ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 578 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 11541 - 11560 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11541 | ผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 18 และการประชุมสุดยอดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP Summit) ครั้งที่ 3 | พณ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ ๑๘ เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) เป็นประธานการประชุม และการประชุมสุดยอดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP Summit) ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งการประชุม AEC Council ครั้งที่ ๑๘ มีประเด็นที่สำคัญ เช่น ประเด็นด้านเศรษฐกิจที่ไทยในฐานะประธานอาเซียนผลักดันให้อาเซียนร่วมดำเนินการให้สำเร็จในปีนี้ การดำเนินการตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕ และการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๔ เป็นต้น และการประชุม RCEP Summit ครั้งที่ ๓ ประเทศสมาชิก RCEP ๑๕ ประเทศ ได้ข้อสรุปการเจรจาจัดทำความตกลงและการเจรจาเปิดตลาดในส่วนที่สำคัญทุกประเด็นแล้ว และมอบให้คณะเจรจาไปเริ่มขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมาย เพื่อลงนามความตกลงได้ในปี ๒๕๖๓ โดยอินเดียยังมีประเด็นคงค้างสำคัญที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ซึ่งประเทศสมาชิกจะทำงานร่วมกันเพื่อหาข้อยุติในประเด็นคงค้างเหล่านี้ให้เป็นที่พอใจร่วมกัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11542 | รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา 51 และมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 | กค | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานตามมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สัดส่วนหนี้ที่เกิดขึ้นจริงในรอบหกเดือนที่ผ่านมา (เดือนมีนาคม-กันยายน ๒๕๖๒) ยังคงอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด ๒. รายงานตามมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วยข้อมูล (๑) รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒ (๒) รายงานสถานะหนี้เงินกู้คงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒ ของหน่วยงานของรัฐ และ (๓) รายงานความเสี่ยงทางการคลัง โดยเป็นการวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการคลังที่เกิดจากหนี้สาธารณะตาม (๑) และหนี้เงินกู้ของหน่วยงานของรัฐตาม (๒) ที่มีผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบต่อภาระทางการคลัง หรือเงินงบประมาณแผ่นดิน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11543 | รายงานผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสและระดับรัฐมนตรีภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค | ยธ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสและระดับรัฐมนตรีภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ๖ ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา จีน สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม ซึ่งที่ประชุมฯ ได้รับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่สำคัญ ๒ ฉบับ ได้แก่ ปฏิญญากรุงเทพ : การตอบสนองอย่างมีประสิทธิผลต่อปัญหายาเสพติดในลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และแผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคเพื่อการควบคุมยาเสพติด ฉบับที่ ๑๑ เพื่อเป็นกรอบในการดำเนินงานร่วมกันในอีก ๒ ปีข้างหน้า ซึ่งประกอบด้วยแผนงานหลัก ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) ยาเสพติดและสุขภาพ (๒) ความร่วมมือด้านการปราบปราม (๓) ความร่วมมือด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และ (๔) การพัฒนาทางเลือกอย่างยั่งยืน รวมทั้งผลการหารือพหุภาคีระดับรัฐมนตรี ๖ ประเทศ กัมพูชา จีน สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม ซึ่งเห็นชอบร่วมกันที่จะประกาศการเปิดปฏิบัติการ ภายใต้หัวข้อ “ปฏิบัติการ ๑๕๑๑” ในห้วงเดือนธันวาคม ๒๕๖๒ เพื่อแสดงความจริงจังในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยยกระดับการปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดภายในประเทศพร้อมกัน ห้วงแรกกำหนด ๓ เดือน ในกรอบระยะเวลา ๑ ปี เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้แก่ผู้ผลิตและนักค้ายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ โดยไทยจะประกาศเปิดปฏิบัติการในวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11544 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 14 | กต | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโปร ครั้งที่ ๑๔ ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๑๔ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองที่จะส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ที่สมาชิกให้ความสำคัญ ได้แก่ ด้านการเมือง ความมั่นคง การพัฒนาที่ยั่งยืน และความเชื่อมโยงอย่างยั่งยืนระหว่างเอเชียและยุโรป ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้ความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11545 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางวิมล สุวรรณเกษาวงษ์) | สธ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางวิมล สุวรรณเกษาวงษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (นักวิชาการอาหารและยาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11546 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายเกรียงศักดิ์ ประสงค์สุกาญจน์ และ นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ) | กค | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่ตำแหน่งว่างเนื่องจากผู้ครองตำแหน่งเดิมเกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายเกรียงศักดิ์ ประสงค์สุกาญจน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ๒. นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11547 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวอุษณีย์ ธโนศวรรย์ และคณะ รวม 3 ราย) | ศธ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวอุษณีย์ ธโนศวรรย์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ๒. นางวัฒนาพร ระงับทุกข์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๓. นายอัมพร พินะสา ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11548 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายเดชา จาตุธนานันท์ และคณะ รวม 4 ราย) | อก | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายเดชา จาตุธนานันท์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสมพล โนดไธสง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายบรรจง สุกรีฑา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายสุระ เพชรพิรุณ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11549 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ | อว | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ รวม ๖ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ประธานกรรมการ ๒. นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายดุสิต เครืองาม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายธวัช ชิตตระการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายผดุงศักดิ์ รัตนเดโช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นางศศิวิมล มีอำพล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11550 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (จำนวน 7 คน 1. นายพีรเดช ทองอำไพ ฯลฯ) | อว | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งมาครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒) ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายพีรเดช ทองอำไพ ประธานกรรมการ ๒. นายชูกิจ ลิมปิจำนงค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายธรรมศักดิ์ สัมพันธ์สันติกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายพินิติ รตะนานุกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายมนูญ สรรค์คุณากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายรัตติกร ยิ้มนิรัญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายเรืองศักดิ์ ทรงสถาพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11551 | การปรับปรุงเพิ่มเติมองค์ประกอบและแก้ไขอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ | ดศ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ จำนวน ๕ ตำแหน่ง และปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ จำนวน ๒ ข้อ (จากจำนวน ๘ ข้อ โดยเป็นการปรับเปลี่ยนชื่อกระทรวง จากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11552 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ | ดศ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ โดยให้มีผลตังแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายปริญญา หอมเอนก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ๒. พลเอก มโน นุชเกษม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๓. พันตำรวจเอก ญาณพล ยั่งยืน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมศาสตร์ ๔. นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๕. นายวิเชฐ ตันติวานิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๖. นายบดินทร์ ทรัพย์สมบูรณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสาธารณสุข ๗. รองศาสตราจารย์ ปณิธาน วัฒนายากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11553 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร | กษ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร จำนวน ๗ คน แทนกรรมการเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายอัครา พรหมเผ่า เป็นกรรมการ (ผู้แทนสถาบันเกษตรกร) ๒. นายศุภฤกษ์ เอี่ยมลออ เป็นกรรมการ (ผู้แทนสถาบันเกษตรกร) ๓. นายมงคล ลีลาธรรม เป็นกรรมการ ๔. นายสมิทธิ ดารากร ณ อยุธยา เป็นกรรมการ ๕. นายธนา ธรรมวิหาร เป็นกรรมการ ๖. พลตำรวจโท ภานุรัตน์ หลักบุญ เป็นกรรมการ ๗. พันตำรวจเอก อธิศวิส กมลรัตน์ เป็นกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11554 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล และหน่วยงานขององค์กรอิสระและองค์กรอัยการ | นร07 | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการพิจารณาการขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ หน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล และหน่วยงานขององค์กรอิสระและองค์กรอัยการ ตามแนวทางและเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ จำนวน ๙ หน่วยงาน วงเงิน ๔๕๒.๒๗๗๗ ล้านบาท และมอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเสนอขอเพิ่มงบประมาณของหน่วยงานดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11555 | รายงานผลการใช้ยางพาราและความคืบหน้า | กษ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการใช้ยางพาราและความคืบหน้าในการเพิ่มการใช้ยางพาราของแต่ละกระทรวง ซึ่งปีงบประมาณ ๒๕๖๒ มีเป้าหมายการใช้ยางทั้งหมด ๑๖๗,๒๖๑.๖๐๘ ตัน โดยมีผลการใช้น้ำยางสด ๑๒๙,๒๙๑.๑๑ ตัน คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๓๐ ของเป้าหมายทั้งหมด ตามโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานของรัฐ สำหรับปีงบประมาณ ๒๕๖๓ รัฐบาลมีเป้าหมายการใช้น้ำยางสด ๙๐,๓๕๖.๔๔๐ ตัน ตามที่คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ ๒. ให้ทุกส่วนราชการที่มีภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยางพารา เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร เร่งรัดจัดทำแผนงาน/โครงการภายใต้มาตรการเพิ่มการใช้ยางพาราภายในประเทศให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น แล้วเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติพิจารณาในภาพรวมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11556 | การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2563 | รง | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี ๒๕๖๓ ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ ๑๐) ลงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งคณะกรรมการค่าจ้างได้มีมติให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในอัตรา ๕-๖ บาท โดยพิจารณาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในแต่ละจังหวัด และให้นำประกาศดังกล่าวลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาหาแนวทางเพื่อเพิ่มผลิตภาพของแรงงานอย่างต่อเนื่อง และควรติดตามผลกระทบของการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่อาจจะส่งผ่านไปยังราคาสินค้า และการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งควรติดตามให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการค่าจ้างอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการจ้างงานเนื่องจากเป็นการปรับอัตราค่าจ้างในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวนค่อนข้างสูง และควรมีมาตรการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะแรงงาน เพื่อให้มีทักษะฝีมือเหมาะสมกับค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11557 | ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐเกาหลี ราชอาณาจักรไทย สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | พณ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐเกาหลี ราชอาณาจักรไทย สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริมาณโควตารายประเทศ ในการนำเข้าข้าวมายังสาธารณรัฐเกาหลี โดยประเทศไทยได้รับการจัดสรรปริมาณโควตารายประเทศ ๒๘,๔๙๔ ตันต่อปี และกำหนดให้ประเทศภาคีต้องถอนเอกสารเกี่ยวกับการคัดค้านการเปลี่ยนวิธีการนำเข้าข้าวของสาธารณรัฐเกาหลีภายใน ๑๔ วัน หลังจากความตกลงฯ มีผลใช้บังคับในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ อันเป็นการกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้ประเทศคู่ภาคีต้องปฏิบัติ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ แล้ว ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ถอนคำคัดค้านของไทยต่อการเปลี่ยนระบบการนำเข้าข้าวและผลิตภัณฑ์ของสาธารณรัฐเกาหลี เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ แล้ว ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างความตกลงฯ ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการค้าข้าวรับรู้และใช้ประโยชน์จากโควตาดังกล่าว เพื่อมิให้ประเทศไทยเสียสิทธิประโยชน์ในการส่งออกสินค้าข้าวไปยังสาธารณรัฐเกาหลี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11558 | ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐบัลแกเรียว่าด้วยการยกเว้น การตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษ | กต | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐบัลแกเรียว่าด้วยการยกเว้น การตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการหรือหนังสือเดินทางพิเศษของทั้งสองประเทศ โดยมีการกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้ประเทศภาคีแต่ละฝ่ายต้องปฏิบัติ และมีการใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยจะมีการลงนามร่างความตกลงฯ ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๑๔ (14th ASEM Foreign Ministers’ Meeting-ASEM FMM14) ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างความตกลงฯ ๑.๓ อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายบัลแกเรีย เพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11559 | ร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งประเทศญี่ปุ่นในสาขากฎหมายและการบริหารงานยุติธรรม | ยธ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งประเทศญี่ปุ่นในสาขากฎหมายและการบริหารงานยุติธรรม (Memorandum of Cooperation between the Ministry of Justice of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Justice of Japan in the Field of Legal and Justice Administration) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินความร่วมมือระหวางกันในด้านกฎหมายและการบริหารงานยุติธรรม ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามฝ่ายไทย ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามร่างบันทึกข้อตกลงฯ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11560 | การจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพ (host country agreement) กับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ | ยธ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพ (host country agreement) กับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) ของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) และหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินการจัดการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญว่าด้วยการใช้กีฬาเป็นยุทธศาสตร์ในการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาของเด็กและเยาวชน เพื่อศึกษาแนวทางการบูรณาการการกีฬาเข้ากับยุทธศาสตร์การป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีข้อกำหนดให้รัฐบาลไทยต้องปฏิบัติ เช่น การให้มีตำรวจรักษาความปลอดภัย การให้เอกสิทธิและความคุ้มกันแก่ผู้เข้าร่วมการประชุมและบุคคลผู้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการประชุม การอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับการประชุม และการกำหนดให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามความตกลงฯ ที่ไม่สามารถระงับได้ด้วยวิธีการที่กำหนดไว้ เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ พร้อมทั้งอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้ลงนาม ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
.....