายรับและรายจ่ายทั้งสิ้นที่เกิดขึ้นจริง ยอดรวมของรายจ่ายทั้งสิ้น (รายจ่ายตามงบประมาณและรายจ่ายจากเงินกันไว้เหลื่อมปี) คือ ๓.๓๐๖ ล้านล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ๐.๐๖๕ ล้านล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11485 | รายงานผลการเดินทางเยือนนครเซี่ยงไฮ้ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๕-๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าร่วมพิธีเปิดงาน China International Import Expo (CIIE) 2019 ซึ่งเป็นงานมหกรรมแสดงสินค้านานาชาติประจำปีที่สำคัญเป็นลำดับต้นของจีน โดยในปี ๒๕๖๒ ไทยได้รับเกียรติให้เป็นประเทศแขกเกียรติยศ (Guest Country of Honor) โดยมีประธานาธิบดีของจีน (นายสี จิ้นผิง) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ซึ่งมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมแสดงสินค้า จำนวน ๔๖ ราย คาดการณ์มูลค่าซื้อขายในระยะเวลา ๑ ปี ประมาณ ๒,๐๐๐ ล้านบาท ๒. การพบหารือผู้บริหารและเยี่ยมชมซูเปอร์มาร์เก็ตเหอหม่า เฟรช (Hema Fresh หรือ Freshhippo) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอาลีบาบาที่ให้บริการด้านการค้าปลีกผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยมีสินค้าไทยวางจำหน่ายมากกว่า ๕๐๐ รายการสินค้า ซึ่งผู้บริหารของซูเปอร์มาร์เก็ตดังกล่าวเชื่อมั่นว่าสินค้าไทยมีโอกาสขยายตัวอีกมากในตลาดจีน โดยกระทรวงพาณิชย์จะเร่งผลักดันให้สินค้าไทยเข้าไปวางจำหน่ายให้มากขึ้น ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ายอดจำหน่ายสินค้าไทยปี ๒๕๖๒ อยู่ที่ประมาณ ๔๕๐ ล้านหยวน หรือประมาณ ๒,๐๒๕ ล้านบาท ๓. การพบหารือผู้บริหารระดับสูงของอาลีบาบา โดยอาลีบาบายินดีส่งเสริมการตลาดและการส่งออกสินค้าเกษตรร่วมกัน อาทิ หมอนยางพารา ข้าว ผลไม้ สินค้าอาหาร และสินค้าศักยภาพอื่น ๆ ในอนาคต ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบนิเวศพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีนวัตกรรมดิจิทัลของไทย ๔. กิจกรรมการเปิดตัวโครงการความร่วมมือการจำหน่ายสินค้าไทยผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ ภายใต้ชื่อ TOPTHAI Flagship Store บนแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ Tmall Global ของอาลีบาบา มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันตราสินค้าไทยระดับสูงและตราสินค้าไทยที่มีคุณภาพและเอกลักษณ์เข้าสู่ตลาดจีน ตั้งเป้าผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมไม่น้อยกว่า ๑๐๐ บริษัท สร้างยอดจำหน่ายได้ไม่น้อยกว่า ๑,๒๐๐ ล้านบาท ใน ๓ ปี ๕. การพบหารือผู้บริหารตลาดหลงอู๋ (Longwu) และผู้นำเข้าผลไม้รายสำคัญ โดยตลาดหลงอู๋เป็นหนึ่งในตลาดนำเข้า ค้าส่ง ค้าปลีกผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในนครเซี่ยงไฮ้ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่ามูลค่าการนำเข้าผลไม้ไทยในปี ๒๕๖๒ จะอยู่ที่ ๑,๗๔๐ ล้านหยวน หรือประมาณ ๗,๘๓๐ ล้านบาท โดยกระทรวงพาณิชย์จะผลักดันให้มีการนำเข้าผลไม้ไทยมากขึ้น และคาดว่าในปี ๒๕๖๓ มูลค่าการนำเข้าผลไม้ไทยจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ ๒๐ ๖. แผนการดำเนินงานเร่งด่วน เพื่อขับเคลื่อนการส่งออกของไทยให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้เชิญผู้นำเข้าจากต่างประเทศในกลุ่มสินค้าข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา และผลไม้เข้าร่วมกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจกับผู้ผลิต/ผู้ส่งออกของไทย ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และกำหนดจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดร่วมกับผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่าย และร้านค้าปลีกสมัยใหม่ในจีน เพื่อยกระดับการส่งออกผลไม้และสินค้านวัตกรรมจากผลไม้ไทยตลอดปีงบประมาณ ๒๕๖๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11486 | การเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 เหลือจ่าย ไปสมทบ งบลงทุน ครุภัณฑ์ จากรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 เป็นงบลงทุน ครุภัณฑ์ปีเดียว | กษ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า เดิมคณะรัฐมนตรีเคยมีมติ (๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๑) อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตรก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการเครื่องยนต์สำรองสำหรับเครื่องบินขนาดกลาง ตำบลนครสวรรค์ออก อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน ๑ เครื่อง ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ วงเงินรวม ๕๔.๖ ล้านบาท ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ดำเนินขั้นตอนการจัดซื้อเครื่องยนต์ดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ มีผู้ผ่านคุณสมบัติได้ยื่นเสนอราคา จำนวน ๓๔.๓ ล้านบาท (ต่ำกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร จำนวน ๒๐.๓ ล้านบาท) โดยสำนักงบประมาณได้เห็นชอบความเหมาะสมของราคาครุภัณฑ์รายการดังกล่าว โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๑๐.๔ ล้านบาท ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว ส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๓.๙ ล้านบาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ต่อไป ซึ่งรายการดังกล่าวอยู่ภายในวงเงินงบประมาณ แต่มีระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้อนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จาก ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างงบลงทุน ครุภัณฑ์รายการเครื่องยนต์สำรองสำหรับเครื่องบินขนาดกลาง ตำบลนครสวรรค์ออก อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน ๑ เครื่อง ตามสัญญาเลขที่ คภ./ฝล.๓๙/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ วงเงิน ๓๔.๓ ล้านบาท ผูกพันสัญญาปี ๒๕๖๒-๒๕๖๔ มีกำหนดการส่งมอบภายในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11487 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2562 | นร11 | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๗/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ การเร่งรัดการลงทุนภายในประเทศ การดูแลค่าเงินบาท การติดตามสถานการณ์ด้านแรงงานและภาคการเกษตรเพื่อหาแนวทางการดำเนินมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะต่อไป การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด การเบิกจ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะต่อปัญหาเศรษฐกิจของภาคเอกชน ตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสนอ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสำนักงบประมาณ เช่น (๑) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันเกี่ยวกับสถานการณ์ค่าเงินบาทและแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป และ (๒) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและสร้างความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจไทยและการดำเนินมาตรการของภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ ตลอดจนกระตุ้นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำเงินสะสมมาใช้จ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และให้หน่วยงานของรัฐเตรียมการจัดซื้อจัดจ้างตามแนวทางที่คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐกำหนด เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปด้วยความรวดเร็วสอดคล้องกับสถานการณ์และงบประมาณที่ได้รับ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11488 | ร่างเอกสารขอบเขตหน้าที่ของศูนย์ระดับโลกเพื่อการศึกษาแม่น้ำโขง | กต | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารขอบเขตหน้าที่ (Term Of Reference : TOR) ของศูนย์ระดับโลกเพื่อการศึกษาแม่น้ำโขง (The Global Center for Mekong Studies : GCMS) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเครือข่ายเพื่อความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนเพื่อการศึกษาแม่น้ำโขง โดยกำหนดกรอบการดำเนินงานของศูนย์ GCMS ในการเป็นเครือข่ายสถาบันคลังสมองในกลุ่มประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง และกำหนดแนวทางการดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามหลักการที่ระบุไว้ในที่ประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ๑.๒ อนุมัติให้สถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการ สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะ GCMS Thailand Center ให้ผู้อำนวยการสถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้การรับรอง TOR ของศูนย์ GCMS ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรระบุถึงสาขาความร่วมมือในการศึกษาและวิจัยลงในร่างเอกสารฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการกำหนดทิศทางการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่ประเทศสมาชิกสนใจ และจะได้รับประโยชน์ร่วมกัน อันจะส่งเสริมการดำเนินงานของศูนย์ GCMS อย่างมีส่วนร่วมและเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดต่อทุกฝ่าย เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11489 | แผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ (ปีพุทธศักราช 2563) ให้แก่ประชาชน | กห | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ (ปีพุทธศักราช ๒๕๖๓) ให้แก่ประชาชน ภายใต้การดำเนินโครงการ “เติมความสุข ให้คนไทย จากใจทหาร” ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๒-๖ มกราคม ๒๕๖๓ โดยแบ่งเป็น ๓ กลุ่มงานหลัก ได้แก่ งานสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน งานการช่วยเหลือประชาชน และงานให้บริการและอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11490 | แผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2563 | มท | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จังหวัด อำเภอ และกรุงเทพมหานคร ใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการฯ ตามที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. หัวข้อในการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” ๒. แนวทางการดำเนินการ ได้แก่ (๑) ช่วงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ ระหว่างวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒-๒ มกราคม ๒๕๖๓ (๒) ช่วงเตรียมความพร้อม ระหว่างวันที่ ๑-๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ และ (๓) ช่วงควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๒-๒ มกราคม ๒๕๖๓ ๓. มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน จำนวน ๗ มาตรการ ได้แก่ (๑) การลดปัจจัยเสี่ยงด้านคน (๒) การลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อม (๓) การลดปัจจัยเสี่ยงด้านยานพาหนะ (๔) การช่วยเหลือหลังเกิดอุบัติเหตุ (๕) มาตรการความปลอดภัยทางน้ำ (๖) การดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว และ (๗) มาตรการบริหารจัดการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11491 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (จำนวน 7 คน 1. นายวิทยา ยาม่วง ฯลฯ) | คค | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ รวม ๗ คน ตามนัยมาตรา ๑๔ วรรคสอง แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๑๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. นายวิทยา ยาม่วง ประธานกรรมการ ๒. นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ กรรมการ ๓. นายสุเมธ สังข์ศิริ กรรมการ ๔. นางปาณิสรา ดวงสอดศรี กรรมการ ๕. พลตำรวจโท กรไชย คล้ายคลึง กรรมการ ๖. นายภาณุทัด แนวจันทร์ กรรมการ ๗. นายจำเริญ โพธิยอด กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11492 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา และการวัดและประเมินผลการศึกษา ที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ | ศธ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบกรณี รองศาสตราจารย์จีรเดช อู่สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา และการวัดและประเมินผลการศึกษาในคณะกรรมการสภาการศึกษา และเห็นชอบแต่งตั้ง นายวณิชย์ อ่วมศรี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา และการวัดและประเมินผลการศึกษาในคณะกรรมการสภาการศึกษา แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทน อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน โดยให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสภาการศึกษาในครั้งต่อไปให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11493 | การบรรจุข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษากลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (ศาสตราจารย์ ศุภชัย ปทุมนากุล) | อว | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการบรรจุข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษากลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (ศาสตราจารย์ศุภชัย ปทุมนากุล) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11494 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบสถาบันการเงินประชาชน (จำนวน 7 คน 1. นายมรกต พิธรัตน์ ฯลฯ) | กค | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบสถาบันการเงินประชาชน จำนวน ๗ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายมรกต พิธรัตน์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินระดับชุมชน ๒. นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาชุมชน ๓. นายนิพนธ์ ฮะกีมี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๔. นายนรินทร์ กัลยาณมิตร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงิน หรือการคลัง ๕. นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบัญชี ๖. นายสุรพล โอภาสเสถียร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารความเสี่ยงหรือการประกันภัย ๗. นายผยง ศรีวณิช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11495 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) | นร04 | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11496 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ. .... | กค | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน เช่น การส่งเสริมและพัฒนาด้านการเกษตร วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และผู้ด้อยโอกาส การส่งเสริมการเรียนการสอน การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา หรือการให้บริการทางการศึกษา การส่งเสริมนวัตกรรม การส่งเสริมสุขภาพและสาธารณสุข การส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ และการส่งเสริมความมั่นคงด้านความปลอดภัยทางอาหารและสินค้าเกษตร เป็นต้น โดยให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างพัสดุดังกล่าวโดยวิธีคัดเลือกหรือวิธีเฉพาะเจาะจง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11497 | การลงนามในร่างความตกลงสำหรับดำเนินโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง | ทส | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงสำหรับดำเนินโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง จัดทำขึ้นระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณโครงการที่ได้รับอนุมัติจากฝ่ายจีนให้เกิดประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมสำหรับความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดโครงการที่ได้รับสนับสนุนงบประมาณ จำนวน ๑ โครงการ คือ โครงการสาธิตการบรรเทาความยากจน โดยภาคการป่าไม้ในประเทศ (Demonstration on Forestry Poverty Alleviation in Thailand) จำนวน ๒,๔๓๐,๐๐๐ หยวน (RMB) โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มอบหมายให้กรมป่าไม้รับผิดชอบในการวางแผนและดำเนินโครงการฯ รวมทั้งบริหารงบประมาณโครงการฯ โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่กำกับ ดูแล ตรวจสอบความก้าวหน้า ประสิทธิภาพของการดำเนินโครงการและการใช้งบประมาณให้เป็นไปตามข้อกำหนด ๑.๒ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11498 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี อย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 3 | คค | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี อย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๓ มีสาระสำคัญเป็นการรับทราบถึงการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS Cross-Border Transport Agreement : CBTA) ระยะแรก และรับทราบการขยายพิธีสาร ๑ ของความตกลง CBTA ตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศและจุดข้ามแดนเพิ่มเติม ภายใต้พิธีสาร ๑ ของความตกลง CBTA รวมทั้งการติดตามและประเมินผลการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งและการค้าตามพิธีสาร ๑ ของความตกลง CBTA โดยจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี อย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๔ ในวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายถาวร เสนเนียม) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11499 | ขอเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้งบประมาณภายใต้มาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" | กค | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้งบประมาณ จากวงเงินสิทธิ์ในการซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” g-Wallet ช่อง ๑ คงเหลือจำนวน ๒๖๒,๐๐๓,๐๐๐ บาท เป็นเงินชดเชยค่าสินค้าและบริการผ่าน g-Wallet ช่อง ๒ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11500 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกิจการอื่นในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานด้านสถานที่ ความปลอดภัย และการให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทกิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม การชำระค่าธรรมเนียม และการยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานด้านสถานที่ ความปลอดภัย และการให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทกิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง พ.ศ. .... ) | สธ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดกิจการอื่นในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงเป็นกิจการอื่นในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานด้านสถานที่ ความปลอดภัย และการให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทกิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานด้านสถานที่ ความปลอดภัย และการให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทกิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม การชำระค่าธรรมเนียม และการยกเว้นค่าธรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียม การชำระค่าธรรมเนียม และการยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง ๒. ให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วยว่า มาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่กำหนดให้รัฐพึงใช้ระบบอนุญาตในกฎหมายเฉพาะกรณีที่จำเป็น โดยมุ่งหวังให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาอย่างรอบคอบในการใช้ระบบการควบคุมกำกับดูแล นั้น หากกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาแล้วเห็นว่า การกำหนดให้กิจการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพเพื่อจะได้กำกับดูแลการประกอบกิจการดังกล่าว โดยการใช้ระบบอนุญาตเป็นกรณีจำเป็นและเป็นมาตรการที่มีความเหมาะสมและได้สัดส่วนกับประโยชน์สาธารณะพึ่งจะได้รับ คณะรัฐมนตรีก็อาจพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการของร่างกฎกระทรวงทั้ง ๓ ฉบับนี้ได้ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....