ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 484 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 9661 - 9680 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9661 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2563 | นร.11 | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
(กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ เช่น
รับทราบความคืบหน้าการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย และพิจารณาเรื่องต่าง ๆ
เช่น แผนการพัฒนาท่าเรือทางบก (Dry Port) และการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ภายใต้ความปกติใหม่
(New Normal) จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) เป็นต้น และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติ กบส.
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ และรายงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อนำเสนอ
กบส. ตามขั้นตอนต่อไป ตามที่ กบส. เสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ ๒.๑
หน่วยงานที่มีการพัฒนาหรือกำลังจะพัฒนาระบบหรือแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ
การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การนำเข้า-ส่งออกสินค้า
และการชำระเงินค่าสินค้าระหว่างประเทศ ต้องเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลของประเทศไทย
(National Digital Trade Platform : NDTP) เพื่อสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) สำหรับอำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศได้แบบเบ็ดเสร็จ
ครบวงจร ๒.๒
หน่วยงานภาครัฐต้องปรับปรุงขั้นตอนและกระบวนการทำงาน (reprocess) การให้บริการการจัดเก็บข้อมูล รวมทั้งการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย
กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค ให้รองรับและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการทำงานภายใต้ความปกติใหม่
(New Normal) สามารถให้บริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างสมบูรณ์
ไร้รอยต่อ และให้บริการได้ตลอดเวลา โดยไม่มีวันหยุด ๒.๓
กรมศุลกากรควรเร่งรัดการพัฒนาและเชื่อมโยงระบบ National Single
Window (NSW) เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
และเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์ม NDTP เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ประกอบการแบบเบ็ดเสร็จ
ครบวงจร ณ จุดเดียว ทั้งการเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ (G2G) ภาครัฐกับภาคเอกชน
(G2B) และระหว่างภาคเอกชน (B2B) ๒.๔
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาให้สิ่งจูงใจแก่ผู้ประกอบการ เช่น
การให้สิทธิพิเศษด้านภาษี การให้บริการแบบด่วนพิเศษ (Fast
Track หรือ Priority Lane) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและกระตุ้นการใช้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-Service) |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9662 | (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) | นร.11 | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง)
แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ซึ่งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่
๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ และให้รายงานต่อรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป โดยสาระสำคัญของ (ร่าง)
แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) มีสาระสำคัญ เช่น (๑)
เพิ่มด้านการปฏิรูปประเทศเป็น ๑๓ ด้าน (๒)
มีการปรับปรุงให้เหลือเฉพาะกิจกรรมปฏิรูปที่จะส่งผลต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big
Rock) สำหรับแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมได้
จำนวน ๖๒ กิจกรรม
ซี่งมีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
(๓) เสนอให้มีหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย จำนวน ๔๕ ฉบับ และ (๔)
ตัดข้อเสนอในการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศออกทั้งหมด เป็นต้น
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจกับหน่วยงานของรัฐ
เพื่อจัดทำแผนงาน โครงการ ให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง)
ในโอกาสแรก และจัดลำดับความสำคัญของประเด็นการปฏิรูปในแต่ละด้าน โดยให้ความสำคัญกับประเด็นการปฏิรูปที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในวงกว้าง
และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐเป็นลำดับแรกก่อน
รวมทั้งภารกิจหรือกิจกรรมใดที่จะขอรับการจัดสรรงบประมาณจะต้องมีลักษณะที่มุ่งเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของงบประมาณ
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และเกิดผลสัมฤทธิ์ในภาพรวมของการบริหารจัดการภาครัฐ
ตลอดจนมีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน
และผลสัมฤทธิ์ของการใช้จ่ายงบประมาณที่มีความต่อเนื่องและเหมาะสมกับสถานการณ์
ตามกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. เห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปประเทศ
(ฉบับปรับปรุง) และให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ หน่วยงานผู้รับผิดชอบหลัก
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปประเทศให้บรรลุผลตามเป้าประสงค์ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดต่อไป
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
๓.
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องจัดทำหรือปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ
ตามแผนการปฏิรูปประเทศเร่งรัดดำเนินการเสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9663 | การขอความเห็นชอบต่อร่างกรอบความร่วมมือของอาเซียนเพื่อส่งเสริมการรับรู้ เข้าถึง และใช้ประโยชน์ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อโทรทัศน์ดิจิทัล | นร.02 | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือของอาเซียนเพื่อส่งเสริมการรับรู้
เข้าถึง และใช้ประโยชน์ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อโทรทัศน์ดิจิทัล (Framework
for Promoting Accessibility for All in ASEAN Digital Broadcasting) และอนุมัติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ในฐานะรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนของไทยรับรองร่างกรอบความร่วมมือฯ แบบเวียน (Ad-referendum)
โดยกรมประชาสัมพันธ์จะประสานสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อแจ้งยืนยันการรับรองของไทย
โดยร่างกรอบความมือฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนในการส่งเสริมบริการโทรทัศน์เพื่อการเข้าถึงของประเทศสมาชิกอาเซียน
ซึ่งประชาคมอาเซียนให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตในการสร้างประชาคมที่เข้มแข็งและครอบคลุม
โดยมุ่งส่งเสริมการให้บริการโทรทัศน์เพื่อการเข้าถึง ได้แก่ คำบรรยายแทนเสียง (Closed
Caption) เสียงบรรยายภาพ (Audio Description) และภาษามือ
(Sing Language Interpretation) ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี
(กรมประชาสัมพันธ์) เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบความร่วมมือฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์)
ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9664 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 2 | กษ. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบการแก้ไขเอกสารในหน้า ๒ ของเอกสารแนบ ๖ ของหนังสือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ด่วนที่สุด ที่ กษ ๒๙๐๘.๐๒/๓๖๘๔ ลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๓ จากเดิม “ข้อ ๔.๔ (๒)
ราคากลางอ้างอิงการขาย หมายถึง ราคาที่คณะทำงานกำหนดราคากลางอ้างอิงประกาศทุก ๒
เดือน (บาทต่อกิโลกรัม) โดยพิจารณาจากราคาตลาดกลางยางพารา, SICOM,
TOCOM, เซี่ยงไฮ้ และปัจจัยอื่น ๆ” เป็น “ข้อ ๔.๔ (๒) ราคากลางอ้างอิงการขาย
หมายถึง ราคาที่คณะทำงานกำหนดราคากลางอ้างอิงประกาศทุก ๑ เดือน (บาทต่อกิโลกรัม)
โดยพิจารณาจากราคาตลาดกลางยางพารา, SICOM, TOCOM, เซี่ยงไฮ้
และปัจจัยอื่น ๆ” ๒.
สำหรับกรณีการช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายที่แจ้งพื้นที่ปลูกยาง
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (การยางแห่งประเทศไทย) กำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอนวิธีการและเงื่อนไขการดำเนินงานและการจ่ายเงินให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
และหากมีปัญหาข้อกฎหมาย ควรหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรบูรณาการเรื่องการครอบครองที่ดินเพื่อทำการเกษตรและการช่วยเหลือเกษตรกรให้เป็นไปอย่างทั่วถึง
รวมทั้งควรพิจารณาแนวทางและมาตรการดำเนินการที่เหมาะสม สอดคล้องกับบริบทการพัฒนาในทุกมิติในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่า
เพื่อเร่งยุติปัญหาที่สะสมมาอย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9665 | ขอความเห็นชอบการปรับโครงสร้างเงินเดือนขั้นสูงของตำแหน่งรองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
ปรับโครงสร้างเงินเดือนขั้นสูงของตำแหน่งรองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จากอัตรา
๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็นอัตรา ๒๓๕,๙๐๐ บาท (เพิ่มขึ้น ๓๕,๙๐๐ บาท)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
คณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ
และคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น กฟภ.
ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายบุคลากรให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ
โดยคำนึงถึงสถานะทางการเงิน ผลการดำเนินงานของกิจการ มีการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้
รวมทั้งแผนบริหารความเสี่ยง
เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณและเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน
รวมถึงฐานะทางการเงินในอนาคต เป็นต้น ไปพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9666 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกรรมทางการเงินเพื่อการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกับหน่วยข่าวกรองทางการเงินแห่งราชอาณาจักรภูฏาน | ปปง. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจัดทำบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกรรมทางการเงินเพื่อการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกับหน่วยข่าวกรองทางการเงินแห่งราชอาณาจักรภูฏาน
และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือผู้แทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
ฝ่ายไทย โดยบันทึกความเข้าใจฯ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวม ขยายผล พัฒนา
และวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงินที่ต้องสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางอาญาที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
๒.
ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า
ในการแลกเปลี่ยน การใช้ หรือการเผยแพร่ข้อมูลใด ๆ ตามบันทึกความเข้าใจฯ
โดยเฉพาะที่มีการดำเนินการผ่านช่องทางไปรษณีย์หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
เห็นควรให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบภายในของประเทศ
โดยตระหนักถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัวด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9667 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ. .... | มท. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕
ที่ให้โอนบรรดากิจการและอำนาจหน้าที่ของสำนักนายกรัฐมนตรีในส่วนของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ
(สำนักงาน กปอ.) ไปเป็นของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
(๑) คำนิยาม “อุบัติภัย”
เห็นควรพิจารณาให้มีความชัดเจนว่าครอบคลุมถึงอุบัติเหตุจากการจราจรทางรางหรือไม่
หรืออุบัติเหตุขบวนรถไฟชนยานพาหนะด้วยหรือไม่ (๒) ควรตัดถ้อยคำปรารภคำว่า
“สำนักนายกรัฐมนตรี” และ “พ.ศ. ๒๕๓๘” ออก และเห็นควรแก้ไขคำว่า “อำนาจหน้าที่”
ในร่างข้อ ๙ ของร่างระเบียบฯ (๓) ร่างข้อ ๕ ต้องพิจารณาการกำหนดองค์ประกอบของ
สำนักงาน กปอ. ไว้เท่าที่จำเป็น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างคล่องตัว
และไม่เป็นการสร้างภาระงานที่ไม่จำเป็น
โดยในชั้นนี้ขอเสนอให้ตัดเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาออก เพราะสามารถเชิญให้ไปชี้แจงเป็นครั้งคราวได้อยู่แล้ว
ร่างข้อ ๘ เมื่อได้พิจารณากำหนดองค์ประกอบของ สำนักงาน กปอ.
ให้มีเพียงเท่าที่จำเป็นแล้ว ควรกำหนดองค์ประชุมเป็นไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด
และหน้าที่ตามร่างข้อ ๙ (๕) (๖) และ (๗) เป็นภารกิจปกติของ ปภ. อยู่แล้ว
สมควรตัดออก และ (๔) นิยามคำว่า “สาธารณภัย”
ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ ครอบคลุมถึงนิยามคำว่า
“อุบัติภัย” ของร่างระเบียบฯ แล้ว
เห็นควรพิจารณากำหนดกลไกที่ใช้ในการขับเคลื่อนผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
จึงเห็นควรพิจารณากำหนดให้ สำนักงาน กปอ.
มีหน้าที่ในการจัดทำแผนหลักด้านการป้องกันอุบัติภัยของประเทศ
โดยอาจจะกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้จัดทำแผนระดับ ๓
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ แล้วจัดให้ สำนักงาน กปอ.
ใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผน
รวมทั้งเห็นควรให้มีการพิจารณากำหนดกลไกการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่เพิ่มเติม
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามร่างระเบียบฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เห็นควรให้
ปภ. ใช้จ่ายตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ส่วนภาระค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อไป
ขอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9668 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 30/2563 | นร.11 | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๓
ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และพิจารณาความเหมาะสมของการปรับปรุงรายละเอียดของแผนงานหรือโครงการ รวมถึงรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
ราย ๓ เดือน รอบที่ ๒ (ระหว่างวันที่ ๑ สิงหาคม ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๓) ๒. ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น หน่วยงานเจ้าของโครงการควรเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรับรู้
ความเข้าใจ ให้ถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามประเมินผล
และรายงานผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า
โปร่งใส และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการหรือหารือในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9669 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่อำเภอเด่นชัย อำเภอสูงเม่น อำเภอเมืองแพร่ อำเภอหนองม่วงไข่ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ อำเภองาว จังหวัดลำปาง อำเภอเมืองพะเยา อำเภอดอกคำใต้ อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา และอำเภอป่าแดด อำเภอเทิง อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอดอยหลวง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ พ.ศ. .... | คค. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่อำเภอเด่นชัย อำเภอสูงเม่น อำเภอเมืองแพร่
อำเภอหนองม่วงไข่ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ อำเภองาว จังหวัดลำปาง อำเภอเมืองพะเยา
อำเภอดอกคำใต้ อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา และอำเภอป่าแดด อำเภอเทิง
อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอดอยหลวง อำเภอเชียงของ
จังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
เพื่อสร้างทางรถไฟ และทางและสะพานข้ามทางรถไฟ
ตามโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่อำเภอเด่นชัย
อำเภอสูงเม่น อำเภอเมืองแพร่ อำเภอหนองม่วงไข่ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ อำเภองาว จังหวัดลำปาง
อำเภอเมืองพะเยา อำเภอดอกคำใต้ อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา และอำเภอป่าแดด
อำเภอเทิง อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอดอยหลวง
อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9670 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 จำนวน 5 ฉบับ | อว. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทางนิวเคลียร์และรังสี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทางนิวเคลียร์และรังสี ๒.
ร่างกฎกระทรวงการแจ้งการครอบครองหรือใช้วัสดุกัมมันตรังสี พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข
และระยะเวลาในการแจ้งการครอบครองหรือใช้วัสดุกัมมันตรังสี ๓.
ร่างกฎกระทรวงการแบ่งระดับ การกำหนดคุณสมบัติ
และการอนุญาตเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการแบ่งระดับและการกำหนดคุณวุฒิของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์
และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต
การขอต่ออายุใบอนุญาต และการต่ออายุใบอนุญาตเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ๔.
ร่างกฎกระทรวงการจัดการเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอน
และวิธีการจัดการเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว ๕.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดการดำเนินกิจการทางนิวเคลียร์ที่ต้องแจ้งต่อเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการดำเนินกิจการทางนิวเคลียร์ที่ต้องแจ้งต่อเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9671 | การจัดทำกฎหมายกลางที่เปลี่ยนกระบวนการทำงานของภาครัฐตามกฎหมายต่าง ๆ ให้เป็นระบบดิจิทัล | นร. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นสมควรที่จะต้องจัดให้มีกฎหมายกลางที่เปลี่ยนการทำงานของภาครัฐตามกฎหมายต่าง
ๆ ให้เป็นระบบดิจิทัลเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๒๕๘ ข. (๑)
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยกฎหมายดังกล่าวอย่างน้อยต้องมีหลักการสำคัญ ๒
ประการ ประการที่หนึ่ง ให้การอนุมัติอนุญาต การจดทะเบียน การแจ้งตามกฎหมายต่าง ๆ
ที่มีอยู่นั้น สามารถดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วย
โดยถือว่าเป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายนั้นแล้ว ประการที่สอง
ให้การรับส่งข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐทั้งภายในและภายนอกต้องสามารถกระทำได้โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความมั่นคงปลอดภัย
ซึ่งปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
ในการดำเนินการประการที่สองแล้ว ทั้งนี้ ตามคำแนะนำของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย
และจะได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันพัฒนาระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันให้มีการใช้ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวในทุกหน่วยงานของรัฐให้ได้ในปี
พ.ศ. ๒๕๖๔ จึงได้ลงมติ ๑. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปจัดทำกฎหมายกลางตามคำสั่งของคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
และให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายด้วย
ทั้งนี้ โดยให้ถือว่าเป็นกฎหมายเพื่อการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. รับทราบการจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันพัฒนาระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9672 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งและอำนาจการดำเนินกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
(ขสมก.) ให้สามารถประกอบธุรกิจอื่น ๆ ออกพันธบัตรเงินกู้ หรือตราสารอื่นใด
เพื่อการลงทุนหรือเพื่อประโยชน์แก่กิจการ ขสมก. ได้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ไม่สมควรขยายขอบวัตถุประสงค์ของ
ขสมก. ให้ประกอบธุรกิจอื่นที่ “เป็นประโยชน์สาธารณะ”
และการให้อำนาจในการออกพันธบัตรเงินกู้หรือตราสารอื่นใดต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ
และกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะด้วย และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดเพิ่มเติมขอบเขตวัตถุประสงค์ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ
ที่ให้ ขสมก. สามารถประกอบธุรกิจอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อ ขสมก.
หรือประโยชน์สาธารณะนั้น ควรกำหนดขอบเขตและนิยามคำว่าประโยชน์สาธารณะด้วย
และควรปรับปรุงมาตรา ๗ ให้ ขสมก. ออกพันธบัตรเงินกู้หรือตราสารอื่นใด โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อการลงทุนเท่านั้น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงาน
ก.พ.ร. ที่เห็นควรให้ ขสมก. เร่งรัดการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการฯ ให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายโดยเร็ว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9673 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร | นร.04 | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก
(ตั้งแต่วันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๓) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘
ธันวาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายอนุชา นาคาศัย) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9674 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ | มท. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ ..) จำนวน
๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกเงื่อนไขการอนุญาตให้บุคคลต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางมาพำนักระยะยาวในราชอาณาจักรที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ
และยกเลิกเงื่อนไขการอนุญาตให้บุคคลต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวโดยเรือสำราญและกีฬา
(เรือยอร์ช) ในราชอาณาจักร
ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำหรือความเสี่ยงปานกลาง
อันจะมีผลเป็นการผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในช่วงที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้แก้ไขถ้อยคำบางประการในร่างประกาศฯ
[กรณีเพื่อเข้ามาท่องเที่ยวโดยเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช)]
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบและหลักเกณฑ์ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
และเห็นควรให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังและเพิ่มขีดความสามารถด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด
และเร่งพัฒนาระบบติดตามนักท่องเที่ยวให้สามารถใช้ได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักทองเที่ยวว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
รวมทั้งควรมีการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้แก่ประชาชนทั่วไปและในพื้นที่
เพื่อให้เกิดการยอมรับ
และลดแรงต้านในการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9675 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ | มท. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จำนวน ๔ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘
ธันวาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ดังนี้ ๑.
ผู้แทนจากสถาบันหรือองค์การ จำนวน ๒ คน ๑.๑ นายวิจารย์ สิมาฉายา ผู้แทนสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ๑.๒ รองศาสตราจารย์พนิต ภู่จินดา ผู้แทนสมาคมนักผังเมืองไทย ๒. กลุ่มบุคคลผู้มีคุณวุฒิในสาขาต่าง
ๆ จำนวน ๒ คน ๒.๑ นายสุพล ศรีพันธุ์ ผู้มีคุณวุฒิทางด้านการพัฒนาเมืองและการจัดรูปที่ดิน ๒.๒ นายวีระพงษ์ บุญญานุสนธิ์ ผู้มีคุณวุฒิทางด้านกฎหมายและการจัดรูปที่ดิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9676 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2563 | กค. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา
๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วย ๒ ส่วน คือ (๑)
รายงานการกู้เงินและการค้ำประกันที่กระทำในปีงบประมาณที่ล่วงมาแล้ว
และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ และ (๒)
รายงานผลการประเมินความสำเร็จของโครงการหรือแผนงานที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๑๕
โครงการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9677 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ลดอัตราค่าธรรมเนียม และยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด พ.ศ. .... | พณ. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ลดอัตราค่าธรรมเนียม และยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน
การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขการลดอัตราค่าธรรมเนียมแก่ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดที่ยื่นขอจดทะเบียนผ่านระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
(e-Registration) ลงร้อยละ ๓๐
ซึ่งจะสิ้นผลในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยขยายระยะเวลาการลดอัตราค่าธรรมเนียมออกไปอีก
๓ ปี (๑ มกราคม ๒๕๖๔ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖)
และเพิ่มส่วนลดลดอัตราค่าธรรมเนียมจากเดิมที่ลดให้ร้อยละ ๓๐ เป็นลดให้ร้อยละ ๕๐
รวมทั้งทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ อนุญาต ของทางราชการ
ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
และแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนรายงานและติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ
และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการลดขั้นตอนและอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียน
เพื่อยกอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศให้อยู่ในลำดับที่ดีขึ้น
และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเชื่อมโยงและบูรณาการฐานข้อมูลผู้ประกอบการร่วมกันเพื่อประโยชน์ในการกำหนดนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
๓.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9678 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายเจริญ ชื้อตระกูล ) | นร.01 | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายเจริญ ชื้อตระกูล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๒. นางรุ่งรัตนา บุญ - หลง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๓. นางสาวหิรัญญา บุญจำรูญ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๔. นายพิฆเนศ ต๊ะปวง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9679 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา | พณ. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายมนู สิทธิประศาสน์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ผู้อำนวยการ สคพ.)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป
แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ ธันวาคม ๒๕๖๓) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9680 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 10 แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
พ.ศ. ๒๕๖๓ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยรายงานฯ
กล่าวถึงรายละเอียดการกู้เงินภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
ซึ่งประกอบด้วย รายละเอียดของการกู้เงิน และวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกู้
และผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ได้รับหรือคาดว่าจะได้รับ ซึ่งประกอบด้วย
รายละเอียดโครงการและผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ได้รับของโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๔ โครงการ
(เป็นโครงการตามแผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพี่อช่วยเหลือ เยียวยา
และชดเชย ให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ
ซี่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|