ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 579 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 11561 - 11580 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11561 | ขอความเห็นชอบกรอบการเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการยอมรับใบอนุญาตขับรถภายในประเทศระหว่างประเทศไทยกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และระหว่างประเทศไทยกับสมาพันธรัฐสวิส | คค | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการยอมรับใบอนุญาตขับรถภายในประเทศระหว่างประเทศไทยกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และระหว่างประเทศไทยกับสมาพันธรัฐสวิส มีสาระสำคัญเป็นการวางแนวทางและกำหนดท่าทีของประเทศไทยในการเจรจาจัดทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการยอมรับใบอนุญาตขับรถภายในประเทศระหว่างประเทศไทยกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และประเทศไทยกับสมาพันธรัฐสวิส จะเป็นการอำนวยความสะดวกและเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทย เยอรมนี และสวิส ทั้งในกรณีสำหรับประชาชนชาวไทยในการเดินทางไปท่องเที่ยวและขับขี่รถยนต์ในเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงในกรณีสำหรับนักท่องเที่ยวจากเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งเดินทางมาเยือนหรือพำนักอยู่ในประเทศไทยระยะสั้น สามารถใช้ใบอนุญาตขับรถภายในประเทศในการเช่าและรถยนต์ในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11562 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 | กค | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินลดภาระการผ่อนดาวน์ที่ได้รับจากมาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๒) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและอนุมัติงบประมาณ ดังนี้ ๒.๑ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และปีต่อ ๆ ไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ ในส่วนเพิ่มเติม จำนวน ๒,๖๖๗.๓๕ ล้านบาท ๒.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และปีต่อ ๆ ไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ จำนวน ๒๖,๔๕๘.๘๙ ล้านบาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติม และให้กระทรวงการคลังแจ้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับลดกรอบวงเงินดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ทันต่อสถานการณ์ มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ทั้งในส่วนของข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก รวมถึงการจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ถูกต้องอย่างเหมาะสม ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่ทางราชการและเกษตรกรจะได้รับจากการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้ประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้ เห็นควรให้ ธ.ก.ส. ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและความจำเป็น และดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11563 | มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2562/63 (คู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว) | พณ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงานว่า ณ วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ วงเงินที่รัฐบาลสามารถรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้ประกาศกำหนดไว้ ตามมาตรา ๒๘ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ยังเหลือเพียงพอต่อการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ ของกระทรวงพาณิชย์ ๒. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๒.๑ รับทราบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ (คู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว) ได้แก่ (๑) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก กรณีค่าฝากเก็บและค่ารักษาคุณภาพข้าวเปลือก วงเงิน ๑,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท (๒) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโดยสถาบันเกษตรกร วงเงิน ๕๖๒.๕๐ ล้านบาท และ (๓) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก วงเงิน ๕๑๐ ล้านบาท เพื่อดูดซับปริมาณข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก เป้าหมาย ๖.๕ ล้านตันข้าวเปลือก วงเงิน ๒,๕๗๒.๕ ล้านบาท จากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ๒.๒ เห็นชอบการอนุมัติจัดสรรวงเงินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก (เพิ่มเติม) โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขอจัดสรรวงเงินจากงบประมาณ ปี ๒๕๖๔ และปีถัด ๆ ไป วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๓๗๐.๗๒ ล้านบาท จำแนกเป็นค่าชดเชยดอกเบี้ย ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน ของ ธ.ก.ส. (ปัจจุบันร้อยละ ๑.๔ ต่อปี) บวก ๑ เท่ากับ ๒.๔๐ ต่อปี ซี่งเป็นอัตราที่กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และ ธ.ก.ส. ทำความตกลงในการชดเชยต้นทุนเงินให้ ธ.ก.ส. และกระทรวงการคลังได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบแล้ว เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ และค่าบริหารโครงการฯ ในอัตราร้อยละ ๒ ต่อปี ระยะเวลา ๖ เดือน รวมวงเงิน ๓๔๐.๐๐ ล้านบาท และค่าใช้จ่ายกรณีที่มีการระบาย ได้แก่ ค่าขนย้ายข้าวเปลือก ต้นทุนเงินค่าขนย้ายข้าว และส่วนต่างภาระขาดทุนจากการระบายข้าว วงเงิน ๑,๐๓๐.๗๒ ล้านบาท ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ ธ.ก.ส. และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการบริหารจัดการการผลิต การระบาย และการค้าข้าว ให้มีประสิทธิภาพอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ รวมถึงจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน เพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้องและทันต่อสถานการณ์ ทั้งในส่วนของข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก ปริมาณการเก็บกักข้าว ให้มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามและการประเมินผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะได้รับจากการดำเนินโครงการ เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้ประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้ ควรมีการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ ก่อนดำเนินโครงการ อาทิ เรื่องค่าใช้จ่ายในการฝากเก็บรักษาข้าวเปลือกของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในกรณีที่ไม่มียุ้งฉางของตนเอง การเก็บรักษาข้าวเปลือกหลักประกันตลอดระยะเวลาโครงการฯ และวิธีการเก็บรักษาข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกร เพื่อให้โครงการ เกิดผลในทางปฏิบัติและบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนของที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11564 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการและกรอบการจัดทำยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และโครงสร้างของยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11565 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของแผนงานบูรณาการรัฐบาลดิจิทัล มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และเป็นผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการดังกล่าว ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11566 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๕๐๔.๘๗๕๔ ล้านบาท ประกอบด้วยกรมสรรพากร ๑ รายการ วงเงินทั้งสิ้นของโครงการ จำนวน ๖๔๒.๐๗๑๔ ล้านบาท และกรมเจ้าท่า ๒ รายการ วงเงินทั้งสิ้นของโครงการ รวมจำนวน ๘๖๒.๘๐๔๐ ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓๐๐.๙๗๕๓ ล้านบาท และผูกพันงบประมาณปีต่อ ๆ ไปอีก จำนวน ๑,๒๐๓.๙๐๐๑ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงหน่วยรับงบประมาณ จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โครงการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม จำนวน ๒๗.๕๗๖๑ ล้านบาท ไปตั้งที่ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง และหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรี สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม โครงการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม งบเงินอุดหนุน จำนวน ๒๗.๕๗๖๑ ล้านบาท เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11567 | โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2562/63 | พณ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงานว่า ณ วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ วงเงินที่รัฐบาลสามารถรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้ประกาศกำหนดไว้ ตามมาตรา ๒๘ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ยังเหลือเพียงพอต่อการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๒/๖๓ ของกระทรวงพาณิชย์ ๒. รับทราบและอนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๒.๑ อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๒/๖๓ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๙๒๓,๓๓๒,๓๓๒.๘๐ บาท ๒.๒ อนุมัติมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๒/๖๓ ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี ๒๕๖๒/๖๓ วงเงิน ๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒.๓ รับทราบมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๒/๖๓ ประกอบด้วยการบริหารจัดการการนำเข้า การดูแลความเป็นธรรมในการซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การดูแลความสมดุลการเพิ่มช่องทางการจำหน่าย และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เก็บสต็อกผลผลิต ๒.๔ เห็นชอบเพิ่มผู้แทนกรมศุลกากรเป็นกรรมการในองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น กระทรวงพาณิชย์ควรร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทย เพื่อติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด ทั้งการตรวจสอบการรับสิทธิ การสำรวจพื้นที่และผลผลิตที่เข้าร่วมโครงการที่จะต้องมีความรัดกุมและตรวจสอบได้ก่อนจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ เพื่อให้การดำเนินโครงการมีความน่าเชื่อถือ เกษตรกรได้รับการช่วยเหลือคุ้มค่างบประมาณ และอยู่ภายใต้กรอบพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการลักลอบการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้ปริมาณการลักลอบนำเข้าส่งผลกระทบต่อราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11568 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562) | นร04 | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11569 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร บางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. ....) | มท | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดชุมพร เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11570 | การยุบเลิกศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ | อว | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยุบเลิกศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เนื่องจากศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ไม่มีการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ นอกจากนี้ ตามรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีความเห็นว่า ควรยุบเลิกบัญชีเงินฝากของศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ซึ่งได้มีการปิดบัญชีเงินฝากดังกล่าวไปแล้ว และในปัจจุบันศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์มิได้มีรายได้จากการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเงินเดือนของบุคลากรเบิกจ่ายจากเงินอุดหนุนในความรับผิดชอบของสำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษาอยู่แล้ว การยุบเลิกหน่วยงานจึงไม่ส่งผลต่อการเงินและงบประมาณในภาพรวมของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับโครงสร้างหน่วยงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศการศึกษาในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นั้น ควรรวมไว้ที่หน่วยงานหลักเพียงหน่วยงานเดียว เพื่อเอกภาพในการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11571 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมทางหลวงชนบทซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานทางหลวงตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง พ.ศ. .... | คค | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมทางหลวงชนบทซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานทางหลวงตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมทางหลวงชนบทซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานทางหลวงตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11572 | แผนยุทธศาสตร์ยางพาราระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) | กษ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนยุทธศาสตร์ยางพาราระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) โดยมีวิสัยทัศน์ “ประเทศผู้ผลิตยางคุณภาพดี เกษตรกรมีรายได้มั่นคง” ซึ่งในการดำเนินการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ยางพาราฯ ไปสู่การปฏิบัติได้มีการกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินการเป็น ๓ ระยะ คือ (๑) ระยะ ๑-๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) (๒) ระยะ ๖-๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙) และ (๓) ระยะ ๑๑-๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๗๐-๒๕๗๙) ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพและการยกระดับคุณภาพและมาตรฐาน ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การพัฒนาตลาดและช่องทางการจัดจำหน่าย และยุทธศาสตร์ที่ ๕ การพัฒนาปัจจัยสนับสนุน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับกรอบระยะเวลาของแผนยุทธศาสตร์ยางพาราฯ ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น ควรให้มีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานตามแผนยุทธศาสตร์ยางพาราฯ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้การดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ยางพาราฯ เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นไปตามเป้าหมาย ควรให้การยางแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพหลักประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำรูปรายการมาตรฐานและประมาณราคา รายการปรับปรุงผิวสนามกีฬา รวมทั้งแนวปฏิบัติการจัดจ้างในโครงการส่งเสริมการใช้ยางพาราของหน่วยงานภาครัฐ กรณีมีผู้ว่าจ้างเพียงรายเดียว เพื่อเป็นแบบมาตรฐานกลาง และการยางแห่งประเทศไทยควรศึกษาแนวทางการเพิ่มปริมาณการใช้ยางธรรมชาติในประเทศเพิ่มเติม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสร้างอุปสงค์ (Demand) ของยางพาราและผลิตภัณฑ์จากยางพารา และส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐให้เพิ่มมากขึ้น โดยให้กำหนดเป้าหมายการดำเนินการให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการส่งเสริมการปลูกพืชชนิดอื่นหรือการเลี้ยงสัตว์ผสมผสานกับการปลูกยางพาราเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อย่างสูงสุด ๔. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณร่วมกันพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐสามารถจัดหายางพาราหรือผลิตภัณฑ์จากยางพาราไปใช้ในการดำเนินแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มมากขึ้น ๕. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการรวบรวมและจัดทำฐานข้อมูลพื้นที่การเกษตร รวมถึงพื้นที่เพาะปลูกยางพาราที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าและพื้นที่หวงห้ามประเภทอื่น ๆ ให้ครบถ้วน ชัดเจน และถูกต้องตรงกัน และให้นำข้อมูลดังกล่าวพร้อมทั้งแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ในความรับผิดชอบเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ การกำหนดแนวทางและมาตรการดังกล่าวให้คำนึงถึงผลกระทบและความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11573 | ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ 14 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ 9 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 9 | ทส | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ ๑๔ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ ๙ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ ๙ ซึ่งได้มีการประชุมในระหว่างวันที่ ๒๙ เมษายน-๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยที่ประชุมได้มีมติข้อตัดสินใจต่าง ๆ ในประเด็นหลักที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามอนุสัญญาบาเซลฯ อนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ และอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ โดยการบรรจุรายชื่อของเสียอันตราย และสารเคมีเพิ่มเติม ซึ่งจะมีผลผูกพันต่อไทยในฐานะภาคีสมาชิกที่จะต้องปฏิบัติตามพันธกรณีที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องมีการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับผลการประชุม เช่น การแก้ไขบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ภายใต้กฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย เพื่อกำหนดเป็นวัตถุอันตรายชนิดต่าง ๆ ต่อไป ๑.๒ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติข้อตัดสินใจที่สำคัญในการประชุมรัฐภาคีของ ๓ อนุสัญญาดังกล่าว ดังนี้ ๑.๒.๑ มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม ดำเนินการ (๑) ในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจ (Competent Authority : CA) ภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ เตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรายการของเสียอันตราย ภายใต้ขอบเขตการปฏิบัติงานตามกฎหมายภายในประเทศ กล่าวคือ พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับการแก้ไขภาคผนวก ๒ ภาคผนวก ๘ และภาคผนวก ๙ ของอนุสัญญาบาเซลฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับขยะพลาสติก (๒) ในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐ (Designate National Authority : DNA) ด้านสารเคมีอุตสาหกรรม ภายใต้อนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ ดำเนินการแจ้งท่าทีตอบรับนำเข้า (import response) สำหรับสาร hexabromocyclododecane ที่ได้รับการบรรจุเพิ่มเติมในภาคผนวกที่ ๓ ของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๑๐ ของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ และ (๓) ควบคุมสาร PFOA, its salts and PFOA-related compounds ภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๓ ของอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ ๑.๒.๒ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร ดำเนินการ (๑) ในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐ ด้านสารเคมีป้องกันจำกัดศัตรูพืชและสัตว์ ภายใต้อนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ ดำเนินการแจ้งท่าทีตอบรับนำเข้าสำหรับสาร phorate เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๑๐ ของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ และ (๒) ยกระดับการควบคุมสาร dicofol เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ ๔ ภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๓ ของอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรจัดประชุมชี้แจงหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภารกิจที่จะต้องดำเนินการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11574 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกคดีพิเศษที่ต้องดำเนินการสืบสวนและสอบสวนตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษที่เป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายว่าด้วยสุรา กฎหมายว่าด้วยยาสูบ กฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอาง กฎหมายว่าด้วยยา และกฎหมายว่าด้วยอาหาร รวม ๕ ฉบับ ซึ่งเป็นคดีความผิดตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติม ตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ และกฎกระทรวงฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. .... เพื่อยกเลิกคดีพิเศษที่ต้องดำเนินการตามที่กำหนดในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ รวม ๑๓ คดีความผิด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11575 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดที่ตั้ง สภาพแวดล้อม ลักษณะของสถานที่ และเครื่องมือเครื่องใช้ อุปกรณ์ที่จำเป็นประจำสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... | อว | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดที่ตั้ง สภาพแวดล้อม ลักษณะของสถานที่ และเครื่องมือเครื่องใช้ อุปกรณ์ที่จำเป็นประจำสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสถานที่ตั้ง สภาพแวดล้อม ลักษณะของสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ และเครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ที่จำเป็นประจำสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรจัดทำมาตรฐานของรายละเอียด เครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ที่จำเป็นประจำสถานที่ดำเนินการและแนวทางปฏิบัติเรื่องดังกล่าว ในประกาศ และแนวทางปฏิบัติที่จะจัดทำขึ้นในภายหลังให้ชัดเจน โดยก่อนนำไปประกาศใช้ ควรมีการจัดทำประชาพิจารณ์เพื่อให้มีข้อกำหนดที่ปฏิบัติได้ และสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังอันเป็นผลดีต่อการปฏิบัติและการพัฒนาของหน่วยงานเลี้ยงสัตว์ทดลองในประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11576 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 รวม 4 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงการจดแจ้งและการออกใบจดแจ้งเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. ....) | สธ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุข และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงการจดแจ้งและการออกใบรับจดแจ้งเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การขอจดแจ้งผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์ต้องยื่นคำขอต่อผู้อนุญาตพร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานตามที่กำหนด และกำหนดหลักเกณฑ์แบบคำขอจดแจ้งดังกล่าว ๒. ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การขออนุญาตหรือขอต่ออายุใบอนุญาตลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์ต้องยื่นคำขอต่อผู้อนุญาตพร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานตามที่กำหนด กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายการที่ได้รับอนุญาต และขอออกใบแทนใบอนุญาต ๓. ร่างกฎกระทรวงการแจ้งรายการละเอียดและการออกใบรับแจ้งรายการละเอียดเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การขอแจ้งรายการละเอียดผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์หรือการขอต่ออายุใบอนุญาตต้องยื่นคำขอต่อผู้อนุญาตพร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานตามที่กำหนด กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายการที่ได้รับอนุญาตและขอออกใบแทนใบอนุญาต ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมจดทะเบียนและใบอนุญาตต่าง ๆ เช่น ใบจดทะเบียนสถานประกอบการผลิตหรือการนำเข้า ใบอนุญาตผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11577 | สรุปรายงานการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว Amazing Thailand Road Show to Nordic & Baltic 2019 และการจัดงาน Amazing Thai Night 2019 | กก | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย Amazing Thailand Road Show to Nordic & Baltic 2019 และการจัดงาน Amazing Thai Night 2019 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ กรุงสตอกโฮล์ม ราชอาณาจักรสวีเดน ระหว่างวันที่ ๔-๗ กันยายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว Amazing Thailand Road Show to Nordic & Baltic 2019 โดยรูปแบบของการจัดงานเป็นการจัดให้มีการเจรจาซื้อขายธุรกิจท่องเที่ยวในลักษณะ Table Top Sale แบบนัดหมายล่วงหน้า (Pre-Appointment) โดยมีบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ (Buyers) มาร่วมงานทั้งสิ้น จำนวน ๘๐ บริษัท ซึ่งผลตอบรับภายหลังจากการจัดงานพบว่าผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย (Sellers) และบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ (Buyers) ได้รับความพึงพอใจในระดับดี-ดีมาก ๒. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน Amazing Thai Night 2019 โดยกิจกรรมภายในงานมีการจัดทำ Thailand Product Presentation ในรูปแบบของสื่อหลายแบบ (Multimedia) นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของประเทศไทย และการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้พันธมิตรซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวในตลาดนอร์ดิกได้รับทราบ และเพื่อสร้างกระแสความสนใจประเทศไทยในมุมมองใหม่ ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธานในการประชุมผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานยุโรป ๘ สำนักงาน ได้แก่ สำนักงานสตอกโฮล์ม สำนักงานลอนดอน สำนักงานปารีส สำนักงานแฟรงก์เฟิร์ต สำนักงานกรุงปราก สำนักงานกรุงโรม สำนักงานมอสโก และสำนักงานดูไบ โดยได้มอบนโยบายการทำงานให้ ททท. สำนักงานต่างประเทศรับไปปฏิบัติ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือในเรื่องการอำนวยความสะดวกการขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival) ให้กับประเทศที่มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวแต่มีอุปสรรคและความไม่สะดวกในการยื่นขอรับการตรวจลงตรา นอกจากนี้ ได้รับฟังรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวของสำนักงานยุโรป ๘ สำนักงาน รวมทั้งการรายงานปัญหาอุปสรรค และแนวทางในการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวให้ได้สำเร็จตามเป้าหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11578 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงชื่อตำบลและอำเภอที่ติดตั้งเครื่องเรดาร์ตรวจอากาศแบบ C Band ชนิด Dual Polarization พร้อมอุปกรณ์เชื่อมโยงและหอเรดาร์ ที่สถานีเรดาร์ตรวจอากาศหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา | ดศ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยกรมอุตุนิยมวิทยาเปลี่ยนแปลงชื่อตำบลและอำเภอที่ติดตั้งเครื่องเรดาร์ตรวจอากาศแบบ C Band ชนิด Dual Polarization พร้อมอุปกรณ์เชื่อมโยงและหอเรดาร์ ที่สถานีเรดาร์ตรวจอากาศหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง โดยไม่กระทบต่อวงเงินที่อนุมัติไว้เดิม และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๓๐,๒๕๕,๔๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๑๗,๔๗๔,๖๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน อย่างโปร่งใส คุ้มค่าและประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยกรมอุตุนิยมวิทยารับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรดำเนินการตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๗ ประกอบระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๑๖๕ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11579 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 จำนวน 6 ฉบับ | อว | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๖ ฉบับ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องกำเนิดรังสีที่ต้องแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเครื่องกำเนิดรังสีอื่นนอกจากเครื่องกำเนิดรังสีตามมาตรา ๒๖/๑ เป็นเครื่องกำเนิดรังสีที่ต้องแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและระยะเวลาในการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและระยะเวลาในการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสีปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ทำการของผู้รับใบอนุญาต ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ดำเนินการทางเทคนิคเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ดำเนินการทางเทคนิคเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์ปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ทำการของผู้รับใบอนุญาต ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ทำการของผู้รับใบอนุญาต ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยทางรังสีสำหรับเครื่องกำเนิดรังสีที่ต้องแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับความปลอดภัยทางรังสีสำหรับผู้มีไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีตามมาตรา ๒๖/๒ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องกำเนิดรังสีที่ต้องแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ พ.ศ. .... เสนอให้ตัดข้อความ “ที่มีลักษณะปิดมิดชิด” ออกได้หรือไม่ เพื่อให้ครอบคลุมเครื่องกำเนิดรังสีประเภทอื่นที่ใช้งานในลักษณเดียวกันแต่มีลักษณะที่ไม่ปิดมิดชิด เช่น เครื่องเอกซเรย์วิจัย ซึ่งอาจมีลักษณะไม่ปิดมิดชิด และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและระยะเวลาในการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. .... เสนอให้เพิ่มนิยามคำว่า “ผู้แจ้ง” ดังนี้ “ผู้แจ้ง” หมายความว่า ผู้แจ้งการครองครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีตามมาตรา ๒๖/๒ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. รับทราบเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองได้ภายในกำหนดระยะเวลาตามพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เนื่องจากได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงได้ส่งคืนเรื่องดังกล่าวซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการในขั้นตอนก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี พร้อมทั้งความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทำให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไม่สามารถเสนอร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ได้ทันภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าวได้ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11580 | การแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน | นร01 | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน (สคจ.) ซึ่งได้เดินทางมาชุมนุมบริเวณถนนลูกหลวง (ข้างกระทรวงศึกษาธิการ) ตั้งแต่วันที่ ๖-๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๒ จำนวนประมาณ ๔๐๐ คน ซึ่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องได้พบปะเจรจากับ สคจ. และได้ประขุมหารือร่วมกันหลายครั้ง โดยได้ข้อสรุปผลการเจรจาแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น ซึ่ง สคจ. พอใจและยุติการชุมนุมเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาในวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๒ ในการนี้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดทำสรุปกรณีปัญหาและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของ สคจ. รวม ๓๕ เรื่อง แบ่งเป็น ๕ กรณี ได้แก่ (๑) กรณีราษฎรได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน ฝายและอ่างเก็บน้ำ (๒) กรณีปัญหาราคาสินค้าเกษตร (กรณีมะพร้าวราคาตกต่ำของเครือข่ายชาวสวนมะพร้าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) (๓) กรณีราษฎรได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาของรัฐด้านอุตสาหกรรมและคมนาคม (๔) กรณีปัญหาที่อยู่อาศัยและทำกินในที่ดินของรัฐ รวมทั้งการประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้างที่ดิน และ (๕) กรณีปัญหาแรงงาน และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม) เร่งรัดขับเคลื่อนการดำเนินการแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังประเด็นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรณีที่ราชพัสดุหนองน้ำขุ่น อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น กรณีสมัชชาคนจนขอให้ถอนการหวงห้ามที่ดินเพื่อออกโฉนดที่ดินในที่ราชพัสดุเขตประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินอำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ ใช้ในราชการกระทรวงมหาดไทย กรณีข้อเสนอเชิงนโยบายด้านการเกษตร ให้รัฐบาลหยุดการนำเข้าและห้ามใช้สารเคมีอันตรายในพื้นที่เกษตร และกรณีข้อเสนอเชิงนโยบายของ สคจ. ให้รัฐบาลยกเลิกหนี้สินที่ไม่เป็นธรรมให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิก สคจ. ซึ่งเกิดจากแนวทางการพัฒนาที่ดินผิดพลาดของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการบังคับใช้กฎหมาย (กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม) รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
.....