ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 573 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 11441 - 11460 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11441 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สำหรับโครงการพัฒนาเมืองภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระยะที่ 3 ในส่วนของเมืองเมียวดี (การปรับปรุงระบบน้ำประปา และการพัฒนาระบบบริหารจัดการขยะ) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการพัฒนาเมืองภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระยะที่ ๓ ในส่วนของเมืองเมียวดี (การปรับปรุงระบบน้ำประปา และการพัฒนาระบบบริหารจัดการขยะ) (โครงการพัฒนาเมืองเมียวดีฯ) ในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนทั้งจำนวน วงเงินรวม ๗๗๗,๗๗๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ รวมระยะเวลา ๓ ปี รวมวงเงินที่จะขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณทั้งสิ้นเท่ากับ ๓๘๘,๘๘๕,๐๐๐ บาท และมอบหมาย สพพ. ดำเนินการกู้เงินจำนวน ๓๘๘,๘๘๕,๐๐๐ บาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ในกรณีที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาผิดนัดชำระหนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. พิจารณาใช้เงินสะสมของหน่วยงานในการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนแหล่งเงินกู้เป็นลำดับแรก ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาประเด็นเศรษฐกิจควบคู่ไปกับประเด็นความมั่นคงอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาบริเวณพื้นที่ชายแดนที่สองประเทศมีประเด็นท้าทายร่วมกัน เช่น ปัญหาเขตแดน การลักลอบเข้าเมืองและค้ามนุษย์ การลักลอบและค้ายาเสพติด การสร้างสิ่งปลูกสร้างบริเวณเกาะแก่งต่าง ๆ กลางแม่น้ำเมย การรุกล้ำของประชาชน การสร้างเพิงขายของริมตลิ่งแม่น้ำเมย เป็นต้น เพื่อส่งเสริมชายแดนแห่งสันติภาพที่สงบสุข การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน และเห็นควรให้ความสำคัญพร้อมทั้งกำหนดแนวทางและวิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการให้กู้ยืมแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาภายใต้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. เร่งรัดบรรจุวงเงินกู้ดังกล่าวในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ และขอจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11442 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2561 เรื่อง มาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค 4.0 (มาตรการด้านการเงิน) | อก | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนเรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ เรื่อง มาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค ๔.๐ (มาตรการด้านการเงิน) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ออกไปก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11443 | เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2563 | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี ๒๕๖๓ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๓ ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑-๓ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวอยู่นอกกรอบเป้าหมาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นสำหรับการบริโภคและการลงทุน เห็นควรให้ กนง. เร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวและรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชนถึงแนวทางในการแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป นอกจากนี้ กนง. ควรให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายเพื่อให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายของนโยบายการเงินและปรับตัวเข้าสู่ค่ากลางของกรอบเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนควรติดตามและประเมินสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจและเสนอมาตรการที่เหมาะสม เพื่อให้การดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายการเงินและการคลังเป็นไปอย่างมีเอกภาพมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11444 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2564-2567) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๔-๒๕๖๗) เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้ การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ซึ่งประกอบด้วยมาตรการ ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) มาตรการด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณ เช่น ให้สำนักงบประมาณควบคุมรายจ่ายประจำ โดยเฉพาะรายจ่ายด้านบุคลากร เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายจ่ายลงทุนต่อวงเงินงบประมาณรายจ่าย เป็นต้น (๒) มาตรการด้านการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล เช่น ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ทั้งระบบ โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ ผลักดันการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ในต่างประเทศ เป็นต้น และ (๓) มาตรการด้านการรักษาวินัยในการบริหารหนี้สาธารณะให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดสรรงบประมาณชำระต้นเงินกู้เพื่อลดความเสี่ยงทางการคลังและภาระดอกเบี้ย ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดในการบริหารรายจ่ายประจำในอนาคตได้ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรให้ความสำคัญเพิ่มเติมกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ การขยายฐานการจัดเก็บภาษีอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี และการลดข้อจำกัดในการบริหารรายจ่ายในอนาคตที่มาจากการเพิ่มขึ้นของภาระดอกเบี้ยจ่าย โดยการพิจารณาจัดสรรงบประมาณชำระต้นเงินกู้เพิ่มขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11445 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายวันชัย เหล่าเสถียรกิจ) | สธ | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวันชัย เหล่าเสถียรกิจ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11446 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวภัคพดี อยู่คงดี) | วธ | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวภัคพดี อยู่คงดี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโบราณคดี (โบราณคดี และพิพิธภัณฑ์) (นักโบราณคดีทรงคุณวุฒิ) กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11447 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธิบดี วัฒนกุล และนายวรวรรธน์ ภิญโญ) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่ตำแหน่งว่างเนื่องจากผู้ครองตำแหน่งเดิมเกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายธิบดี วัฒนกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ๒. นายวรวรรธน์ ภิญโญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11448 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดคุณสมบัติของบุคคลซึ่งอาจสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดคุณสมบัติของบุคคลซึ่งอาจสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติของบุคคลซึ่งอาจสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ กำหนดให้การสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน จากเดิม “ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน ๖๐ ปีบริบูรณ์” เป็น “ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน ๖๕ ปีบริบูรณ์” ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาศึกษามาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเข้าสู่ระบบตามมาตรา ๔๐ มากยิ่งขึ้น อาทิ การเชื่อมโยงกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่สามารถนำวงเงินที่ได้รับมาใช้เป็นเงินสมทบ การทำความร่วมมือกับแพลตฟอร์มการทำงานนอกระบบ อาทิ Grab, Line Man ในการประชาสัมพันธ์และรับสมัครสมาชิก รวมทั้งควรศึกษาวิเคราะห์ภาระทางการคลังและผลกระทบทางการเงินต่อกองทุนประกันสังคม เพื่อให้การดำเนินการไม่กระทบต่อความยั่งยืนของกองทุนประกันสังคมในระยะยาว นอกจากนี้ ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติของบุคคลซึ่งอาจสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนและประโยชน์ที่ทุกภาคส่วนจะได้รับเป็นโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11449 | เอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะทำงานสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง ครั้งที่ 3 | พณ | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะทำงานสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Joint Working Group on Cross-Border Economic Cooperation under Mekong-Lancang Cooperation : JWG-CBEC) ครั้งที่ ๓ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะทำงานฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ที่ประชุมคณะทำงานฯ รับทราบข้อมูลเขตเศรษฐกิจพิเศษนำร่อง ซึ่งรวมถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ หน้าที่ ภารกิจ และมาตรการที่สำคัญของมณฑลยูนนาน รวมถึงข้อมูลสิทธิประโยชน์ท้องถิ่น สิทธิพิเศษทางภาษี นโยบายการถือครองที่ดิน และการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง ๒. ที่ประชุมคณะทำงานฯ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในร่างที่ ๖ ของแผนพัฒนาระยะ ๕ ปี สำหรับความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน รวมทั้งได้พิจารณาหลักการและกลไกที่จะทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และความร่วมมือในอนาคตระหว่างประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้างของคณะทำงาน JWG-CBEC ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ๓. ที่ประชุมคณะทำงานฯ เห็นพ้องที่จะปรับปรุงร่างที่ ๖ ของแผนพัฒนาระยะ ๕ ปีฯ และจะหาข้อสรุปให้ได้โดยเร่งด่วน เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ครั้งที่ ๕ และที่ประชุมผู้นำแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๓ ในช่วงต้นปี ๒๕๖๓ โดยผู้จัดทำแผนจะทำการรวบรวมข้อคิดเห็นทั้งหมดจากประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง เพื่อปรับปรุงร่างแผนพัฒนาระยะ ๕ ปีฯ และจะได้เวียนร่างแผนพัฒนาระยะ ๕ ปีฯ ที่ได้รับการปรับปรุงแล้วเพื่อขอรับความเห็นชอบจากประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง และขอให้ส่งความเห็นกลับมาภายในวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11450 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนกรกฎาคม - กันยายน 2562) | นร11 | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๒) ประกอบด้วย รายงานความคืบหน้า ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒ ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11451 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ครั้งที่ ๒ รวมทั้งออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวเพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11452 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของ SMEs (มาตรการพี่ช่วยน้อง)] | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของ SMEs (มาตรการพี่ช่วยน้อง)] ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) (มาตรการพี่ช่วยน้อง) ออกไปอีก ๒ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เพื่อเป็นการส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ SMEs อย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11453 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินชดเชยตามมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินชดเชยตามมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินชดเชยตามมาตรการส่งเสริมการชำระเงินด้วยบัตรเดบิตหรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น เพื่อซื้อสินค้าหรือรับบริการในราชอาณาจักรจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้มีการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการดังกล่าวให้กรมสรรพากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยเงินชดเชยดังกล่าวต้องมีจำนวนไม่เกินหนึ่งพันบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11454 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 | พน | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน และงบกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เห็นว่า งบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงพลังงานเร่งรัดเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘-วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11455 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี 2561 | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี ๒๕๖๑ ซึ่งคณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ และในคราวประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว โดยในปีบัญชี ๒๕๖๑ มีรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจทั้งสิ้น จำนวน ๕๔ แห่ง ประกอบด้วย ๒ ส่วน คือ (๑) ระบบการบริหารจัดการองค์กร จำนวน ๒๑ แห่ง รัฐวิสาหกิจมีคะแนนเฉลี่ยที่ ๓.๑๑๓๖ คะแนน ซึ่งเพิ่มขึ้น ๐.๐๔๑๖ คะแนน เมื่อเปรียบเทียบกับปี ๒๕๖๐ และ (๒) ระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๓๓ แห่ง รัฐวิสาหกิจมีคะแนนเฉลี่ยที่ ๓.๘๙๕๓ คะแนน ซึ่งเพิ่มขึ้น ๐.๐๓๕๔ คะแนน เมื่อเปรียบเทียบกับปี ๒๕๖๐ โดยคณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี ๒๕๖๑ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ เช่น การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การปรับองค์กรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และการบูรณาการดำเนินงานระหว่างรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะดังกล่าวอย่างเคร่งครัดต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การปรับปรุงกระบวนการให้สินเชื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและการติดตามดูแลคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกัน แก้ไขปัญหา และควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อฐานะและผลการดำเนินงาน และการนำเทคโนโลยีมาใช้ควบคู่กับการบริหารจัดการความเสี่ยง รวมทั้งใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อพัฒนาบริการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11456 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการคัดกรองคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรและไม่สามารถเดินทางกลับประเทศอันเป็นภูมิลำเนาได้ พ.ศ. .... | นร09 | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการคัดกรองคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรและไม่สามารถเดินทางกลับประเทศอันเป็นภูมิลำเนาได้ พ.ศ. .... ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกลไกการคัดกรองคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรและไม่สามารถเดินทางกลับประเทศอันเป็นภูมิลำเนาได้ เนื่องจากมีเหตุอันควรเชื่อว่าหากกลับไปจะได้รับอันตรายแก่ชีวิตและเสรีภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมไทยและสถานการณ์ระหว่างประเทศอันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำขั้นตอนการปฏิบัติงาน (Standard Operating Procedure : SoP) ภายใต้ร่างระเบียบฯ ระยะต่อไป ควรระบุให้ชัดเจนเกี่ยวกับผู้หลบหนีเข้าเมืองกลุ่มที่มีปัญหาความมั่นคงเฉพาะ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11457 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสุจินต์ เพชรเนียน) | นร04 | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุจินต์ เพชรเนียน ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านประสานกิจการภายในประเทศ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11458 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวกรุณา จุฑานนท์) | นร05 | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวกรุณา จุฑานนท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11459 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2563 จำนวน 2 ฉบับ | คค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี) ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถี เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษและอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ และ (๒) ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) และทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นให้ผู้ใช้รถบนทางพิเศษสายดังกล่าวไม่ต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษตามอัตราที่ประกาศตั้งแต่วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๒ เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ถึงวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๓ เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11460 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2562) | นร05 | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันอังคารที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๒ รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๑๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
.....